คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 312 ชื่อของเธอไม่ใช่สิ่งพวกคุณจะเอามานินทาได้
ตอนที่ 312 ชื่อของเธอไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณจะเอามานินทาได้
ข้างนอกโรงพยาบาลผู้คนมากมายจอแจกันเต็มไปหมด ร้อยกว่าคนชูป้ายและแบนเนอร์ ตัวอักษรสีเลือดเขียนพวกคำเรียกร้องต่างๆนานาๆ แบนเนอร์แต่ละแผ่นเขียนได้อย่างหยาบคายสิ้นดี ด่าทออย่างหยาบโลนไม่น่าฟัง
ตัวอักษรที่เขียนลงบนป้ายมันก็หยาบคายพออยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแต่ละคำแต่ละประโยคที่มันออกมาจากปาก
ดังนั้นหลินซีเหวินที่มาทำงานตั้งแต่เช้าตรู่พอมาเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็อึ้งตะลึงไป!
กลุ่มฝูงคนอยู่จอแจแออัดกันตรงทางเข้าของโรงพยาบาลราวกับอุทกภัยขั้นรุนแรง ทุกคนล้วนแต่สวมชุดคลุมสีขาว ที่หัวของผู้ชายสวมหมวกสีขาว ที่หัวของผู้หญิงก็คลุมไว้ด้วยผ้าสีขาว ผมสีดำกับเสื้อผ้าสีขาวพอดูรวมกันแล้วเหมือนกับปีศาจที่กำลังกรีดร้องร่ำไห้อย่างสยดสยอง
“ฉัน……ให้ตายสิ!!นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย!!”
หลินซีเหวินอึ้งตะลึงไป เธอแบกร่างกายที่ห่อเหี่ยวอ่อนแอมาจากบ้าน อาหารยังไม่ทันได้กินก็รีบมาที่โรงพยาบาล ไม่ได้มีเวลาดูมือถือเลยสักนิด
ไม่ทันได้ตั้งตัวจู่ๆก็เข้ามาอยู่ในกลุ่มคนสีขาวกลุ่มใหญ่นี้เสียแล้ว
ให้ตายสิ ตกใจหมด
หวาเทียนเดินตามเธอมาข้างหลัง หวาเทียนที่เนื้อตัวสะอาดสะอ้านและเอาแต่นิ่งเงียบมาโดยตลอด เคร่งขรึมเย็นชาขนาดนั้น พอมาเห็นกลุ่มคนในตอนนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้น“คนพวกนี้เร็วสุดๆ ตอนเช้าตรู่ขนาดนี้ก็มากันแล้ว เหอะ ดูท่าสถานภาพของคนที่ตายไปคงจะไม่ธรรมดาแล้วสิ”
อย่างน้อยก็ดูออกว่าคนงานทั่วๆไปพวกนี้ข้องเกี่ยวกับอะไรบางอย่างที่มันไม่ธรรมดา
หลินซีเหวินมองไปหาเขา“อย่ามาทำตัวมีลับลมคมใน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“คุณไม่ได้ดูข่าวเหรอ? โรงพยาบาลของพวกเรามีคนตายอีกแล้ว หมอฉู่กับหมอถังเป็นหมอที่รักษาคนคนนั้นร่วมกัน ตายเมื่อวานตอนค่ำ”
“คุณบอกว่าอะไรนะ?!”
หลินซีเหวินสมองโปร่งขึ้นมาทันที หยิบมือถือขึ้นมา นิ้วเขี่ยไปที่หน้าข่าวอย่างเร็ว ปากค่อยๆอ้ากว้าง“God!เป็นไปได้ยังไง เห็นๆอยู่ว่าคนไข้ผ่านการผ่าตัดมาแล้ว!นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”
หวาเทียนไม่ได้อยู่เชยชมสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาของหลินซีเหวินต่อ เขาก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดไป
หลินซีเหวินกุมหน้าผาก“เพราะว่าหมอฉู่เพิ่งจะช่วยเขาให้พ้นจากภาวะอันตราย คิดไม่ถึงว่าเขาจะตายซะได้ บ้าบอสิ้นดี!!คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้ยังมีหน้ามาสร้างความวุ่นวายให้กับหมอฉู่อีก ถ้าเจ๊ไม่จัดการพวกเขาสักหน่อยก็เท่ากับว่าไว้หน้าพวกเขามากเกินไป!”
