คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 332 ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากความบังเอิญ
ตอนที่ 332 ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากความบังเอิญ
หลินซีเหวินพยายามลืมตาขึ้น พยายามปลุกตัวเองให้ตื่นจากการหลับฝัน
อาการเมาค้างมันทำให้เธอปวดหัวจนแทบจะระเบิด ตอนนี้เธอแทบจะขยับไม่ไหวแล้ว
พอลืมตาขึ้นมาหลินซีเหวินก็อึ้งไปในทันที!
โรงแรม! ห้องชุด!
แม่งเอ๊ยนี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
เธอเอามือกุมหัวแล้วลุกขึ้นยืน แล้วเห็นว่าเสื้อผ้าที่ใส่ยังปกติอยู่ เบาใจไปได้ระดับหนึ่ง
พอเดินออกจากห้องมา เธอก็พบเข้ากับหลงจื๋อที่กำลังนอนอ้าซ่าอยู่บนโซฟาของห้องรับแขก เธอพยายามหรี่ตามองขยี้ตาแล้วมองใหม่ สำรวจดูว่าเขาเป็นอะไรกันแน่?
ใช้เท้าเขี่ยๆ ขาที่ห้อยลงมาของเขา “นี่ คุณชายรองหลง เช้าแล้ว ตื่นค่ะตื่น ตื่นได้แล้วค่ะ”
หลงจื๋อย่นจมูกสองสามครั้ง เหมือนเขายังนอนหลับไม่พอ เขาพลิกตัวจากนั้นก็นอนต่ออยู่บนโซฟา
อะไรเนี่ย!
ยังมีคนที่สามารถนอนในสภาพแบบนี้ได้ด้วยเหรอเนี่ย?
หลินซีเหวินเข้ามาดูท่านอนของหลงจื๋อใกล้ๆ เขาเอาหัวซุกอยู่ระหว่างหมอนกับโซฟา ใบหน้าของเขายัดอยู่ในนั้นแล้วครึ่งหนึ่ง นอนคลุมหัว นิสัยไม่ดี!
“นี่ คุณชายรอง ตื่นได้แล้วค่ะ” เรียกไปทีหนึ่งยังไม่มีการตอบสนอง
หลินซีเหวินขมวดคิ้ว แล้วเอานิ้วไปจิ้มหัวเขา “หลงจื๋อ! ตื่นได้แล้ว!”
หลงจื๋อตื่นมาแรงเยอะมาก พอมีคนมาปลุกเขาจากฝันที่แสนหวาน ในขณะที่ยังหลับตาอยู่เขาก็เงื้อมมือไปคว้าแขนของหลินซีเหวินไว้ จากนั้นก็ไม่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง อยู่ๆ ร่างกายของเธอก็เสียศูนย์ ขาทั้งสองข้างลอยขึ้น ลำตัวกระตุก!
“ตุบ!!”
เกิดความรู้สึกเจ็บหน้าอกเพราะถูกเธอกระแทก ขาสองข้างที่ลอยอยู่กลางอากาศกระทบลงบนขาของเขา ร่างกายส่วนบนของทั้งคู่คนหนึ่งลอยอยู่ ส่วนอีกคนก็นอนราบ ร่างกายที่ผอมบางทับอยู่บนตัวของหลงจื๋อ
“หลงจื๋อ!”
เสียงกรี๊ดเหมือนหมูที่ถูกเชือดของหลินซีเหวิน ทำให้ห้องชุดที่หรูหราแห่งนี้สั่นสะเทือน พอได้ยินเธอกรี๊ดเสียงดังขนาดนี้หลงจื๋อที่ถูกเธอทับอยู่ข้างล่างก็ตกใจตื่นขึ้นมาทันที
ตาทั้งสี่ดวงจ้องเข้าหากัน……เงียบสงบ……จ้องมอง……อึ้ง……
“อ้า!!!”
