คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 316 ผู้ต้องสงสัยคือเธอ
ตอนที่ 316 ผู้ต้องสงสัยคือเธอ
หลงเซียวนั่งลงไปบนเก้าอี้ มีโน๊ตบุ๊คระดับท็อปวางไว้อยู่ข้างหน้า เจิ้งซิ่วหยากับคนเหล่าบรรดาคนล้อมรอบหลงเซียวพร้อมกับจ้องมองเขาใช้คอมพิวเตอร์อย่างจริงจัง คนเหล่านั้นพอเห็นท่าทางที่ชำนาญอย่างมากของหลงเซียว ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความประหลาดใจอย่างช่วยไม่ได้
เบื้องหลังของเขาดูเหมือนจะไม่มีความวุ่นวายอะไร มีเพียงแค่สิบนิ้วที่กำลังเคาะอยู่บนแป้นพิมพ์ด้วยท่าทางรวดเร็ว
นิ้วมือที่เคาะไปเคาะมาด้วยความชำนาญทำให้คนที่เห็นแล้วตาลายและตื่นตกใจไม่น้อย!
เร็ว!เร็วเกินไปแล้ว!
มือที่ดูดีราวกับหยกคู่นั้น ในตอนนี้ด้วยตาของคนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถที่จะแยกแยะความถี่ของการกระทำที่รวดเร็วนี้ได้ แค่รู้สึกว่านิ้วมือตรงหน้านี้เป็นเหมือนภาพหลอนที่กำลังโลดแล่นอยู่ สองมือของเขาราวกับว่าไม่ใช่แค่มือ แต่เป็นอาวุธประเภทหนึ่งที่สวมใส่จิตวิญญาณชนิดพิเศษเข้าไป
หลงเซียวมองหน้าจอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ใดๆ บนจอมีรหัสมากมายหลายชุดแล่นผ่านไปมา เลขรหัสที่สะเปะสะปะกลับเรียงแถวกันเป็นสัญญาณชนิดหนึ่งในสายตาของเขา ยิ่งอยู่ยิ่งขุดได้อะไรบางอย่างลึกขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนกู้เยนเซินที่ตัวอยู่ในห้องทำงานของบริษัทฉู่ซื่อ นิ้วมือก็กำลังเคาะพิมพ์อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน คอมพิวเตอร์สองเครื่องจัดการจู่โจมทะลวงเข้าไปพร้อมกัน ระบบป้องกันของฝั่งนั้นต่อให้เป็นระบบความมั่นคงของสำนักข่าวกรองแห่งชาติก็จะกลายเป็นใยแม่มุมภายใต้เงื้อมมือของเขา
“คุณชายหลง คุณเร็วไปเกินไปแล้ว!อีกนิดก็จะตามคุณไม่ทันแล้ว!”
ในหูฟังมีเสียงของกู้เยนเซินดังเข้ามา น้ำเสียงทั้งตกใจทั้งพูดบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็ใช้แรงกดลงไปที่ปุ่มเอ็นเทอร์หนึ่งที
ในที่สุดนิ้วของหลงเซียวก็หยุดลง“คุณชายกู้ก็ไม่ช้าเหมือนกันนะครับ คุณกับผมเข้ากันได้ดีเลย”
พูดพลาง สายตาของเขาก็ไปเห็นจุดแดงๆที่กำลังกระพริบอย่างชัดเจนบนหน้าจอ“ตำแหน่งIDอยู่ตรงนี้ รีบไปตรวจสอบเร็วเข้า!”
เจิ้งซิ่วหยากระพริบตา มองหลงเซียวที่หลังจากจัดการสำเร็จแล้ว แต่ก็ยังสามารถทำท่าทีนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้านอย่างไม่อยากเชื่อเลยแม้แต่น้อย“คุณหลง ทักษะนี้ของคุณ……ฉันขอยกนิ้วให้เลย!คุณสุดยอดจริงๆ!”
หลงเซียวไม่รู้สึกอะไรกับคำชื่นชมแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เงยหน้ามองขึ้น“คุณตำรวจเจิ้งยังไม่ไปจับตัวคนร้ายอีกเหรอ?”
“ไปสิคะ!ไปอยู่แล้ว!”
