คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 333 ลั่วหานกลับไปทำสงครามที่บ้าน
ตอนที่ 333 ลั่วหานกลับไปทำสงครามที่บ้าน
รถไมบัคคันสีขาวจอดลงที่ลานกว้างของวิลล่าตระกูลหลง ลั่วหานมองผ่านกระจกรถยนต์ไปยังลานกว้างที่อาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า แล้วเธอก็ยิ้มออกมาที่มุมปาก
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ บ้านแม่สามี
รถจอดสนิทแล้ว ประตูบานใหญ่ของวิลล่าถูกเปิดออก พ่อบ้านเดินตรงออกมาต้อนรับเธออย่างมีมารยาท “ยินดีต้อนรับคุณผู้หญิงกลับบ้านครับ”
เขารีบเดินมาเปิดประตูรถให้ลั่วหาน เขาเดินมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของชายสูงวัย การรู้จักปรับตัวไปตามสถานการณ์ของเขาถือว่าทำได้ดีมากเมื่อต้องมาอยู่ในตระกูลหลง
มุมปากของลั่วหานค่อยๆ เลิกขึ้น ใบหน้าที่งดงามเหมือนดอกท้อเบ่งบานอยู่กลางค่ำคืน แล้วพูดไปอย่างสุภาพว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
พ่อบ้านก้มโดยที่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับลั่วหาน เขาโค้งคำนับแล้วตอบว่า “เชิญข้างในครับคุณผู้หญิง”
ลั่วหานยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่รู้ว่าสิ่งที่รอตัวเองอยู่ข้างในนั้นคืออะไร แต่ดูจากการแสดงออกของพ่อบ้านแล้วเธอก็รู้สึกเลยว่าคืนนี้พวกเขาคงเตรียมงานต้อนรับที่แสนจะชวนปวดหัวไว้ให้เธอแล้วแน่ๆ
ขาวที่เรียวยาวของลั่วหานเริ่มก้าวตามเขาไป รองเท้าส้นสูงที่ส้นเล็กมากเท้าทั้งสองข้างกำลังก้าวเดินอยู่ภายใต้กระโปรง เธอเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย
“พี่สะใภ้ครับ!!”
ระหว่างที่เดินอยู่ ก็มีเสียงของใครบางคนดึงความสนใจของลั่วหานเอาไว้ เห็นได้ชัดว่านั่นคือเสียงของหลงจื๋อ ลั่วหานหยุดเดินในทันที แล้วเธอก็หันกลับไปมองรถคันสีดำที่จอดต่อท้ายรถของเธอกับหลงจื๋อที่กำลังยืนควงกุญแจอยู่
ดูแล้วเขาน่าจะเพิ่งกลับมาจากบริษัท ดูแล้วมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ รอยยิ้มยังดูสดใสเยาว์วัยเหมือนเคย ดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งกลับมาหลังจากที่ได้ทำงานที่น่าเบื่อมาทั้งวัน
หลงจื๋อคิดไม่ถึงว่าลั่วหานจะกลับมาที่บ้าน เขาจึงรู้สึกดีใจมากที่ได้รู้ “พี่สะใภ้ครับ นี่พี่จริงๆ ใช่ไหมครับ พี่มาได้ยังไงเนี่ย? เออ……ผมหมายความว่า ผมดีใจมากๆ ที่พี่มาครับ! ฮาๆ ฮา!”
“ทำโอทีเหรอ?” ลั่วหานถามไปอย่างเป็นกันเอง ถึงคำถามจะเรียบง่าย แต่สำหรับคนที่เป็นพี่สะใภ้แล้วความอ่อนโยนที่อยู่ในน้ำเสียงนั้นมันก็มากพอที่จะทำให้รู้สึกได้ว่าเธอเอาใจใส่หลงจื๋อขนาดไหน
หลงจื๋อยักไหล่อย่างอารมณ์ดี “ใช่ครับ ให้ทำยังไงได้! ก็พี่ใหญ่ไปอเมริกา งานมากมายในบริษัทเลยตกมาเป็นภาระของผมแทน และผมก็ทำได้ดีมากด้วย พี่ต้องกล่าวชมผมหน่อยแล้วครับ!”