หลังจากด่าไปหนึ่งชุด หลินซีเหวินก็รีบขึ้นบันไดไปทันที ที่ห้องโถงชั้นหนึ่งของโรงพยาบาลตอนนี้มีรปภ.หลายคนมารวมตัวกัน เพื่อที่จะป้องกันกลุ่มคนที่จะพุ่งเข้ามาทำร้ายบุคลากรทางการแพทย์โดยพลการ
“หมอฉู่ยังอยู่ในห้องผู้ป่วย เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเธอจะมีกะจิตกะใจรักษาคนได้ยังไง? หมอฉู่เป็นลมในห้องผ่าตัดแล้ว คงกังวลและเป็นห่วงมากไปแล้วล่ะ”
“หมอฉู่ยังเซ็นรับรองการผ่าตัดให้กับคนไข้ด้วย นี่มัน……หนักหนามากเลยนะ ตอนนี้คนไข้ตายไปแล้ว โยนความรับผิดชอบไปให้หมอฉู่”
“เป็นแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย คนไข้เกิดเรื่องในสถานที่ก่อสร้างของพวกเรา ถ้าเกิดตัดสินว่ากระโดดตึกตาย ทางส่วนของพื้นที่ก่อสร้างตรงนั้นก็ต้องรับผิดชอบแบกรับไว้ทั้งหมด ถ้าเกิดเพิ่งสาเหตุการตายไปที่การผ่าตัดผิดพลาด สถานที่ก่อสร้างก็ไม่ต้องชดใช้ โรงพยาบาลของพวกเราต้องชดใช้แทน หมอฉู่ก็……”
พอได้ยินเสียงซุบซิบพูดคุยกันของเหล่าพยาบาลและคุณหมอ หลินซีเหวินก็พูดต่อว่าด้วยความโมโห“พูดอะไรกัน!พูดเรื่องไร้สาระไม่กลัวลิ้นเน่ากันหรือไง!? เรื่องของหมอฉู่ใช่เรื่องที่พวกคุณจะเอามาพูดกันอย่างสบายจิตสบายใจได้อย่างนั้นเหรอไง!ไม่อยากอยู่ในโรงพยาบาลต่อแล้วก็ไสหัวออกไป อย่ารอให้โรงพยาบาลเฉดหัวพวกคุณออกไปเอง!”
พอหลินซีเหวินระเบิดออกไป ทุกคนก็พากันเงียบปาก ไม่กล้าพูดคุยนินทาอะไรกันอีก หลายคนกลับไปยังตำแหน่งของตัวเอง บางคนยืนมองสิ่งที่เกิดขึ้นทางนี้อย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะพลาดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอะไรไป
หลินซีเหวินเอาผมทั้งหมดรวบไปไว้ข้างหลังด้วยมือเดียว เผยให้เห็นหน้าผากที่แววใส จากนั้นก็มัดผม
เรื่องบ้าบออะไรวะเนี่ย ช่วงนี้มันเกินพอแล้วจริงๆ ความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรกอีก
ในส่วนของหลินซีเหวินที่กำลังรอลิฟต์อยู่ เห็นถังจิ้นเหยียนสวมเสื้อกาวน์สีขาวเดินเข้ามาจากข้างนอก สีหน้าของถังจิ้นเหยียนดูแย่ยิ่งกว่าหลินซีเหวิน อีก ที่ตัวดูมีรังสีแห่งความโกรธแผ่กระจายออกมา มันปกคลุมท่าทางที่ปกติแล้วดูสง่างามดูมีความรู้ของเขาไปจนมิด
“หมอถัง คุณมาเช้าขนาดนี้เชียว”เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วแบบนี้ จะต้องมาได้สักพักหนึ่งแล้วแน่ๆ
ถังจิ้นเหยียนตอบ อืม กลับไปหนึ่งคำ จากนั้นก็ยืนนิ่งอยู่หน้าลิฟต์ ไม่พูดอะไรอีก
หลินซีเหวินในใจยังคงติดใจแต่เรื่องนัดดูตัวของเขา จึงถามขึ้นด้วยความสงสัย“หมอถัง เมื่อวานคุณขับรถไปไหนเหรอ?”