เจิ้งซิ่วหยาไอกระแอมๆ จากนั้นก็รีบเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ออกไปข้างนอกเห็นเหล่าบรรดาคนในทีมกำลังรายงานสถานการณ์ให้กับบุคคลระดับชั้นสูงของโรงพยาบาล
“คณบดีเฉิน หลังจากที่พวกเราทำการสอบปากคำในช่วงแรกแล้ว ดูเหมือนว่าทุกคนล้วนแต่มีหลักฐานที่อยู่ทั้งนั้น แต่มีหนึ่งคนเกรงว่ายังต้องมีการสอบปากคำสักหน่อย”
คณบดีเฉินพยักหน้า“ได้สิ ไม่ทราบว่าคนที่คนพูดถึงคือใครเหรอ?”
ตำรวจที่สวมหมวกหยิบเอกสารมาหนึ่งแผ่น ชี้ไปที่บุคคลในเอกสารนี้ พร้อมกับพูดขึ้น“เป็นคุณหมอที่ชื่อว่าซุนเจียลี่ ในวันที่เกิดเหตุลาป่วย เธอไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลตลอดทั้งวัน คนคนนี้ปกติแล้วอยู่ในโรงพยาบาลของคุณเป็นยังไงบ้าง?”
คณบดีเฉินสวมแว่นมองเขา แล้วหันมองซุนเจียลี่ในรูป“คนนี้……เธอเป็นหมอโรคหัวใจ แต่เมื่อวานตอนเช้าเธอก็ลาป่วย……คุณรู้สึกว่าคนคนนี้น่าสงสัย?”
“ก่อนที่ความจริงจะปรากฏออกมา ไม่ว่าใครต่างก็น่าสงสัยได้ทั้งนั้น พวกเราต้องติดต่อกับตัวเธอเองเพื่อทำการตรวจสอบและยืนยันอีกขั้น ตอนนี้ผลเป็นยังไงยังคงระบุชัดเจนไม่ได้”
“ครับ!พวกเราจะให้ความร่วมมือกับการตรวจสอบของพวกคุณเป็นอย่างดี เข้ามาเปิดเผยความจริง แล้วก็ช่วยกู้ชื่อเสียงให้โรงพยาบาลของพวกเราด้วยเหมือนกัน”
เจิ้งซิ่วหยาได้ยินชื่อของซุนเจียลี่ก็ขมวดคิ้ว“ผู้กองคะ คุณหลงเจอIDของแฮกเกอร์ที่เจาะระบบรักษาความปลอดภัยเข้ามาแล้วค่ะ ตอนนี้พวกเรากำลังไปตามจับอยู่ ช่วยกรุณาออกคำสั่งด้วยค่ะ!”
“อนุญาตให้ไปจับกุมได้!แต่คุณอยู่ที่นี่ เรื่องจับกุมให้เป็นพวกเขาไปจัดการ คุณไปกับผมอีกที่หนึ่ง”
“……ค่ะ!”เจิ้งซิ่วหยาชะงักไปสักพัก มีที่ไหนที่มันด่วนและสำคัญไปกว่าไล่ตามจับตัวฆาตกรอีกเหรอ?
“พวกเราไปหาผู้หญิงที่ชื่อว่าซุนเจียลี่”
เจิ้งซิ่วหยาหันสายตาไปมองที่อยู่“เหอะ!ไม่ธรรมดาเลยนี่ คนที่อยู่อาศัยที่นี่ได้ไม่ใช่เศรษฐีก็คนรวย จุ๊ๆ!”
ถังจิ้นเหยียนพอได้ทราบข่าว ในตอนนี้ก็ออกจากห้องผู้ป่วยกลับมายังห้องโถง เสื้อผ้าทั้งตัวสีขาวพอเดินเข้ามา ก็เจอเข้ากับเจิ้งซิ่วหยา คนหนึ่งเข้า คนหนึ่งออก สบตากันเข้าพอดี
รูปร่างที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงจากเมื่อวานและวันนี้ของเจิ้งซิ่วหยาทำให้ถังจิ้นเหยียนต้องขยี้ตามองอีกครั้ง ที่มือถือแฟ้มเวชระเบียน ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา“คุณรับผิดชอบตรวจสอบงานนี้เหรอ?”
เจิ้งซิ่วหยามองสำรวจถังจิ้นเหยียนที่วันนี้เปลี่ยนเป็นชุดกาวน์สีขาวบริสุทธิ์ เหมือนกับว่าจะดูดีขึ้นกว่าตอนนี้ที่แยกจากกันที่บ้านอีกนะเนี่ย
อย่างที่คิดไว้ เป็นพ่อรูปหล่อที่หนึ่งของหวาเซี่ยตามที่เหล่าบรรดานางพยาบาลบอกไว้ไม่ผิดจริงๆ เพียงแต่ทำไมเมื่อวานเธอถึงไม่รู้สึกกันนะ?
