คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 322 คุณเสร็จฉันแน่
ตอนที่ 322 คุณเสร็จฉันแน่
ถังจิ้นเหยียนถอดผ้ากันเปื้อนออกและมองไปยังอาหารมื้อสุดท้ายที่เขาทำให้เจิ้งซิ่วหยา เขารู้สึกเหมือนได้รับการปลดปล่อย เขาถอนหายใจยาวแล้วนำอาหารไปวางบนโต๊ะ
ผ้าปูโต๊ะสีขาวถูกคลี่ออก และดอกคาร์เนชั่นสีชมพูสดจำนวนมากถูกประดับไว้ในแจกันคริสตัลตรงกลางโต๊ะ อีกทั้งดอกกุหลาบสีแดงแซมคาร์เนชั่นสวยงาม
โคมระย้าสไตล์บาร็อคแขวนอยู่เหนือโต๊ะอาหาร แสงไฟส่องสว่างระยิบระยับทำให้อาหารมีสีสันสดใสน่าสนใจยิ่งขึ้น ไม่ต้องพูดถึงกลิ่น เพียงแค่รูปลักษณ์ก็สามารถยั่วยวนผู้คนจนน้ำลายสอ
“คุณเจิ้ง กินข้าวได้แล้วครับ”
ถังจิ้นเหยียนดึงเก้าอี้ออกมาและเอ่ยเชิญด้วยท่าทางสไตล์ตะวันตก แต่อาหารที่เขาทำในวันนี้คืออาหารจีน อีกทั้งยังมีความซับซ้อนอีกด้วย
เมื่อเจิ้งซิ่วหยาได้ยินว่าอาหารพร้อมแล้ว เธอก็กระโดดลงจากโซฟา ปิดทีวีและรีบกลืนมันฝรั่งทอดที่ยังเคี้ยวไม่เสร็จเข้าปาก จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องครัว กลิ่นอาหารหอมคละคลุ้งไปทั่วจมูก เธอแทบจะน้ำลายไหลเลยทีเดียว
“โอ้โห! เชฟถัง ทักษะการทำอาหารของคุณพัฒนาขึ้นมากเลย อาหารวันนี้มีกลิ่นหอมกว่าครั้งที่แล้วอีก อืม….. ” เจิ้งซิ่วหยาแสดงความคิดเห็นอย่างระมัดระวัง “เนื้อสันนอกหมูเปรี้ยวหวานมีกลิ่นหอมเหมือนเชฟมืออาชีพเลย ส่วนปลาน้ำแดงก็สีสดและกลิ่นหอม เห็นได้ว่าฝีมือเชฟถังดีขนาดไหน น้ำจิ้มไก่อันนี้ก็ดีเช่นกันอ้อ……เนื้อตุ๋นในน้ำมัน…… เดี๋ยวก่อนนะถังจิ้นเหยียน รสชาติของอาหารที่คุณทำคืนนี้คือ มันไม่หนักเกินไปเหรอ? "
ถังจิ้นเหยียนพยักหน้าด้วยท่าทีสง่างาม “วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะทำอาหารให้คุณ ดังนั้นผมจึงพยายามทำออกมาอย่างเต็มที่ หวังว่าคุณหนูจะกินอย่างมีความสุขนะครับ”
จะบ้าหรือไง!
ทั้งเนื้อทั้งปลาขนาดใหญ่ เธอจะกินมันอย่างมีความสุขได้อย่างไร? กินแล้วจมลงในน้ำมันมากกว่า เจิ้งซิ่วหยาเปิดฝาหม้อปรุงอาหารและได้กลิ่นที่หอมเข้มข้น เธอจึงได้ก้มลงดู “ถังจิ้นเหยียน! คุณตั้งใจทำอาหารหนักขนาดนี้มื้อเย็นได้ยังไง คุณต้มซุปซี่โครงเข้มขนาดนี้!”
ถังจิ้นเหยียนสีหน้านิ่งเรียบ เขาอธิบายต่อไปว่า “คุณเจิ้งครับ เนื่องจากเป็นมื้อสุดท้าย ผมจึงอยากให้คุณทิ้งความประทับใจไว้ไม่ลืมเลือน จงจดจำรสชาติอาหารนี้ ต่อไปถ้าเจอก็จงหลีกหนี”
เจิ้งซิ่วหยาเอามือเท้าสะเอวแล้วปิดฝาหม้อลงมองมายังถังจิ้นเหยียน เธอมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าไปมา “เหอะ! ถังจิ้นเหยียน ดูไม่ออกนะว่าคุณจะมีจิตใจแบบนี้ คุณคิดว่าจะทำอาหารรวจัดแบบนี้ให้ฉันกิน ต่อไปฉันจะได้ไม่กล้าให้คุณมาทำกับข้าวอีกงั้นเหรอ?”
