คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 291 ผู้หญิงไดโนเสาร์ในออฟฟิศ
ตอนที่ 291ผู้หญิงไดโนเสาร์ในออฟฟิศ
คืนนั้น ลั่วหานถูกหลงเซียวบังคับให้นอนแต่เช้า เธออาบน้ำเสร็จก็สามทุ่มแล้ว จากนั้นก็เข้านอน
มองดูลั่วหานหลับมา หลงเซียวก็ลุกเดินไปห้องหนังสือ
ปิดประตูห้องหนังสือ ท่านเซียวก็โทรศัพท์ให้จี้ตงหมิง เมื่อโทรติดแล้วดังแค่สองครั้ง จี้ตงหมิงก็รับโทรศัพท์
“บอส ได้จัดการตามที่ท่านสั่งแล้วครับ พรุ่งนี้ตอนที่ท่านกับคุณหญิงนั่งเครื่อง เรื่องทั้งหมดได้จัดการเรียบร้อยแล้วครับ”
หลงเซียวนั่งบนเก้าอี้ทำงาน มือจับปากกาเล่น ขีดเขียนบนกระดาษเปล่า “อย่าให้เธอหายตัวไป ถ้าขายตัวไปก็ไม่สนุกแล้ว”
จี้ตงหมิงคุ้นเคยกับฝีมือของบอสดี ฟังแล้วก็เข้าใจทันที “บอสวางใจได้ครับ เรื่องนี้ผมจะคอยจับตาตลอดเวลา แต่ว่างทางด้านเกาจิ่งอาน บอสคิดว่าต้องทำอะไรหน่อยไหมครับ?”
เกาจิ่งอานเหรอ?
มือที่เขียนหนังสือของท่านเซียวไม่ได้หยุด มีเสียงขีดเขียนหนังสือบนกระดาษ “เกาจิ่งอานไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าเขาไม่ได้มาขัดขวางการทำงาน ก็ไม่ต้องไปสนใจ ถ้าเขามาขัดขวางอะไร นายก็ลงมือได้ ไม่ต้องรอคำสั่ง”
“รับทราบครับ”
สั่งงานกับจี้ตงหมิงเรียบร้อยแล้ว หลงเซียวก็วางสาย
หยุดนิ่งไปถึงนาที ก็โทรไปยังอีกเบอร์หนึ่ง
เมื่อได้ยินเสียงระบบสั่นของมือถือ กู้เยนเซินกำลังทำโอทีอยู่ที่บริษัทฉู่ซื่ออย่างตั้งหน้าตั้งตา ปากบ่นไป ส่วนมือก็เคาะแป้นพิมพ์คำนวณตัวเลข ความรู้สึกของกู้เยนเซินตอนนี้ก็เหมือนแกะที่หลงเข้าในวงหมาป่า รอเชือดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เหี้ย
ผู้หญิงอย่างไป๋เวย มันไม่ใช่ผู้หญิงเลย ตัวเองบ้างานก็แล้วไป ยังมาดึงคนอื่นเข้าร่วมด้วย ไม่มีจิตสำนึกความเป็นคนเลย
ในสถานการณ์แบบนี้ มือถือกู้เยนเซินดังขึ้น แน่นอนว่าอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว หยิบมือถือมาวางบนหัวไหล่ เริ่มบ่นขึ้น “คุณชายหลง ได้ยินเสียงคุณก่อนฉันตาย ก็ถือว่านอนตายตาหลับแล้ว?”
หลงเซียวไขว้ขา “เป็นอะไรคุณชายกู้ ไม่ได้รับงานมาหลายวัน ตั้งตารอคอยเหรอ?”
ตั้งตารอคอย
นิ้วของกู้เยนเซินก็เคาะแป้นพิมพ์ไม่หยุด เอาอารมณ์โกรธทั้งหมดลงไปในแป้นพิมพ์ “อย่า ถ้าจะจัดงานให้ฉัน ชาตินี้ฉันจะไม่รับโทรศัพท์นายอีก ทางที่ดีนายพูดอะไรที่ไม่เกี่ยวกับงานหน่อยนะ”
หลงเซียวก็ไม่หยุดแกล้ง พูดเสียงเย็น “ฉันกับลั่วลั่วไปไม่อยู่จีนครึ่งเดือน ช่วงนี้นายต้องจับตาบริษัทฉู่ซื่อนะ”
กู้เยนเซินยืนขึ้นทันที เอกสารตกเต็มพื้น “นายจะไปอเมริกา? ทำไมไม่ให้ฉันไปด้วย? ฉันให้นายใช้งานอย่างวัวอย่างควายนานขนาดนี้แล้ว ไม่คิดจะให้ฉันกลับไปเยี่ยมบ้านบ้างเหรอ?”
