คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 317 ไอ้หมอนี่มันชายฉกรรจ์ชัดๆ
ตอนที่ 317 ไอ้หมอนี่มันชายฉกรรจ์ชัดๆ
คนของสถานีตำรวจจับกุมแฮกเกอร์ที่เจาะเข้ามาในระบบความปลอดภัยของโรงพยาบาลหวาเซี่ย จากนั้นถามอยู่ครึ่งชั่วโมงเต็มๆก็ยังไม่ได้อะไรมาเลยแม้แต่น้อย
เจ้าหน้าที่สอบปากคำที่อยู่ในเครื่องแบบมองผู้ต้องสงสัยที่ใส่กุญแจมือนั่งอยู่บนเก้าอี้ ผู้ต้องสงสัยอายุสามสิบสองปี เคยเป็นโปรแกรมเมอร์ของบริษัทการเงินที่มีชื่อเสียงในวอลสตรีท รับผิดชอบรักษาความปลอดภัยของระบบภายในบริษัท สองปีก่อนเนื่องจากความผิดพลาดในการทำงานทำให้เงินทุนของบริษัทถูกยักยอกไปส่วนหนึ่ง จึงถูกไล่ออก ในขณะเดียวกันชื่อของเขาก็ถูกบริษัทใหญ่หลายบริษัทบันทึกอยู่ในรายชื่อแบล็คลิสต์
ตอนที่ออกมาจากบริษัท ก็ถูกอายัดทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมด บ้านพักอาศัยที่ซื้อในอเมริกาก็ถูกบริษัทเอาไปจำนองให้กับธนาคาร
ในสองปีนั้น เขาบอกลาอเมริกา กลับมาทำงานเป็นคนดูแลwebให้กับบริษัทเล็กๆในประเทศ แต่รายได้และสวัสดิการต่างกันกับบริษัทเดิม บวกกับต้องชำระเงินที่กู้มาซื้ออสังหาริมทรัพย์หลังหนึ่งในเมืองหลวงภายใต้ชื่อของตัวเอง เขาจึงเริ่มรับงานส่วนตัว บางครั้งก็ได้หลายร้อย บางครั้งขึ้นไปถึงหลักพัน
งานที่ทำก็เริ่มจากช่วยซ่อมแซมบำรุงช่องโหว่จนกลายเป็นผู้ช่วยที่อยู่เบื้องหลังในเวลาต่อมา ค่าตอบแทนก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ งานที่เขาทำก็เริ่มล้ำเส้นกฎหมายมากขึ้นเช่นกัน
หลังจากสอบปากคำ เขาถึงขนาดที่ว่าเจาะเข้าไปตรวจสอบข้อมูลในระบบความปลอดภัยของMBKโดยไม่ถูกจับได้มาแล้ว ยังดีที่ไม่ได้ไปทำลายระบบความปลอดภัย ไม่อย่างนั้นก็ไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตามมาเลยจริงๆ
เปิดอ่านประวัติอาชญากรรมของเขาดู เจ้าหน้าที่สอบปากคำพูดกับหัวหน้าด้วยเสียงเบาๆ“ลูกพี่คนนี้เป็นคนที่สุดยอดคนหนึ่งเลยนะครับ แต่เสียดายที่ไม่ได้นำไปใช้ให้ถูกจุด แถมไอ้หนุ่มคนนี้ก็ยืนหยัดมั่นคงใช้ได้เลย ถามจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ปริปากพูดเลยสักคำ”
หวางเทาผู้กองใหญ่ของตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่อยู่ในเครื่องแบบถอดหมวกออก คว้าเก้าอี้มานั่งลงตรงกันข้าม“หวังเค่ย นายรู้ไหม เรื่องที่นายทำตอนนี้ทำให้คนคนหนึ่งต้องตาย? สิ่งที่นายทำที่ผ่านมาแค่ช่วงชิงทรัพย์สิน แต่ครั้งนี้นายฆ่าชีวิตหนึ่งชีวิต รู้ไหม?”