สายตาของถังจิ้นเหยียนบอกว่าถูกต้องแล้ว แต่เขาก็เลือกที่จะตอบกลับอย่างสุภาพว่า “คุณเจิ้งไม่ขาดแคลนเชฟฝีมือดี ผมก็แค่มือสมัครเล่น คุณไม่จำเป็นต้องรั้งผมเอาไว้นานนี่ ใช่ไหม?”
“ใช่บ้าอะไร!” เจิ้งซิ่วหยาพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ เธอวางท่าหาเรื่องถังจิ้นเหยียน ช่างแตกต่างกับถังจิ้นเหยียนที่ท่าทีสง่างามยิ่งนัก
“ถังจิ้นเหยียน ฉันเปลี่ยนใจกะทันหันแล้วล่ะ ฉันลองคิดๆดูแล้วนะ ต่อไปฉันก็ต้องแต่งงานมีครอบครัว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเจอคนแบบไหนกันแน่ ดังนั้นฉันตัดสินใจเลือกคุณแล้วกัน ต่อจากนี้เรายกเลิกสัญญาความร่วมมือ ฉันจะเป็นแฟนของคุณอย่างเปิดเผย”
ถังจิ้นเหยียนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอตกตะลึง สายตาของเต็มไปด้วยความสงสัย “คุณเจิ้งครับ ผมบอกคุณแล้วว่าผมไม่พร้อมจะมีใครในตอนนี้ อีกอย่างพวกเราไม่เข้ากัน”
“หุบปากไปเลย!” เจิ้งซิ่วหยาพูดคำไม่สุภาพออกมาอีกครั้ง “ฉันไม่เคยพบเจอผู้ชายที่ไม่ชอบฉัน การที่คุณไม่ชอบฉันหมายความว่าคุณมีปัญหา ไม่ใช่ฉัน ถังจิ้นเหยียนฉันมีความสามารถรอบด้าน รูปร่างหน้าตาดี มีชื่อเสียงในสังคม เหมาะสมกับคุณมาก ฉันเป็นตำรวจรักษาสันติภาพแก่ประชาชนนะ! อีกอย่างฉันไม่รังเกียจที่คุณเป็นหมอธรรมดาๆ ลองคิดทบทวนดู คุณจะไปหาผู้หญิงที่เพียบพร้อมแบบนี้ได้อีกที่ไหนกัน? ที่สำคัญคือพวกเราสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในทุกๆด้าน ที่เป็นคุณสมบัติสำคัญของสามีภรรยานะ!”
เจิ้งซิ่วหยาบ่นออกมาอย่างไม่ได้หยุดหายใจ ถังจิ้นเหยียนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับหูอื้อ เขาเอามือนวดขมับตัวเองแล้วพูดว่า “คุณเจิ้ง สิ่งที่คุณพูดมาล้วนเป็นเรื่องจริง แต่พวกเราไม่มีความรู้สึกแบบนั้นต่อกัน”
เจิ้งซิ่วหยาเดินหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็วโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัวกับท่าทีของเธอ ทันใดนั้นเจิ้งซิ่วหยาก็เอามือทั้งสองโอบคอเขาลงมาแล้วทำท่าจะประทับริมฝีปากลงไป!
เมื่อเธอได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นโครมคราม ปากของเธอก็เผยอเล็กน้อย
ถังจิ้นเหยียนตกใจกับการกระทำของเธอมาก เกือบจะผลักเธอออกไป แต่ท่าทีของเธอกลับอ่อนหวานขึ้น มือที่กำลังจะผลักเธอกลับหยุดชะงัก!
และปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของเธอ
ระยะเวลาเนิ่นนาน เจิ้งซิ่วหยาจึงคลายมือลง แล้วเงยหน้าขึ้นมองถังจิ้นเหยียน มุมปากของเธอเผยอขึ้น
“ถังจิ้นเหยียน! คุณบอกว่าไม่มีความรู้สึกไม่ใช่เหรอ?” เจิ้งซิ่วหยาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอรู้หรือไม่ว่าได้ขโมยจูบแรกของถังจิ้นเหยียนไปเสียแล้ว!
ถังจิ้นเหยียนอายุปูนนี้เขาเพิ่งเคยมีจูบแรก อีกทั้งถูกกระทำ ถูกบังคับโดยไม่เต็มใจ ถูกขโมยไปแบบป่าเถื่อน!
ถังจิ้นเหยียนรู้สึกหน้ามืดตาลายขึ้นมา
“เจิ้งซิ่วหยา คุณทำอะไร?” ถังจิ้นเหยียนทำตัวไม่ถูกจากการกระทำของเจิ้งซิ่วหยา เขาไม่อาจบอกได้ถึงสาเหตุที่หัวใจเต้นรัว ไม่รู้ว่ามาจากความรู้สึกหรือความโกรธกันแน่!