ถังจิ้นเหยียนใบหน้าหล่อเหล่าไม่แสดงสีหน้าใดๆ น้ำเสียงนิ่งๆฟังดูอบอุ่นสบายหู“เรื่องอะไร?”
เจิ้งซิ่วหยาแกว่งกุญแจรถในมือ พูดเน้นอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ“บ้านของฉันต้องการเชฟที่ทำอาหารอร่อยสักหนึ่งคนจริงๆ ฉันพละกำลังเยอะขนาดนี้ ถ้าไม่ได้กินอาหารดีๆหน่อยสารอาหารก็จะไม่เพียงพอ เอาแบบนี้สิ ถ้าเกิดฉันสืบหาความจริงได้แล้ว คุณมาทำอาหารให้ฉันกินเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เอาไหมล่ะ?”
ถังจิ้นเหยียนขมวดคิ้วอีกครั้ง แววตาสีดำมองสำรวจเธอ“การสืบหาความจริง หาตัวฆาตกรเป็นภาระหน้าที่ของคุณอยู่แล้ว ยังต้องมาเสนอข้อต่อรองอะไรอีก?”
“ถ้าฉันจะเสนอข้อต่อรอง แล้วเอาไหมล่ะ? จะสัญญาไหมล่ะ?”เจิ้งซิ่วหยาแหงนหน้ามอง ใบหน้าขาวสะอาดแสดงสีหน้าดื้อดึง
ถังจิ้นเหยียนรู้สึกว่าทำอาหารหนึ่งอาทิตย์มันก็ไม่ได้จะเป็นอันตรายหนักหนาสาหัสอะไร ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอจะใช้ชีวิตยังไง ก็ยังเป็นคนที่ต้องร่วมงานกับตัวเองอยู่ดี“ได้ ผมสัญญา”
“เยี่ยมมาก!ถ้าอย่างนั้นคุณเตรียมตัวให้ดีๆแล้วกัน!”
พูดทิ้งท้ายประโยคไว้อย่างเท่ๆ เจิ้งซิ่วหยากับพวกทีมตำรวจสองสามนายพากันเดินออกไปจากห้องโถงของโรงพยาบาล สับขาเดินอย่างรวดเร็ว
จี้ตงหมิงยื่นชามาให้หลงเซียวแก้วหนึ่ง พร้อมกับพูดเสียงต่ำ“หัวหน้า ทางนั้นบอกว่าเมื่อวานซุนเจียลี่ลาป่วยไม่มาโรงพยาบาล ตอนนี้ส่งคนไปหาที่ตระกูลซุนเรียบร้อยแล้วครับ”
หลงเซียวจิบให้ชุ่มคอไปหนึ่งจิบ สายตาจ้องมองไฟแดงที่กำลังกระพริบอยู่ ตำแหน่งไม่ได้อยู่บริเวณตระกูลซุนเลย“ซุนเจียลี่? ดูแล้วคนของตระกูลซุนลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุขแล้วจริงๆ”
ข้าศึกยกทัพบุกโจมตี นี่คิดที่จะมาสู้ให้ตายกันไปข้างเลยใช่ไหม?
หลงเซียวดื่มชาไปอีกคำ ก่อนจะวางแก้วลงแล้วพูดขึ้น“ซุนปิงเหวินยังอยู่ที่โรงพยาบาลไหม?”
จี้ตงหมิงส่ายหัว“ออกไปเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้พักฟื้นอยู่ที่บ้าน มีหมอประจำตัวดูแลเขาอยู่ อีกอย่างตอนนี้โม่หรูเฟยเข้าไปอยู่ในบ้านวิลล่าของตระกูลซุนแล้วด้วยครับ”
หลงเซียวพยักหน้า“ดูท่าตระกูลซุนกลายเป็นองค์กรเล็กๆที่ต่อต้านฉันแล้วสินะ ถ้าไม่ตายก็ไม่ยอมหยุดจริงๆ”
จี้ตงหมิงพอเห็นสายตาของหัวหน้าตัวเองดูเฉียบแหลมขึ้นมากกว่าตะกี้อย่างเห็นได้ชัด ก็ไม่ได้พูดขึ้นต่อ
——
เจิ้งซิ่วหยากับคนในทีมมาถึงบ้านวิลล่าของตระกูลซุน เสียงไซเรนที่ดังวี้หว่อของรถตำรวจทำลายความเงียบสงัดของบริเวณรอบๆ แถวบ้านวิลล่าที่เงียบสงบมีเสียงดังขึ้นอย่างหนวกหู แต่กลับมีพลังในการข่มขู่ไม่น้อยเลย สามารถทำให้คนที่ใจไม่แข็งสามารถตื่นตกใจวิ่งเป็นม้าดีดกะโหลกได้เลย
“พวกคุณตำรวจพามากันมาที่นี่ มันหมายความว่ายังไง?”
