คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 302 เมื่อผู้ชายร้ายขึ้นมา ก็ร้ายได้มากกว่าที่คิด
ตอนที่ 302 เมื่อผู้ชายร้ายขึ้นมา ก็ร้ายได้มากกว่าที่คิด
สามวันต่อมา——
ห้องทำงานท่านประธานMBK
หนังสือพิมพ์ฉบับนึงแผ่หลาอยู่ตรงหน้าหลงเซียว ตัวหนังสือสีดำตัวใหญ่บนกระดาษสีขาวเด่นหรา บนหนังสือพิมพ์มีรูปสวีทหวานของโม่หรูเฟยกับซุนปิงเหวิน โดยพื้นหลังเป็นโรงพยาบาล โม่หรูเฟยโอบแขนซุนปิงเหวิน ทั้งคู่ยิ้มให้กล้องด้วยหน้าตามีความสุข
“โม่หรูเฟยออกมาแก้ข่าวลือ ยืนยันจะแต่งงานกับซุนปิงเหวิน”
หัวข่าวทั้งชุ่ยทั้งกำกวมจนแทบอยากจะให้มันเดินออกมาจากกระดาษแล้วมีชีวิตอยู่จริงๆ แต่สำหรับหลงเซียว มันก็เป็นแค่เรื่องน่าขันเท่านั้น
รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเย็นยะเยือก ค่อยๆหายไปจากประกายหางตา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นมีดคมกริบที่พร้อมเสียดแทงคนทุกเมื่อ
นิ้วเรียวกระดกลงบนโต๊ะไม้สัก หลงเซียวเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ก่อนจะหันไปประสานสายตากับจี้ตงหมิง ในขณะที่อีกฝ่ายก็มีรอยยิ้มบางปรากฎขึ้นบนใบหน้าเช่นเดียวกัน
เพราะอยู่กับหลงเซียวมานาน ตอนนี้จี้ตงหมิงเรียนรู้การยิ้มตามฉบับหลงเซียวเหมือนถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นแล้ว
“โม่หรูเฟยติดกับตามคาด” น้ำเสียงเย็นเหมือนสายน้ำออกมาจากปากชายรูปลักษณ์สง่างาม โดยมีรังสีความเย่อหยิ่งแผ่ซ่านอยู่รอบตัว
จี้ตงหมิงโค้งศีรษะเล็กน้อย “เป็นไปตามที่เจ้านายคาดจริงด้วยครับ โม่หรูเฟยติดกับเราแล้ว งั้นขั้นต่อไป เราแค่นั่งดึงแหขึ้นมานับจำนวนปลาก็เป็นอันเรียบร้อย?”
แหวนแต่งงานบนนิ้วมือเรียวสวยของหลงเซียวส่องประกายวิบวับยามที่เขาเคาะโต๊ะไปมา “โม่หรูเฟยแต่งงานกับซุนปิงเหวิน นั่นหมายถึงตัดสินใจจะผูกชีวิตคนสองคนเข้าด้วยกัน คงคิดจะรวมหัวกับตระกูลซุนมาสู้กับฉัน ไม่ต้องรอให้ฉันเป็นฝ่ายเริ่มหรอก อีกไม่นานโม่หรูเฟยคงคิดจะทำการอะไรบางอย่าง ถึงเวลานั้นเราค่อยโต้ตอบกลับเบาๆก็พอ”
จี้ตงหมิงพยักหน้าเห็นด้วย “ครับเจ้านาย! ตอนนี้ก็ให้โม่หรูเฟยกับซุนปิงเหวินได้ใจไปก่อน หลังจากนั้นค่อยสั่งสอนพวกเขาสักหนึ่งดอกก็ไม่สาย เกมนี้ท่าทางจะสนุกน่าดู”
หลงเซียวดึงมือมาหยิบคัมภีร์ศาสนาขึ้นอ่าน “ตอนนี้ลั่วลั่วยังถือหุ้นของบริษัทโม่ซื่อ ไม่ว่าพวกนั้นจะตัดสินใจทำอะไรยังไงก็ต้องผ่านความเห็นชอบจากลั่วลั่ว ถ้าคิดจะทำอะไรตุกติกก็ต้องเอาลั่วลั่วออกจากกลุ่มผู้บริหาร ไม่อย่างนั้นอำนาจในบริษัทของลั่วลั่วก็คือคำทำนายล่วงหน้าของแผนการโม่หรูเฟย เราไม่รีบ”
หลงเซียวมีท่าทางสบายๆเช่นคนที่ถือชัยชนะแล้วตั้งแต่ต้น ทำให้จี้ตงหมิงสงบตามไปด้วย
เขามองดูโม่หรูเฟยกับซุนปิงเหวินที่มีท่าทีมั่นอกมั่นใจว่าตัวเองอยู่เหนือ แต่แท้จริงแล้วทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนตกอยู่ในความควบคุมของหลงเซียว ซึ่งไม่ต่างอะไรกับลิงที่กระโดดโลดเต้นอย่างได้ใจ ความยินดีปรีดาของพวกนั้น ในสายตาเขาแทบไม่ต่างอะไรกับเรื่องตลก
พอลองคิดดูดีๆแล้ว เจ้านายของเขานี่เทพเหนือเทพชัด!
