คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 324 คุณชายหลง ช่วยด้วย
ตอนที่ 324 คุณชายหลง ช่วยด้วย
กู้เยนเซินถูกคำพูดจาเมื่อครู่ของเธอทำให้งงงวย เมื่อเขาเตรียมตัวจะตะคอกกลับไปนั้นก็เยินเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา!
เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้ชายที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวและโหดร้าย “ไป๋เวย แกขับรถไปดี! อย่าคิดตุกติกอะไรทั้งสิ้น! ไม่อย่างนั้นลูปืนนี่อาจอยู่ไม่ถึงตอนสุดท้าย!”
กู้เยนเซินเบิกตากว้าง!
ไป๋เวยถูกข่มขู่!
เขารีบเดินกลับไปที่ห้องทำงานจากนั้นเปิดคอมพิวเตอร์เข้าไปสู่ระบบหนึ่ง แล้วเชื่อมต่อกับมือถือของไป๋เวย หน้าจอเต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย เส้นสีแดงและสีเขียวในระบบกำหนดตำแหน่งที่หนาแน่นเหมือนใยแมงมุม
“แน่จริงก็ยิงซิ! เหอะๆ ไม่กล้างั้นเหรอ? ให้ฉันขับรถไปส่งแกที่ท่าเรือก็เพราะต้องการให้ฉันปกป้องชีวิตแกไม่ใช่หรือไง? บอกมานะว่าใครอยู่ที่ท่าเรือ?หรือว่าคุณชายเสิ่น?”
เสียงของไป๋เวยยังคงเต็มไปด้วยความมั่นใจเหมือนตอนปกติ แต่เมื่อกู้เยนเซินได้ยินคำว่าเสิ่นเหลียว ชื่อนี้ทำให้เขาต้องตกใจ
อย่างนี้หมายความว่าคนที่กำลังคิดทำร้ายไป๋เวยก็คือเสิ่นเหลียว?
เสิ่นเหลียวทำไมต้องทำร้ายเธอ? ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์อะไรกัน? หรือว่า……คนที่เสิ่นเหลียวต้องการตัวนั้นเป็นคนอื่น ไป๋เวยเป็นเพียงแค่ตัวประกัน?
เสิ่นเหลียว?หลงเซียว?ลั่วหาน?ฉู่ซีหราน?
แม่งเอ้ย แบบนี้แสดงว่าเสิ่นเหลียวกับสองสามีภรรยานั่นต้องมีความแค้นกันแบบสุดๆแน่!
“ไป๋เวย แกขับรถไปดี เถียงกับฉันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะ”” ชายผู้นั้นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม
“เหอะๆ แกเป็นใครกัน? คิดว่ามีปืนแล้วฉันจะกลัวหรือไง? หึๆ แกเป็นหมารับใช้ให้เสิ่นเหลียวจนโง่ไปแล้วหรือไง!”
“ติ๊ง!” เสียงหนึ่งดังออกมาจากคอมพิวเตอร์ กู้เยนเซินจับตำแหน่งของเธอได้แล้ว “พระเจ้า! ไปไกลขนาดนี้แล้ว!”
กู้เยนเซินเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับมือถือ สัญญาณสีเขียวแดงปรากฏขึ้นที่หน้าจอมือถือทันที
เขารีบหยิบกุญแจรถจากนั้นวิ่งไปที่ลิฟต์ราวกับสายลม!
ไม่ว่าคนที่เสิ่นเหลียวตั้งใจจะทำร้ายนั้นจะเป็นไป๋เวยหรือสองสามีภรรยานั่น จะดูถูกคนนี้ไปไม่ได้เลย เพราะเขามักใช้วิธีที่สกปรกและโรคจิต
กู้เยนเซินยิ่งคิดยิ่งร้อนรนใจ เขารีบขับเบนซ์คันสีดำออกไปราวกับสายลม กู้เยนเซินใส่หูฟังบลูทูธจากนั้นบังคับพวงมาลัยไปในทิศทางตามGPS แม้หนทางจะไกล แม้ถนนจะแคบ แต่สิ่งเดียวที่เขาปรารถนาในตอนนี้คือไป๋เวยจะต้องปลอดภัย!
“ไป๋เวย นี่แกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง แกกล้าหักหลังท่านเสิ่นเท่ากับรนหาที่ตาย คิดว่าท่านเสิ่นจะเอ็นดูแกจริงๆงั้นเหรอ? นอนกับท่านเสิ่นแค่ไม่กี่คืนก็……”
เสียงของชายผู้นั้นขาดหายไป เมื่อกู้เยนเซินมองไปที่หน้าจอพบว่าสายถูกตัดไปเสียแล้ว
แม่งเอ๊ย!