หวังเค่ยที่นั่งสีหน้านิ่งไร้อารมณ์อยู่ตรงกันข้ามยิ้มอย่างเย้ยหยัน ยังคงไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมา เหมือนกับว่าตนเองได้เตรียมตัวตายมาเรียบร้อยแล้ว ไหนก็ต้องตายอยู่ดีจึงไม่ยอมบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใคร
หวางเทาสองมือวางไว้บนโต๊ะ เอากองเอกสารกองหนึ่งมาเปิดออก“หวังเค่ย ต่อให้นายยังไม่ยอมรับ แต่หลักฐานที่มีอยู่ในตอนนี้ก็เพียงพอที่จะลากนายเข้าไปนั่งในคุกได้สักสิบยี่สิบปี จะยอมสารภาพเพื่อลดโทษ หรือจะปฏิเสธแล้วโทษยิ่งหนัก นายคิดๆดูแล้วกัน”
หวังเค่ยดูเหมือนจะไม่บอกชื่อใครสักคน สองตานิ่งๆมองคนตรงหน้าอย่างเงียบสงัด มุมปากยกขึ้นยิ้มอย่างเย้ยหยันอยู่ตลอดเวลา
ราวกับว่ากำลังเยาะเย้ยพวกเขาที่ไร้ความสามารถ อีกทั้งยังส่งสายตาดูถูกอีกเดี๋ยวจะต้องปล่อยตัวของเขาไปด้วย
ท่าทางนั่นเย้ยหยันไม่น้อย
สักพักเจิ้งซิ่วหยาก็เปิดประตูเข้ามาในห้องสอบสวน“พูดแล้วยัง?”
หวางเทาส่ายหัว“ยัง ปากแข็งใช้ได้”
เจิ้งซิ่วหยาเดินเข้ามา ก้มลงแนบข้างหูของหวางเทา“ใบรับเงินหาปลายทางไม่เจอ มีคนจัดการมันเป็นพิเศษ ดูแล้วก็น่าจะเป็นหวังเค่ยนี่แหละที่เป็นคนทำ ไอ้หมอนี่มีความสามารถมากจริงๆ”
ไอคิวสูง ทักษะสูงในการก่ออาชญากรรม
สมัยนี้ ไอคิวกับทักษะของพวกก่ออาชญากรรมยิ่งอยู่ยิ่งสุดยอดขึ้นเรื่อยๆ มันช่างท้าทายต่อเหล่าตำรวจจริงๆ พูดได้เลยว่า เป็นตำรวจแค่แข็งแรงมีพละกำลังอย่างเดียวคงไม่พอ
เจิ้งซิ่วหยาชำเลืองตามองขาหนึ่งข้างที่พาดอยู่บนโต๊ะ แกว่งๆกองเอกสารในมือ สายตามองสำรวจหวังเค่ยหัวจรดเท้า บอกได้เลยว่า สีหน้าท่าทางของคนที่ออกมาจากวอลสตรีทไม่เหมือนกับคนทั่วไป ขนาดเข้ามาในสถานีตำรวจแล้ว ยังสามารถนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้านได้ แถมไอ้หมอนี่หน้าตาก็ไม่ได้แย่ หน้าดี รูปร่างสูงใหญ่ ดูเป็นบุคคลดีเด่นของสังคมอะไรทำนองนั้นได้เลย
“หวังเค่ย ฉันได้หลักฐานอาชญากรรมของนายมาอยู่ในมือแล้ว นายจะบอกหรือไม่บอก โทษทัณฑ์ของนายมันก็มีอยู่ไม่น้อยแล้ว นายขโมยข้อมูลของทางโรงพยาบาล เข้าไปขโมยข้อมูลคอมพิวเตอร์ของคนอื่นๆหลายต่อหลายครั้ง ขายความลับทางธุรกิจ แค่สุ่มมาโทษฐานเดียวนายก็ได้รับโทษอย่างสาสมแล้ว ถ้าตอนนี้นายยอมบอกว่าคนที่คอยบงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือใคร พวกเราก็จะดุลพินิจลดโทษให้ โอกาสในการชดใช้ความผิดด้วยการทำความดีไม่ใช่ว่าจะมีทุกวันนะ”
หวังเค่ยยิ้มเยาะเย้ยเจิ้งซิ่วหยา แววตาเต็มไปด้วยความดูถูก
“ทำสายตาบ้าบออะไรของนาย!เดี๋ยวแม่ยิงไส้แตก!”