ท่าทางขี้อ้อนที่น่าเอ็นดูของเขา ทำให้เขาดูเป็นน้องสามีที่ช่างไร้เดียงสาจริงๆ
ลั่วหานดึงกระเป๋าที่ตกลงไปอยู่ที่ข้อศอก แล้วมองไปยังหลงจื๋อด้วยดวงตาที่สวยงาม “ชมเหรอ? พี่ชมใครไม่ค่อยเป็นด้วยสิ แต่ว่านะเธอทำงานหนักเอาขนาดนี้ ถ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนก็บอกพี่ได้นะ พี่สามารถช่วยฉีดยากับจ่ายยาให้เธอได้นะ พี่ฉีดยาไม่เจ็บ ยาที่พี่ให้ก็ไม่ขมด้วย ลองดูหน่อยไหม?”
หลงจื๋อตกใจจนตัวสั่น จึงหยุดทำท่าแอ๊บแบ๊วทันที แล้วรีบหยิบกระเป๋าที่พาดอยู่บนไหล่ของลั่วหานมาไว้ในมือทันที “พี่สะใภ้เหนื่อยมากกว่าผมอีก มาๆ มาพี่สะใภ้ เชิญด้านในเลยครับ!”
ลั่วหานทนไม่ไหวจนต้องขำออกมา “ทำไมดูกระตือรือร้นจังมีอะไรแอบแฝงรึเปล่าเนี่ย?”
แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปข้างใน ลั่วหานก้าวไปด้วยรองเท้าส้นสูงสีดำ แสงไฟเป็นดวงๆ ในวิลล่าของตระกูลหลงสาดส่องเข้ามาที่ใบหน้าของเธอ ดูแล้วช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน
หลงจื๋อยิ้มออกมาอย่างใสซื่อ “พี่สะใภ้ครับ สิ่งที่ผมแสดงออกต่อการมาเยือนของพี่นั้นผมทำไปด้วยความจริงใจนะครับ พี่อย่าสื่อไปทางอื่นนะ!”
ลั่วหานพยักหน้า “งั้นแสดงว่าอีกเดี๋ยวถ้าเธอมีเรื่องอะไรขอร้องให้พี่ช่วยละก็พี่ก็สามารถปฏิเสธมันได้เลยใช่ไหม?”
“ไม่นะพี่สะใภ้ครับ! อ้าๆ อ้า พี่สะใภ้ครับ พี่นี่ช่างเป็นคนฉลาดอะไรอย่างนี้ นี่พี่จะเผลอตกหลุมพรางบ้างไม่ได้หรือไงครับ?” หลงจื๋อรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์แล้ว แผนเล็กที่วางไว้ของเขากลับถูกพี่สะใภ้มองออกอย่างง่ายดาย
ลั่วหานยิ้มออกมา แค่มองดูคิ้วคู่นั้นยังดูออกเลยว่าเป็นคนฉลาด “ได้ๆ ถือซะว่าพี่ไม่เคยพูดไม่เคยได้ยินโอเคไหม?”
หลงจื๋อรู้สึกงุนงง มันหมายความว่ายังไงกันแน่?
