คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 331 สาวบ้านนอก ผมว่าผมชอบคุณเข้าให้แล้วครับ
ตอนที่ 331 สาวบ้านนอก ผมว่าผมชอบคุณเข้าให้แล้วครับ
“ชิ! ล้อเล่นก็ไม่ได้เหรอคะ? ทำไมขี้ขลาดอย่างนี้เนี่ย?”
“บ้าเอ๊ย! ล้อเล่นกันอย่างนี้ได้ด้วยเหรอครับ?” หลงจื๋อเสียวสันหลังวูบ แม่งเอ๊ย
“โอเคโอเค ไม่แกล้งคุณแล้วก็ได้ คนขี้ขลาด มาดื่ม!”
เบียร์หลายขวดถูกทั้งคู่ดื่มลงท้องไป ไม่รู้ว่าทั้งสองคนดื่มกันไปนานเท่าไหร่แล้ว
หลินซีเหวินมองหน้าหลงจื๋อแล้วขำออกมา เธอเริ่มเมาแล้ว สายตาเริ่มพร่ามัว “นี่คุณชายรองหลงคะ คุณไม่รู้จักฉัน คนที่คุณรู้จักไม่ใช่ฉัน”
หลงจื๋อยื่นมือไปเขกหัวของเธอทีหนึ่ง “ไร้สาระหน่า ดูท่าคุณจะป่วยหนักไม่เบาเลยนะครับเนี่ย”
ทั้งคู่นอนกันอยู่อย่างนั้น มองดูดวงดาวบนท้องฟ้า
หลินซีเหวินเหมือนกำลังบ่นอะไรพึมพำอยู่ บ่นไปบ่นมาเสียงก็เบาลงเรื่อยๆ จากนั้นเธอก็หันข้างแล้วมองมาที่หลงจื๋อ “คุณอย่าเงียบแบบนี้สิ พูดอะไรบ้างก็ได้นะคะ”
มือข้างหนึ่งดึงแขนของหลงจื๋อมา เหมือนกับเด็กน้อยที่เอาแขนมาวนรอบหัว ตอนนี้หัวของหลินซีเหวินอยู่ใกล้ไหล่ของเขามาก เธอเอาแขนของเขามาหนุนเป็นหมอนที่แสนสบาย เอนหัวลงหนุนลงบนแขนของเขา
หลงจื๋อรู้สึกอุ่นๆ อยู่ใต้คาง กลิ่นเหล้าที่ปะปนกับกลิ่นหอมบางอย่างลอยฟุ้งมากระทบเข้าที่จมูกของเขา
ชั่วขณะหนึ่ง หลงจื๋อก็รู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รำคาญคนที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้เลย คนบ้านนอกคนนี้น่าสนใจดีแฮะ
หลงจื๋อเอามือลูบหัวเธอเบาๆ ราวกับว่าเธอเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง “นี่คุณ สาวบ้านนอก คุณรู้จักผมไหม?” ไม่มีคำตอบใดๆ จากคนที่กำลังหนุนอยู่ที่แขนของเขา
หลงจื๋อเหมือนกำลังพูดอยู่คนเดียว “ผมว่าคุณรู้จักผมนะ แต่ก็ไม่ใช่ผมอยู่ดี ผมไม่ใช่คุณชายรองหลงที่คุณคิดหรอกครับ ผมมันก็แค่ลูกนอกสมรสคนหนึ่งเท่านั้น ฮึฮึ ลูกนอกสมรสคืออะไรคุณรู้จักไหม?”