ต่อด้วยเสียงอุทานที่แสบหูของหลงจื๋อ ถ้าเสียงกรี๊ดเมื่อกี้เหมือนหมูแล้ว งั้นเสียงร้องในตอนนี้ก็คือเสียงวัว
“ตาบ้าเอ๊ยคุณจะโวยวายทำไม! รีบปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้นะ!” หลินซีเหวินทุบลงบนหน้าอกของหลงจื๋อ จากนั้นเขาก็เหมือนถูกไฟช็อตจนต้องปล่อยมือของหลินซีเหวิน ออกในทันที
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย หลินซีเหวินกลิ้งลงจากโซฟาอย่างรวดเร็ว “ตุ้บ” หล่นลงบนพื้น ด้วยสัญชาตญาณในจังหวะที่เธอหล่นไปมือก็เผลอไปคว้าชายเสื้อของหลงจื๋อไว้ด้วย เธอออกแรงดึง
“ตุ้บ!!”
มีเสียงดังขึ้น ด้วยแรงที่มากพอสิ่งที่ตามมาก็คือร่างกายที่ผอมๆ สูงๆ ของหลงจื๋อถูกเธอดึงตามลงมาด้วย ซึ่งหล่นลงมาตรงเธอพอดี
หลงจื๋อดวงตาเบิ่งกว้าง ริมฝีปากที่พุ่งลงมาอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาดของเขากระทบเข้ากับริมฝีปากอีกคู่ที่รออยู่ด้านล่างอย่างไม่มีทางเลี่ยง!
หลินซีเหวินตกใจจนทำตาโตกว่าปกติไปหลายเท่า เธอตกใจจนทำให้หน้าขาวๆ ของเธอขาวซีดมากยิ่งขึ้นไปอีก ใบหน้าหล่อเหลาที่อ่อนเยาว์ถูกขยายใหญ่อยู่ตรงหน้าเธอไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
ไออุ่นกับกลิ่นเหล้าที่จางๆ ลอยมากระทบจมูก มันแยกไม่ออกแล้วว่ากลิ่นไหนมาจากเธอหรือกลิ่นไหนมาจากเขา
ขนตาที่ตั้งตรงเป็นเส้นลืมที่จะขยับตัว ในหัวของหลินซีเหวินตอนนี้เหลือเพียงแต่ความว่างเปล่า
“ผละ!!”
หลินซีเหวินผลักตัวของหลงจื๋อออก ลุกขึ้นนั่งแล้วรีบถอยหนี ใบหน้าที่ขาวซีดเมื่อกี้ตอนนี้มันกลายเป็นสีแดงก่ำแล้ว “หลงจื๋อ! ไอ้สารเลว!”
แต่หลงจื๋อที่ถูกเธอผลักออกตอนนี้กำลังนั่งจ้องเธอด้วยความอึ้งอยู่ ผมยาวๆ ของหลินซีเหวินที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้กำลังพาดลงมาจากบ่า ตอนนี้เธอไม่ได้ใส่แว่น เผยให้เห็นใบหน้ายามเช้าที่งดงามอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของเธอ
หลงจื๋ออึ้งอยู่นานมาก จนเวลาผ่านไปสักพักเขาถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองได้จูบเธอไปแล้ว
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าการสัมผัสเพียงเวลาสั้นๆ นั้นมันช่างวิเศษเหลือเกิน ทำไมมันน่าหลงใหลอย่างนี้ มันทำให้เขาสูญเสียการเป็นตัวเองไป เขากลืนน้ำลายลงคอไปอย่างไม่รู้ตัว
ปากแดงๆ ฟันขาวๆ ของหญิงสาว ดวงอาทิตย์ที่งดงามยามเช้าแถมยังมีลำแสงเส้นหนึ่งสาดส่องเข้ามาภายในห้อง
ไม่ว่าจะมองยังไงก็ดูงดงาม ดูน่าหลงใหลเหมือนฟ้าหลังฝนที่แสนสดใส
เวรเอ๊ย!!
นี่เขาตกหลุมรักเด็กบ้านนอกคนนี้เข้าแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย!! ทำไมมองไปทางไหนเธอก็ดูดีไปหมดเลยเนี่ย!
จบกัน
“หลงจื๋อ! นี่คุณจะมองอะไรหนักหนาเนี่ย! เดี๋ยวฉันก็ควักลูกตาออกมาซะหรอก!”
ในใจของหลงจื๋ออยากตอบไปว่า ก็ควักสิ ต่อให้โดนควักผมก็จะมองต่อ!
แต่ปากกลับเถียงกลับไปว่า “อะไรเนี่ย! ไม่เห็นจะมีอะไรน่ามองเลย! ผมจะไปบ้วนปากทิ้งเดี๋ยวนี้แหละ!”
