คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 233 ถูกคนใส่ร้าย
ตอนที่ 233 ถูกคนใส่ร้าย
“ดูเหมือนนายจะเดาได้ว่าเป็นฉันนะ ร้ายกาจจริงๆ”
หลงเซียวเผยอยิ้มมุมปาก “เอาล่ะ เลิกพูดจาไร้สาระก่อน ตรวจอะไรเจอบ้างล่ะ?”
กู้เยนเซินเบะปาก “ฉันบอกให้นายรู้จักเป็นคนใจกว้างหน่อยไม่ได้หรือไง? ทุกครั้งที่ติดต่อกับฉันสั่งนู่นสั่งนี่ให้ฉันทำ แล้วแต่ละเรื่องมีเรื่องดีๆ อะไรบ้างล่ะ? ตั้งแต่คุณชายอย่างฉันกลับมาจากอเมริกา ต้องมาหลบๆ ซ่อนๆ ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน นี่ฉันเหนื่อยราวกับหลานตัวน้อยแล้วเนี่ย……”
“พูดไร้สาระเยอะจริงนะ พูดตรงๆ มาเลยดีกว่า ส่วนขั้นตอนอะไรนั่นของนาย ถ้ามีเวลาว่างมากล่ะก็ ค่อยเขียนเป็นหนังสือมาให้ฉันอ่านก็ได้นะ” หลงเซียววางเอกสารลง เอนหลังพิงพนัก พร้อมทั้งรอคอยคำตอบจากกู้เยนเซินอย่างเอ้อระเหย
พอเห็นท่าทีของเขาแบบนั้น ก็คิดว่าเขาคงจะมีแผนอยู่ในใจแล้วแน่นอน
กู้เยนเซินยกกาแฟที่หลงเซียวใช้ดื่มมาก่อนขึ้นจิบ “โหย! ทำไมขมแบบนี้! นี่นายดื่มยาแผนโบราณอยู่หรือไง!”
กู้เยนเซินแลบลิ้นออกมา พร้อมทั้งรู้สึกขมไปทั่วลิ้น “นับวันฉันยิ่งเลื่อมใสในตัวนายเข้าไปอีกนะ ฉันตรวจสอบเรื่องเก่าๆ ไร้สาระมาแล้วล่ะ ไม่กี่วันนี้คนที่เป็นพนักงานของบาร์แห่งหนึ่งน่ะ ดูอึกอักเป็นพิเศษเลยล่ะ! เดี๋ยววันหลังฉันคงต้องเลี้ยงอะไรเป็นการชดเชยให้นายสักหน่อยแล้วล่ะ!”
“พูดมาได้แล้ว!”
กู้เยนเซินเป็นคนที่ทำอะไรน่าเชื่อถือมาก แต่เขามักจะบ่นอะไรพิรี้พิไรตลอด ดูแล้วไม่ค่อยเป็นนิสัยที่ดีเท่าไหร่
“เอาล่ะๆ นายคงต้องนึกไม่ถึงแน่ๆ เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับน้องสาวของภรรยานายด้วยนะ หึๆ ราวกับละครน้ำเน่าแหนะ”
หลงเซียวจ้องเขม็งมายังเขาด้วยแววตาที่ดำขลับ “จะบอกว่าเป็นฉู่ซีหรานงั้นหรือ?”
กู้เยนเซินพยักหน้า “ถูกต้อง เธอนั่นล่ะ ผู้หญิงคนนี้เดิมทีก็คิดอะไรกับนายแบบนั้นเหมือนกัน โอ้โห เสน่ห์ของแต่ละคนนี่ไม่เหมือนกันเลยจริงๆ นะ ไม่ว่าไปที่ไหนก็มีแต่คนหึงหวง…อะแฮ่ม พูดนอกเรื่องไปหน่อย หลังจากที่นายกับฉู่ลั่วหานแต่งงานกันน่ะ ฉู่ซีหรานก็เก็บความเกลียดชังไว้ในใจ เธอนัดฉู่ลั่วหานออกไปดื่มเหล้า แถมเธอยังเอาอะไรบางอย่างใส่ลงในเหล้าให้เธอด้วย ฉู่ลั่วหานดื่มเหล้านั้นจนสลบไป ส่วนจะเป็นยาอะไรนั้นฉันเองก็ยังไม่รู้ แต่ว่าภรรยาของนาย ถูกคนใส่ร้ายจริงๆ”
หลงเซียวพลันกำหมัดขึ้นแน่น พร้อมด้วยอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นอยู่ภายในอก!
“น่าฆ่าให้ตายจริงๆ!!”
หลงเซียวลุกขึ้นพรวด พร้อมทั้งระบายความโกรธ ลงบนโต๊ะด้วยกำปั้นอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงดังโครมครามออกมา แทบเผยให้เห็นกระดูกสีขาวใต้ผิวหนังของเขา พร้อมกับหยดเลือดที่ซึมผ่านออกมา!