ตอนนี้หัวของหลินซีเหวินตามหาความอบอุ่นเจอแล้ว เธอขยับสูงขึ้นไปอย่างไม่อยากจากมันไป แต่เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้แก้มของเธอได้หนุนอยู่ที่หน้าอกหลงจื๋อแล้ว
ตอนนี้เธอดูเหมือนหมีโคอาลาที่กำลังห้อยอยู่บนตัวเขา ช่างดูไร้เดียงสาเหลือเกิน
มีเสียงพึมพำดังออกมาจากปากเธอ เธอไม่ได้รู้ตัวกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่เลย
หลงจื๋อพูดต่อ “ผมยังจำได้อีกนะว่าตอนผมเด็กๆ เมื่อผมถูกคนรังแกผมก็ไม่กล้าให้แม่รู้ ผมจึงแอบขึ้นไปบนดาดฟ้า นั่งมองดวงดาวนั่งมองพระจันทร์ หลังจากร้องไห้จนพอแล้วผมถึงจะกลับบ้าน
เขายิ้มออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจ “สาวบ้านนอก ผมรู้สึกอิจฉาคุณจริงๆ เลย มีชาติตระกูลที่ดีแล้วมันมีอะไรน่าภูมิใจนักเหรอ? ฮึฮึ ไม่มีเลย สิ่งที่ผมอยากได้ก็แค่ให้ทุกคนในบ้านอยู่กันอย่างพร้อมหน้าเท่านั้นเอง……” พอคิดถึงตรงนี้สีหน้าของหลงจื๋อก็ดูเจ็บปวดขึ้นมาทันที
“ครอบครัวเดียวกันเหรอ? อย่างครอบครัวผมนะเหรอจะมีทางอยู่พร้อมหน้ากันทุกคนได้ยังไง? ผม คุณพ่อ คุณแม่ พี่ใหญ่……ยังมีแม่ของพี่ใหญ่อีก ครอบครัวอย่างนี้ไม่มีทางที่จะกลมเกลียวกันได้หรอก”
ดวงตาของเขาแห้งเหือด แห้งเหือดจนเหมือนกับกำลังจะมีน้ำตาไหลออกมาเลย เขาพยายามข่มใจเอาไว้ อดกลั้นเอาน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาให้มันกลับเข้าไปดังเดิม
ค่ำคืนที่มืดมิดยิ่งทำให้ดวงดาวเด่นชัดมากขึ้น แสงจันทร์สาดส่องมาที่โคมไฟ แสงสว่างที่ถูกส่องมาจากที่ห่างไกลสุดขอบฟ้า ทำให้ใบหน้าขาวนวลของคนข้างๆ ดูน่ารักยิ่งขึ้นไปอีก
หลงจื๋อรู้สึกขำตัวเอง “สาวบ้านนอก ต้องเป็นเพราะสายตาของผมมีปัญหาแน่ๆ เสือตัวเมียสาวบ้านนอกอย่างคุณเนี่ยนะไม่ได้มีความใกล้ชิดกับคำว่าน่ารักเลยสักนิด”
หลินซีเหวินนอนหลับไปแล้ว เธอกำลังนอนกอดแขนของหลงจื๋ออยู่อย่างเงียบๆ นอนอย่างสงบมาก หลับได้สบายใจจริงๆ
“สาวบ้านนอก? ตื่นได้แล้ว นี่สาวบ้านนอก บ้านคุณอยู่ที่ไหนกันแน่ครับ? บ้าเอ๊ยแล้วจะให้ผมไปส่งคุณที่ไหนเนี่ย?”
หลินซีเหวินยังคงนอนอยู่อย่างสงบ ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย
“นี่คุณ!”
หลงจื๋อพลิกมาอุ้มตัวหลินซีเหวินขึ้นมา ร่างกายที่ผอมแห้งถูกอุ้มขึ้นมาอย่างง่ายดาย เขาพยายามปลุกเธออีกหลายครั้งแต่คนในอ้อมแขนก็ยังไม่มีการตอบสนอง หลงจื๋อจึงจำใจต้องอุ้มเธอไปทั้งอย่างนั้น
“เฮ้อ ทำไมถึงได้คออ่อนอย่างนี้ แค่นี้ก็เมาแล้ว ต่อไปคงดื่มกับคุณอีกไม่ได้แล้ว”
เขาไม่รู้ว่าบ้านของหลินซีเหวินอยู่ที่ไหนและจะให้พาเธอเข้าบ้านไปทั้งอย่างนี้ก็ไม่ได้ หลงจื๋อจึงตัดสินใจไปที่โรงแรม
หลังจากที่อุ้มหลินซีเหวินมาวางไว้บนที่นอนของโรงเรียนแล้ว หลงจื๋อก็เกาหัวเป็นการใหญ่ “เชี่ย ทำยังไงดีวะเนี่ย?”
เขาถอดรองเท้าของหลินซีเหวินออก จากนั้นก็จัดให้เธอนอนขึ้นไปบนที่นอนดีๆ
“นี่สาวบ้านนอก ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณเลยนะ วันนี้ผมแค่เห็นว่าคนดีเท่านั้นเอง พอตื่นขึ้นมาแล้วอย่ามาแว้งกัดผมแล้วกันนะครับ”
พูดจบ หลงจื๋อก็ถอดแว่นของเธอออก
ภายใต้กรอบแว่นสีดำอันใหญ่ เผยให้เห็นใบหน้าสีขาวที่นวลผ่อง ผมทรงหน้าม้าที่ดูสลวย นี่คือใบหน้าที่งดงามอย่างที่หลงจื๋อไม่เคยพบเห็นมาก่อน ริ้วรอยอ่อนๆ ที่ลากยาวผ่านแก้มมาที่คาง
หลงจื๋อชะงักไปแป๊บหนึ่ง เขารู้สึกว่าใบหน้าของเธอช่างดูน่าชิดใกล้ ดูคุ้นเคย ดูใสซื่อ
เธอนอนหลับได้สงบมาก ต่างจากตอนกลางวันที่เป็นคนโผงผางโดยสิ้นเชิงเลย
“นี่สาวบ้านนอก ผมว่าผมมีลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่ดีเลย” เขาเอามือไปหยิกแก้มของหลินซีเหวินเบาๆ รู้สึกดีจังเลยที่ได้ทำอย่างนี้!