“จริงสิ ของพวกนั้นที่ส่งไปอเมริกาเป็นไงบ้าง?” หลงเซียวเห็นไฟล์ที่บริษัทฉู่ซื่อส่งมา พลันก็คิดมาถึงเรื่องนี้ เพราะตั้งแต่มอบหมายให้กู้เยนเซินเขาก็วางใจจึงไม่ค่อยได้เข้ามายุ่ง แต่เผลอแป๊บเดียวก็ผ่านไปสามวัน เขาคงจะจัดการเรื่องนี้ได้เกือบเรียบร้อยดีแล้วล่ะ
จี้ตงหมิงเอ่ย “รับของไปเรียบร้อยแล้วครับ เงินส่วนที่เหลือก็ครบจำนวนทันทีที่ของถึง คุณภาพสินค้าล็อตแรกดีมาก ฝั่งนั้นพอใจมากก็เลยสั่งล็อตที่สองต่อทันทีครับ”
“ดี” ได้ยินแบบนั้นหลงเซียวก็ยิ้มนิดๆ “ดูท่าทางโรงงานที่สร้างแล้วก็ออกแบบจะไปได้สวย ในเมื่อคุ้นเคยกับพวกคนงานดีแล้ว โรงงานของฉู่ซื่อก็ไม่ต้องสร้างใหม่ ต่อไปโรงงานนี้ก็ให้ฉู่ซื่อใช้ไปแล้วกัน”
ลูกตาของจี้ตงหมิงแทบจะปริ้นออกมาจากเบ้า “แต่เจ้านายบอกว่ายืมคุณชายหลงยี่มาไม่ใช่หรอครับ? งั้น…ยังต้องคืนหรือเปล่าครับ?”
หลงเซียวยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาสีดำแฝงแววเย็นชา “แน่นอนว่ายืมมา แต่จะยืมนานเท่าไหร่ฉันไม่ได้กำหนด”
จี้ตงหมิงกลืนน้ำลายดังอึก “เข้าใจแล้วครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
“อืม”
จี้ตงหมิงแอบยกย่องเขาในใจ ลูกไม้ของเจ้านาย…ไม่ผิดหวัง!
จี้ตงหมิงเดินออกจากห้อง ขณะเดียวกับโทรศัพท์ของหลงเซียวก็ดังขึ้น
หางตาปรายตาไปยังโทรศัพท์ที่เด้งขึ้น หลงเซียวปล่อยให้มันดังหน้าจออยู่หลายนาทีก่อนจะค่อยๆหยิบขึ้นมารับ
“ในที่สุดก็รับสายสักทีนะคุณชายได้หลง อย่าเพิ่งรีบวาง ผมมีเรื่องจะคุยด้วย โปรดฟังที่ผมพูดให้จบ”
ปลายสายเป็นเสียงร้อนรนของเกาจิ่งอาน ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล
หลงเซียวเผยยิ้มบางๆ มือขวาที่จับโทรศัพท์สลับมาจับมือซ้าย “คุณเกาโทรหาหาไม่ทราบว่ามีธุระอะไร?”