ประโยคที่ชายคนนั้นยังพูดไม่จบคืออะไร?
สมองของกู้เยนเซินสับสนวุ่นวายในตอนนี้ ไป๋เวยกับเสิ่นเหลียว? เป็นไปได้ยังไง!
ไป๋เวยกับเสิ่นเหลียวเหมือนอยู่กันคนละโลก ทั้งสองคนจะ……! เป็นไปไม่ได้!
แต่ภายในใจของกู้เยนเซินเจ็บปวดเหมือนถูกธนูนับหมื่นทิ่มแทงกลางใจ จิตใต้สำนึกของเขาก็สัมผัสได้ว่าชายผู้นั้นคงไม่พูดเรื่องแบบนี้ออกมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
ไป๋เวยกัดฟันกรอก มือทั้งสองข้างของเธอกำพวงมาลัยแน่นแล้วมองไปยังกระบอกปืน ปากเธอเผยอขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ถ้าแกพูดออกมาอีกคำหนึ่ง เตรียมตัวตายไปด้วยกันได้เลย!”
“เหอะๆ ไป๋เวย คิดไม่ถึงจริงๆเลยนะ แกโดนท่านเสิ่นทำตั้งหลายครั้งยังปากแข็ง! ฉันจะคอยดูถ้าแกไปถึงท่าเรือแล้วยังจะกล้าปากดีอยู่อีกไหม!”
มือของไป๋เวยบังคับพวงมาลัยไปทางกำแพงทางด่วน!
“เอี๊ยด!”
เสียงของล้อเบียดกับถนนเสียดสีกันดังออกมา เมื่อมองดูรถที่เคลื่อนตัวใกล้กำแพงเข้ามาทุกทีๆ!
“นังสาระเลว!”
ชายผู้นั้นดึงหัวของไป๋เวยไว้แล้วพูดว่า “แกอยากตายหรือไง!!!”
ไป๋เวยบังคับพวงมาลัยกลับมายังทิศทางเดิมแล้วพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ใช่ ฉันอยากตาย ฉันไม่กลัวความตายมาตั้งนานแล้ว แกล่ะ? แม่งกลัวจนหัวหด!”
เมื่อเขาได้ยินดังว่าเธอไม่กลัวตาย ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาจึงได้ขู่ออกไปว่า “เร่งความเร็ว ขับไป!”
กู้เยนเซินมองดูเส้นสีแดงที่ปรากฏในหน้าจอ พบว่าความเร็วถูกเร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เธอบ้าไปแล้วหรือไง ทำไมรีบรนหาที่ตาย! สมองผิดปกติแน่ๆ
กู้เยนเซินขับรถตามไปด้วยความเร็วสูง แต่ก็ยังห่างจากไป๋เวยค่อนข้างไกล การที่จะตามรถเธอไปนั้นเป็นไปได้ค่อนข้างยาก เขาบังคับพวงมาลัยด้วยมือเดียวจากนั้นรีบโทรหาหลงเซียว
หลงเซียวกำลังประชุมอยู่ เขามองดูชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอมือถือว่ากู้เยนเซิน จึงได้พูดขึ้นว่า “พวกคุณประชุมไปก่อนนะครับ ผมขอรับโทรศัพท์สักครู่”
คนในห้องประชุมมองหน้ากันไปมา จากนั้นหลงเซียวเดินออกไปรับสาย “คุณชายกู้”
“หลงเซียว ช่วยด้วย!”
เสียงของกู้เยนเซินดังขึ้นมาในสาย หลงเซียวขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ว่ามา”
“เสิ่นเหลียวส่งคนมาจับตัวไป๋เวยไป ไม่สิ คนของเสิ่นเหลียวตอนนี้อยู่ในรถของไป๋เวย เขามีปืนด้วย ตอนนี้ไป๋เวยกำลังมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือ เธอขับรถเร็วมาก ผมกำลังตามไปด้วยความเร็วสูงสุดแต่คาดว่าคงตามไม่ทัน คุณช่วยหน่อยได้ไหม”
“บอกทิศทางตำแหน่งมา”
หลงเซียวสอบถามรายละเอียดทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ยังไม่ได้วางสายลง เขาโบกมือเรียกจี้ตงหมิงมา “พักการประชุมไว้แค่นี้ก่อน แล้วเลื่อนกำหนดการออกไป รอผมกลับมา”
จี้ตงหมิงมองดูเจ้านายของตนอย่างไม่เข้าใจ “เจ้านายครับ เกิดเรื่องใช่ไหม?”
หลงเซียวพยักหน้า “เสิ่นเหลียว ไปเตรียมเฮลิคอปเตอร์ ผมจะไปที่ท่าเรือ”
“รับทราบ!”