“ตอนนี้ไม่ได้ นายต้องอยู่ประเทศจีนจับตาบริษัทฉู่ซื่อ ฉันกลัวว่ามันจะมีเรื่องอะไรระหว่างที่ฉันไม่อยู่ หลงเซิ่งกับหลงยี่ พ่อลูกคู่นี้จ้องโรงงานของบริษัทฉู่ซื่ออยู่ ลิขสิทธิ์ของหวาเซี่ยให้กับบริษัทฉู่ซื่อแล้ว พวกเขาต้องไม่พอใจแน่ เพราะฉะนั้น นายเข้าใจนะ”
กู้เยนเซินพยักหน้า นั่งลงไปอย่างห่อเหี่ยว “ถ้าพูดอย่างนี้ พวกเขาก็อาจจะทำอะไรกับโรงงานบริษัทฉินซื่อ?”
“เป็นไปได้”
คนตระกูลหลงที่หลงเซียวรู้จัก เป็นไปไม่ได้แน่ที่พวกเขาจะเสียเปรียบแล้วไม่ทำอะไรเลย ช่วงนี้พวกเขาเงียบมาก ยิ่งเงียบ ก็เท่ากับเรื่องร้ายกำลังจะเกิด ก็แค่รอโอกาส
“ได้ ฉันจะดูบริษัทฉู่ซื่อไว้ ไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้แม้แต่ครึ่งก้าว” กู้เยนเซินรับปากอย่างหนักแน่น จากนั้นน้ำเสียงก็เปลี่ยนไป “คุณชายหลง คนอย่างซุนปิงเหวินกับโม่ล่างคุนยังจัดการได้ง่ายอยู่ ไม่ต้องคำนึงอะไร แต่คนในตระกูลหลงนายนี่ซิ ถ้าต้องจัดการ คงไม่ง่ายขนาดนั้น?”
หลงเซียวได้ยินประโยชน์ว่า คนในตระกูลหลงของนาย ฟังแล้วรู้สึกเสียดสี เมื่อเทียบกับคนข้างนอกแล้ว คนในต่างหากที่ต้องระวัง แค่ไม่ระวังก็อาจจะตายคาปืนของพวกเขาได้
คิดอย่างรอบคอบ
“คนตระกูลหลง? คนตระกูลหลงมีอะไรพิเศษ? ขวางทางฉันเมื่อไหร่ ผลลัพธ์เหมือนกันหมด” หลงเซียวสายตาเย็นเฉียบ เหมือนมีดคมท่ามกลางความเงียบ
กู้เยนเซินชูนิ้วโป้ง “ไม่เสียชื่อที่เป็นคุณชายหลง พูดตามตรง ฉันก็รอนายลบล้างตระกูลสักวัน เหอะๆ เรื่องของบ้านนาย ทำให้ฉันไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย”
อยู่ต่อหน้าเพื่อนรัก หลงเซียวไม่เคยปิดปังความรู้สึกตัวเอง เห็นได้ชัดว่ากู้เยนเซินก็ไม่ถือว่าเรื่องตระกูลหลงเป็นเส้นตายของเขา ทั้งสองคนคุยขึ้นมาอยากถูกคอ
“เรื่องของตระกูลหลง นายไม่ต้องเข้าใจ เข้าใจเยอะไป ก็ไม่ดีกับนาย”
คำพูดนี้ พูดตามตรงกู้เยนเซินก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ไม่ได้อยากเข้าใจ แต่ก็กำชับไปคำหนึ่ง “ฉันว่านายนอกจากจะระวังพวกหลงยี่แล้ว ยังต้องระวังเสิ่นเหลียวด้วย ครั้งที่แล้วที่เมืองหลวงเขาเสียงศูนย์ขนาดนั้นกลับมาเมืองเจียงเฉิง นานขนาดนี้แล้วยังไม่มีท่าทีอะไรเลย มันไม่ค่อยปกติ”
“ฉันรู้ เสิ่นเหลียวมันหนีฝ่ามือฉันไปไม่ได้หรอก ช่วงนี้ให้มันเลียแผลมันไปก่อน เพราะฉันไม่ชอบไปสู้กับสัตว์ร้ายที่บาดเจ็บ”
ชนะแล้วก็ไม่สะใจ
กู้เยนเซินตบโต๊ะไปหลายทีแทนการปรบมือ “เหมาะสมกับสไตล์คุณชายหลงจริงๆ”
“ชมเกินไป คุณชายกู้คงมีเรื่องต้องยุ่งเยอะ วางสายละ”
“เฮ้ เฮ้ เดี๋ยวก่อน คุณชายหลง ระหว่างที่นายไปอเมริกาช่วยฉันออกมาจากขุมนรกนี้ได้ไหม? ผู้หญิงอย่างไป๋เวยมันโรคจิตชัดๆ ทำโอทีในบริษัททุกวันจนถึงสี่ทุ่ม ฉันไม่เข้าใจเลย เมียนายให้อะไรเธอ เธอถึงได้ทุ่มแทชีวิตให้เมียในขนาดนี้? ฉันไม่ไหวแล้วนะ”
ออ? ไป๋เวยเหรอ?
