คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 295 ทุกอย่างไฟไหม้เผาวอด
ตอนที่ 295 ทุกอย่างไฟไหม้เผาวอด
ทั้งสองยังไม่ได้เดินเข้าไปในบ้าน โทรศัพท์ของหลงเซียวกับลั่วหานก็ดังขึ้นพร้อมกัน
ตาสองคู่สบตากัน ขมวดคิ้ว ลั่วหานยักไหล่พูดขึ้น “ดูท่าวันนี้จะเชิญคุณดูสถานที่ส่วนตัวของฉันจะไม่ค่อยเหมาะสมแล้ว”
หลงเซียวดึงขาข้างหนึ่งที่ก้าวออกไปแล้วกลับมา หยิบมือถือขึ้นมา เห็นหน้าจอว่าเป็นเบอร์ของกู้เยนเซิน
ส่วนมือถือของลั่วหาน หน้าจอเป็นเบอร์ของไป๋เวย
ทั้งสองรับสายพร้อมกัน ทั้งสองคนยังไม่ทันเปิดปากพูด ทางโน้นก็พูดมาพร้อมกัน “เธออยู่ไหน?”
เสียงในสายพูดมาพร้อมกัน ทั้งสองมองหน้ากันอีกครั้ง สบตากันแล้ว ลั่วหานเดินไปด้านข้างสองก้าว “มีอะไรเหรอไป๋เวย”
เสียงทางโน้นฟังออกว่ากำลังควบคุมอารมณ์โกรธ “ลั่วลั่ว โรงงานของบริษัทเฉียวซื่อเกิดไฟไหม้กะทันหัน ไฟไหม้หนักมาก ถึงแม้หน่วยกู้ภัยจะดับเพลิงได้แล้ว แต่ความเสียหายหนักมาก วัตถุดิบและเครื่องจักรทั้งหมดถูกไฟไหม้หมด……”
“คนงานละ? คนงานเป็นยังไงบ้าง?”
ลั่วหานรีบพูดตัดคำพูดเธอ เครื่องจักรกับวัตถุดิบซื้อใหม่ได้ แต่ถ้ามีคนเสียชีวิต ถ้าอย่างนั้นเรื่องก็สาหัสแล้ว
“ไม่มี ตอนไฟไหม้คนงานเลิกงานหมดแล้ว เพิ่งควบคุมไฟได้เมื่อกี้ โรงงานถือว่าถูกเผาวอดไปหมดเลย”
ไป๋เวยมือจับขมับ โรงงานผลิตยาของบริษัทเฉียวซื่อถูกเผาวอดไปทั้งผืน เพราะไฟไหม้เมื่อกี้ ในอากาศยังมีควันและเศษเผาไหม้ลอยอยู่เต็มอากาศ ดมแล้วแสบจมูก
ฝุ่นควันเต็มท้องฟ้า ทำให้ค่ำคืนที่มืดแล้วมืดกว่าเดิม แทบจะมองไม่เห็นแสงดาวและพระจันทร์ มีเพียงแสงไซเรนบนรถดับเพลิงที่สว่างที่สุด
บนเสื้อของไป๋เวยก็เต็มไปด้วยเศษผงจากไฟไหม้ บนหน้าก็เปื้อน ตาแดงก่ำมองไปที่โรงงาน ความรู้สึกในใจยากจะอธิบาย
“ไม่มีคนบาดเจ็บก็คือข่าวที่ดีที่สุด เธอเป็นยังไงบ้าง? บาดเจ็บตรงไหนไหม?”
ไป๋เวยส่ายหัว “ฉันไม่เป็นไร ฉันสบายดี แต่ว่า……ตอนนี้โรงงานเสียหายหมดแล้ว……”
“โรงงานเสียหายสร้างใหม่ได้ คนไม่เป็นไรก็พอ ไป๋เวยเธอไม่ต้องรู้สึกผิด ฉันรู้ว่าเธอไม่สบายใจตอนนี้ แต่ฉันไม่ได้โทษเธอแม้แต่น้อย สิ่งที่เธอทำให้กับบริษัทเฉียวซื่อฉันรู้ดี อย่าร้องไห้ ไม่ต้องเสียใจ”
ไป๋เวยตอนแรกยังควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เป็นอย่างดี แต่พอได้ยินลั่วหานบอกว่าอย่าร้องไห้ กลับทนไม่ไหวแล้ว จากน้ำตาคลอก็ไหลออกมาพรากทันที
พูดเสียงสะอื้น “อืม แต่หลังจากนี้คงมีเรื่องมากมายที่เธอต้องมาจัดการเอง เกรงว่าเธอจะต้องรีบกลับมาแล้ว ขอโทษนะลั่วลั่ว ทำลายวันหยุดของเธอ”
“อย่าพูดแบบนี้ เรื่องทางนี้ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว ฉันจะรีบกลับไป”
อีกฝั่งหนึ่ง หลงเซียวตั้งแต่รับโทรศัพท์ขึ้นมา สีหน้าก็เป็นแบบนั้นไม่เปลี่ยน
เสียงต่ำแหบเย็นชาและดุเดือด “ตรวจสอบรึยัง? อุบัติเหตุหรือฝีมือคนทำ?”