สรุปว่าเขาโกรธมากจริงๆ
เจิ้งซิ่วหยายักไหล่ไม่สนใจ “ถังจิ้นเหยียน คุณไม่ยอมรับอีกเหรอ?เมื่อสักครู่ใจคุณเต้นรัวอย่างกับกลอง ในฐานะหมอเฉพาเทาง คุณไม่รู้จริงๆเหรว่าการที่หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะแบบนี้มาจากอะไร?”
“เจิ้งซิ่วหยา คุณเป็นผู้หญิงนะ……คุณเป็นผู้หญิง”เดิมทีถังจิ้นเหยียนก็ไม่เคยทะเลาะกับใคร เขาด่าใครไม่เป็น โดยเฉพาะกับผู้หยิง เมื่อเขาถูกกระทำโดยผู้หญิงแบบนี้เขาได้แต่ส่ายหัว
“ฮ่าๆๆๆๆ!” เจิ้งซิ่วหยาหัวเราะไม่หยุด “ถังจิ้นเหยียน คุณน่ารักมากๆเลย ตอนที่คุณโกรธน่ารักจริงๆ ฉันชอบคุณ!”
ประโยคสุดท้ายนั้นเจิ้งซิ่วหยาพูดออกด้วยเสียงอันดังแต่หนักแน่น ไม่ได้มีทีท่าว่าล้อเล่น เธอดึงคอเสื้อถังจิ้นเหยียนไว้แล้วพูดว่า “ถังจิ้นเหยียน ฉันชอบคุณ คุณถูกฉันมัดตัวเอาไว้แล้วล่ะ”
ถังจิ้นเหยียนเอามือกุมหน้าผาก “คุณเจิ้ง คุณเป็นตำรวจนะไม่ใช้โจร”
“ตำรวจแล้วไง? ในด้านของความรักทุกคนก็เป็นนักเลง”
เจิ้งซิ่วหยาพูดจบก็กดถังจิ้นเหยียนลงไปที่เก้าอี้ “วันนี้ฉันให้คุณทำอาหารให้ในฐานะพ่อครัว แต่นับจากพรุ่งนี้คุณต้องทำอาหารให้ฉันในฐานะแฟน ทำตามแผนของฉัน อีกไม่กี่เดือนก็จะได้ทำอาหารในฐานะสามี เหอะๆ ถังจิ้นเหยียน คุณเป็นสามีของตำรวจหญิงนะ รู้สึกประทับใจไหม?”
ถังจิ้นเหยียนรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก “คุณเจิ้ง ระหว่างพวกเราสองคนมันเป็นไปไม่ได้หรอกนะครับ”
เจิ้งซิ่วหยาหยิบสันในหมูใส่ปาก “เป็นไปไม่ได้ได้ยังไง เข้ากันดีเสียมากกว่า! ฉันชอบอาหารรสจัดนะ!ฉันรู้สึกประทับใจรสชาตินี้จริงๆ อยากจะกินไปตลอดชีวิต”
ถังจิ้นเหยียนไม่รู้จะพูดอย่างไร เขาเข้าใจถึงความรู้สึกของสามีที่มีภรรยาป่าเถื่อนและข่มขู่ขึ้นมาทันใด……
——
หลังจากนั้นครึ่งเดือน ร่างกายของลั่วหานกลับเป็นปกติดี นอกจากแขนขวายังมีอาการเจ็บบ้างบางครั้ง อย่างอื่นก็ไม่มีปัญหา
เมื่อร่างกายได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว สิ่งที่เธอนึกถึงอันดับแรกก็คือรับตัวลูกสาวของหวังเค่ยมายังโรงพยาบาลหวาเซี่ยเพื่อรักษา จี้ตงหมิงเป็นผู้จัดการเรื่องของขั้นตอนทั้งหมด ดังนั้นจึงใช้เวลาเพียงหนึ่งวัน
หนูน้อยถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลหวาเซี่ย วันแรกก็ได้รับการตรวจจากลั่วหานอย่างละเอียด โรคของหนูน้อยแย่กว่าที่เธอคิดไว้มาก
หลินซีเหวินมองดูลั่วหานแล้วถามว่า “คุณหมอฉู่ อาการของหวังเถียนเถียนแย่กว่าที่คาดเดาไว้การผ่าตัดธรรมดาทั่วไปอาจจะไม่ได้ผล คงต้องเปลี่ยนหัวใจให้เธอ”
มือเรียวงามของลั่วหานจับไปที่เมาส์ แล้วค้นหาประวัติผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่เธอได้รับรายงานก็คือ ห้าปีมานี้อาการผู้ป่วยแบบเดียวกันไม่ว่าจะเป็นเพศหรืออายุ ทุกคนล้วนเสียชีวิต
ลั่วหานวางมือลงแล้วพิงไปที่พนักเก้าอี้ “การเปลี่ยนหัวใจเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำก็คือ ต้องให้หัวใจเธอเข้มแข็งกว่านี้ หัวใจเธออ่อนล้าเกินไป อีกทั้งหัวใจห้องซ้ายมีเชื้อโรคจำนวนมาก ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจก็ไม่มีประโยชน์”
ลั่วหานพยายามคิดหาวิธี “อ้อ อีกอย่าง เธอกรุ๊ปเลือดRH- การที่จะหาหัวใจที่เข้ากันได้เป็นเรื่องยากมากอยู่แล้ว ต้องมาดูที่กรุ๊ปเลือดด้วย คุณคิดว่าจะหาผู้บริจาคได้ไหม?”