หลงจื๋อลุกขึ้นแล้วเดินไปยังห้องน้ำ เสียงโวยวายของหลินซีเหวินดังตามหลังมาทันที “แม่งเอ๊ย! นี่มันจูบแรกของฉันนะเนี่ย!! อ้าาาา!!”
ฮึ……
ไม่รู้ทำไม พอได้ยินคำนั้นแล้วหลงจื๋อกับรู้สึกอยากยิ้มออกมา
___
ไฟลต์บินที่หลงเซียวจองไว้คือช่วงบ่าย ลั่วหานเองก็เดินทางมาส่งเขาที่สนามบินด้วยตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ลั่วหานมาส่งเขาที่สนามบินหลังจากที่แต่งงานกันแล้ว
ในใจรู้สึกสับสน
ได้เห็นสามีของตัวเองกำลังเดินจากไปในที่อันแสนไกลเธอก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา
แต่พอเห็นเขาเดินจากไปทีละก้าวในใจก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
แล้วเธอก็ยื่นมือไปคว้าหนังสือของเขาไว้อย่างไม่รู้ตัว ลั่วหานมองไปยังหลงเซียวที่ยืนสูงเด่นอยู่ตรงหน้าด้วยดวงตาที่เปียกชุ่ม “คุณคะ หนึ่งอาทิตย์นี้คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ นะคะ”
ตอนแรกเธอก็ตั้งใจจะพูดอะไรอย่างอื่น แต่พอเปิดปากพูดแล้วเธอกลับใช้คำพูดเดียวกันกับผู้คนมากมายที่เขาบอกลากัน
มือข้างหนึ่งของหลงเซียวถือกระเป๋าลากไว้ ส่วนอีกมือก็โอบเอวของเธอเอาไว้ “ครับ”
เขาตอบกลับมาแค่คำเดียวเท่านั้นเนี่ยนะ! นี่แหละนะความหลงเซียว
ลั่วหานขมวดคิ้ว “อาจารย์ของฉันเป็นคนค่อนข้างประหลาด ดังนั้นคุณต้องยึดมั่นในแผนที่วางไว้ให้ดีนะคะ”
จู่ๆ หลงจื๋อก็เม้มปาก มันดูค่อนข้างเจ้าเล่ห์ เหมือนเขาตั้งใจ “นี่ภรรยาของผมกำลังสงสัยในความสามารถด้านการประสานงานของผมอยู่อย่างนั้นเหรอครับ?”
“สำหรับความสามารถในการเจรจาบนโต๊ะทำงานของคุณหลงนั้นฉันไม่มีข้อสงสัยเลยค่ะ แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกันเพราะคนที่คุณไปพบไม่ใช่พวกเห็นแก่ได้ เงินทองสำหรับเขาแล้วมันไม่มีความหมายอะไรเลย”
ลั่วหานค่อนข้างกังวลกับเรื่องนี้มาก เขาเป็นคนหัวรั้นเหลี่ยมจัด คนทั่วไปไม่อาจตามเขาทันแน่ๆ
“คุณครับ คุณควรรู้ไว้นะว่า คนที่จะสร้างตำนานใหม่ๆ ขึ้นมานั้นมักจะประสบความสำเร็จในสิ่งคนทั่วไปไม่อาจทำสำเร็จได้ และสามีของคุณก็มักจะเป็นแบบนั้นเสมอมานะครับ”
ความหลงตัวเองของเขาทำให้ลั่วหานลืมความกังวลที่มีเมื่อกี้ไปจนหมดสิ้น “ถ้าอย่างนั้น ในเมื่อคนที่จะสร้างตำนานนั้นมีน้อย งั้นฉันก็ขอให้คุณทำมันสำเร็จให้ได้นะคะ”