กู้เยนเซินเกาหัว ด่าคำหยาบออกมา “โรงงานถูกเผาจนหมด กล้องวงจรปิดก็โดนทำลายจนหมด ชัดเจนเลยว่ามีคนจ่อจงทำลายบริษัทเฉียวซื่อ”
“ไม่มีหลักฐานเลยเหรอ?” หลงเซียวสายตาเย็นชา
กู้เยนเซินกัดฟัน “แม่ง เก็บได้สะอาดมาก ดูก็รู้ว่าวางแผนมานาน ตอนไหนไม่เลือก มาเลือกตอนที่นายกับเมียนายไม่อยู่ เห็นชัดว่าจ่อจงจะกดดันทำลายบริษัทเฉียวซื่อ”
“ไม่มีหลักฐาน? เหอะ ถึงจะไม่มีหลักฐาน นายเดาไม่ออกเหรอว่าใคร?” หลงเซียวกางนิ้วออก แล้วกำหมัดแน่น
สมองกู้เยนเซินมีความคิดเว็บขึ้นมา “ลูกพี่ลูกน้องนาย? ใช่ ใช่แล้ว โรงงานเฉียงซื่อใช้งานไม่ได้ ก็ต้องหาสถานที่ใหม่ เรื่องนี้คนที่ได้ผลประโยชน์ที่สุดคือพวกเขา เหี้ย ป้องกันแล้วป้องกันอีกก็เจอจนได้”
สายตาดำคมเข้มของหลงเซียวมองไปทางหนึ่ง ปากเม้มขึ้นดั่งมีดแหลมคม “คำนวณมูลค่าความเสียหายก่อน ติดการกับทางเยอรมันเรื่องเครื่องจักร สำหรับเรื่องโรงงาน รอฉันกลับไปจัดการ”
กำหมดค้ำไว้ที่หน้าผาก ท่านเซียวในเวลานี้อย่าฆ่าใครสักคน
กู้เยนเซินถอนหายใจหนัก “กลัวว่าจะไม่ทันแล้ว ใบสั่งของที่เซ็นกับบริษัทต่างประเทศหลายเจ้าก็ใกล้วันส่งของแล้ว อีกอย่างจำนวนเยอะมาก ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่บริษัทเฉียวซื่อจะฟื้นตัว ถ้าถึงเวลาเกิดเหตุการณ์ส่งสินค้าตรงเวลาไม่ได้ ไม่กล้าคิดถึงผลลัพธ์เลย”
“ฉันรู้ ฉันกับลั่วลั่วจะรีบกลับประเทศ นายเอาสถานการณ์ฝั่งโน้นให้อยู่ก่อน ลดความกดดันจากสื่อ ทางด้านสื่อให้จี้ตงหมิงจัดการ”
“ได้”
ทั้งสองคนวางสายตามกัน แล้วตาทั้งสองคู่ก็สบตากัน
ลั่วหานพูด “ดูแล้วฝ่ายโน้นจะรู้ว่าฉันป่วย คิดว่าคุณจะอยู่อเมริกาเป็นเพื่อนฉันสักพัก เพราะฉะนั้นถึงอยากใช้เวลานี้มาทำลายบริษัทเฉียวซื่อ”
หลงเซียวพยักหน้า “ใช่ ถ้าไม่ใช่คำนวณเวลาเรียบร้อย พวกเขาไม่กล้าทำแบบนี้แน่ ลั่วลั่ว พวกเราต้องกลับไปก่อน”
“ค่ะ”
เรื่องราวกับจากหน้ามือเป็นหลังมือ ลั่วหานถอนหายใจ “คนคำนวณยังไงก็สู้ฟ้าคำนวณไม่ได้”
หลงเซียวจูงมือเธอ กลับไปถึงคฤหาสน์ตระกูลเฉียว ก็พูดขึ้นเสียวต่ำ “ไม่ว่าจะคิดยังไง คุณไม่ต้องผ่าตัดก็คือเรื่องที่ดีที่สุด ได้สุขภาพคุณคืนมา อย่าว่าแต่โรงงานเดียวเลย ถึงต้องยกบริษัทเฉียวซื่อให้ทั้งบริษัทผมก็ยอม เงินทองของนอกกาย”