ทั้งสองคนคุยเล่นกันจนมาถึงหน้าประตูหลังของวิลล่า แล้วรอยยิ้มของทั้งคู่ก็หายไปโดยพร้อมเพรียงกัน ลั่วหานทำหน้าเรียบเฉย ส่วนหลงจื๋อก็กระแอมเพื่อเคลียร์ลำคอ
คนรับใช้เปิดประตูออกแล้วโค้งคำนับ “คุณนายคะ คุณชายรองคะ”
หลงจื๋อยิ้มออกมา “พี่สะใภ้เปลี่ยนรองเท้าครับ”
พูดจบเขาก็รับรองเท้าแตะมาจากคนรับใช้แล้ววางลงข้างๆ ของลั่วหาน แถมยังเตรียมที่จะถอดรองเท้าให้เธอด้วยซ้ำ
ลั่วหานนึกไม่ถึงเลยว่าหลงจื๋อจะแสดงละครต่อหน้าคนตระกูลหลงถึงขนาดนี้ แล้วเธอก็แอบขำออกมา เอามือปิดปากแล้วแอบมองเข้าไปดูการตอบสนองของคนที่นั่งรออยู่ในห้องโถงว่าจะเป็นยังไงบ้าง
แล้วก็เป็นไปอย่างที่เธอคิด การตอบสนองของพวกเขาช่างน่าดูเหลือเกิน
“เสี่ยวจื๋อ! มานี่”
เสียงคำรามของหลงถิงทำให้ความเงียบสงบของห้องโถงถูกทำลายลง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
หลงจื๋อที่นั่งอยู่บนพื้นเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมามองแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อครับ พี่สะใภ้เขาเหนื่อยจากการทำงานที่โรงพยาบาลมาทั้งวันแล้ว อีกอย่างนานๆ ทีกว่าพี่เขาจะมา คนเป็นน้องชายอย่างผมก็ต้องดูแลเธอให้ดีหน่อยสิครับ”
หยวนชูเฟินไม่ได้พูดอะไร แต่โจวหยู่เช่นนั้นกลับนั่งไม่ติดแล้ว เธอได้พูดกระแนะกระแหนออกมาว่า “เสี่ยวจื๋อนี่ช่างเอาใจใส่พี่น้องดีจริงๆ เลยนะ ถ้าคนที่ไม่รู้เรื่องมาเห็นเข้าอาจจะคิดว่าพวกเธอสองคนเป็นแฟนกันแล้วมั่ง ฮึๆ ฮึ มันช่างน่าอิจฉาจริงเลย!”
หลงจื๋อขำออกมา “พี่สะใภ้ครับ โบราณว่าไว้ พี่สะใภ้ก็เหมือนแม่ ผมทำดีกับพี่สะใภ้แล้วมันผิดตรงไหนครับ?!”
แม่งเอ๊ยต้องมาเห็นหน้าใบนี้ทุกวันหลงจื๋อนั้นรู้สึกรำคาญเหลือเกิน
แน่นอนว่าลั่วหานไม่ได้ตั้งใจให้หลงจื๋อถอดรองเท้าให้อยู่แล้ว เธอเปลี่ยนรองเท้าด้วยตนเอง จากนั้นก็ค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องโถง ใบหน้าของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
แล้วจู่ๆ โจวหยู่เช่นก็ขำออกมา “เสี่ยวจื๋อ ที่เอาเธอไปเปรียบกับแม่ก็เท่ากับว่าเธอหาว่าเธอแก่อย่างนั้นเหรอ? ฮาฮา”
หลงจื๋อกัดฟันแน่น แต่เขากลับได้ยินเสียงของลั่วหานกำลังขำอยู่
ร่างกายที่ผอมเพรียวของลั่วหานหยุดนิ่งลง แล้วเธอก็พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ที่พี่สะใภ้พูดมามันก็ถูกค่ะ ฉันถูกหลงจื๋อเปรียบซะแก่เลย เออจริงสิคะ ฉันลืมไปเลย พี่แกกว่าฉันกี่ปีนะคะ?”
โจวหยู่เช่นทำเสียงฮึดฮัด คำพูดที่ติดอยู่ตรงปากก็พูดต่อไม่ได้
หลงยี่ยิ้มออกมา “นานๆ ที่พี่น้องจะกลับมาพร้อมหน้ารีบมานั่งเร็ว!”
ลั่วหานกวาดตามองไปยังทุกคนที่นั่งอยู่ห้องโถง แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อคะ แม่คะ คุณลุง”
หลงถิงสายตาเย็นชา ไม่ได้ตอบอะไร แต่หยวนชูเฟินกลับยิ้มแล้วก็พูดว่า “ลั่วหาน มานั่งข้างๆ แม่มา”
หลงเซิ่งที่นั่งอยู่ตรงข้ามกล่าวชมขึ้นว่า “ได้ยินมาว่าภรรยาของหลงเซียวทั้งสวยทั้งเก่ง ในที่สุดวันนี้ฉันก็ได้เห็นกับตาสักทีไม่ธรรมดาเลยจริง! ฮาๆ ลั่วหาน ได้ยินมาว่าเธอทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล การเป็นหมอนี่เหนื่อยมากเลยใช่ไหม!”