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!
เป็นเพราะเรื่องนี้ ทำให้เขาเข้าใจผิดเธออยู่ตั้งหลายปี! เขานี่มันเหมือนกับสัตว์ป่าที่โง่เขลาไม่มีผิด!
พอเห็นท่าทีตอบสนองของหลงเซียวแบบนั้น กู้เยนเซินก็พูดขึ้น “สงบจิตสงบใจลงก่อนเถอะ อย่าเพิ่งอารมณ์ร้อนไป ตั้งสตินะตั้งสติ เรื่องมันเกิดไปตั้งหลายปีแล้ว ตอนนี้ฉู่ลั่วหานเองก็สูญเสียความทรงจำทั้งหมดไปด้วย เรื่องนี้ มันจะ…”
“ไม่ได้เด็ดขาด! ลั่วลั่วถูกทรมานตั้งเยอะแยะแบบนั้น ฉันไม่มีทางนั่งมองเฉยๆ แล้วทำเป็นไม่สนใจได้หรอกนะ”
กู้เยนเซินเองก็ถอนหายใจ ก่อนจะยกมือขึ้นนวดขมับ “แต่ว่า…ตอนนี้ฉู่ซีหรานก็เป็นแฟนของเสิ่นเหลียวด้วย ถึงแม้ว่าเสิ่นเหลียวจะไม่ได้มีอำนาจมากในเมืองก็ตาม แต่สำหรับเมืองเจียงเฉิงแล้ว ถือว่าเขาเองก็เป็นผู้มีอำนาจคนหนึ่ง หากมีใครไปทำอะไรผู้หญิงของเขาล่ะก็……”
แววตาที่แหลมคมราวกับคมมีด กำลังมองไปยังทิศทางหนึ่ง ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เจ็บปวด เสียใจ โทษตัวเอง “ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม การที่กล้ามาทำร้ายผู้หญิงของฉันแบบนี้ มันต้องชดใช้!”
กู้เยนเซินเห็นว่าเขาตัดสินใจแน่วแน่ ก็ถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “แล้วนายคิดจะทำยังไงล่ะ? ต้องการไปเมืองเจียงเฉิงสักหน่อยหรือเปล่า?”
หลงเซียวพยายามควบคุมสติสัมปชัญญะไว้ ไม่ให้ความโกรธเกลียดเข้าครอบงำ เขาสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดขึ้น “จับตาดูเสิ่นเหลียวเอาไว้”
“ตกลง!”
ณ โรงพยาบาลหวาเซี่ย
“ใกล้จะประชุมแล้วนะคะ คุณหมอถัง!”
ถังจิ้นเหยียนที่กำลังตรวจดูประวัติผู้ป่วยอยู่นั้น พอได้ยินเสียงเรียกมาจากพยาบาลที่อยู่ด้านนอก เขาก็ได้สติกลับมา ก่อนจะหันไปพยักหน้ายิ้มให้กับพยาบาลที่ผลักประตูเข้ามา “โอเค ขอบคุณนะ”
นางพยาบาลเองก็ยิ้มจนตาปริ “คุณหมอถังคะ คุณมักจะเกรงใจแบบนี้ตลอดเลยนะคะ พวกเรารู้สึกเกรงใจแย่เลย”
ถังจิ้นเหยียนวางประวัติผู้ป่วยในมือลง ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ร่างกายที่สวมชุดกาวน์สีขาวดูสะอาดเอี่ยมอ่อง ทำให้เขาดูดีให้ความรู้สึกสดชื่นขึ้นมา “เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว”
หลังจากเดินออกมาจากห้องทำงาน ถังจิ้นเหยียนก็เดินมารออยู่หน้าประตูลิฟต์ ขณะที่ประตูลิฟต์เปิดนั้นเอง ทั้งคนด้านในและด้านนอกต่างก็ประสานตามองกัน ถังจิ้นเหยียนเองก็ผงกหัวให้เบาๆ “สวัสดีครับหัวหน้าเกา”
เกาหยิ่งจือก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าว อย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเสียเท่าไหร่ “สวัสดีตอนเช้า หมอถัง”
ขณะนั้นเองด้านในลิฟต์ก็มีคนอื่นๆ อยู่อีกสามสี่คนที่เป็นหมอเช่นเดียวกัน กำลังจะไปประชุมด้วยเช่นเดียวกันกับพวกเขา ตั้งแต่ชั้นหนึ่งขึ้นมา ต่างก็มีคนเรียกลิฟต์เข้ามาด้วยอีกหลายคน ทำให้ถังจิ้นเหยียนต้องก้าวเท้าเข้าไปด้านใน เขาหันหน้าสู้ประตู พร้อมกับร่างกายของเกาหยิ่งจือที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา
