คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 235 พาคุณกลับมาจากความเจ็บช้ำ
ตอนที่ 235 พาคุณกลับมาจากความเจ็บช้ำ
หลงเซียวหันไปมองรถที่เป็นรอยบุบไปทั่วทั้งคัน โดยที่ยังไม่ยอมจะคลายมือออกจากเธอ ก่อนจะขมวดคิ้วถามขึ้น “นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ? คุณแข่งรถกับหลงจื๋อ แต่ทำไมถึงแข่งกันเป็นแบบนี้ได้?”
หลงจื๋อรู้สึกไม่เป็นธรรมจะแย่ เขาไม่ได้ทำอะไรกับรถของพี่สะใภ้เลยด้วยซ้ำ ฟ้าโปรดมีเมตตาด้วยเถอะ!
แอนน่าส่ายหัว “ไม่ใช่หรอก มันเป็นรอยระหว่างที่ฉันกลับมาที่บ้านนี้เอง พอดีฉันไปเจอรถแข่งคันหนึ่งเข้าน่ะ แถมยังเอาแต่โจมตีฉันอีก แต่สุดท้ายแล้วก็โดนฉันเหวี่ยงออกไปอยู่ดี”
หลงเซียวยังคงทำหน้ามุ่ย ดูเยือกเย็นแบบนั้น “ฟังจากน้ำเสียงคุณ เหมือนว่าคุณจะพอใจมากเลยงั้นสิ? ทำไมล่ะ? อยากจะกลับไปแข่งอีกรอบหรือไง?”
แอนน่าเองก็ยิ้มขึ้น แต่รอยยิ้มของเธอกลับดูบิดเบี้ยวไป จนแก้มทั้งสองข้างของเธอเกิดรอยบุ๋มตื้นๆ ขึ้นมา ใบหน้าที่ดูขาวนวลช่างดูน่ารัก ออกมาจากความซุกซนของเธอนั้น
“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย อีกอย่างคนที่ฉันชนะไปนั้น ฉันก็ไม่อยากจะไปแข่งด้วยอีกครั้งหรอกนะ”
หลงเซียวกลับหรี่ตามองเตือนเธอ พร้อมกับถามขึ้นต่อ “เป็นใครกัน?”
เขาคิดว่า คงไม่ใช่ศัตรูธรรมดาๆ แน่นอน
การที่แอนน่าเริ่มมีความสัมพันธ์กับหลงเซียว อาจจะทำให้ในสายตาคนหลายคนเกิดอิจฉาขึ้นมา เขาไม่เชื่อหรอกว่านี่คือความบังเอิญ
“ไม่รู้เลย อีกฝ่ายปิดป้ายทะเบียนเอาไว้ด้วย คนในรถก็มองไม่เห็น เหมือนจะเป็นพวกคนที่แข่งรถใต้ดินกันน่ะนะ”
แววตาของหลงเซียวพลันหรี่ลงเหลือเพียงขอบตาเป็นเส้นเท่านั้น พลันเขาก็ใช้มือขนาดใหญ่ของเขา ดึงตัวแอนน่าเข้ามาสู่อ้อมอกของเขาอีกครั้ง ยังไม่ทันที่เธอจะยืนได้คงที่ที ก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาของเขาพูดขึ้น “นี่คุณผู้หญิง คุณชักจะรู้เรื่องมากเกินไปแล้วหรือเปล่า?”
การแข่งรถใต้ดินนี้น่ะหรือ? หรือว่าช่วงนี้ เขาเองก็ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการค้าตลาดมืดด้วยเหมือนกัน?
แอนน่าก็หัวเราะพลางขอให้เขายกโทษ “เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับฉันเลยนะ ฉันฟังหลงจื๋อพูดมาอีกที ใช่ไหมล่ะหลงจื๋อ!”