ลั่วหานพยักหน้าตอบ “ใช่ค่ะ ฉันทำงานที่โรงพยาบาลหวาเซี่ยค่ะ”
หลงยี่ริมฝีปากกระตุก “ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ ถ้าไม่ใช่ว่างานยุ่งเกินไป แต่งงานกันมาตั้งหลายปีป่านนี้คงมีลูกกันไปแล้วหล่ะอารองกับอาสะใภ้รออุ้มหลานมาตั้งหลายปีแล้วนะ ฮาๆ ฮา!”
หลงจื๋อกัดฟันแน่น แล้วเขาก็หันไปเห็นลั่วหานกำลังยิ้มออกมาอีกครั้ง
ลั่วหานใช้นิ้วสัมผัสลงแก้วชา มองไปที่โจวหยู่เช่นแล้วยิ้มออกมา “พี่คะ นี่เป็นครั้งแรกที่เราเจอกันฉันยังไม่เห็นลูกของพี่กับพี่สะใภ้เลยค่ะ หลานอยู่ไหนเหรอคะ? ขอฉันอุ้มหน่อย”
หลงยี่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “นี่น้องอย่าล้อกันสิ ฉันกับพี่สะใภ้ของเธอเรายังไม่มีลูกกันเลย”
ลั่วหานพยักหน้าอย่างนิ่งๆ “อ๋ออย่างนี้นี่เอง……ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าพี่สะใภ้คงทำงานหนักน่าดูเลยใช่ไหมคะ? ด้วยอายุของพี่กับพี่สะใภ้น่าจะมีลูกกันตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
โจวหยู่เช่นกัดริมฝีปากแน่ แล้วยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “ฉันจะเอาอะไรไปเทียบกับน้องเมีย เธอมันหญิงแกร่ง ฉันมันก็แค่แม่บ้านธรรมดาเท่านั้นเอง”
ลั่วหานยกชาขึ้นมาจิบ “แม่บ้านเหรอคะ? พี่สะใภ้นี่ช่างเป็นคนจิตใจดีจริงๆ เลยนะคะ รู้จักช่วยแบ่งเบาภาระของสามีทำทุกอย่างเองหมดเลย! แต่จะว่าไปมันก็ใช่ตระกูลหลงมีคนรับใช้มากมายมีพี่สะใภ้มาเป็นคนคอยดูแล ช่างเป็นคนเก่งอะไรอย่างนี้!”
โจวหยู่เช่นแย่งตำแหน่งคุณหญิงของตระกูลหลงไปครอง แล้วจะให้มีหน้ามานั่งอยู่ตรงนี้ต่อได้ยังไง!
หยวนชูเฟินยิ้มแล้วพูดออกมา “พี่สะใภ้เขาเพิ่งมาถึง ยังจัดของไม่เสร็จ เธอจะพักอยู่ที่นี่สักพัก”
ลั่วหานตอบรับอย่างสุภาพ “อย่างนี้เองเหรอคะ……พี่คะ ตอนที่พี่ออกจากเมืองหลวงไปพี่นี่เก็บของได้สะอาดจริงๆ เลยนะคะ แม้แต่บ้านยังไม่เก็บไว้ให้ตัวเองอยู่เลย แทนที่วันนี้พอคุณลุงกลับมาที่บ้านเกิดจะได้พักอยู่ในบ้านของตัวเองอย่างสบายอกสบายใจ แต่กลับต้องมีพักอยู่ที่นี่ด้วยความลำบากใจ เห็นแล้วฉันก็รู้สึกเป็นห่วงจริงๆ ค่ะ”
หลงยี่กับหลงเซิ่งสีหน้าเปลี่ยนไปทันที! ทั้งคู่เหมือนถูกลั่วหานตบหน้าเข้าอย่างจังโดยไม่มีความปรานีเลยสักนิด
หลงจื๋อที่ชมสถานการณ์อยู่ข้างๆ ไม่พูดไม่ได้แล้วว่าการได้เห็นพี่สะใภ้โต้วาทีนี่มันส์จริงๆ!