ตอนนี้เกาจิ่งอานยืนอยู่หน้าประตูเรือนจำ จำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพบกับเกาหยิ่งจือ ใช้ข้ออ้างก็แล้ว ใช้อำนาจข่มขู่ก็แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ตอบกลับมาเพียงประโยคเดียว “ระหว่างการสืบหาความจริง ไม่อนุญาตให้นักโทษพบญาติคนใดทั้งสิ้น ยกเว้นทนาย”
แต่ถึงจะเป็นทนาย ถ้าไม่ได้มีแบ็คอัพใหญ่ๆอยู่เบื้องหลัง ใครจะกล้าเข้ามายุ่งกับคดีนี้กัน?
“คุณชายหลง เลิกล้อเล่นกับผมเถอะ ถ้าเมื่อก่อนนี้ผมเคยทำอะไรให้คุณไม่พอใจ ทำให้คุณหงุดหงิด ผมขอโทษ ผมหวังว่าคุณจะปล่อยมืออันสูงส่งออกจากตัวพี่สาวผม คุณชาย….”
ละอองจากเครื่องปรับอากาศในห้องลอยเข้ามาแตะจมูก ความไม่แยแส ความเย็นชา ความเสียดสีทั้งหมดทั้งมวลนี้ของหลงเซียวรวมไว้ในเสียงพ่นจมูก “คุณเกากำลังล้อเล่นกับผมหรือไง? เรื่องของพี่สาวคุณเกี่ยวอะไรกับผมไม่ทราบ? อยู่ๆก็เอามาโถมใส่ตัวฉันดื้อๆ?”
เกาจิ่งอานกุมขมับ ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้เขาคงไม่สามารถเก็บเรื่องนั้นเป็นความลับได้อีกแล้ว “คุณชายหลง เรื่องที่เกิดขึ้นกับภรรยาคุณในตอนนั้น เป็น…เป็นฝีมือของพี่สาวผมก็จริง ที่ภรรยาคุณเข้าใจผิดเรื่องผลตรวจHIVก็เป็นฝีมือพี่ผม…แต่ เรื่องพวกนี้มันก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ภรรยาของคุณก็มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายดี คุณจะช่วย…”
“ไม่”
ราวกับเป็นคำตอบจากท่านยมบาลก็ไม่ปาน ความหวังทั้งหมดของเกาจิ่งอานมอดไหม้ไปต่อหน้าต่อตา เขาปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่นิดเดียว!
“คุณเกาพูดว่า ภรรยาผมมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายดี? ที่ใบหน้าของเธอต้องเสียโฉม ต้องสูญเสียความทรงจำ เรื่องพวกนี้คุณจะชดใช้ยังไง? ที่เธอต้องสูญเสียชื่อเสียง เกือบถึงแก่ความตายเพราะพี่สาวคุณ คุณจะชดใช้ยังไง? ที่ฉันกับภรรยาต้องพรากจากกันถึงสามปีอีก คุณเตรียมจะชดใช้ยังไงดีล่ะ?”
คำพูดชุดใหญ่ที่เขาตอบกลับทำเอาเกาจิ่งอานพูดไม่ออก เพียงแค่ขบกรามแน่นโมโหพี่สาวตัวเองที่เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ!
“คุณชายหลง ผมจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อชดใช้ให้คุณ แต่ได้โปรดปล่อยพี่สาวผมไปเถอะ”
เขารู้ดีว่าสิ่งที่เกาหยิ่งจือทำมันร้ายแรงมาก มากจนสมควรจะได้รับโทษประหารเสียด้วยซ้ำ แต่ยังไงซะเธอก็เป็นพี่น้องเพียงคนเดียว พี่น้องที่มาจากสายเลือดเดียวกับเขา
จะให้เกาจิ่งอานนั่งดูอยู่เฉยๆได้ยังไง?
หลงเซียวยกมือขึ้นกดหางคิ้ว “คุณเกา ผมได้รับรายงานมาว่าพี่สาวคุณจะต้องถูกจำคุกยี่สิบปี…”
“คุณชายหลง!”
เกาจิ่งอานร้อนรนเต็มที! ยี่สิบปี! เกาหยิ่งจือออกจากคุกก็อายุห้าสิบกว่าแล้ว! ถ้าอย่างงั้นตายในคุกไปเลยจะต่างกันตรงไหน!