ถังจิ้นเหยียนตอบแบบปัดๆไป“ไปหาเพื่อน ทำไมเหรอ? หมอหลินมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“อ๋อ ไม่มีอะไรๆ เพราะว่าเมื่อวานฉันขับรถไปพร้อมกันกับคุณ หลังจากนั้นฉันติดอยู่ไฟแดงหนึ่งก็เลยไม่ได้เห็นคุณ เหอะๆๆๆ ก็เลยถามดูสักหน่อยน่ะ”
หลินซีเหวินพยายามปิดบังความอยากรู้อยากเห็นและความอึดอัดของตัวเอง กลัวว่าจะถูกเขามองออก ยิ่งไปกว่านั้นก็คือกลัวว่าเขาจะมองไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียวจริงๆ
ถังจิ้นเหยียนตอบ อืม กลับไปหนึ่งคำ“ลิฟต์มาแล้ว”
“เอ่อ? ค่ะ……ค่ะ”
หลินซีเหวินกัดฟันเนื่องจากความอืดอาดยืดยาดและความแข็งทื่อไม่เป็นธรรมชาติของตัวเอง ปกติเธอที่พูดเก่งพูดลื่นไหลทำไมพอเจอถังจิ้นเหยียนแล้วถึงพูดติดๆขัดๆล่ะ?
มันน่าผิดหวังเสียจริง!
ในลิฟต์ไม่นานก็มีคนเข้ามาเบียดเสียดแออัดขึ้นเยอะมาก หลินซีเหวินกับถังจิ้นเหยียนไปกดเลขชั้นพร้อมกัน ถังจิ้นเหยียนกดชั้นของห้องผู้ป่วยVIP หลินซีเหวินกดไปที่ชั้นแปด สองเลขนั้นอยู่ห่างกันมาก แต่ตอนที่ยื่นมือออกไปนั้นก็ดันเผลอไปถูกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ถังจิ้นเหยียนราวกับว่าไม่ได้ตระหนักถึงอะไร ดึงมือกลับมา ก่อนจะมองเลขที่เลื่อนไปเรื่อยๆอย่างนิ่งเงียบ
หลินซีเหวินมองมือตัวเองพร้อมกับหัวเราะคิกคักกับตัวเอง แทบอยากจะเอามือที่ไปโดนเขาข้างนี้ห่อเก็บเอาไว้ แล้วไม่ต้องล้างน้ำอีกเลย
สุดท้ายในลิฟต์ก็เหลือเพียงแค่ถังจิ้นเหยียนคนเดียว เขาเดินออกมาจากลิฟต์ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องผู้ป่วยของฉู่ลั่วหานทันที ยังไม่ทันได้เข้าไปก็ได้ยินเสียงจากข้างในดังออกมา
“พี่สะใภ้ผมเห็นข่าวมาหมดแล้ว ทนายจะจัดการให้เรียบร้อยเอง ตอนที่ผมขึ้นมาเมื่อตะกี้เห็นข้างล่างมีคนมากมายกำลังส่งเสียงดังวุ่นวาย ได้ทำการอัดวิดีโอเอาไว้ตามคำสั่งของพี่ใหญ่เรียบร้อยแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนใช้เป็นหลักฐานได้เมื่อถึงตอนนั้น ดังนั้นอย่าเพิ่งไปสลายการรวมตัวพวกเขาก่อน”
ถังจิ้นเหยียนได้ยินเสียงของหลงจื๋อจึงเริ่มเข้าใจขึ้นมาได้ ไม่ผิดแน่ๆ ใช้แผนการและความสามารถของหลงเซียว ทำให้คนพวกนี้หายไปได้อย่างง่ายดาย ที่แท้เขามีแผนการอีกแผนไว้แล้วนี่เอง
“หลงจื๋อ เรื่องนี้นายไม่ต้องยื่นมือเข้ามา จัดการแค่ธุระในส่วนของนายก็พอแล้ว โรงพยาบาลได้ทำการตรวจสอบสาเหตุการตายอย่างกะทันหันของคนไข้เรียบร้อยแล้ว”
เสียงของลั่วหาน ฟังดูนิ่งเรียบและเย็นชา ตอนนี้ดูเหมือนไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ไม่สามารถทำให้เธอแสดงอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจนได้
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
แต่พอได้ยินคำว่า สาเหตุการตาย ถังจิ้นเหยียนก็ขาหยุดชะงักลงอย่างช่วยไม่ได้ สาเหตุการตายของคนไข้ หรือว่ามันไม่ใช่เป็นเพราะผ่าตัดล้มเหลวและการฟื้นตัวผิดปกติ? มันยังมีเรื่องอะไรที่ยังคลุมเครือแฝงอยู่ใช่ไหม?