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันด้วยความรักอยู่นั้น จู่ๆ ก็ดึงหลงจื๋อเข้าไปร่วมวงสนทนาด้วย หลงจื๋อทำสีหน้างุนงง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจากหลังรถผุคันนั้น พร้อมกับพยักหน้าโดยที่ยังไม่รู้อะไรที “อือ ใช่แล้วล่ะ”
“เสี่ยวจื๋อ! ดูเหมือนว่าช่วงนี้นายจะอยู่สุขสบายไปสินะ! พรุ่งนี้พี่จะเตรียมของเซอร์ไพรซ์นายให้เอง”
หลงเซียวพูด พลางดึงมือของแอนน่าเดินไปทางลานกว้างของบ้าน ทำให้เหลือเพียงหลงจื๋อ ที่ยืนรับลมอย่างงุนงงไปแบบนั้นคนเดียว
ไม่ใช่หรอกมั้ง เมื่อกี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นน่ะ?
แอนน่าที่ถูกเขาพาเดินไปอย่างเร็ว ก่อนสาวเท้ายาวตามเขาไป “หลงเซียว หลงจื๋อยังอยู่ข้างหลังอยู่เลยนะ รถเองก็อยู่ข้างหลังด้วย”
“เขามีขานี่ เดินไปเองได้อยู่แล้ว”
“แต่ว่า อุตส่าห์มาถึงที่บ้านแล้ว ไม่เชิญให้เขาเข้ามานั่งดื่มชาสักหน่อยหรือ?”
แอนน่าหันกลับไปมองหลงจื๋อที่ดูเหมือนยังไม่ได้สติ พลันหัวของเธอก็ถูกฝ่ามือขนาดใหญ่โอบเอาไว้ จนเข้าไปสู่อ้อมกอดของเขา
“อีกนิดเดียวเขาก็เกือบทำร้ายภรรยาของผมแล้ว ผมจะยังเชิญเขาเข้ามาดื่มชาอยู่อีกทำไม? ผมอยากให้เขากินลูกปืนมากกว่าด้วยซ้ำ!”
ช่างมีพลังความแค้นเหลือเฟือจริงๆ!
แอนน่าจึงทำได้เพียงเงียบปากไปก่อน ขณะเดียวกันเธอเองก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง ว่าเมื่อกี้นี้ตอนที่เธอกล่าวโทษหลงจื๋อไป เหมือนกับเอาหิมะไปโปะลงบนน้ำแข็งซ้ำ เธอทำผิดไปแล้วสินะ เอาไว้วันหลังค่อยไปชดเชยให้เขาแล้วกัน
หลงจื๋อเองก็เกาหัวด้วยความงุนงง ก่อนจะเดินกลับไปที่รถของตัวเองอย่างไม่สบายใจ
……
“ไม่ได้เรื่อง!!!”
โม่หรูเฟยด่าออกมาอย่างเสียงดัง ก่อนที่จะมีเสียงฝ่ามือตบเข้าดังฉาด ดังขึ้นมาอย่างชัดเจน!
รอยนิ้วมือทั้งห้า ต่างก็ถูกประทับลงบนใบหน้าของฝ่ายชาย ใบหน้าที่ดูแข็งแกร่งของฝ่ายชาย ก็บวมช้ำรู้สึกเจ็บแสบจนเข้าเนื้อ ตอนนี้เธอยิ่งโกรธจนตัวสั่นระริกเข้าไปอีก!
หลังจากชักมือกลับไป เธอก็เหวี่ยงฝ่ามือตบลงไปบนหน้าของเขาอีกครั้ง!
ถึงฝ่ายชายจะถูกตบหน้าด้วยกันสองครั้งก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่กล้าออกเสียง ไม่กล้าต่อต้านอะไร ฝ่ายชายที่มีร่างกายสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตร กำลังยืนอยู่ต่อหน้าโม่หรูเฟย โดยไม่กล้าทำอะไรออกมา
โม่หรูเฟยเองก็ดูเหมือนว่าแค่ตบจะยังไม่สาแก่ใจ เธอจึงใช้รองเท้าส้นสูงของเธอ เหยียบลงไปบนหลังเท้าของฝ่ายชาย ขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่หลังเท้า ราวกับมีกระดูกขนาดใหญ่ทิ่มแทงลงไป มันเจ็บปวดเสียจนใบหน้าของฝ่ายชายถอดสี
แต่เขาก็ยังไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ออกมา
“แค่เรื่องเล็กๆ แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปทำอะไรได้! บริษัทโม่ซื่อให้ทรัพยากรพวกนายตั้งเยอะแยะ! เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ! แม้แต่ผู้หญิงคนเดียวก็ยังสู้ไม่ได้! แล้วยังคิดจะแข่งรถหลังจากนี้อีกหรือ! ฝันไปก่อนเถอะ!”