“ผมคิดว่าผมน่าจะหลงรักผู้หญิงที่หยาบคายและบ้านนอกเข้าแล้วหล่ะครับ”
___
หลงเซียวเปิดประตูห้องหนังสือออก เขาเดินเข้าใกล้ลั่วหานที่กำลังฟุบอยู่บนโต๊ะหนังสือ เขามายืนอยู่ข้างหลังของเธออย่างเงียบๆ เขาโน้มตัวลงมาดูเอกสารทางการแพทย์ที่อยู่ในมือเธอ สมุดที่วางอยู่ข้างๆ เต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะทางที่ถูกเขียนไว้ และยังมีรูปอยู่อีกหลายใบ
“ลั่วลั่ว ดึกมากแล้ว กลับไปนอนก่อนเถอะพรุ่งนี้ค่อยอ่านต่อก็ได้ครับ”
เสียงพูดที่ดังขึ้นอย่างไม่คาดคิด ทำให้ลั่วหานเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือ “อาการของเถียนเถียนคงยื้อต่อไปได้ไม่นานแล้วฉันต้องหาทางรักษาเธอให้ได้ค่ะ”
หลงเซียวเดินเข้ามาชิดแผ่นหลังของเธอ เขานวดลงที่ไหล่ของเธอเบาๆ “ลั่วลั่ว คุณจำเป็นต้องยอมรับความจริงที่ว่าหมอไม่ใช่เทวดาที่มีชีวิต ไม่ใช่ว่าโรคทุกอย่างจะสามารถรักษาให้หายได้ อย่าฝืนจนปล่อยให้ตัวเองเป็นอะไรไปนะได้ไหม?”
ลั่วหานส่ายหน้า “ฉันคิดว่าจะต้องมีวิธีแน่นอนค่ะ เพียงแค่ฉันยังหามันไม่เจอเท่านั้น โรคหัวใจกับโรคทางเดินโลหิตมันต่างกัน สำหรับโรคหัวใจถ้าว่ากันตามทฤษฎีทางการแพทย์แล้วมันควรเป็นโรคที่รักษาให้หายขาดได้ ถ้าช่วยไม่ได้จริงๆ ฉันก็อยากไปพบอาจารย์ของฉันหน่อยค่ะ”
หลงเซียวขมวดคิ้ว “อาจารย์ของคุณเหรอครับ?”
ลั่วหานพยักหน้า “ใช่ค่ะ เป็นอาจารย์สมัยที่ฉันไปเรียนแพทย์อยู่ที่อเมริกาค่ะ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ แต่ตอนนี้เขาเกษียณไปแล้ว ฉันว่าฉันคงต้องไปพบเขาแล้วค่ะ”
“คุณเอาข้อมูลของเขามาให้ผม เดี๋ยวผมจะให้คนไปรับเขามาเอง แต่ผมไม่ยอมให้คุณกลับไปอเมริกาแน่ ให้เขามาหาเราที่นี่แหละครับ”
ลั่วหานเม้มปากแล้วมองมาที่เขา แล้วทำหน้าอย่างลำบากใจ “มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับการรักษาจากอาจารย์ของฉัน และไม่ใช่ทุกคนที่ท่านจะยอมให้เข้าพบได้ ต่อให้เป็นคุณชายใหญ่หลงอย่างคุณก็ตาม เขาก็อาจจะไม่ให้เกียรติคุณขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ที่สำคัญ ท่านเกลียดคนที่ชอบให้เงินทองในการเจรจาต่อรองมากที่สุดเลย ถ้าคุณไปเสนอเงินให้ท่านรับรองได้เลยคุณจะต้องถูกท่านไล่ตะเพิดออกมาแน่นอนค่ะ”
เสียงของหลงเซียวทุ้มลึกลงไปทันที เขาจับมือของลั่วลั่วแล้วดึงเธอให้ลุกขึ้น “อันนี้มันก็ไม่แน่นะครับ”
เสียงเรียกเข้าของมือถือเครื่องหนึ่งดังขึ้น ลั่วหานหยิบมือถือขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นสายที่โทรมาจากโรงพยาบาลเธอก็รีบรับสายทันที
“ค่ะ”
“คุณหมอฉู่คุณตื่นหรือยังคะ? อยู่ๆ ชีพจรของหวังเถียนเถียนก็ตกลงอย่างฉับพลันค่ะ คุณช่วยมาดูหน่อยได้ไหมคะ?”