“ฉันพอจะหาวิธีทำให้พี่สาวคุณติดคุกน้อยกว่านั้นได้ ส่วนจะน้อยได้เท่าไหร่ จะใช้วิธีไหนช่วย ก็ขึ้นอยู่กับผลงานคุณ”
“ได้ครับ! ถ้าเป็นเรื่องที่ผมทำได้ ผมจะทำอย่างเต็มที่! คุณชายหลงว่ามาได้เลยครับ”
สายตาของหลงเซียวมองไปยังปฏิทินตั้งโต๊ะ มืออีกข้างพลิกข้ามไปหนึ่งหน้าจนเห็นวันที่ยี่สิบ “โม่หรูเฟยลูกพี่ลูกน้องนายกำลังจะแต่งงาน คงรู้ใช่ไหม?”
“ผม…ผมรู้ครับ” เกาจิ่งอานค่อยๆมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามแนวหน้าผาก เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
“ฉันอยากส่งของขวัญวันแต่งงานให้เขาสองคน หวังว่านายจะช่วยฉัน”
“ครับ!”
“ดีมาก อีกสามชั่วโมง ฉันจะจัดการให้นายได้เจอพี่สาว แต่ถ้าฉันเกิดได้ยินนายพูดอะไรที่ไม่สมควรพูด นายคงรู้นะ…”
“วางใจเถอะครับ มันจะไม่เกิดขึ้น!”
หลงเซียวหัวเราะขึ้นเบาๆ “คุณเกา เรื่องแบบนี้ เป็นการร่วมมือกันของลูกผู้ชายอย่างเราๆ จะดีมากถ้าคุณไม่ทำให้ภรรยาผมรู้”
วินาทีนี้ใบหน้าของเกาจิ่งอานเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ “ผม…ผมทราบแล้วครับ”
โทรศัพท์ถูกตัดสายในที่สุด เกาจิ่งอานทิ้งตัวพิงกับเก้าอี้อยู่นานไม่ขยับ ผู้ชายแบบหลงเซียว ไม่ต่างอะไรกับปีศาจในคราบคน!
เขามันปีศาจ!
——
“หมอฉู่ ด่วนค่ะ! ที่ห้องฉุกเฉินมีคนไข้ต้องการความช่วยเหลือ! เป็นคนงานในแคมป์ก่อสร้าง ตะปูตัวใหญ่เจาะเข้าตรงหัวใจ หัวใจได้รับความเสียหายอย่างมาก!”
“พาฉันไปเดี๋ยวนี้!!”
ลั่วหานเพิ่งทำการตรวจคนไข้เสร็จ หันกลับมาก็ถูกลากไปยังห้องฉุกเฉิน ขายาวก้าวฉับๆไปตามโถงทางเดินด้วยความรวดเร็ว เท้าของฉู่ลั่วหานเหมือนเหยียบอยู่บนสายลม กาวน์สีขาวพลิ้วสะบัดไปตามจังหวะการเดิน
“ชีพจรของคนไข้เท่าไหร่!”
“45,75 และมีแนวโน้มจะต่ำลงเรื่อยๆ คนไข้เสียเลือดไปมาก ตอนนี้กำลังถ่ายเลือด คนไข้อยู่ในระหว่างหมดสติค่ะ”
“ทำไมไม่แจ้งศัลยกรรมให้รีบลงมือผ่าตัด?”
พยาบาลพูดไม่ออกไปเสี้ยววินาที “หมอฉู่คะ การผ่าตัดเคสนี้ยากมาก แถม…คนไข้ก็ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา ทำให้ไม่สามารถผ่าตัดได้ค่ะ”
สายตาของลั่วหานเปลี่ยนเป็นคมกริบ “เพราะเหตุผลนี้?”
พยาบาลขบฟันแน่น “ค่ะ…ทางโรงพยาบาลจะทำการผ่าตัดให้ก็ต่อเมื่อคนไข้จ่ายเงิน ค่าผ่าตัดอย่าต่ำๆก็ห้าหกแสน คนไข้ไม่มีเงิน แถมยังไม่มีญาติ มีแค่เพื่อนคนงานในแคมป์”
ลั่วหานกุมขมับ “รีบแจ้งญาติของคนไข้ให้มาโรงพยาบาล ให้พวกเขามาเซ็นชื่อ”
“แจ้งแล้วค่ะ เขากำลังมา”
“เตรียมห้องผ่าตัด! ทั้งเจ้าหน้าที่ให้ยาชา เจ้าหน้าที่เตรียมเครื่องมือทุกคนไปเจอกันที่ห้องผ่าตัดหมายเลขหนึ่ง จริงสิ…หมอถังล่ะ?”