โม่หรูเฟยได้รับความช่วยเหลือ จากกลุ่มรถที่สนับสนุนบริษัทโม่ซื่อ แล้วเลือกคนที่มีฝีมือการแข่งรถที่ดีที่สุดออกมาคนหนึ่ง แล้วให้เขาตามรอยรถของฉู่ลั่วหานไป แถมยังกำชับเขาไว้ด้วยไว้ไม่ต้องมีเมตตาใดๆ ต้องหาวิธีทำให้รถเธอพลิกคว่ำให้ได้!
แต่ด้วยความที่ฝ่ายชายยังมีฝีมือไม่พอ จึงถูกฉู่ลั่วหานทำให้รถของเขาพลิกคว่ำแทน
แล้วแบบนี้โม่หรูเฟยจะไม่โกรธได้ยังไงล่ะ! ตอนนี้เธอโกรธเสียจนอยากจะฆ่าคนขึ้นมาแล้วจริงๆ ด้วยซ้ำ
“พูดออกมา! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
โม่หรูเฟยด่าเสียจนอ่อนแรง เธอนั่งลงกับเก้าอี้ ภายในห้องทำงานที่กว้างใหญ่ตอนนี้ ความโกรธของเธอกำลังฟุ้งไปทั่วทั้งห้อง ดูโหดร้ายและรุนแรง จนไม่สามารถเก็บมันได้ในทีเดียว
ฝ่ายชายยังคงก้มหน้ากำหมัดด้วยความน่าละอาย เขาที่เป็นถึงนักแข่งรถ แต่กลับแพ้ให้กับหญิงสาวที่ไม่ได้ทำงานสายนี้ด้วยซ้ำ นี่มันช่างน่าอายเสียเหลือเกิน ตัวเขาเองก็รู้สึกโมโหขึ้นมาเช่นกัน “คุณหนูครับ ฝีมือของเธอไม่ธรรมดาเลยนะครับ อีกอย่างยังใช้ทักษะที่มีได้อย่างเป็นประโยชน์ ผมแพ้แล้วล่ะครับ ผมไม่มีอะไรจะพูดต่อ แต่ผมยังไม่ยอมแพ้หรอกครับ!”
ไม่ยอมแพ้งั้นหรือ?
โม่หรูเฟยยกขาที่อยู่ภายใต้กระโปรงของเธอขึ้นไขว้ ก่อนจะโน้มตัวลงมา พร้อมกับยิ้มอย่างเยือกเย็น “ไม่ยอมแพ้งั้นหรือ? ฉันอยากจะเห็นเหลือเกิน ว่านายจะไม่ยอมแพ้ยังไงกัน!”
“คุณหนูโปรดวางใจเถอะครับ ผมต้องชนะเธอแน่”
“ดีมาก แต่ถ้าหากนายไม่ชนะเธอล่ะก็ ฉันจะถอนทุนออก ให้กลุ่มรถของนายสลายตัวไปเป็นเด็กล้างรถซะ!”
ฝ่ายชายก้มหัวให้อย่างนอบน้อม “ครับ คุณหนู”
หลังจากที่นักแข่งรถนั้นจากไป โม่หรูเฟยก็ทรุดลงบนเก้าอี้ เพราะโกรธจนหน้ามืดตามัว เธอเหลือบมองเหล่าเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะ ก่อนที่ความโกรธของเธอจะปะทุขึ้นมาอีกระลอก!
“ไปตาย! ไปตายกันให้หมด!”