หลงเซียวมีความรู้สึกรักใคร่ ยิ้มปากโค้งพูดปลอบ “เรื่องนี้ฉันช่วยนายไม่ได้ คนที่เมียฉันจัดมาฉันเปลี่ยนไม่ได้”
“ไม่ใช่มั้ง นายกลัวเมียขนาดนี้ คุณชายหลง นี่มันไม่ใช่สไตล์นาย”
“ไม่เกี่ยวกับสไตล์ บ้านของเราผู้หญิงอยู่ในบ้าน ผู้ชายอยู่นอกบ้าน แต่พอดี ก่อนไปเมืองนอกพวกเราต้องอยู่บ้านทั้งสองคน ทุกอย่างต้องฟังลั่วลั่วเท่านั้น”
หลงเซียวจัดการทั้งสองเรื่องเรียบร้อยแล้ว วางใจแล้ว ก็ก้มหน้าดูตัวหนังสือที่ตัวเองขีดเขียน ท่านหลงต้องขมวดคิ้ว
หมึกปากกาโค้งเว้า ตัวหนังสือสวยงามนั้น คือชื่อของลั่วหาน
กู้เยนเซินมองโทรศัพท์ที่ถูกวางไปแล้ว สายตาระยิบระยับ
หมายความว่าอะไร?
แค่นี้ก็วางสายแล้ว?
กู้เยนเซินกำลังคิดความหมายของประโยชน์นั้นอยู่ หน้าประตูห้องทำงานมีเงาคน
ไม่ต้องเงยหน้ากู้เยนเซินก็รู้ได้ว่าใครมาจากกลิ่นที่ลอยมาในอากาศ
อีกอย่าง ดึกขนาดนี้แล้วยังทำงานที่บริษัท นอกจากเธอแล้วจะมีใครอีก?
กู้เยนเซินขมวดคิ้ว ก้มตัวไปเก็บเอกสารบนพื้น “ไม่ทราบว่าท่านประธานมา ไม่ได้ไปต้อนรับ ต้องขออภัยด้วยครับ”
ไป๋เวยกอดอกพิงอยู่ข้างประตู กระโปรงยาวถึงหัวเข่าสีขาวดำ จับกลีบดอกบัวที่ปลายกระโปรง ดูแล้วมีความเป็นผู้หญิงมากกว่าเมื่อก่อน
“ถ้ารู้ว่าผิดแล้ว ฉันก็ไม่พูดอะไรไร้สาระแล้ว”
เปิดปากก็เป็นเสียงเย็นชา แข็งทื่อ หน้าตาสวย แต่กลับไม่เหมือนผู้หญิง
กู้เยนเซินวางเอกสารที่ยังไม่ได้จัดไว้บนโต๊ะ หันไปมองร่างผมบางนั้น “คำพูดที่ออกมาจากปากท่านประธานจะไร้สาระได้อย่างไร? เรื่องไร้สาระมันต้องคนธรรมดาอย่างผมถึงพูดได้ ท่านประธานเชิญพูดครับ”
กู้เยนเซินทางท่าเชิญอย่างไม่กลัวตาย ท่าทางไม่พอใจ
ไป๋เวยหางตากระตุก เกือบถีบคุณชายเพลย์บอยขี้เล่นคนนี้ลงไป พูดขึ้นสีหน้าเย็นชา “ทำงานไปถึงไหนแล้ว?”