ตั้งแต่ที่แยกจากกันที่สนามเมื่อวันนั้น ทั้งสองคนเองก็เหมือนจะพยายามหลบเลี่ยงหน้ากันภายในโรงพยาบาล โดยที่ไม่ได้มาเจอหน้ากันเลยแม้สักครั้ง เกาหยิ่งจือมองไปยังแผ่นหลังของถังจิ้นเหยียน พลางรู้สึกเหมือนกับมีโลกใบหนึ่ง ที่มากั้นระยะห่างระหว่างเธอกับผู้ชายคนนี้
พลันมีหมอผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังพูดขึ้นมาเล่นๆ ว่า “คุณหมอถัง ถึงแม้ว่าคุณจะมาที่โรงพยาบาลของพวกเราเป็นเวลาสั้นๆ ก็ตาม แต่คุณมีชื่อเสียงมากๆ เลยนะ ตอนนี้พวกสาวๆ ทั้งโรงพยาบาลต่างก็เห็นคุณเป็นพ่อเทพบุตรกันหมดแล้วทั้งนั้น แถมยังมีแพทย์หญิงตั้งหลายคนที่เอาแต่จ้องคุณด้วยนะ คุณหมอถังต้องเข้าใจนะว่าที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรแบบนี้เท่าไหร่น่ะ คุณต้องป้องกันตัวเองจากพวกหมาป่าผู้หญิงพวกนั้นด้วยนะ!”
ถังจิ้นเหยียนเองก็ยังคงยืนตัวตรงอยู่แบบนั้น มือของเขาห้อยอยู่ข้างลำตัว พร้อมกับยิ้มให้ “คุณหมอหวังก็พูดไปครับ หมอหนุ่มๆ ของโรงพยาบาลนี้ก็หล่อใช่เล่นเลยนะครับ มีแต่ของสดๆ ใหม่ๆ จะมีใครไปสนใจเนื้อเก่าๆ เน่าๆ อย่างผมกันล่ะครับ”
“ฮ่าๆ! นี่คุณหมอถังถ่อมตัวไปหรือเปล่าเนี่ย? ไม่เชื่อก็ลองถามหัวหน้าเกาดูสิครับ รู้สึกเหมือนกันหรือเปล่าครับ ว่าคุณหมอถังน่ะ เป็นหน้าเป็นตาของโรงพยาบาลเราเลยนะครับ?”
เพียงแค่การพูดเล่นหยอกล้อกันโดยไม่ได้มีความหมายอะไร เป็นการแกล้งกันปกติระหว่างหมอด้วยกัน แต่เกาหยิ่งจือกลับรู้สึกบางอย่างในใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังที่สูงใหญ่ของถังจิ้นเหยียน พร้อมกับพูดด้วยความรู้สึกในใจที่ปิดไม่อยู่ “เสน่ห์ของถังจิ้นเหยียน ไม่เพียงแค่จะมีแค่รูปร่างหน้าตาเท่านั้น แต่ด้วยลักษณะนิสัย ฝีมือทางการแพทย์อีก หากจะพูดแค่ว่าเขาแบกรับภาระด้านหน้าตาไว้ล่ะก็ คงจะไม่ครอบคลุมเท่าไหร่นะ”
“ได้ยินแล้วหรือยังล่ะ? ในโรงพยาบาลหวาเซี่ยนี้ คนที่ทำให้ผู้หัวหน้าที่สวยเลิศชมด้วยตัวเองได้แบบนี้ ไม่ใช่ปกติแล้วนา!”
ระหว่างที่พูดคุยกันไปมา ลิฟต์ก็พามาส่งถึงชั้นที่ต้องการ ถังจิ้นเหยียนที่อยู่หน้าสุด ก็เดินออกจากลิฟต์ไปก่อน พร้อมกับฝูงชนกลุ่มหนึ่งเข้าไปด้านในห้องประชุม ระหว่างทางนั้น เกาหยิ่งจือก็เดินสาวเท้าตามถังจิ้นเหยียนไป ความรู้สึกดีๆ ที่เธอมีให้กับถังจิ้นเหยียนนั้น ทุกคนต่างก็มองออกหมดแล้ว
ขณะนั้นเอง สายตาก็ทุกคนก็มองกันไปมา ก่อนจะแอบซุบซิบกันอย่างเงียบๆ
การประชุมที่อืดอาดยืดยาดแบบนี้มันดูน่าเบื่ออย่างมาก แต่ผู้อำนวยการเฉินพูดเพียงประโยคเดียว ก็ทำให้ทุกคนมีชีวิตชีวาขึ้นทันที
“ผมมีข่าวดีจะมาบอกทุกคนเรื่องหนึ่ง ตอนนี้แอนน่าได้กลับมาจากประเทศอเมริกาแล้ว! ฮ่าๆ แต่ช่วงนี้ต้องรอแอนน่าปรับสภาพตัวเองเสียก่อน เธอถึงจะมาทำงานที่โรงพยาบาลตามปกติได้อาทิตย์หน้าล่ะนะ!”