ไม่ว่าจะลงไม้ลงมือหรือว่าขู่เข็ญด้วยโทษหนัก หวังเค่ยหนุ่มฉกรรจ์นี่ก็ยังมั่นคงแน่วแน่ไม่สะทกสะท้าน อดทนอดกลั้นไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรออกมาสักคำ
ในห้องปฏิบัติหน้าที่ ท้องฟ้ามืดลง เวลาเดินมาจนถึงสองทุ่มแล้ว
“ให้ตายสิ!ฉันยังไม่เคยเจอคนประเภทนี้เลย หัวหน้าหวางคุณว่าควรทำยังไงดี?”
หวางเทาขมวดคิ้ว“เขาไม่พูด พวกเราก็ไม่สามารถไปละเมิดกฎลงทัณฑ์เขาตามอำเภอใจได้ ขังให้เขาเริ่มรู้สึกหิวก่อน”
เจิ้งซิ่วหยาก็สีหน้าไม่ค่อยดีนัก“หัวหน้าหวางคุณคิดจะบังคับเขาโดยการปล่อยให้หิว? ขนาดตายเขายังไม่กลัวเลย กะอีแค่หิวจะไปกลัวได้ยังไง? คุณหยุดเล่นสักทีจะได้ไหม?”
ในตอนนี้ ผู้อำนวยการหวังใจลุกเป็นไฟสับเท้าเดินเข้ามา หลังจากเข้ามาแล้วก็พูดขึ้น“เป็นยังไงบ้าง? พูดแล้วยัง?”
หวางเทากับเจิ้งซิ่วหยาพูดสวัสดีผู้อำนวยการพร้อมกัน ผู้อำนวยการหวังจ้องเขม็งทั้งสองคน“ดี? !ดีกับผีน่ะสิ!หลงเซียวโทรศัพท์มาที่ผมแล้ว ให้พวกเรารีบไขคดีให้เร็วที่สุด ยังบอกอีกว่าถ้าแค่แฮกเกอร์คนเดียวยังจัดการไม่ได้ คนของสถานีตำรวจก็คงจะต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงแต่โดยดีแน่นอน หมายความว่ายังไง รู้ไหม?”
ความหมายก็คือ คนในที่นี่เตรียมกลับบ้านไปทำนาได้เลย
หวางเทาขยี้ๆผม“ผู้อำนวยการหวังพวกเราก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่ไอ้หวังเค่ยนี่ไม่ว่าเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ปริปากพูดออกมา ใช้ทุกวิธีแล้ว”
ผู้อำนวยการหวังกำลังที่จะด่า โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาก่อน
พอเห็นชื่อบนจอ ผู้อำนวยการหวังก็ตกใจทันที ก่อนจะทำสีหน้ายิ้มๆอย่างเกรงอกเกรงใจ“คุณหลง ดึกขนาดนี้ทำไมคุณยัง……”
หลงเซียวไม่พูดพร่ำทำเพลง พูดถามขึ้นมาตรงๆ“ก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว ผู้อำนวยการหวัง?”
หนึ่งวิต่อมา ผู้อำนวยการหวังปาดเหงื่อตรงหน้าผาก“เหอะๆ คุณหลง……เอ่อ หวังเค่ยจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เปิดปากพูดเลยครับ แต่ว่าคุณวางใจได้ พวกเราจะรีบเร่งมือ ในการสืบหาความจริงออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด!”