เข้าไปในบ้าน คนที่เดินออกมาต้อนรับคือโม่หรูเฟย ในตอนนี้เธอมองตำรวจที่ใส่หมวกเครื่องแบบและตำรวจนอกเครื่องแบบที่กำลังเข้ามาข้างใน ก่อนจะถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
หัวหน้าทีมพูดขึ้น“สวัสดีคุณโม่ มีคดีที่ต้องให้คุณซุนร่วมมือในการตรวจสอบ เธออยู่ที่ไหนครับ? พวกเราอยากจะถามเธอสักสองสามคำถาม”
โม่หรูเฟยยิ้มเบาๆ“แบบนี้นี่เอง พวกคุณเชิญนั่งก่อน เจียลี่สุขภาพไม่ค่อยดียังกำลังพักผ่อนอยู่เลย เดี๋ยวฉันไปเรียกเธอให้ค่ะ”
เธอเดินจากไป คนรับใช้ก็เอาน้ำชามาเสิร์ฟ เจิ้งซิ่วหยามองน้ำชาที่อยู่ในแก้วแล้วพูดขึ้น“หัวหน้า ฉันไม่กล้าดื่มน้ำชาแก้วนี้ ถ้าดื่มน้ำชาของคนอื่นแล้วจะพูดได้ไม่เต็มปากเอา”
“คุณไม่กล้าดื่ม? แสดงว่าคุณยังไม่มั่นคงมากพอ รอให้คุณอยู่ในทีมสักสามถึงห้าปีก่อน อย่าว่าแต่น้ำชาเลย ต่อให้ดื่มเหล้าก็ไม่ใช่ปัญหา……แต่เหล้าไม่ดื่มจะดีกว่า”
บ้านวิลล่าของตระกูลซุนดูหรูหราใหญ่โต ข้างในประดับตกแต่งได้หรูหราอู้ฟู่สุดๆ ผู้กองของสถานีตำรวจเล็กๆคนหนึ่งถอนหายใจออกมาด้วยความอึ้งทึ่ง!
แก้วที่ถืออยู่ในมือดูแล้วก็ราคาไม่ใช่ย่อยๆ“คุณเจิ้งซิ่วหยา จากที่ผมทราบมาบ้านของคุณก็ใหญ่โตเหมือนกันนี่นา น่าอิจฉาจริงๆ”
“ว่าไปค่ะ!ถ้าผู้กองชอบล่ะก็ เดี๋ยวกลับไปฉันจะเชิญคุณไปดื่มชาดื่มเหล้ากันที่บ้านสักหน่อย”
ทั้งสองแอบพูดหยอกแซวกันในช่วงระหว่างงาน ก่อนจะหันไปเห็นซุนเจียลี่ที่ร่างกายซูบโทรมอ่อนแอเดินลงมาจากชั้นสอง ที่ตัวคลุมไว้ด้วยผ้านคลุมไหล่โบฮีเมียน ท่าทางห่อเหี่ยว ดูเหมือนผู้ป่วยที่ร่างกายอ่อนล้าจริงๆ
เห็นเธอมาแล้ว ผู้กองวางแก้วลง ชาแก้วนั้นก็ยังไม่ได้ดื่มสักคำ“คุณซุน อยากจะถามคุณสักสองสามคำถาม หวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือ”
“แน่นอนค่ะ ฉันให้ความร่วมมือกับงานของพวกคุณแน่นอนค่ะ”
ซุนเจียลี่นั่งลง สีหน้าที่เหี่ยวเฉาไม่นานก็ได้รับความเห็นอกเห็นใจไม่น้อย แต่คำถามของผู้กองก็ไม่มีความเกรงใจเลยสักนิด
ซุนเจียลี่ตอบทุกคำถามอย่างละเอียดชัดเจน หลักฐานที่อยู่ก็พูดได้อย่างลื่นไหลไม่ติดขัด ไม่มีจุดให้น่าสงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว
ยี่สิบนาทีผ่านไป——
“ผู้กองคะ ที่เธอพูดมาจริงใช่ไหม? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเธอตอบได้ลื่นไหลมากๆ?”