หลงเซียวผละออกจากห้องประชุมโดยไม่หันกลับไปมองแม้แต่น้อย สถานการณ์เช่นนี้ไม่มีใครกล้าเอ่ยถามถึงเหตุผลสักคำ
“คุณชายกู้ฟังนะ ในมือเขามีปืนหรืออาจจะมีอาวุธอื่นๆอยู่ด้วยก็ได้ ตอนนี้คุณตัวคนเดียวอย่าทำอะไรไม่คิด ผมจะไปช่วยคุณที่ท่าเรือ”
เสียงของหลงเซียวเรียบนิ่งมาก ฟังไม่ออกถึงความตื่นเต้นใดๆ ร่างกายกำยำเดินเข้ารถและมุ่งหน้าตรงไปยังสนามบินส่วนตัว
กู้เยนเซินกัดฟันแล้วพูดว่า “คุณชายหลง เสิ่นเหลียวและไป๋เวยมีความเกี่ยวข้องกันยังไง? ทำไมเสิ่นเหลียวต้องจับตัวไป๋เวยไปด้วย ทำไมผมแม่งไม่รู้เรื่องอะไรเลย?”
หลงเซียวขับรถไปด้วยความเร็วสูง “ตอนนี้คุณไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องพวกนี้ เพียงจำไว้ว่าไป๋เวยต้องไม่ตกอยู่ในน้ำมือของไอ้บ้าเสิ่นเหลียวนี่ก็พอ”
“รู้แล้วน่า!” กู้เยนเซินตอบรับแล้วเหยียบไปที่คันเร่งจนสุด!
รถของไป๋เวยลงมาจากทางด่วน รถของเธอขับมาถึงชายแดนเมืองจิน ข้างหน้าไม่กี่กิโลเมตรก็คือท่าเรือ
กู้เยนเซินทำไมยังไม่มีความเคลื่อนไหว? ปกติแล้วเขามีความสามารถดี ไม่รู้สถานการณ์คับขันเช่นนี้เขาจะทำได้ไหม?
ในใจไป๋เวยเริ่มกังวล เทคนิคด้านคอมพิวเตอร์ของเขาค่อนข้างดี น่าจะหาตำแหน่งของเธอได้?
ในใจครุ่นคิดมากมาย ในท้ายสุดก็มาถึงยังถนนหลัก ไป๋เวยสูดลมหายใจเข้า ปืนกระบอกนั้นยังคงจ่ออยู่ที่หัวของเธอ
“ไป๋เวย ถือว่าแกฉลาดอยู่บ้าง เดี๋ยวพอไปถึงแล้วฉันจะไม่ให้แกเสียเปรียบหรอกนะ”
“ถุย!”ไป๋เวยสบถออกมา สายตาอันเยือกเย็นมองไปยังท่าเรือที่อยู่ไกลออกไป ในใจเธอคล้ายมีหินก้อนใหญ่วางทับไว้ เสิ่นเหลียวรู้เรื่องที่เธอทำให้กับลั่วหาน ถ้าอย่างนั้นเขาจะรู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นใคร?
ไป๋เวย…… ไป๋เวย……
เสิ่นเหลียวจะรู้ถึงตัวตนของเธอไหม เมื่อนึกถึงตรงนี้เธอจึงได้รู้ว่าการที่ไอ้บ้านั่นมักเรียกแต่ชื่อของเธอเพราะเหตุใด!
จบแล้ว เสิ่นเหลียวรู้ตัวตนของเธอ! เสิ่นเหลียวไอ้ฆาตกรโรคจิต!
รถสีขาวเริ่มผ่อนความเร็วลง มือของไป๋เวยยังคงจับพวงมาลัยแน่น เธอมีความวิตกกังวลอย่างหนัก เฉกเช่นกรงเล็บอันแหลมคมของยมทูตจิกมายังเครื่องในเส้นประสาททุกเส้น!
ปฏิกิริยาตอบสนองให้เธอหลับตาลง ไป๋เวยรู้สึกว่ามือของเธอเปียกไปด้วยเหงื่อ
“ขับรถ! ขับไป!”
กระบอกปืนยังคงจ่ออยู่ที่หัวของเธอ ไป๋เวยกัดฟันแล้วขับรถต่อไป เธอต้องตายแน่ๆ ไม่สิ บางทีอาจจะเจ็บปวดกว่าการตายก็ได้
เมื่อคิดได้ดังนั้น มือของไป๋เวยบังคับพวงมาลัยไปในทิศทางตรงข้าม!
“ปัง!”
เสียงดังสนั่นออกมา ไป๋เวยตกตะลึงมาก เสียงปืนไม่ได้ดังมาจากด้านหลังเธอ แต่ดังมาจากด้านหน้า!