“วางใจ? ผู้อำนวยการหวังเป็นถึงเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของเมืองหลวง เรื่องเล็กแค่นี้ยังใช้เวลานานมาก คุณจะให้ผมวางใจเนี่ยนะ? เอาอะไรมาให้ผมวางใจไม่ทราบ?”
หลงเซียวนั่งอยู่ในห้องผู้ป่วย ลั่วหานกำลังนอนพิงเตียงอ่านหนังสืออยู่ เขานั่งไขว้ขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด
“เอ่อ……พวกเราจะพยายามเร่งให้เร็วที่สุด!คืนนี้ต่อให้ต้องอยู่เวรดึกก็จะต้องสอบปากคำออกมาให้ได้!”
“ผู้อำนวยการหวังผมลืมเตือนคุณ ผมไม่ใช่คนที่ความอดทนสูง……”หลงเซียวนิ้วมือหมุนๆแหวนแต่งงาน แววตาสีหน้าเย็นชา
“คุณหลงวางใจได้เลย!ไม่ต้องเป็นห่วงครับ!”
วางสายลง หลงเซียวขมวดคิ้ว“เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทำงานสบายเกินไปแล้ว ทำราวกับเขาจำไม่ได้ว่าตนนามสกุลอะไร”
ลั่วหานกลับพูดตอบขึ้น“คนผิดไม่ยอมพูด บางทีอาจจะมีคุณธรรมอยู่ เอาเงินของเขามาแล้ว แลกกับทำงานตอบแทน เขาก็ต้องปิดปากสนิทไม่ยอมพูดเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ฉันกลับรู้สึกว่าคนคนนี้เป็นคนยืนหยัดแน่วแน่ การที่จะจัดการคนแบบนี้ ต้องอย่าเอาไม้แข็งไปสู้ด้วยเด็ดขาด”
หลงเซียวไตร่ตรองพลางพูดขึ้น“คุณมีอะไรแนะนำไหม?”
ลั่วหานคิดๆ“ในเมื่อหวังเค่ยมีอดีตแบบนั้น จะต้องไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดขึ้นกับงานในภายหลังแน่นอน นี่มันทำให้เกิดผลกระทบทางด้านจิตใจของคนคนหนึ่ง……ใช่แล้ว คุณลองตรวจสอบพวกคนในครอบครัวและเพื่อนของเขา ว่าความสัมพันธ์ของเขาเป็นยังไงบ้าง? ดูว่านอกจากเรื่องเงินที่กู้มาซื้อบ้านแล้วยังมีเรื่องอื่นอีกไหม ที่ทำให้คนคนหนึ่งสามารถทำได้อย่างสุดจิตสุดใจขนาดนี้ นอกจากไม่ใช่เรื่องเงินแล้ว”
หลงเซียวพยักหน้า“ได้”
นิ้วมือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เข้าไปในระบบระบบหนึ่งในไม่ช้า หลังจากที่มือของหลงเซียวไปแตะที่แป้นพิมพ์ก็เขาราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ฝีมือทั้งหนักแน่นและรวดเร็วเห็นแล้วทำให้ตาลายไม่น้อย
ลั่วหานกลืนน้ำลายอย่างช่วยไม่ได้ ทักษะนี้ของหลงเซียวไปเรียนตั้งแต่เมื่อไร? โปรแกรมเมอร์ที่ว่าเชี่ยวชาญยังไม่เร็วขนาดนี้เลยนะ!