โม่หรูเฟยปัดกองกระดาษที่อยู่บนโต๊ะนั้นจนปลิวว่อน จนทำให้พื้นหินอ่อนที่ดูสว่างสุกใส กองเต็มไปด้วยกองกระดาษเอกสาร
ขณะนั้นเอง เสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น
ประหลาด เป็นเบอร์ที่ประหลาดมาก
ประหลาดจนทำให้โม่หรูเฟยรู้สึกว่า นี่เธอเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า
ซุนปิงเหวินนั่งพิงเก้าอี้อยู่ในห้องทำงาน ตอนนี้เลยเวลาเลิกงานไปแล้ว จึงทำให้ในห้องที่ดูกว้างใหญ่นี้ เหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น พร้อมด้วยในมือที่ถือโทรศัพท์เอาไว้ พร้อมทั้งสายตาที่จับจ้องไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งเผยรอยยิ้มที่ดูเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งออกมา
“ประหลาดใจใช่ไหมล่ะ คุณโม่?”
โดยไม่รอให้โม่หรูเฟยได้ถามอะไร ซุนปิงเหวินก็ถือโอกาสพูดขึ้นก่อน จริงๆ แล้วนั้น เธอก็ประหลาดใจอยู่จริงๆ
โม่หรูเฟยกับซุนปิงเหวินเคยคบกันมาก่อน แต่เป็นเพราะความรักระหว่างตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงนั้น มันก็เป็นแค่การแสดงละครเท่านั้น ถ้าหากจะพูดถึงความรักจริงๆ ล่ะก็ เธอกล้าพูดได้เลยว่า ไม่มีแน่นอน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกับซุนปิงเหวินคนนี้เลย ถึงแม้ว่าจะเป็นพี่ชายของเธอเองก็ถาม ถึงจะประสบปัญหาด้านการเงิน แต่ก็คงไม่มีทางยื่นมือมาแน่ ไม่อย่างนั้นพ่อจะไปหาความช่วยเหลือจากหลงถิงทำไม แทนที่จะเป็นเกาจิ่งอาน?
“จริงๆ แล้วฉันประหลาดใจมากเลยล่ะประธานซุน จริงๆ แล้วคิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ ว่าคุณจะโทรมาหาฉันแบบนี้น่ะ”
โม่หรูเฟยหันไปมองดูพื้นที่ระเกะระกะ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่
ซุนปิงเหวินเองก็หัวเราะออกมา “ก็คุณโม่ได้ขึ้นเป็นผู้บริหารของบริษัทโม่ซื่ออย่างเป็นทางการแล้วนี่ ก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจกัน แล้วทำไมผมจะไม่โทรมาอวยพรล่ะครับ?”
โม่หรูเฟยได้ยินก็ยิ้มเยาะ “ประธานซุนเกรงใจไปแล้วล่ะ”
ซุนปิงเหวินลุกขึ้นยืน ก่อนจะจัดเสื้อสูทของตัวเอง “คืนนี้ไม่ทราบว่าคุณโม่ว่างหรือเปล่าล่ะครับ? ผมอยากจะเชิญคุณไปดื่มอะไรด้วยกันสักแก้ว”
“ได้สิคะ! หากเป็นคนอื่นชวน ฉันก็คงจะไม่ว่าง แต่นี่เป็นถึงประธานซุนมาเชิญเอง ฉันจะปฏิเสธได้ยังไงกันล่ะคะ?”
