คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 300 มากัดหมา
ตอนที่ 300 หมากัดหมา
ถังจิ้นเหยียนได้ยิน ก็หัวเราะไม่พูดอะไร จีบกาแฟ ให้กลิ่นหอมของกาแฟอบอวลในปาก
ลั่วหานก็นึกอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “แต่ว่าจิ้นเหยียน จากชื่อเสียงของฉัน คุณว่าคู่นัดบอดของคุณจะไม่รู้จักฉันเหรอ? ถ้าคุณให้ฉันไป ความลับก็แตกทันทีเลยซิ”
ถังจิ้นเหยียนอ้ำอึ้ง ก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นของลั่วหาน “แต่ตอนนี้ผมอยู่เมืองหลวง ก็ไม่มีเพื่อนผู้หญิงคนอื่นแล้ว ถ้าคุณไม่ช่วยผม……”
เขาพูดไปครึ่งหนึ่ง ก็ให้ลั่วหานคิดเอาเอง
ลั่วหานเหมือนเพิ่งตื่น มีคนหนึ่งเหมาะสมมาก
“เรื่องนี้ปล่อยให้ฉันจัดการเอง ฉันรับรองว่าตอนคุณไปนัดบอดจะมีผู้ช่วยที่ดีแน่นอน คุณเอาเวลาและสถานที่ให้ฉัน ฉันจัดการให้”
สำหรับความมั่นใจของลั่วหาน ถังจิ้นเหยียนกลับรู้สึกแปลกใจ “คุณไปหาคนช่วยจากไหน? ใคร? คงไม่ใช่เพื่อนรักคุณลู่ซวงซวงมั้ง?”
ลั่วหานยิ้มอย่างลึกลับ “เป็นความลับก่อน ถึงเวลาคุณก็รู้เอง”
“ได้ งั้นก็ให้คุณช่วยแล้วนะ”
ดื่มกาแฟกับถังจิ้นเหยียนเสร็จก็กลับเข้าออฟฟิศ ระหว่างทางเห็นทีวีกำลังประกาศข่าว
“คุณหนูตระกูลโม่ โม่หรูเฟยซึ่งถูกจับกุมในคดีลักพาตัว จากการสอบสวนแล้วไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันโดยตรง ผู้ต้องหาหลักเฉียวซีได้เสียชีวิตแล้ว โม่หรูเฟยซึ่งถูกจำคุกนานสิบวัน วันนี้ได้ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว……”
ในภาพ โม่หรูเฟยใส่แว่นตาดำขนาดใหญ่ บังหน้าเธอไปแล้วเกินครึ่ง ใส่ชุดสูท รูปร่างดูผอม ผอมไปเยอะทีเดียว
ดูแบบนี้แล้ว เธออยู่ข้างในน่าจะได้รับบทเรียนไม่น้อย
“คุณโม่ สำหรับคดีลักพาตัวนี้ คุณถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนบงการ คุณมีอะไรจะอธิบายไหม?”
“เฉียวซีทำไมต้องใส่ร้ายคุณ? คุณกับเฉียวซีมีความสัมพันธ์อะไรกัน?”
“คุณมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเกี่ยวกับในคดีนี้?”
……
จากคำถามของนักข่าว ฟังออกว่าพวกนักข่าวไม่ได้รู้สึกเกรงใจโม่หรูเฟยเลย แต่โม่หรูเฟยก็สงบสติอารมณ์ได้ จากคำถามมากมายเธอไม่ตอบอะไรสักคำ
“คุณโม่ คู่หมั้นคุณตอนนี้ขาพิการทั้งสองข้าง งานแต่งก็พวกคุณยังจัดตามเดิมไหม?”
“คุณซุนปิงเหวินเคยบอกว่างานหมั้นของพวกคุณจะจัดขึ้นวันที่16 ตอนนี้ก็เลยงานหมั้นของพวกคุณไปหลายวันแล้ว อยากทราบว่านี่หมายถึงงานหมั้นพวกคุณได้ยกเลิกไปแล้วใช่ไหม?”
“เป็นความหมายของคุณฝั่งเดียวใช่ไหม?”