คิดมาถึงตรงนี้ ก็ได้ยินเสียงของหลงเซียวดังขึ้นมาอีก“ไม่ว่าผลจะเป็นอะไร ผมก็จะไม่มีทางให้คุณถูกพูดว่าร้ายเสียๆหายๆอะไร ขอแค่คุณเชื่อฟัง คอยดูแลตัวเองอย่างสงบจิตสงบใจก็พอ”
ทั้งสามคนที่ได้ฟัง ประโยคนี้ ล้วนแต่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ไม่เหมือนกัน หลงจื๋อมองพร้อมกับทำปากพะงาบๆ นึกถึงตอนที่ตนเองไล่ตามพี่สะใภ้ในสมัยก่อน มันแทบอยากจะมุดแผ่นดินหนีไปซะให้รู้แล้วรู้รอด
ลั่วหานยิ้มๆ ไม่ได้ตอบอะไร
ถังจิ้นเหยียนกลับใจเต้น จากนั้นก็รู้สึกขมขื่นขึ้นมาทันที
ถังจิ้นเหยียนเคาะประตู เขารูปร่างสูงใหญ่สวมชุดสีขาวยืนอยู่ข้างนอกประตู“ผมมาขัดจังหวะหรือเปล่า?”
พอลั่วหานเห็นเขา ก็ยิ้มอย่างต้อนรับทันที“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ รีบเข้ามาสิ”
หลงเซียวพยักหน้าส่งสัญญาณให้เขา หลงจื๋อโบกๆมือ
“อาการของคุณเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นแล้วยัง? ผมไปถามหมอที่รักษาคุณแล้ว ยังดีที่อาการไม่ได้อะไรแย่ลง ที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือต้องพักผ่อนสงบจิตใจ”
“วางใจได้ เรื่องราวข้างนอกฉันไม่ยุ่งแล้วล่ะ รักษาชีวิตของฉันก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ในขณะที่พูด มือถือของหลงเซียวก็ดังขึ้น พอเขาเห็นเบอร์บนหน้าจอก็หันเดินตรงไปยังระเบียง ตั้งใจทำให้น้ำเสียงต่ำลงไม่น้อย
“ดำเนินคดี? เมื่อไร?”
“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”
“ให้ทนายเตรียมเอกสาร……ไม่มีแต่ ไม่ว่าจะเป็นเอกชนหรือว่าคำตัดสินของศาล ฉันก็ต้องชนะ”
“ไปตอนนี้”
ในความคลุมเครือไม่ชัดเจน ทั้งสามคนก็ยังได้ยินคำคีย์เวิร์ดของหลงเซียว ถังจิ้นเหยียนถามขึ้นอย่างตรงๆ“พวกเขาจะดำเนินคดี?”
หลงเซียววางมือถือลง สายตาที่เย็นชาเคร่งขรึมแฝงไปด้วยความโกรธแค้น“พวกเขาเอาเรื่องที่หมอตัดสินใจเซ็นชื่อด้วยตัวเองโดยที่ไม่ได้ถามความเห็นของทางครอบครัว มาเป็นเหตุผล กล่าวโทษลั่วลั่ว”
ถังจิ้นเหยียนครุ่นคิดอยู่สักพัก“ผมเดาว่าจะเป็นแบบนี้ หลักฐานกับผลลัพธ์แล้วก็เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนในตอนนี้ ล้วนแต่ไม่เป็นประโยชน์ต่อลั่วหานทั้งสิ้น ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ปฏิกิริยาแรกสุดของผู้คนก็ต้องช่วยผู้ตายก่อนอยู่แล้ว แถมบวกกับสถานะของผู้ตายที่เป็นคนงานธรรมดาทั่วไป ก็ยิ่งดึงดูดความเห็นอกเห็นใจแบบไม่ลืมหูลืมตาของผู้คนขึ้นไปอีก”
หลงเซียวพยักหน้า“ไม่ใช่แค่นี้ คุณรู้ไหมว่าคนงานคนนี้เป็นใคร?”
ถังจิ้นเหยียนส่ายหัว“ผมไม่รู้ เป็นใครเหรอ?”