จากนั้นเขาก็พูดเสริมขึ้นมาด้วยอีกคำ “พี่ครับ แล้วพวกพี่ตั้งใจจะมีลูกกันตอนไหนเหรอครับ? ตอนนี้คนอื่นเขาลูกสองคนกันแล้วนะครับ”
หลงยี่รีบตอบกลับไปว่า “ตอนนี้เขานิยมแต่งช้ามีช้าพี่ไม่จึงไม่รีบ!”
ลั่วหานพูดต่อ “แต่งช้ามีช้าแต่มันต้องช้าขนาดนี้เลยเหรอคะ? ถึงคุณลุงยังไม่อยากอุ้มหลานก็ไม่เป็นไร แต่ต่อไปถ้าพี่สะใภ้อยากมีลูกมันจะอันตรายเอานะคะ พี่คิดว่ายังไง?”
หลงถิงตั้งใจไว้ว่าการที่ลั่วหานกลับมาคราวนี้จะให้เธอโดนดีสักหน่อย แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะพูดจนคนทั้งบ้านเป็นใบ้ไปหมด เขาจึงพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “พอแล้ว เถียงกันแล้วท้องมันจะอิ่มรึไง? ไปบอกแม่ครัวว่าเดี๋ยวเราจะกินอาหารเย็นกันแล้ว”
ลั่วหานหันไปพูดกับโจวหยู่เช่นด้วยรอบยิ้ม “วันนี้พี่สะใภ้ลงมือทำครัวเองหรือเปล่าคะ? ฉันจำได้ว่าพี่เคยพูดกับหลงเซียวว่าถ้าฉันกลับมาพี่จะลงมือทำอาหารให้กินเอง ไม่ทราบว่าวันนี้พี่เตรียมเมนูอะไรไว้บ้างคะ?”
โจวหยู่เช่นกัดฟันแน่น “ฮึๆ วันนี้ฉันทำไม่ทัน! เพราะฉันไม่คิดว่าเธอจะกลับมาจริงๆ ได้ยินว่าเมื่อก่อนเธอตามตัวยากจะตายหนิ กว่าจะเชิญตัวมาได้รอบหนึ่งนี่ต้องจัดงานเลี้ยงต้อนรับกันเลยทีเดียว”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่สะใภ้ ฉันจะพักอยู่ที่นี่อาทิตย์หนึ่ง จริงสิพี่สะใภ้คะ พี่ทำเมนูอะไรเป็นบ้างพี่ก็ลองลิสต์รายการออกมาให้หน่อย พวกฉันจะได้สั่งถูก อ้อแล้วก็ ถ้าพี่สะใภ้รู้สึกไม่สบายตรงไหนฉันก็ตรวจให้พี่ได้เลยนะไม่ต้องต่อคิว แต่ว่าคนที่ฉันรักษามีแต่คนไข้อาการหนักๆ ทั้งนั้น พี่คงไม่อยากเจอฉันหรอกจริงไหม?”
หลงจื๋อพยักหน้าอย่างเจ็บปวด นี่พี่สะใภ้คิดจะสั่งอาหารจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย?
หยวนชูเฟินยิ้มแห้งๆ เพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย “ลั่วหาน พี่สะใภ้ของหนูหน่ะรสมือดีมาก เดี๋ยวเธอจะทำให้หนูกินอย่างไม่ซ้ำซากเลย”
ลั่วหานยิ้มออกมาด้วยสายตา “แม่ออกปากชมแล้ว แสดงว่ารสมือของพี่สะใภ้ต้องดีมากแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าพี่จะยอมทำให้กินหรือเปล่านี่สิ?”
โจวหยู่เช่นกำกระโปรงไว้แน่น แล้วมองมาที่ลั่วหานด้วยสายตาที่อาฆาต ในใจนี่อยากจะด่าเธอตั้งแต่โคตรเหง้าศักราช “ได้สิ……แน่นอนต้องได้อยู่แล้ว!”
ระหว่างที่พูด คนใช้ก็เอาอาหารมาตั้งไว้ที่โต๊ะแล้ว
หลงถิงเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วมองมาที่ลั่วหานด้วยสายตาที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ลั่วหาน ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้มีเรื่องหลายอย่างเกิดขึ้นกับฉู่ซื่อ ฉันไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนัก ไหนลองเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”
แววตาที่มีอะไรปิดบังอยู่ของลั่วหานมองผ่านแสงไฟไป ดูท่าวันนี้คงไม่ได้มีแค่ต่อปากต่อคำเท่านั้นแล้ว
“แล้วพ่ออยากรู้เรื่องอะไรคะ?”