……
คำถามยังคงกระหน่ำมาเรื่อยๆ เหล่านักข่าวก็พยายามเข้าไปถามโม่หรูเฟยที่ถูกบอดี้การ์ดปกป้องไว้ พยายามจะถามให้โม่หรูเฟยเปิดปากพูด แต่ไม่เลย โม่หรูเฟยไม่พูดสักคำ
โม่หรูเฟยถูกล้อมด้วยนักข่าวออกมาจากสถานกักกัน รอบตัวเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยของตระกูลโม่ ปกป้องจนส่งขึ้นรถอย่างปลอดภัย ตลอดทางมาโม่หรูเฟยก้มหัวตลอด หน้าดำเคร่งเครียด เม้มปากไว้แน่น
รถขับออกไปอย่างรวดเร็ว นักข่าวก็ตามไม่ทันแล้ว จึงยืนรายงานข่าวกับที่ “งานแต่งระหว่างโม่หรูเฟยกับซุนปิงเหวินได้ถูกระงับแล้ว ซุนปิงเหวินในวันนี้ได้สูญเสียขาทั้งสองข้างไปยังคงได้ใจของคุณโม่หรูเฟยหรือไม่ เราจะติดตามต่อไป”
ลั่วหานถอนหายใจ พูดกับถังจิ้นเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ “นักข่าวคนนี้ปากไม่ปล่อยคนอื่นเลย”
ถังจิ้นเหยียนเบ้ปากพยักหน้า “ใช่ คุณพูดถูก ถ้าคนที่เขากล่าวถึงเป็นคุณ คาดว่าอีกหนึ่งชั่วโมงก็คงได้หายตัวไปแน่”
ลั่วหานเอียงคอกวาดสายตาไปมองถังจิ้นเหยียน “ฉันว่าตอนนี้คุณพูดอะไรเหมือนสอดแทรกความหมายอื่นอยู่นะ?”
ถังจิ้นเหยียนยอมรับ “เพราะว่าตอนนี้ผมรู้แล้ว เรื่องที่หลงเซียวทำให้คุณมันถึงจุดนี้แล้ว จากนี้ไปคงไม่มีนักข่าวคนไหนกล้าเอาคุณมาพูดแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
“ฟังแล้วไม่ค่อยเหมือนคำชม”
ถังจิ้นเหยียนหวั่นไหว เกือบเอามือไปจับผมลั่วหาน แต่ก็กลั้นไว้กำมือแน่นในกระเป๋า “การประชุมวันนี้ ดูไม่ออกเหรอ? คุณเป็นภรรยาของหลงเซียว ก็มีสถานะเป็นนายหญิงของโรงพยาบาลหวาเซี่ย อีกหน่อย พวกผู้บริหารของโรงพยาบาลหวาเซี่ยยังต้องก้มหน้าให้คุณ”
ลั่วหานขมวดคิ้ว “ความรู้สึกนี้……ก็ไม่เลว”
“ฮาๆ คุณนี่”
ถึงแม้ว่าลั่วหานยังไม่ค่อยชินกับการถูกลอบล้อมเพราะชื่อของหลงเซียว แต่ผู้ชายของเขาคือหลงเซียว สักวันก็ต้องเคยชินกับการถูกผู้คนรอบล้อม เมื่อเทียบกับการหลบเลี่ยง ยอมรับอย่างใจกว้างดีกว่า
——
ภาพเดียวกัน ก็อยู่บนจอทีวีในห้องทำงานของหลงเซียว
นิ้วของหลงเซียวหมุนแหวนบนนิ้ว สายตาเย็นชา ไม่เห็นอารมณ์ใดๆบนใบหน้าเลย เมื่อรถขับออกไปแล้ว หลงเซียวก็กดรีโมทปิดทีวี
จี้ตงหมิงมองสีหน้าของบอสอยากระมัดระวัง “บอส ตอนนี้คุณโม่ออกมาแล้ว จากนี้เธอคงต้องเคลียร์เรื่องวุ่นวายของบริษัทโม่ซื่อแน่นอน ทางเราต้องทำอะไรไหมครับ?”
หลงเซียวเงยหน้า สายตาดำคมเข้มนั้นแสดงความดูถูก “ตระกูลโม่ตอนนี้แค่ลมพัดหน่อยก็ตกเหวแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไร วิกฤตการเงินรอบหน้าพวกเขาไปไม่รอดแน่”
“แต่ว่า……โม่หรูเฟยหมั้นหมายกับซุนปิงเหวินไว้ ถ้าตระกูลโม่กับซุนปิงเหวินรวมตัวกัน ก็น่าจะมีโอกาสหน่อย?”
“ซุนปิงเหวินเหรอ?” คำพูดที่ดูเหยียดหยามออกมาจากปากหลงเซียว เขาเรียกชื่อนี้ออกมา แล้วยิ้มอ่างดูถูก “ซุนปิงเหวินรีบร้อนจะหมั้นหมายกับโม่หรูเฟย ก็เพราะอยากใช้กองทุนของตระกูลโม่ อยากรีบผูกมัดกับตระกูลโม่ บริษัทของซุนปิงเหวินขาดทุนมาตลอด นายไม่รู้เหรอ?”