“เฮอะ คุณหลงใจกว้างจังนะคะ ยกบริษัทเฉียวซื่อคุณไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่มันเป็นรากฐานของตระกูลฉันนะ”
หลงเซียวพยักหน้า เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง หัวเราะพูดขึ้น “ไม่ต้องผ่าตัดแล้วจริงๆ ไหวพริบของคุณกลับมาดีขึ้นแล้ว”
ทั้งสองบอกลาเฉียวหย่วนฟานกับได้มิ้นแล้ว ก็เดินทางออกจากอเมริกา
เฉียวหย่วนฟานกับได้มิ้นก่อนลาทั้งสองคนก็กำชับแล้วกำชับอีก อยากเก็บคำพูดทั้งหมดยัดใส่ในใจของทั้งสองคนไปให้ได้ แม้กระทั่งอยากไปด้วยกับพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
ความสัมพันธ์นี้มันมากเกินกว่าบุญคุณการเลี้ยงดูสามปีแล้ว ทำให้ลั่วหานน้ำตาคลอ
——
ลงจากเครื่องแล้ว ก็เป็นตอนบ่ายของวันที่สองแล้ว ลั่วหานจะเข้าบริษัทพร้อมหลงเซียว แต่โดนเขาบังคับให้ขึ้นรถกลับบ้าน
“ร่างกายคุณตอนนี้เหนื่อยเกินไปไม่ได้ กลับบ้านรอผม ผมจะรีบจัดการให้เสร็จ คุณไม่เป็นไร เรื่องข้างนอกพวกนี้มันไม่ใช่เรื่องหรอก”
ลั่วหานพยักหน้า คิดว่าถ้าตามไปก็แค่ทำให้เขาเป็นห่วง ก็เลยตอบตกลง “ฉันรอคุณที่บ้านนะคะ”
รถของหลงเซียววิ่งอย่างรวดเร็ว จอดอยู่หน้าตึกบริษัทเฉียวซื่อ
ยังไม่ได้เดินลงจากรถ ก็เห็นนักข่าวยื่นไมค์ยาวตะโกนถามแล้ว
“โรงงานของบริษัทเฉียวซื่อผลิตยาปฏิชีวนะ ยาปฏิชีวนะทำไมถึงระเบิดได้? หรือว่านอกจากยาปฏิชีวนะแล้ว เฉียวซื่อยังผลิตสินค้าอย่างอื่น?”
“เฉียวซื่อเป็นบริษัทนำเข้าส่งออกเป็นหลัก ตอนนี้มาพัฒนาเป็นโรงงานผลิตยา เป็นเพราะมีปัญหาในการผลิตจึงความผิดพลาดรึเปล่า?”
“ประธานไป๋ตอนนี้ท่านเป็นCEOของบริษัทเฉียวซื่อ จะอธิบายกับเรื่องนี้ยังไง?”
“ประธานไป๋ ตอบคำถามด้วย ตอบคำถามด้วย”
หลงเซียวหลับตา มือวางอยู่ที่พวงมาลัย แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร
หลายนาทีผ่านไป รถตำรวจหลายคันก็มาถึง เคลียร์พวกนักข่าวออกไปทั้งหมด
ไป๋เวยปวดหัวจนจะระเบิด ใช้มือนวดขมับ เห็นคนที่เดินมาคือหลงเซียว รู้สึกตกใจ “คุณหลง คุณทำไมกลับมาเร็วขนาดนี้?”