สักพัก คิ้วของหลงเซียวก็ขมวด“อย่างที่คิดไว้ คุณภรรยา คุณเดาไม่ผิดจริงๆด้วย ผมจะไปสถานีตำรวจตอนนี้เลย”
ลั่วหานทำตาโต“สืบเจอเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
หลงเซียวพูดขึ้นอย่างมั่นใจตามเหตุตามผล“เรื่องแบบนี้ขืนปล่อยให้เสียเวลามากเกินไป การคิดคำนวณของผมที่เรียนมาก็จะสูญเปล่าน่ะสิ”
——
หลงเซียวยืนอยู่ในห้องสอบสวน รูปร่างสูงใหญ่อยู่ตรงแสงไฟที่ส่องลงมาพอดี แสงจากโคมไฟส่องจากหัวของเขาลงมา ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาหน้านั้นครึ่งหนึ่งอยู่ใต้แสงสว่าง อีกครึ่งหนึ่งอยู่ในความมืด
น้ำเสียงทุ้มต่ำไม่ได้พูดข่มขู่ตรงๆ แต่กลับแฝงไปด้วยพลังที่น่ากลัวน่าเกรงขาม“คุณหวัง คนคนนี้คุณคงจะคุ้นหน้าคุ้นตาดีใช่ไหมล่ะ?”
สายตาของหวังเค่ยค่อยๆเงยขึ้นมามองช้าๆ ตอนที่เขาเห็นคนในรูปอย่างชัดเจนแล้ว แววตาที่นิ่งไร้อารมณ์ก่อนหน้านี้จู่ๆก็เปลี่ยนมาโมโหเกรี้ยวกร้าวถึงขนาดที่อยากจะฆ่าจะแกงกันเลยทีเดียว
หลงเซียวยกริมฝีปากขึ้น ลากเก้าอี้มานั่งลง“ภรรยาของคุณดูท่าทางอบอุ่น แล้วก็สวยมากเหมือนกันนะ น่าเสียดายจริงๆ……”
“แกหุบปาก!!”
จู่ๆหวังเค่ยก็พูดขึ้นมา!
พวกของเจิ้งซิ่วหยากับหวางเทาพอเห็นหวังเค่ยที่จู่ๆก็โกรธเกรี้ยวกราดราวกับสิงโตจากนอกหน้าต่าง ก็หันมองหน้ากัน แววตาเผยให้เห็นถึงความตกใจและชื่นชม
หลงเซียวยิ้มอ่อน“คุณหวังตอนที่หน้าที่การงานของคุณในอเมริกากำลังไปได้สวย พวกคุณสองสามีภรรยาอารมณ์ดีมาก แต่หลังจากนั้นชีวิตก็กลับตาลปัตร เธอยื่นเรื่องหย่า แถมเอาลูกสาวไปด้วย”
หวังเค่ยตาเขม็งจ้องเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ใช้แรงขัดขืนเพื่อที่จะสลัดพันธนาการที่มือออก“หลงเซียว แกกล้าแตะต้องลูกสาวของฉัน ฉันจะฆ่าแก!”
หลงเซียวหยิบรูปที่สองขึ้นมา“หลังจากที่ภรรยาของคุณหวังยื่นเรื่องหย่า ก็หันไปแต่งงานกับผู้ชายที่อายุมากกว่าตนเองถึงสิบห้าปี แถมมีลูกชายแล้วด้วยหนึ่งคน ส่วนลูกสาวของคุณ……”เขามองเด็กผู้หญิงอายุสามสี่ขวบที่อยู่ในรูป“ถูกวินิจฉัยว่าเป็นผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางหัวใจ ตอนนี้กำลังได้รับการรักษาตัวอยู่ที่อเมริกา จำเป็นต้องใช้เงินมากมายมหาศาล แต่ภรรยาเก่าของคุณกลับทอดทิ้งเธอ เป็นแบบนี้ใช่ไหม?”
ความโกรธของหวังเค่ยเผยออกมาอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไป เขาด่าทอด้วยความโมโห บนใบหน้าที่เปลี่ยนไปมีเส้นเลือดปูดจนแทบจะระเบิดออกมา“หลงเซียว!แกกล้าแตะต้องเธอ!ฉันจะฆ่าแกให้ตาย!”