“ไม่ใช่มั้ง? การดำเนินการของบริษัทซุนปิงเหวินตอนนี้ดูแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร อีกอย่างตระกูลซุนหลายปีนี้ก็สะสมเงินทุนไม่น้อย เครือข่ายของตระกูลซุนไม่ใช้ได้ ทำไมถึงขาดทุนมาตลอด?”
หลงเซียวดึงเอกสารฉบับหนึ่งให้จี้ตงหมิง “ดูอันนี้”
จี้ตงหมิงเปิดเอกสารดูอย่างสงสัย พอดูแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนทันที “ทำไมจำนวนเงินกู้ของซุนปิงเหวินถึงได้……มากมายขนาดนี้? หลายปีนี้เขาดูแลบริษัทยังไง? ถึงทำให้ตัวเองมาถึงจุดนี้ได้?”
หลงเซียวพูด “ปัญหานี้ นายคงต้องไปถามเขาเอง ยังไงก็แล้วแต่ ตอนนี้ซุนปิงเหวินแบกภาระหนี้สินมากมาย ขอแค่ขาเขาเดินได้ ก็ต้องถูกหนี้สินกดทับ ประกาศล้มละลาย หรือไม่ก็ดึงโม่หรูเฟยลงไปด้วย จะตายก็ตายด้วยกัน อยู่ก็อยู่ด้วยกัน”
จี้ตงหมิงกัดฟัน ถอนใจอย่างใจหาย “วิธีของซุนปิงเหวินนี่โหดมาก เขาอยากดึงตระกูลโม่ลงไปด้วย ไอ้เลวนี่”
หลงเซียวหัวเราะอย่างสบายใจ จับปากกาขีดเขียนไปเรื่อยๆ “ตอนนี้ ฉันก็มีสองทางให้เลือกเดิน อยากฟังดูไหม?”
“บอสเชิญพูดครับ ผมยินดีรับฟัง”
จี้ตงหมิงรู้สึกได้แล้ว ว่าบอสเขาจะทำเรื่องร้ายอะไรแล้ว
“อันดับแรก ส่งเอกสารฉบับนี้ไปให้โม่หรูเฟยฟรีๆ เพื่อเตือนเธอให้รีบตัดขาดจากซุนปิงเหวิน เพื่อปกป้องไม่ให้ตระกูลโม่ถูกซุนปิงเหวินพาซวย วิธีนี้ มีมนุษยธรรมพอไหม”
จี้ตงหมิงพยักหน้า “ใช่ครับบอส คนอย่างโม่หรูเฟย จำเป็นต้องช่วยไหม?”
หลงเซียวชูสองคิ้ว “อีกวิธีหนึ่ง ปิดบังโฉมหน้าที่แท้จริงของซุนปิงเหวิน ให้โม่หรูเฟยเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเอง
จี้ตงหมิงยิ้ม เขาคิดว่าวิธีนี้เหมาะกับบอสเขามากกว่า “แต่ตอนนี้สภาพซุนปิงเหวินก็เป็นขนาดนี้แล้ว โม่หรูเฟยยังจะเอาเขาไหม?”
หลงเซียวยิ้มอย่างมีคาดการณ์ไม่ถูก “โม่หรูเฟยอยู่ในวงการ ถนัดใช่สื่อเป็นเครื่องมือ วันนี้ฉันก็ใช้วิธีนี้จัดการกับเขา ไม่อย่างนั้นตระกูลหลงจะรับซื้อกิจการสื่อพวกนี้ทำไม?”
จี้ตงหมิงเข้าใจแล้ว “บอสฉลาด ผมจะรีบให้พวกเขาปล่อยข่าวนี้ออกไป ให้โม่หรูเฟยขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก”
หลงเซียวไม่พูดอะไรอีก
สำหรับโม่หรูเฟยกับซุนปิงเหวิน เขาไม่จำเป็นต้องลงมือเอง ให้พวกเขากัดกันเองถึงจะสมกับเป็นวิธีของท่านเซียว
จี้ตงหมิงออกจากออฟฟิศ หลงเซียวมองดูนาฬิกาในข้อมือ ถึงเวลาต้องไปถามเรื่องสินค้าในโรงงานแล้ว
กู้เยนเซินถูกเสียงโทรศัพท์ปลูกจนตื่น ยื่นมือไปหาโทรศัพท์อย่างสะลึมสะลือ ควานหาอยู่นานกว่าจะเจอ
วางไว้ข้างหูพูดขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง “คุณชายหลง จะไว้ชีวิตคนอื่นหน่อยได้ไหม?”