“นี่แหละปัญหา ลื่นไหลเกินไป ปกติแล้วผู้หญิงทั่วไปเวลาให้ปากคำกับตำรวจมักจะมีท่าทีเครียดและกดดัน ใช้คำไม่ค่อยถูก มีปัญหาพูดย้ำไปย้ำมาบ้าง แต่เธอตอบได้อย่างลื่นไหลจริงๆ……”
“ใช่เหมือนกับว่าเตรียมตัวมาอย่างดีแล้ว!หรือว่าเธอจะ……จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ?”
ผู้กองพยักหน้า“สำหรับผมแล้ว ก็แบบนั้นนั่นแหละ”
“แต่ถ้าเธอไม่ยอมรับจะทำยังไงล่ะคะ?”
ทั้งสองพูดคุยกัน มือถือของผู้กองก็ดังขึ้น ทางทีมของตำรวจโทรมา“เหลยจื่อ ว่าไง!”
“พวกเราหาคนที่เจาะเข้าในระบบรักษาความปลอดภัยเจอแล้ว ฝั่งนั้นอ้างว่ามีคนจ้างให้เขาทำธุรกิจอย่างหนึ่ง แต่เขาไม่รู้ว่าทางฝั่งนั้นเป็นใคร แค่เสนอว่าจะให้ใบเสร็จรับเงินก้อนมาแค่นั้น หัวหน้าครับ เงินก้อนนี้ไม่ใช่น้อยๆเลยนะ!”
“ไปสืบหาที่มาของใบรับเงินนั้น ทางนี้ก็มีความคืบหน้าเหมือนกัน ถ้าหาหลักฐานเจอ คดีนี้ก็จะคลี่คลายแล้ว!”
วางสายลง ผู้กองหยิบหมวกบนโต๊ะมาสวม เดินไปยังห้องรับแขกก่อนจะพูดขึ้น“ขอบคุณคุณซุนมากนะครับที่ให้ความร่วมมือกับการตรวจสอบของพวกเรา ในช่วงนี้ขอให้คุณอยู่ที่นี่ไปก่อนนะครับ บางทีพวกเราอาจจะได้เจอกันอีก”
เหล่าตำรวจชุดเขียวออกจากบ้านวิลล่าตระกูลซุนไป ครั้งนี้กลายเป็นซุนเจียลี่ที่จ้องตาโต
“พวกเขาหาฉันเจอได้ยังไง? เรื่องนี้ฉันไม่ได้เป็นคนลงมือด้วยตัวเอง……”
“ชู่ว์!หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง อย่างเพิ่งกลัวไปก่อน ตอนนี้แค่สงสัยเท่านั้น พวกเขาก็กลับไปแล้วด้วย จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน พวกเขาไม่มีหลักฐานไม่กล้ามาทำอะไรกับเธอหรอก”
“แต่……ฉันจิตใจอยู่ไม่เป็นสุข ฉันมี…….”
“อย่ากลัว!ไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน!ถึงเกิดก็ไม่มีทางสาวมาถึงเธอได้ ถึงฟ้าจะถล่มก็มีคนค้ำไว้อยู่ เธอแค่ทำตัวเป็นคุณหนูใหญ่ให้ดีๆก็พอแล้วล่ะ!”
ซุนเจียลี่กัดฟันด้วยความกระวนกระวายใจ“ตายแน่ๆ!ฆ่าฉู่ลั่วหานก็ฆ่าไม่ตาย กลับดันทำให้ตัวเองโป๊ะแตกอีก ซวยจริงๆ!พี่สะใภ้ ตอนนี้ตระกูลซุนของพวกเราจะให้ใครเกิดเรื่องอะไรอีกไม่ได้แล้วนะ พี่ต้องช่วยฉันนะคะ!”
คำว่า พี่สะใภ้ คำเดียว ทำให้โม่หรูเฟยจิตใจเริ่มรู้สึกซับซ้อน“วางใจเถอะ มีพี่สะใภ้แบบฉันอยู่ ทั้งหมดจะดีขึ้นเอง”