ลั่วหานตกใจจนเข่าทรุดไปในทันที “ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?!”
“ไม่กี่นาทีก่อนเองค่ะ หมอเวรกำลังช่วยดูอาการอยู่ค่ะ แต่ว่าอาการของหวังเถียนเถียนคุณน่าจะรู้ดีที่สุด” ”ได้ค่ะ! ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”
พูดจบ ลั่วหานก็วางสาย “คุณคะ ฉันจำเป็นต้องไปที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ หวังเถียนเถียนเธอ……”
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง ไปครับ”
ลั่วหานพยักหน้า “ค่ะ!”
รถที่วิ่งอยู่ในยามค่ำคืนได้มาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
พอลั่วหานเปิดประตูรถก็รีบวิ่งเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินทันที โดยที่ไม่ได้สนใจหวังเค่ยที่ยืนอยู่หน้าประตูเลย หวังเค่ยรีบตามมาเหมือนอยากถามอะไร คำตอบที่ได้มาคือแผ่นหลังสีขาวของลั่วหานเท่านั้น
หลงเซียวกับหวังเค่ยยืนรออยู่สองฟากของประตูห้องฉุกเฉิน ทั้งคู่ไม่มีใครพูดกับใครเลย
พยาบาลหลายคนพอเห็นหลงเซียวยืนสง่าอยู่ตรงหน้าห้องฉุกเฉิน ต่างก็พากันมาแอบมองแล้วกระซิบกระซาบกัน
“คุณหมอฉู่นี้ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ มีสามีที่หล่อเหลาขนาดนี้แค่ได้เห็นหน้าทุกวันก็คงจะมีความสุขมากแล้วแน่ๆ!”
“แถมยังขับรถมาส่งด้วยตัวเองอีก ช่างเอาใจใส่อะไรอย่างนี้!”
หลงเซียวสีหน้าเรียบเฉย แววตาเย็นชาไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาทั้งสิ้น ยืนเงียบๆ อยู่หน้าห้องมองดูไฟสีแดงที่กำลังสว่างอยู่นาฬิกาตรงกำแพงบอกเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มสี่สิบห้าแล้ว
การเป็นหมอไม่ใช่อาชีพที่น่าทำนัก มันเหนื่อยเกินไป
“คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ?”
ในขณะที่เขากำลังยืนเงียบอยู่ ถังจิ้นเหยียนก็รีบวิ่งเข้ามา พอเห็นหลงเซียวยืนอยู่หน้าห้อง เขาก็ถามขึ้นด้วยความแปลกใจว่า “ลั่วหานอยู่ในนั้นเหรอครับ?”
หลงเซียวพยักหน้า “อืม”
พยาบาลที่อยู่ข้างๆ รายงานอาการของหวังเถียนเถียนให้ถังจิ้นเหยียนฟัง เขาพยักหน้าตอบ “ผมรับทราบแล้วครับ”
ถังจิ้นเหยียนเดินตรงเข้าไปในห้องฉุกเฉิน แล้วบรรยากาศก็เงียบลงอีกครั้ง
หวังเค่ยนั่งลงบนพื้นด้วยความอ่อนล้า สองมือกุมหัวของตัวเองไว้ “ผมนี่มันไร้ค่าจริงๆ! ผมต้องคอยดูเธออยู่ตลอดสิทำไมถึงเผลอหลับไปได้!”
ในขณะที่พูดเขาก็เอามือทุบไปที่หัวของตัวเอง ในทางเดินมีเพียงแค่เสียงทุบหัวของเขาดังขึ้น มันทั้งเร็วและแรง
หลงเซียวเดินเข้ามาหาเขา “คุณหวังครับ”
หวังเค่ยเพิ่งรู้ตัวว่าหลงเซียวมายืนอยู่ข้างหลังเขาแล้ว กำลังยืนมองเขาอยู่ “คุณหลง? ทำไม……คุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ครับ?”