หลงเซียวชี้นิ้วยาวๆไปที่รั้วกั้นตรงระเบียง“เขาเป็นคนงานของสถานที่ก่อสร้างตึกที่อยู่ในเขตตะวันตกของซุนปิงเหวิน”
ถังจิ้นเหยียนค่อยๆหรี่ตาลง กระพริบตาอย่างแรงหนึ่งที“แสดงว่า ซุนปิงเหวินจะต้องใช้อำนาจของตัวเองทำให้เป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ไม่น่าล่ะคนงานตัวเล็กๆแบบเขาถึงขั้นมีคนเยอะแยะมากมายขนาดนี้มารวมตัวกันเรียกร้องอยู่ข้างนอกนั่น แบบนี้นี่เอง……”
หลงเซียวหันไปมองลั่วหานที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย ก่อนจะพูดเสียงต่ำๆ“เรื่องนี้จะให้เธอรู้ไม่ได้ในตอนนี้ จะให้ร่างกายของเธอแบกรับความกดดันเพิ่มอีกไม่ได้แล้ว”
“ผมเข้าใจแล้ว คุณวางแผนที่จะจัดการยังไง? ลั่วหานไปเซ็นยินยอมโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตจากทางครอบครัวเขา นี่มันเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักที่สุดในการโจมตีเธอ ไม่ต้องพูดถึงคนไข้ตายกะทันหัน ต่อให้เขาฟื้นขึ้นมา เพียงแค่ทางฝ่ายครอบครัวเขาไม่เห็นด้วย ลั่วหานก็จะต้องรับผิดชอบข้อหาที่ตัดสินใจไปโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่ดี”
พูดถึงตรงนี้ ถังจิ้นเหยียนหายใจอย่างหนักแน่น จนถึงตอนนี้ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็ล้วนแต่ไม่เป็นผลดีต่อเธอทั้งนั้น
หลงเซียวถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง“การผ่าตัดครั้งนี้ คุณว่ามันมีโอกาสสำเร็จเท่าไร? ความน่าจะเป็นที่คนไข้จะเกิดเหตุการณ์น่าผิดหวังขึ้นมีเท่าไร?”
ถังจิ้นเหยียนลูบๆคาง หวนนึกถึงปฏิกิริยาของผู้ป่วยระหว่างการผ่านตัดและหลังจากการผ่าตัดอย่างละเอียด“เอ่อ……ส่วนตัวผมคิดว่า ผู้ป่วยไม่ถึงขั้นเสียชีวิตกะทันหัน โอกาสความสำเร็จมีแปดสิบเปอร์เซ็นต์”
ได้ยินถังจิ้นเหยียนพูดขนาดนี้ ในที่สุดหลงเซียวก็เผยให้เห็นแสงสว่าง“ในเมื่อมีโอกาสแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ผมคิดว่าเรื่องเรื่องนี้คงจะไม่ธรรมดาซะแล้วสิ”
ถังจิ้นเหยียนถามต่อด้วยความไม่เข้าใจ“หมายความว่ายังไง? คุณนึกอะไรออกแล้วใช่ไหม?”
หลงเซียวเงยหน้าขึ้นไปมองสำรวจลั่วหาน แววตาอ่อนโยนแผ่กระจายออกไปราวกับสายน้ำ“ผมเชื่อว่าที่ลั่วลั่วสามารถเสี่ยงเซ็นชื่อผ่าตัด ไม่ใช่เพราะความรีบร้อนกระวนกระวายอย่างแน่นอน ดังนั้นโอกาสมีชีวิตต่อของผู้ป่วยสูงมาก การตายแบบกะทันหันแบบนี้จะต้องมีใครบางคนเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน”
แววตาของถังจิ้นเหยียนจู่ๆก็มีประกายขึ้นมาเช่นเดียวกัน“แล้ว……คุณกะที่จะทำยังไงต่อ?”
หลงเซียวสายตาแน่วแน่ แววตาดำมืดราวกับว่ามีร่องเหวลึกและพายุคลั่งแฝงอยู่“ผ่าชันสูตรศพ การที่จะทำให้คนที่อยู่ในอาการโคม่าเสียชีวิตได้มีหลายวิธี แต่ที่ง่ายที่สุดก็คือการฉีดยา ถ้าของเหลวจากหลอดไหลเข้าไปในร่างกายของเขาโดยตรง ผู้ป่วยยังจะมีทางรอดอีกไหม?”
ถังจิ้นเหยียนรู้สึกหนาววูบขึ้นมาราวกับมีลมเย็นพัดเข้าที่หน้า“แสดงว่า มีคนอยากที่จะทำอะไรกับเรื่องเรื่องนี้”
หลงเซียวพูดตอบกลับ“แล้วคุณคิดว่ามีอะไรอีกล่ะ?”