“ข่าวผมเห็นแล้ว ตอนนี้ยังถือว่ารายงานด้านบวกอยู่ ควบคุมข่าวด้านลบได้ดีมาก พวกคุณทำได้ดีมาก”
ไป๋เวยยิ้มอย่างอ่อนแรง “คุณหลงชมเกินไป เรื่องที่พวกเราก่อ ตอนนี้ก็ทำได้แค่ลดตัวเลขความเสียหาย คุณหลงเชิญด้านในค่ะ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องรอคุณมาจัดการเอง”
ก้าวเท้าเดินขึ้นบันได การมาของหลงเซียวทำให้พนักงานในบริษัทเฉียวซื่อรู้สึกตกใจ สถานที่ที่ท่านเซียวปรากฏตัวจะเงียบสงบทันที ทุกคนต่างไม่กล้าเงยหน้า ได้แต่ก้มหน้ามองรองเท้าขัดเงาของหลงเซียวเดินเข้าลิฟต์
ดูสง่ามีราศี
กู้เยนเซินเห็นหลงเซียวกลับมาช่วยด้วยตัวเอง ดีใจยิ่งกว่าเห็นพ่อบังเกิดเกล้าอีก กางมือออกกอดไหล่หลงเซียวไว้ “คุณชายหลง มาได้ดีมาก ตอนนี้นายก็คือผู้ช่วยชีวิตของบริษัทเฉียวซื่อ”
หลงเซียวขมวดคิ้ว จ้องไปที่มือของกู้เยนเซินที่อยู่บนไหล่ “เอาออก”
กู้เยนเซินไอไปสองที รีบเอาคอมพิวเตอร์ให้เขาดู “นี่คือสถานการณ์หุ้นของเฉียวซื่อหลังไฟไหม้ ไม่ค่อยดีนัก ส่วนข้างหลังนี้ เป็นใบสั่งของจากองค์กรการแพทย์ใหญ่ๆ จากต่างประเทศ เหอะๆ เรื่องดีไม่ลือ เรื่องร้ายลือไปพันลี้ เรื่องแค่นี้รู้กันไปหมดแล้ว”
หลงเซียวใช้นิ้วเลื่อนดู เส้นเขียวเส้นแดงบนหน้าจอเขาแค่ดูก็รู้รายละเอียดแล้ว จากนั้นก็ดูใบสั่ง “ตอนนี้เฉียวซื่อมีสต๊อกเท่าไหร่?”
กู้เยนเซินกับไป๋เวยมองหน้ากัน สีหน้าสองคนดูเครียด กู้เยนเซินหลับตา กัดฟัน ใช้มือทำวงกลม “ไม่มีสต๊อก สินค้างวดล่าสุดเข้าไปถึงขั้นตอนสุดท้าย เสร็จแล้วก็แพ็คส่งได้ แต่โดนเผาหมดแล้ว สต๊อกทั้งหมดก็โดนเผาจนหมดแล้ว”
หมัดของหลงเซียว”ปัง”ชกลงไปบนโต๊ะ กวาดตามองที่ใบสั่ง “หาที่ตาย”
กู้เยนเซินโดนแรงกดดันในตัวท่านเซียวกดดัน น้ำเสียงต่ำลงไปไม่น้อย “ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรีบนำข้าวเครื่องจักร หาสถานที่รีบทำการผลิต สินค้างวดล่าสุดต้องส่งอีกสามวัน เวลา……กระชั้นชิดมาก”
หลงเซียวน้ำเสียงเย็นชา ลุกขึ้นจากหน้าคอมพิวเตอร์ สายตาคู่นั้นคมเหมือนหั่นคนได้เป็นสองท่อน “ในเมื่อพวกเขาอยากทำให้เฉียวซื่อถึงตาย ฉันก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้า”
กู้เยนเซินกลืนน้ำลาย “คุณชายหลงหมายความว่าอะไร?”
“โรงงานกับเครื่องจักรมีอยู่แล้ว ไม่ใช้ก็เสียดายแย่? ในเมื่อพวกเขาเตรียมไว้ให้ฉันใช้ฟรี ฉันก็จะทำให้พวกเขาสมหวัง”
ไป๋เวยฟังไม่ค่อยเข้าใจว่าสองคนกำลังพูดอะไรกันอยู่ “คุณหลงอยากทำยังไงคะ?”
“ติดต่อคนงาน ให้ไปเลขที่298 ถนนซีหนิงตะวันออก โรงงานนั้นกำลังเปิดประตูรอพวกเขาอยู่” หลงเซียวพูดเสียงเรียบ ฟังไม่ออกแม้แต่น้อยว่าในนั้นซ่อนความหมายอะไรอยู่”
“ได้ ฉันจะไปติดต่อคนงานเดี๋ยวนี้”
เสียงส้นสูงของไป๋เวยค่อยๆ ห่างออกไป ภายในห้องทำงานประธานบริษัทเหลือแค่กู้เยนเซินกับหลงเซียวสองคน กู้เยนเซินค่อยๆ พูดออกมา “นายอยากทำอะไร? ในมือเราตอนนี้ไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาเป็นคนวางเพลิง ทำอะไรพวกเขาไม่ได้ นายไปใช้โรงงานพวกเขา กลัวแค่ว่าจะเกิดสงครามในตระกูลหลง”
หลงเซียวหัวเราะเย็นชา “ใช้โรงงานพวกเขา? อย่าว่าแต่โรงงานเลย ถึงฉันจะทุบบ้านพวกเขาที่ออสเตรเลียทิ้ง หลงยี่ก็ไม่กล้าพูดคำว่าไม่กับฉัน”
กู้เยนเซินด่าออกมาช้า ๆ “แม่ง เพราะอะไร? หลงยี่ถึงกลัวนายขนาดนี่?”