“อาการของลูกสาวคุณผมได้ฟังมาจากลั่วลั่วแล้ว สิ่งที่คุณควรทำในตอนนี้ไม่ใช่การมานั่งโทษตัวเอง แต่คุณต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้เธอเห็น การที่คุณมานั่งโทษตัวเองแบบนี้มันไม่ได้ช่วยให้การรักษาได้ผลดีขึ้นเลย”
หวังเค่ยดวงตาแดงก่ำ เขานั่งเอาหลังพิงกำแพงทั้งรู้สึกสับสนแล้วเจ็บปวด แล้วยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “เถียนเถียนเป็นลูกของผม แล้วจะไม่ให้ผมเจ็บปวดได้ยังไงกัน? คุณหลงคุณไม่มีลูก คุณไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าการที่พ่อคนหนึ่งต้องเห็นลูกสาวของตัวเองที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้นั้นมันเจ็บปวดแค่ไหน”
พ่อเหรอ?
ในโลกของหลงเซียว คนเป็นพ่อไม่ใช่แบบนี้
หลงเซียวขมวดคิ้ว “ผมจะหาทางรักษาลูกสาวของคุณเอง คุณไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
น้ำเสียงที่ฟังดูมั่นคงและทุ้มลึกยังคงเฉยชาเหมือนเคย
หวังเค่ยพยักหน้าอย่างอ่อนแรง “ขอบคุณครับคุณหลง……เถียนเถียนเป็นคนในครอบครัวคนเดียวที่ผมเหลืออยู่ เธอเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าหากไม่มีเธอแล้วผมเองก็คงอยู่ต่อไปไม่ไหวเหมือนกัน”
มือข้างหนึ่งของหลงเซียวล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง พอเห็นหวังเค่ยเป็นอย่างนั้น เขาจึงยกมืออีกข้างขึ้นมาตบไหล่ของหวังเค่ยแล้วพูดว่า “เรามาหาทางด้วยกันเถอะครับ”
หวังเค่ยเช็ดน้ำตาบนใบหน้าออก “ขอบคุณครับ”
ในที่สุดประตูของห้องฉุกเฉินก็เปิดออก
ลั่วหานกับถังจิ้นเหยียนเดินออกมาพร้อมกัน ทั้งคู่ดึงหน้ากากลง คนที่รออยู่ด้านนอกรีบเดินเข้ามาหาทันที
“คุณหมอครับ ลูกสาวของผมเป็นยังไงบ้างครับ?”
ลั่วหานยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยล้า “ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้วค่ะ”
หวังเถียนเถียนถูกเข็นออกมา ใบหน้าที่ขาวซีดมีหน้ากากออกซิเจนครอบอยู่ นอกจากความดันที่อ่อนลงนอกนั้นก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง
หวังเค่ยกับหมอถังส่งคนไข้ไปที่ห้องICU ลั่วหานก็ได้ถอนหายใจออกมา “สงครามที่น่าสะพรึงกลัวได้จบไปอีกครั้งหนึ่งโชคดีที่เด็กคนนี้ใจสู้เอามากๆ ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็นหมอก็คงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว”
หลงเซียวโอบไหล่เธอเอาไว้แล้วพูดว่า “พรุ่งนี้ผมจะเดินทางไปอเมริกา พอถึงแล้วผมจะเดินทางไปเชิญอาจารย์ของคุณให้มาที่นี่ด้วยตนเองครับ เด็กคนนี้จะต้องไม่เป็นอะไรครับ”
ลั่วหานเงยหน้าขึ้นมามองหลงเซียวทันที เธอตกใจจนปากแทบเบี้ยว “คุณจะเดินทางไปด้วยตนเองเหรอคะ? ท่านเซียวนี่คุณไม่ได้กำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่ไหมคะ?
หลงเซียวยิ้มให้เธออย่างรักใคร่ “ผมเคยบอกไปแล้วไงครับว่าผมจะเปลี่ยนวิธีการแก้ปัญหาใหม่”
ลั่วหานถามกลับด้วยความสงสัย “นี่คุณไปเจออะไรมาคะเนี่ย? ท่านเซียวที่รู้แต่ใช้เงินแก้ปัญหาเตรียมที่จะเดินทางสายความรู้สึกแล้วเหรอคะ?”
หลงเซียวถูกเธอแซวจนต้องขำออกมา “ใช่ครับ ผมอยากลองดูครับว่าผมจะสามารถเดินในเส้นทางสายนี้ได้ไหม”
“ถ้าคุณตั้งใจหล่ะก็คุณต้องทำได้แน่ค่ะ”