“คุณชายกู้ ตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้ว อย่าบอกฉันนะว่านายยังนอนอยู่”
สีหน้ากู้เยนเซินเอือมระอา “คุณชายหลงครับ เพราะเร่งการผลิต ฉันอยู่ที่โรงงานคนงานอดหลับอดนอนทั้งวันทั้งคืน ทั้งขืนอดต่อไปฉันได้ตายก่อนแก่แน่นอน”
หลงเซียวขมวดคิ้ว “คนงานละ? ให้เวลาพวกเขาพักผ่อนไหม?”
“ต้องให้แน่นอน ตอนนี้คนงานกลับไปพักผ่อนที่บ้านหมดแล้ว เริ่มงานอีกทีสองทุ่ม”
เสียงของกู้เยนเซินทำให้ไป๋เวยที่นอนอยู่ในห้องตื่น จากนั้นก็ขยี้ตา “ประธานกู้? คุณอยู่บ้านฉันได้ยังไง?”
หลงเซียวขมวดคิ้ว “คุณชายกู้ นายนอนได้ดีจริงๆ นอนไปถึงบ้านของประธานไป๋เลยนะ เป็นยังไง เพิ่มสวัสดิการให้ตัวเองหลังทำโอที?”
“เหี้ย สวัสดิการอะไร ฉันไม่คุยกับนายแล้ว ความคืบหน้าทางโรงงานรอฉันกลับไปแล้วค่อยส่งเมลให้นาย”
พูดจบก็รีบวางสาย
หลงเซียวถูกวางสาย แต่กลับยิ้มอย่างมีเลศนัย
กู้เยนเซินบิดเนื้อตัวที่ปวดเมื่อย แล้วยิ้มโบกมือให้ไป๋เวย “ประธานไป๋ เสียงรบกวนคุณตื่นเหรอ?”
ไป๋เวยเอามือกอดอกถามกู้เยนเซินที่นอนอยู่บนโซฟา “คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“เฮ้ คุณหลับจนไม่รู้ตัวแบบนั้น ตื่นมาก็จะอะไรไม่ได้เลยเหรอ ประธานไป๋ เรื่องที่เกิดขึ้นตอนมา คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”
คำพูดของกู้เยนเซินมีความคลุมเครือ ทำให้คนอื่นคิดลึก
ไป๋เวยจับขมับที่ปวดเมื่อยอยู่ “ฉันจำไม่ได้ว่าเรามีอะไรกัน คุณไม่ต้องมาทำให้ฉันเข้าใจผิด”
“เหอะๆ นี่ก็คุณไม่ถูกแล้วนะประธานไป๋ ตอนเช้าคุณอยู่ในอ้อมกอดผมไม่ยอมปล่อย และยังเชิญให้ผมนอนที่บ้านคุณ จำไม่ได้แล้วเหรอ?”
ไป๋เวยพูด “เป็นไปไม่ได้ ตอนนี้คุณตื่นแล้ว กลับได้แล้ว”
กู้เยนเซินบิดขี้เกียจ หาวแล้วพูดว่า “ประธานไป๋ อย่างหลอกใช้เสร็จแล้วถีบทิ้งซิครับ ตอนนี้ผมเหม็นเหงื่อทั้งตัวเลย คุณให้ผมกลับไปแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะมั้งครับ? อย่างน้อยให้ผมอาบน้ำที่บ้านคุณหน่อย อีกอย่าง……” กู้เยนเซินจับท้อง “ผมหิวแล้ว ประธานไป๋ควรให้แขกกินอะไรหน่อยไหมครับ”
“เหอะ ประธานกู้ คุณนี่ก็หน้าด้านไม่เบาเลยนะ”
“กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ประธานไป๋ก็ไม่ต้องเตรียมอย่างหรูหราหรอก แต่กับข้าวสี่อย่างน้ำซุปหนึ่งก็พอ ผมไปอาบน้ำก่อน ลำบากคุณแล้วนะ ประธานไป๋”
ไป๋เวยกัดฟันแน่น หน้าขาวนวลชมพูแดงก่ำทันที “กู้เยนเซิน หยุดเดี๋ยวนี้”
“ห้องน้ำคุณใหญ่ขนาดนั้น อาบน้ำต้องสบายแน่ๆ เลย ขอบคุณครับ”
“กู้เยนเซิน”
เธอตะโกนไป ก็ได้ยินเสียงน้ำดังออกมาจากในห้องน้ำ ผู้ชายคนนี้อาบน้ำในห้องน้ำเธอแล้ว
“กู้เยนเซิน คุณไม่มีชุดให้เปลี่ยน คุณอาบเสร็จแล้วจะใส่อะไร”