หลงเซียวจูบลงบนหน้าผากของเธอ “ผมทำได้แน่ครับ สิ่งเดียวที่ผมเป็นห่วงก็คือคุณ ช่วงที่ผมไม่อยู่ ถ้าทางตระกูลหลงมีความเคลื่อนไหวอะไรคุณต้องบอกให้ผมรู้ และถ้าใครกล้ามารังแกคุณ คุณก็ต้องบอกให้ผมรู้เหมือนกัน”
ลั่วหานพยักหน้า “ได้ค่ะ คุณไม่ต้องเป็นห่วง เพราะฉันถูกคุณขัดเกลาจนแข็งแกร่งมากแล้วค่ะ”
หลงเซียวเผยรอยยิ้มออกมา ฝ่ามือใหญ่ๆ ลูบผ่านใบหน้าของเธอไป “รอผมกลับมานะครับ”
“ค่ะ ฉันจะรอค่ะ”
เครื่องบินเคลื่อนออกจากสนามบิน ลั่วหานมองตามเครื่องบินที่บินหายไปในกลีบเมฆ ในที่สุดเธอก็ได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่าการจากลาสักที
นิ้วมือลูบอยู่บนแหวนที่สวมอยู่ ลั่วหานยิ้มออกมา มีคนคอยเป็นห่วงคอยคิดถึงอย่างนี้มันช่างดีจริงๆ
ระหว่างทางที่กลับโรงพยาบาล ลั่วหานก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง ชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอทำให้เธอรู้สึกพะอืดพะอมการคาดการณ์ของหลงเซียวนี่ช่างแม่นยำจริงๆ พอเขาเดินทางปุ๊บ คนตระกูลหลงก็มาหาเธอปับ
รวดเร็วอะไรอย่างนี้
“ค่ะแม่ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
หยวนชูเฟินพูดออกมาอย่างสุภาพว่า “ลั่วหาน ตอนนี้เซียวเอ๋อไปต่างประเทศแล้ว ช่วงนี้หนูต้องอยู่วิลล่าที่ชานเมืองคนเดียวคงเหงาแย่เลย กลับมานอนที่บ้านสักพักไหม ตั้งแต่พวกลูกแต่งงานไปเรายังไม่เคยได้อยู่ด้วยกันเลย ห้องนอนแม่ก็ให้คนไปทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว คืนนี้กลับมานอนบ้านนะ”
ลั่วหานกำลังใช้นิ้วเคาะพวงมาลัย ตามองไปยังตัวเลขสีแดงบนสัญญาณไฟจราจร เธอตอบไปด้วยรอยยิ้มว่า “ขอโทษที่ทำให้แม่เป็นห่วงนะคะ เดี๋ยวคืนนี้ไปที่บ้านค่ะ”
“หนูรับปากแล้วนะ ช่างดีอะไรอย่างนี้” หยวนชูเฟินดูดีใจเป็นอย่างมาก ทำเอาลั่วหานที่ได้ยินอย่างนั้นกลับรู้สึกไม่สบายใจเลย
ไฟแดงดับลง ไฟเขียวสว่างแล้ว ไมบัคสีขาวก็ได้เคลื่อนตัวออกไป
กลับไปที่บ้านตระกูลหลงเหรอ?
คิดแล้วก็น่าขันสิ้นดี หลายปีที่ลั่วหานแต่งกับหลงเซียวมาเธอเคยเป็นที่ต้อนรับแบบนี้ด้วยเหรอ? ไม่ต้องพูดถึงกลับไปพักที่นั่นเลย ทุกครั้งที่เธอกลับไปทานอาหารพร้อมคนในครอบครัวก็มักจะมีแต่สายตาที่อาฆาตคอยจ้องมองเธออยู่ตลอด
ลั่วหานมาถึงโรงพยาบาลแล้ว พอเห็นหน้าหลินซีเหวินเธอก็ถามขึ้นว่า “ผลตรวจอาการของเถียนเถียนในวันนี้ออกมาหรือยัง?”