“หมอถังกำลังผ่าตัดอยู่ค่ะ การผ่าตัดเพิ่งเริ่ม เคสวันนี้เป็นการผัดตัดหัวใจที่ค่อนข้างซับซ้อน ต้องใช้เวลาอย่างต่ำๆก็ห้าชั่วโมงค่ะ”
ให้ตายสิ!
ลั่วหานรีบเดินไปยังห้องฉุกเฉิน คนไข้นอนเลือดอาบอยู่บนเปล หน้ากากออกซิเจนที่สวมอยู่บนหน้าล้วนเต็มไปด้วยคราบเลือด
ตะปูเสียบคาอยู่ตรงตำแหน่งหัวใจ เลือดไหลออกมาตามตำแหน่งที่ถูกตะปูปัก
“ย้ายไปห้องผ่าตัด! รอญาติคนไข้ไม่ไหวแล้ว ต้องทำการผ่าตัดเดี๋ยวนี้!”
“ค่ะ!”
หลินซีเหวินและหวาเทียนถึงห้องผ่าตัดตามมาติดๆ ทั้งสามคนเปลี่ยนชุดผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย พวกเขามองไปยังผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียง หลินซีเหวินถามขึ้นด้วยความกังวล “หมอฉู่ มีความเป็นไปได้สูงที่คนไข้รายนี้จะไม่รอด ดูจากหน้าจอCTฉายให้เห็นกว่าตะปูได้ทำลายหัวใจของเขาไปมากกว่าสองในสาม ถ้าดึงออกมาเป็นไปได้มากกว่าเขาจะเสียชีวิตทันที ตอนนี้ญาติของคนไข้ก็ยังไม่ได้เซ็น หมอจะรับผิดชอบกับความเสี่ยงขนาดนี้จริงๆหรอ?”
ลั่วหานใส่แมสก์ แววตามีความแน่วแน่ มือทั้งสองข้างประสานกันแล้วเอ่ย “ถ้าไม่ดึงออกมา เขาก็จะเสียชีวิตเหมือนกัน แถมเสียชีวิตแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย”
หวาเทียนพยักหน้า “ผมเห็นด้วยกับหมอฉู่ ถ้าเราผ่าตัดคนไข้ยังมีโอกาสรอด แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยโอกาสรอดจะเป็นศูนย์”
หลินซีเหวินกัดฟันอีก “หมอฉู่ การผ่าตัดคนไข้โดยไม่ได้รับการยินยอมจากญาติ ต่อให้เราจะผ่าตัดสำเร็จหรือไม่ พวกเขาก็มีสิทธิ์จะฟ้องร้องได้…หมอ…”
“ฉันรู้ เรื่องนี้ฉันจะรับผิดชอบเอง”
แต่ที่หวาเทียนกังวลกลับไม่ใช่เรื่องนี้ สถานะอย่างฉู่ลั่วหานการถูกฟ้องร้องเป็นแค่เรื่องเล็ก “หมอฉู่ ระยะเวลาในการผ่าตัดเกรงว่าอย่างน้อยๆก็ต้องสิบชั่วโมง มือคุณ…”
ประเด็นนี้จี้เข้าไปในใจของลั่วหาน
“หมอถังผ่าตัดเสร็จเมื่อไหร่ ให้เขามาเปลี่ยนมือกับฉัน”
“ครับ”
ลั่วหานยื่นมือออกไป “มีด…”
“จับตาดูชีพจรกับอัตราการเต้นของหัวใจให้ดี…อีกเดี๋ยวเราเปิดกระดูกสันออกแล้ว หมอเฉิน คุณรับหน้าที่ดึงตะปูออก จำไว้ว่าต้องทำเวลาให้เร็วที่สุด ทันทีที่ดึงตะปูออกให้รีบห้ามเลือด…”
ฉู่ลั่วหานสูดหายใจเข้าลึกๆ “ขอให้ทุกคนมีสมาธิ อีกเดี๋ยวอาจจะมีเลือดพุ่งออกมา แต่จงอย่าตกใจ เข้าใจไหม?”
หลินซีเหวินและคนอื่นๆตอบเป็นเสียงเดียวกัน “เข้าใจค่ะ!”
“เริ่มเถอะ!”