คนของเสิ่นเหลียวมาถึงแล้ว!
“ปัง!!!”
รถสั่นคลอน ล้อหน้าถูกยิง shit!
“ไป๋เวย คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ?”
“ปัง!”
ลูกปืนอีกนัดหนึ่งยิงมายังล้ออีกข้าง ทำให้รถไม่สามารถเดินหน้าไปได้
“นังสาระเลว ลงมาเดี๋ยวนี้!”
หัวของธอถูกกระชากอย่างแรง ร่างบอบบางของไป๋เวยจะหล่นลงมาจากรถ รองเท้าเธอหลุดออก ผมเผ้ายุ่งเหยิง เธอกำลังเงยหน้าขึ้นมองเขาผู้นั้นแต่ยังไม่ทันได้มองเห็นหน้า ก็ถูกหมัดชกเข้ามาเต็มเปา!
“พลั่ก!” หมัดนั้นซัดลงที่ใบหน้าของเธอ เธอหน้ามืดตาลาย ในปากรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือด
เลือดไหลออกมาจากมุมปากตัดกับผิวขาวของเธอ
ไป๋เวยเงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเผยถึงเลือดสีแดงสดในปากเธอ “ทำร้ายฉันงั้นเหรอ? ดีมาก ฆ่าฉันเลยซิ! ยิงซิ!”
“นังแพศยา!” ชายหนวดเครารุงรังดึงผมเธอให้เงยหน้าขึ้น จนแทบจะยกไป๋เวยขึ้นทั้งตัวได้ “รีบเหรอ? ยังมีอีกหลายอย่างรอแกอยู่ ตายตอนนี้คงน่าเสียดายนะ?”
“เอาตัวไป!”
ไป๋เวยคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ จากเดิมเธอต้องการหนีไประหว่างทาง แต่กลับถูกคนของเสิ่นเหลียวเข้ามาขวางไว้ กู้เยนเซินจะหาเธอเจอได้อย่างไร?
ในใจเธอเจ็บปวดและสิ้นหวัง ไป๋เวยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความตายที่กำลังเข้ามาเยือน
กู้เยนเซินพบว่าจุดสีแดงนั้นไม่ขยับ แต่รถยังไปไม่ถึงท่าเรือ
“คุณชายหลง ผมสงสัยว่าเธอจะถูกคนพาตัวไปแล้ว มือถือของเธออยู่ที่ถนน1408 ห่างจากท่าเรือจิน45กิโลเมตร”
เครื่องบินส่วนตัวของหลงเซียวบินมาถึงเท่าเรือเรียบร้อย แต่ยังไม่ได้ลงจอด หลงเซียวก้มมองลงไปด้านล่าง “คนของเสิ่นเหลียวน่าจะพาเธอไปทางเรือ เรือของพวกมันน่าจะจอดอยู่แถวนี้ ถ้าหาพวกมันเจอก็คงเจอเธอด้วย”
“ฝากด้วยนะ ผมใกล้ถึงแล้ว!”
“อืม!
หลงเซียวเปิดช่องเล็กๆระหว่างเครื่องบินออกแล้วหยิบปืนขึ้นมาบรรจุกระสุน “ฉึบ!” เขาลั่นไกไปยังบางแห่งเพื่อทดลอง
เนื่องจากเขาไม่ได้หยิบปืนด้วยตัวเองมาพักหนึ่งแล้ว
ผู้ขับเครื่องบินมองดูมองไปยังคุณหลง แล้วพูดอย่างชื่นชมว่า “เจ้านาย เพิ่งเคยเห็นคุณใส่กระสุนปืนด้วยตัวเอง สุดยอด!”
หลงเซียวถามอย่างไม่เข้าใจว่า “แค่นี้ก็เก่งแล้วเหรอ?”
ผู้ขับกลืนน้ำลาย “……ผมว่าเก่งครับ!”
นิ้วเรียวยาวของหลงเซียวเลื่อนไปยังแผนที่ จากนั้นกำหนดจุดหมายพูดว่า “จอดที่นี่”
เป้าหมายที่เขาบอกนั้นคือบนเรือสำราญลำใหญ่ ในเรือนั้นมีลานจอดเครื่องบินอยู่ เป็นเรือส่วนตัวของหลงเซียวที่จอดไว้ ณ ท่าเรือ
“ครับ! รอสักครู่”
เครื่องบินลงจอดอย่างนิ่มนวลสู่พื้นของเรือสำราญขนาดใหญ่
หลงเซียวปลดเข็มขัดนิรภัยและถอดหมวกออก “รอผมอยู่ที่นี่และรอฟังคำสั่ง”