หลินซีเหวินนั่งลงบนเก้าอี้เสียงสั่นเครือพูดว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ เธอไม่มีทางรอดแล้วเหรอ?”
ลั่วหานพยักหน้า แล้วส่ายหัว “ไม่แน่ใจ แต่จากที่ฉันดูรายงานของหวังเค่ย เขามีเลือดกรุ๊ปBธรรมดา ไม่ตรงตามต้องการ ตอนนี้พวกเราต้องการข้อมูลผู้เป็นแม่”
“แต่ว่า เมื่อเอาหัวใจออกมาคนนั้นก็ต้องตาย แม่ของเด็กจะให้ชีวิตลูกสาวของเธอได้หรือ? นอกจากนี้เราไม่สามารถเอาหัวใจไปจากร่างกายที่มีชีวิตอยู่ได้"
จากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่ ลั่วหานพบผู้ป่วยที่ทำให้เธอหมดหนทางและผู้ป่วยรายนี้มีผลกระทบต่างๆมากมาย แต่เด็กน้อยคนนี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ลั่วหานไม่รู้ว่าจะอธิบายให้หวังเค่ยฟังอย่างไร
ขณะที่ทั้งสองนั่งเงียบอยู่ในห้องทำงานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ลั่วหานตอบว่า "เข้ามาได้"
คนที่เปิดประตูเข้ามาคือไป๋เวยซึ่งเป็นคนที่ลั่วหานไม่คาดคิด
“มีอะไรเหรอ?” ลั่วหานมองไปที่ไป๋เวยด้วยสีหน้าตื่นตระหนกและถามขึ้น
ไป๋เวยมองไปยังหลินซีเหวินและไม่พูดอะไรออกมา
ลั่วหานจึงพูดว่า “ไว้คุยกันอีกทีนะคะคุณหมอหลิน”
หลินซีเหวินเห็นดังนั้นจึงขอตัวออกไป เมื่อประตูถูกปิดลง ไป๋เวยที่เพิ่งเข้ามาก็รู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงคนเมื่อกี้มาก เคยเจอเธอที่ไหนมาก่อนกันนะ?
เธอเคยเจอกันมาก่อนจริงๆ
ไป๋เวยนั่งลงและพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “ลั่วลั่ว เมืองเจียงเฉิงเกิดเรื่องแล้ว”
ดวงตาลั่วหานเย็นชาและมือของเธอกำแน่นโดยไม่รู้ตัว "เสิ่นเหลียวมาหาคุณอีกแล้วเหรอ มีเรื่องอะไรเหรอ?"
ไป๋เวยกัดฟันแน่น “เขาจะมีเรื่องอะไรได้อีก? แต่ฉันจะไม่ยอมให้เขาแตะต้องฉันอีกแม้แต่น้อย” ไป๋เวยกัดฟันแน่น
“เธอจะต้องตัดขาดความสัมพันธ์กับเขาให้เด็ดขาดนะ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ได้”
ไป๋เวยพยักหน้าแล้วพูดว่า “เสิ่นเหลียวกำลังรวบรวมกองกำลังคนจำนวนมากในเมืองเจียงเฉิง และมุ่งเป้าไปที่เธอ "
ลั่วหานหัวเราะเหอะๆ “ฉัน? เขามุ่งเป้าหมายมาที่ฉัน?”
ดวงตาของไป๋เวยจริงจังแล้วพูดว่า “ใช่แล้วคุณเสิ่นเหลียวและน้องสาวที่แสนดีของต้องการตัวเธอเอาไปผ่าพิสูจน์”
ลั่วหานหมุนปากกาในมือ แล้วถามขึ้นว่า “มีแผนการยังไง?”