“เรียนท่านประธาน ผมได้เรียบเรียงตารางงบประมาณสามปีที่ผ่านมาที่ท่านสั่งไว้ไปรอบหนึ่งแล้วครับ พบจุดผิดปกติเยอะมาก กำลังเขียนรายงานเตรียมนำไปเสนอ ท่านก็มาพอดี”
น้ำเสียงกู้เยนเซินฟังได้ชัดว่าสงสัยและต่อต้านผู้บังคับบัญชาของเขา เขารู้สึกอยากถีบไป๋เวยออกไปจริงๆ เหมือนชัยชนะของกองทัพชาวนาที่รบชนะแล้ว
ไป๋เวยกะพริบตา “หนังสือรายงานฉันรอไม่ไหวแล้ว คุณรายงานปากเปล่าให้ฉันก็พอ”
ตอนนี้กู้เยนเซินเล่นต่อไม่ไหวแล้ว “โอ้โห คุณเป็นอะไรมากไหม? รายงานปากเปล่า? คุณรู้ไหมว่ารายงานตัวเลขการเงินสามปีมันมีข้อมูลเยอะขนาดไหน? ชั่วโมงสองชั่วโมงเหนื่อยตายก็รายงานไม่จบ พูดเป็นเล่น”
ไป๋เวยพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดเขา จากนั้นก็ชี้มุมขวาของหน้าจอคอมพิวเตอร์ “ตอนนี้กี่โมง?”
กู้เยนเซินไม่เข้าใจ พูดอย่างหน้าดำเคร่งเครียด “สามทุ่มสี่สิบ”
ไป๋เวยพูด “ดีมาก ฉะนั้นเหลือก่อนเวลาทำงานพรุ่งนี้อีก11ชั่วโมง15นาที ฉันจะเหลือเวลาให้คุณนอนสามชั่วโมง ที่เหลืออีก8ชั่วโมง15นาที คุณก็ค่อยๆ รายงานให้ฉัน”
ฟังคำพูดของไป๋เวยจบ กู้เยนเซินก็เหมือนฟังบทสวดมนต์จบไปบทหนึ่ง เหลือกตาไปมา ปากเป็นตะคิว ตัวสั่น “คุณ……ให้ผมรายงานกับคุณข้ามคืน?”
“ใช่”
ตอบอย่างเรียบง่าย และไม่มีช่องว่างให้เจรจา
“บ้าแล้ว ผมยังไม่ได้กินข้าวเลย คุณกลับให้ผมรายงานกับคุณอีก?”
กู้เยนเซินเงยหน้ามองเพดาน แสงไฟส่องตา เหมือนเวลากลางวัน แต่ใจของเขามืดแล้ว……มืดสนิท
กู้เยนเซินมีฐานะเป็นผู้สืบทอดกิจกรรมของตระกูลกู้ เคยไปทำงานที่บริษัทตั้งแต่เมื่อไหร่? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทำโอ จะให้เขาเข้าบริษัทไปตรวจงานยังก็ดูอารมณ์ของเขาเลย
ไป๋เวยกลับให้เขาทำโอข้ามคืน นี่มันกำลังท้าทายเส้นตายของเขา
“ฉันก็ยังไม่ได้กินข้าว เพราะฉะนั้นคุณกินไปพูดไป ฉันก็กินไปฟังไป ต่างก็ไม่เสียเวลา”
ไป๋เวยตอบ อย่างหนักแน่น
“ได้ ไปกินที่ไหน? หัวหน้าเลี้ยงข้าวครั้งแรก ก็คงเป็นร้านที่มีระดับหน่อย?”
กู้เยนเซินหยิบกุญแจเตรียมตัวจะไป แต่ถูกคำพูดของไป๋เวยชะงักไว้
“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้น เพื่อประหยัดเวลา ฉันสั่งอาหารแล้ว ตามเวลาการจัดส่ง ประมาณยี่สิบนาทีก็ถึงบริษัท ฉะนั้นประธานกู้ ตอนนี้ขอให้คุณเรียบเรียงรายงานก่อน เดี๋ยวเจอกันที่ออฟฟิศฉัน”
พูดจบ ร่างที่ดุดันและเซ็กซี่ของไป๋เวยก็จากไป ในอากาศยังมีกลิ่นน้ำหอมของเธอรอยอยู่
กู้เยนเซินร้อง “บ้าไปแล้ว ไป๋เวย ประธานไป๋ คุณกำลังกดขี่ข่มเหงแรงงาน”
สิ่งที่ตอบมาคือเสียงรองเท้าส้นสูงที่เหยียบพื้นของเธอ
กู้เยนเซินขมวดคิ้ว บ้า
มนุษย์ผู้หญิงนั้น เท่าที่เขาดูก็มีแบบเต้นยั่วในผับ หรือไม่ก็ฉลาดสวยอย่างฉู่ลั่วหาน แต่ว่าใครก็ได้ช่วยบอกเขาที ทำไมบนโลกนี้ยังมีผู้หญิงไดโนเสาร์อย่างไป๋เวยอีก
ให้ตายซิ อึดอัดใจจนอยากกลืนไดโนเสาร์ตัวหนึ่ง