ซุนปิงเหวินแสดงท่าทีดีใจออกมา เมื่อเห็นว่าเธอยอมรับข้อเสนอไป โม่หรูเฟยเองถึงจะไม่มีประสบการณ์ แต่ก็เดาออกว่าที่เขาโทรมากำลังมีแผนอะไรอยู่แน่
“ผมชอบคุณโม่ที่เป็นผู้หญิงที่สดชื่นมีความสุขแบบนี้ล่ะ ผมจะรอคุณอยู่ที่คลับBOSS สองทุ่มนะครับ”
“ไว้เจอกันค่ะ”
……
ณ บ้านพัก ช่วงเวลาตกดึก แสงไฟที่เหลืองนวลที่ส่องลงบนพื้น ทำให้บรรยากาศในโถงรับแขก ดูเหมาะสมขึ้นมาอย่างมาก
คนๆ หนึ่งที่กำลังพลิกหน้าหนังสืออ่านอย่างใจจดใจจ่อ พลันรู้สึกร้อนผ่าวที่ด้านหลัง ก่อนที่จะตกเข้าสู่อ้อมกอดอันแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไป
เธอที่กำลังหันหลังให้เขาอยู่ตอนนี้ เผยรอยยิ้มมุมปากขึ้นมาบางๆ “คุณนี่เป็นหัวขโมยชั้นยอดได้เลยนะคะหลงเซียว”
หลงเซียวผายแขนพร้อมกับโอบเธอไว้ในอ้อมกอดจนหมด แขนโอบสนิทจนแทบไม่มีรอยให้ลมไหลผ่าน หน้าอกของเขาอยู่ติดกับแผ่นหลังของเธอ ราวกับว่าแบบนี้มันยังไม่พอ เขาคิดจริงๆ ว่าอยากจะทำให้เธอเข้าไปในร่างกายของเขา เขาจะได้พาเธอไปไหนมาไหนได้สะดวกจริงๆ
“แต่ก็ไม่เท่ากับแม่ยอดนักหนีของผมหรอกนะ” เขาเองก็หยอกเธอกลับ เขาปิดตาลงพร้อมกับเอาคางค้ำไว้บนหัวของเธอ และสูดดมกลิ่นหอมอ่อนที่ระเหยออกมาจากเส้นผมของเธอ
แอนน่าเองก็เบ้ปาก ตอนนี้เธอคงอ่านหนังสือในมือไม่รู้เรื่องแล้ว จึงวางมันไว้ข้างๆ พร้อมทั้งเอามือที่ว่างเปล่านั้นกุมมือของเขาเอาไว้ และรู้สึกมันไปด้วยกันกับหลงเซียว มันช่างสวยงามเหลือเกิน ตัวเธอเองก็ยากจะอธิบายมันได้ ว่าทำไมจู่ๆ มันถึงพัฒนากันมาจนถึงขั้นนี้ได้กัน?
ในเมื่อมันอธิบายไม่ได้ ก็คืออธิบายไม่ได้ยังไงล่ะ
“หลงเซียว ที่คุณไปปฏิเสธโม่หรูเฟยอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น ทำให้เธอรู้สึกทุกข์ต่อหน้าคนมากมายแบบนั้น คุณไม่กลัวว่ากลัวจะแก้แค้นคุณหรือคะ?”
หลงเซียวซุกอยู่บนหัวของเธอ พลางสูดหายใจเข้าลึก “บนโลกใบนี้ เรื่องที่ผมกลัวที่สุด คือการสูญเสียคุณไป ส่วนเรื่องอื่น ผมไม่กลัว”
พลันในสมองของเขาก็มีเรื่องที่ฉู่ซีหรานทำร้ายเธอผุดขึ้นมา ทำให้หลงเซียวขมวดคิ้วแน่นเข้าไปอีก!
มือที่เรียวละเอียดของแอนน่าพลันกุมมือที่กว้างใหญ่ของเขาไว้ นิ้วมือที่เรียวยาวแต่ละนิ้ว ต่างก็สอดเข้ากับนิ้วมือของเขาเข้าด้วยกัน ผิวหนังของทั้งสองคนดูขาวใสอย่างมาก เมื่อมารวมกันเป็นมือเดียว มันเหมือนกับคู่ที่สวรรค์สร้างมายังไงยังงั้น
“หลงเซียว ฉันอยากจะลองอะไรเรื่องหนึ่งน่ะ” จู่ๆ แอนน่าก็เปลี่ยนน้ำเสียงพูดไป
“หือ? เรื่องอะไรหรือ?”
แอนน่าเอนพิงกายของเขา ทำให้ตัวของเธอพิงติดหน้าอกของเขาอย่างเกียจคร้าน ราวกับเด็กน้อยที่อยากได้ความสุขจากอ้อมกอดของเขา “ฉันอยากตามหาความทรงจำที่เสียไปกลับมา ตอนแรกที่ฉันตกลงไปในหน้าผาอย่างไม่ระวังนั้น…ไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็ดูไม่ปกติเอาเลย”
“คุณจะพูดว่าอะไรกัน?”