หลินซีเหวินรายงานผลการตรวจให้ลั่วหานทราบ “ประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจด้อยมากค่ะ อัตราการเต้นของหัวใจก็อ่อนค่ะ หัวใจฝั่งซ้ายของเธอค่อนข้างน่าเป็นห่วงค่ะ ถ้าไม่มีเครื่องมือคอยพยุงไว้เธอคงต้องแย่แน่ๆ ค่ะ”
ลั่วหานก้มดูรายงานผลการรักษา แล้วก็ถอนหายใจออกมา “เส้นเลือดหัวใจฝั่งซ้ายอุดตัน ตอนนี้ไม่สามารถใส่ขดลวดถ่างขยายเข้าไปเพื่อขยายหลอดเลือดหัวใจแล้ว……”
หวาเทียนพูดเสริมขึ้นมาอีกคำ “ถูกต้องครับ ตำแหน่งของOM-BRANCHก็ไม่ค่อยดีนัก ต่อให้ผ่าตัดก็ไม่สามารถมองเห็นการไหลเวียนของหลอดเลือดที่อยู่ฝั่งซ้ายสุดของหัวใจได้ มันก็อันตรายมากๆ เหมือนกันครับ”
หลินซีเหวินถลึงตาใส่เขาทันที “หวาเทียน ไอ้ปากเสีย นี่คุณจะพูดอะไรที่มันดีๆ หน่อยไม่ได้รึไง! แต่ถ้าพูดไม่เป็นก็หุบปากไปเลย!”
ลั่วหานยื่นรายงานสรุปผลการตรวจคืนให้ หลินซีเหวินไป “ที่เขาพูดมาก็ไม่ผิด เพราะเหตุนี้ต่อให้อยู่ที่อเมริกาก็ไม่มีใครกล้าผ่าตัดให้เธอ”
พอพูดจบเธอก็เดินหายเข้าไปในห้องทำงานในทันที เหลือไว้เพียงสองคนที่ยืนจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครพูดใครจาต่างคนต่างทำหน้ารังเกียจใส่กัน
เวลาเลิกงานเพิ่งมาถึงลั่วหานก็เดินออกมาจากห้องทำงานของเธอ มอบหมายงานบางอย่างให้หลินซีเหวิน “วันนี้คุณหมอเฉินเป็นคนอยู่เวร ให้เขาเฝ้าดูอาการของเถียนเถียนอย่างใกล้หน่อยนะคะ ตอนนี้อาการของเด็กคนนี้อาจจะทรุดลงได้ตลอด”
หลินซีเหวินขำออกมา “ฮาๆ ฮา ไอดอลคะ คืนนี้ฉันจะอยู่เวรเองค่ะ”
“เธอเหรอ? เธอเพิ่งอยู่กะดึกไปเมื่อคืนไม่ใช่เหรอ? นี่เธอยอมเสียสละเวลาของวัยรุ่นให้กับโรงพยาบาลได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”
ลั่วหานถอดชุดกาวน์สีขาวที่สวมอยู่บนตัวออกด้วยความสง่าและคล่องแคล่ว เธอแกะหนังยางที่มัดผมของเธอออกแล้วผมที่ยาวสลวยก็ทิ้งตัวลงมาถึงเอว
“อืม……เมื่อวานฉันสลับเวรกับหมอเฉินไปแล้ว ฮาๆ” ยังไงหลินซีเหวินก็ยังรู้สึกละอายใจอยู่นิดๆ เหมือนกัน โดยเพราะพอมาเห็นหน้าพี่สะใภ้ของหลงจื๋อแล้วมันยิ่งทำให้เธอรู้สึกละอายใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
ลั่วหานไม่ได้คิดอะไรมาก “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ก็คงต้องรบกวนเธอแล้วหล่ะ”
หลินซีเหวินทำตาใสแป๋ว พอเห็นลั่วหานล้วงลิปสติกออกมาจากกระเป๋าเพื่อเติมสีปาก เธอจึงถามไปด้วยความสงสัยว่า “ไอดอลคะ แต่งหน้าจนสวยขนาดนี้จะไปไหนต่อคะเนี่ย? จะไปออกเดทกับคุณสามีที่เป็นท่านประทานจอมโหดคนนั้นเหรอคะ?”
ลั่วหานได้ทาลิปสติกสีแดงที่ชุ่มฉ่ำให้ตัวเอง ทำให้เธอดูดีขึ้นอีกมากเลย ดวงตาเป็นประกายอย่างมีเลศนัย “ไม่ใช่ คืนนี้ฉันจะไปที่บ้านของแม่สามี”
ฮะ? บ้านแม่สามี!
นั่นมันบ้านตระกูลหลงไม่ใช่เหรอ?
หลินซีเหวินปากกระตุก “เออ……นี่มัน ไอดอลคะ คุณต้องระวังตัวนะคะ แม่สามีที่ไหนกัน มีแต่คนที่จ้องจะกินเลือดกินเนื้อทั้งนั้น!”