ถึงว่า หลงถิงตั้งใจช่วยหลงยี่ระบายอย่างนั้นเหรอ? เรื่องโรงงานสินะ?
หลงถิงพูดออกมาอย่างหงุดหงิด “ลองเล่าเรื่องโรงงานผลิตยาหน่อยซิ เท่าที่ฉันได้ยินมา หลงเซียวได้มอบโรงงานผลิตยาให้บริษัทฉู่ซื่อไปโดยที่ยังไม่ได้รับการเห็นชอบจากพี่ชาย ของเธอด้วยซ้ำ เรื่องนี้เธอจะอธิบายยังไง?”
ลั่วหานอึ้งไปในทันที สีหน้าซีดเชียว “ไอ้หยา! มีเรื่องอย่างนั้นด้วยเหรอคะ! แล้วพี่ ไม่ได้เต็มใจมอบโรงงานผลิตยาให้ฉันเพราะว่ามีเหตุจำเป็นเหรอคะเนี่ย? เพราะฉันได้ยินหลงเซียวบอกว่าพอดีพี่มีโรงงานในมือว่างอยู่พอดีเลยยกมันให้ฉัน มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกเหรอคะ?”
พูดจบ ลั่วหานก็รีบล้วงหยิบมือถือในกระเป๋าทันที พร้อมกับทำหน้าแบบคนรู้สึกผิด “พี่คะ ฉันจะโทรไปถามหลงเซียวให้ชัดเจนตอนนี้เลยนะคะ ถ้าเป็นอย่างที่พ่อพูดจริงๆ ฉันจะคืนโรงงานให้พี่ทันทีเลยนะคะ”
พอหลงยี่ได้ยินว่าเธอจะโทรศัพท์หาหลงเซียว เขาก็รีบพุ่งตัวขึ้นมาทันที “ไม่! ไม่ต้องแล้ว! คือ……คือฉันจำผิดเอง ฉันนึกออกแล้ว ผมลืมอธิบายกับอารองเอง โรงงานนั้น……ผมยกให้น้องสะใภ้ไปเองครับ”
กัดฟันแน่น! แผนการของหลงยี่ในครั้งนี้ไม่เพียงทำอะไรลั่วหานไม่ได้แต่กลับแทงจนตัวเองเป็นแผลซ้ำเข้าไปอีก
ลั่วหานวางโทรศัพท์ลงแล้วพูดว่า “ฉันว่าแล้วไง พี่ ไม่น่าจะเป็นคนใจดำขนาดนั้น จริงสิพี่คะ เหมือนพี่จะลืมให้โฉนดที่ดินของโรงงานกับฉันนะใช่ไหม? พี่เอาให้ฉันวันนี้ก็ได้นะคะ ฉันไม่อยากรบกวนพี่ให้ต้องวิ่งหลายรอบ”
อะไรนะ!
ให้สิทธิการใช้งานกับเธอก็น่าจะพอแล้วนะ! นี่ยังจะเอาโฉนดอีกเหรอ! ตอนนั้นหลงเซียวไม่ได้พูดถึงโฉนดที่ดินเลยสักนิด!
สีหน้าของหลงเซิ่งดำมืดเหมือนเหล็กไหม้ พยายามทำหน้าเรียบเฉยแล้วพูดว่า “ลั่วหานนี่มันดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นะจริงไหม? พี่ชายของเธอยกโรงงานให้เธอใช้มันก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไม่รู้จักบุญคุณยังไม่พอนี่ยังคิดจะยึดโฉนดไปด้วยเลยเหรอ?! เธอรู้รึเปล่าว่าที่ดินผืนนั้นมันแพงมากขนาดไหน?”
ลั่วหานทำหน้าไร้เดียงสา แล้วกะพริบตาปริบๆ “นี่คุณลุงกำลังจะเรียกร้องเงินจากฉันเหรอคะ?”