แอนน่าย้อนกลับไปคิดถึงตอนที่หลงจื๋อ กำลังพูดคุยถึงฉู่ลั่วหานข้างๆ อย่างละเอียด พร้อมทั้งขมวดคิ้วพูด “ฉันรู้สึกว่า ฉันไม่ได้เป็นคนโง่ถึงขนาดนั้น ไม่มีทางพลัดตกลงหน้าผาอย่างไม่ระวังแบบนั้นหรอก ถึงแม้ว่าร่างกายของฉันจะไม่ดีก็ตาม แต่ก็คงไม่โง่ถึงกับเอาตัวเองไปทิ้งที่หน้าผานั้นหรอกใช่ไหม? ฉันก็เลยสงสัยว่า ต้องมีคนที่จ้องจะทำร้ายฉันแน่”
หลงเซียวพยักหน้า “อืม”
“นี่คุณตอบสนองปกติไปหรือเปล่าเนี่ย?” แอนน่าหันกลับมามองหลงเซียว นี่เขาตอบง่ายๆ แค่นั้นน่ะนะ!
หลงเซียวพูด “ผมคิดมาก่อนแล้วล่ะ ว่าคุณไม่ใช่คนโง่แบบนั้น เพียงแต่ที่ผ่านมาผมไม่ได้ลงมือตรวจสอบจริงจังเท่านั้น เป็นผมที่โง่เอง แต่ตอนนี้ ผมตรวจสอบมันออกมาหมดแล้ว”
แอนน่าหันหน้ามาหาเขาอีกครั้ง “แล้วเจออะไรบ้างหรือคะ?”
หลงเซียวปัดจมูกของเธอ “เมื่อคืนวันนั้น คนที่อยู่ด้วยกันกับคุณทั้งหมด ผมสงสัยพวกเขา แล้วผมก็ไม่รังเกียจที่จะไปซักถามเป็นรายคนด้วย”
“ในเมื่อไม่มีหลักฐานอะไรเลย ทำไมพวกเขาถึงยอมรับล่ะ? นี่เป็นอาชญากรรมเลยนะคะ คุณชายหลงของฉัน”
ไม่มีของพิสูจน์ ไม่มีคนพิสูจน์ ถ้าหากอยากจะตรวจหาความจริงล่ะก็ คงจะไม่ง่ายอย่างที่คิดแน่
“ถ้าหากแม้แต่เรื่องแค่นี้ผมยังทำไม่ได้ล่ะก็ ผมก็คงไม่เหมาะที่จะเป็นสามีของคุณหรอก วางใจเถอะนะ ในเมื่อคุณไม่ได้รับความเป็นธรรมแบบนี้ ผมต้องทำทุกอย่างแทนคุณอยู่แล้วล่ะ”
แอนน่าอดไม่ได้ที่จะหันกลับมาหาอีกครั้ง “พอฟังจากน้ำเสียงคุณแล้ว แสดงว่าที่ฉันได้รับความเป็นธรรมแบบนี้ คงจะไม่ใช่ครั้งแรกสินะคะ? นั่นยิ่งทำให้ฉันสงสัยเข้าไปอีก ว่าฉู่ลั่วหานทำไมถึงโชคไม่ดีแบบนั้น แถมไม่รู้ว่าต้องประสบพบเจออะไรมาบ้างด้วย?”
หลงเซียวเผยอริมฝีปากที่ดูเซ็กซี่ขึ้น ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “นี่ยังพูดถึงตัวเองแบบนี้ได้ด้วยหรือ?”
แอนน่าเองก็เงยหน้ามองเขา พลางพูดแกมเล่น “ฉันเข้าใจดีค่ะ ว่าเรื่องที่เธอโชคร้ายที่สุด น่าจะเป็นการที่มาแต่งงานกับคุณนี่ล่ะ คุณนี่นะ แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้ว ว่าเป็นคนที่ชอบหาเรื่องใส่ตัวน่ะ!”