หลงเซียวพูดขึ้น“เด็กน้อยที่น่ารักขนาดนี้ ถ้าเกิดจากไปก่อนเนื่องด้วยค่ารักษาพยาบาลและข้อจำกัดในการรักษาล่ะก็ มันช่างเจ็บปวดหัวใจไม่น้อยเลย? ถึงคุณจะได้เงินมาจากคนบงการนั่นสิบล้านแล้ว แต่คุณหวังต้องรู้ ว่ามีแค่เงินก็ไม่สามารถต่อชีวิตลูกสาวของคุณได้”
สายตาจะกินเลือดกินเนื้อของเขาจ้องเขม็ง ในตาขาวเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดง“แกหมายความว่ายังไง!”
หลงเซียวนั่งยองลง“ง่ายมาก พูดจากสถานการณ์จริง อาการป่วยของลูกสาวของคุณผมสามารถช่วยออกค่ารักษาทั้งหมดให้ได้ ช่วยติดต่อหมอที่ดีที่สุดให้เธอได้ คุณหวังอย่าลืมสิ โรงพยาบาลหวาเซี่ยที่คุณโจมตีเป็นสินทรัพย์ภายใต้ชื่อของผม แถมเทคโนโลยีในการรักษาโรคหัวใจของหวาเซี่ยตอนนี้ก็อยู่อันดับต้นๆในระดับชาติไปเรียบร้อยแล้ว”
หวังเค่ยหรี่ตา“หมายถึงภรรยาของแก? ฉู่ลั่วหาน?”
หลงเซียวไม่ได้ตอบรับอะไร
“เหอะๆ!อย่ามาล้อเล่น!ฉันเคยสอบถามแล้ว แอนน่า……อ๋อ ไม่สิ ฉู่ลั่วหานรักษาให้แค่กับผู้มีอำนาจอิทธิพลเท่านั้น!เหอะๆ หมอประเภทนี้สมควรตายไปซะก็ดี!”
เขาพูดมาถึงตรงนี้ จู่ๆข้างนอกก็มีเสียงหนึ่งดังเข้ามา เบาๆ แน่วแน่ แล้วก็จริงใจมาก
ลั่วหานที่สวมชุดผู้ป่วย ด้านนอกสวมชุดคลุมกันหนาวแบบยาวกำลังยืนอยู่ข้างนอกประตูห้องสอบสวน“คุณหวัง อาหารป่วยของลูกสาวคุณฝากไว้กับฉันเถอะ ฉันรับรองเลยว่าจะคืนเด็กที่แข็งแรงให้กับคุณแน่นอน”
จู่ได้ยินเสียงของลั่วหาน หลงเซียวก็ลุกขึ้นยืนราวกับถูกไฟช็อต แล้วเดินไปจูงมือของเธอ ด้วยท่าทางรวดเร็ว“คุณมาได้ยังไง?”
ลั่วหานพูดยิ้มๆ“คอมพิวเตอร์ของคุณหลงไม่ได้ปิด ฉันก็เลยเห็นข้อมูลที่คุณไปสืบมา เรื่องนี้ฉันสามารถช่วยได้ แถมฉันเป็นหมอ การช่วยชีวิตคนเป็นหน้าที่ที่ฉันต้องทำอยู่แล้ว”
หวังเค่ยมองทั้งสองอย่างอึ้งตะลึง พูดเกร็งปาก“คุณ……คุณยอมช่วยลูกสาวของผม?”
ลั่วหานยิ้มๆอย่างทะนง“แน่นอน แต่แบบที่คุณบอก ฉันไม่ใช่จะมารักษาใครก็ได้ ดังนั้นฉันมีข้อแลกเปลี่ยนสองอย่าง ”
หวังเค่ยมองเธออย่างระแวดระวัง“สองอย่างอะไร?”