แค่พูดว่าแอนน่าจะกลับมา ห้องประชุมที่ดูหมองหม่นอยู่ พลันสุกสว่างขึ้นมาทันที ไม่เพียงแค่ผู้ชายที่ดีใจเท่านั้น แม้แต่ผู้หญิงไม่น้อย ต่างก็ดีใจจนปรบมือตะโกนร้องออกมา
“ดีจังเลย! หากแอนน่ากลับมาจริง ไม่เพียงแต่โครงการโรคหัวใจ จะเจริญก้าวหน้าเหมือนกับเสือที่ติดปีกบินเท่านั้น แต่ความรู้ของทั้งโรงพยาบาลก็จะยกระดับไปอีกขั้นหนึ่งด้วย!”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ ด้วยรูปร่างหน้าตาของแอนน่าเอง ก็ทำให้รู้สึกสดชื่นมากด้วยนะ!”
“ใช่ๆๆ ทุกครั้งที่มองดูวิดีโอที่คุณหมอแอนน่าผ่าตัดน่ะ ฉันรู้สึกเหมือนกับเลือดสูบฉีดไปด้วยความตื่นเต้นทุกทีเลยล่ะ น่าเสียดายที่ตอนแรกฉันไม่ได้เรียนศัลยกรรมมาเลย! ว้าวๆๆ ฉันจะตั้งหน้าตั้งตาคอยเลยล่ะ!”
ถังจิ้นเหยียนที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ ก็เงยหน้าขึ้นมาเช่นกัน ใบหน้าที่ดูอบอุ่นและสะอาดเอี่ยม เผยรอยยิ้มที่ราวกับแสงอาทิตย์เจิดจ้าขึ้นมา มันช่างดูอ่อนนุ่มแอบอบอุ่น ราวกับย้อนกลับไปช่วงฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามช่วงเดือนสี่เลย ถึงแม้ว่าเขาจะรักษาอาการสงบเสงี่ยมแบบนั้น แต่เขาก็ปิดบังความดีใจ ที่เผยออกมาทางดวงตาของเขาไม่ได้
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า แอนน่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้!
พอเห็นสีหน้าและอาการของถังจิ้นเหยียนแบบนั้น เกาหยิ่งจือก็กำหมัดแน่นอยู่ใต้โต๊ะ ฉู่ลั่วหาน ไอ้คนต่ำช้า! ต่ำช้าที่สุด!
“ผู้อำนวยการเฉินครับ คุณหมอแอนน่ารับหน้าที่แค่โครงการโรคหัวใจเท่านั้นนี่ครับ พอโครงการนี้เสร็จสิ้น ไม่ใช่ว่าเธอก็ต้องไปหรือครับ? อีกอย่าง พอสิ้นสุดโครงการนี้ สุดท้ายแล้วก็ต้องฟังคำสั่งจากสำนักงานใหญ่นี่ครับ” พลันมีหมอคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างหดหู่ใจ
เกาหยิ่งจือเองก็เบ้ปากพูด “เดิมทีแอนน่าไม่ใช่หมอของโรงพยาบาลหวาเซี่ยอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเธอก็คงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้อยู่แล้วล่ะนะ”
แววตาของถังจิ้นเหยียนเองก็ขรึมลง
ผู้อำนวยการเฉินยกมือขึ้นพูด “ทุกคนอยู่ในความสงบก่อน ยังมีอีกเรื่องที่ฉันต้องประกาศ เมื่อครั้งก่อน คุณหมอแอนน่าประสบความสำเร็จ ในการริเริ่มผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ดังนั้นรอให้คุณหมอแอนน่ากลับมาก่อน ค่อยมารวมตัวเฉลิมฉลองกัน ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางโรงพยาบาลเป็นคนออกเอง”
“ดีจังเลย! ผู้อำนวยการแสนยานุภาพที่สุด!”
การประชุมก็จบลงด้วยความฮึกเหิมของทุกคน หมอทุกคนต่างก็เดินวิจารณ์กันไปแล้วเดินออกไป
พลันผู้อำนวยการก็พูดขึ้น “อยู่ก่อนสิคุณหมอถัง”
ถังจิ้นเหยียนพยักหน้ารับ “ไม่ทราบว่าผู้อำนวยการมีธุระอะไรหรือครับ?”
ทุกคนต่างก็สลายตัวกันไปหมดแล้ว เกาหยิ่งจือเองก็ยืนมองผ่านกระจก เข้ามามองทั้งสองคนที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ในห้อง พลางกัดฟันกรอด
……
“พี่สะใภ้! เธอนี่สร้างความสุขได้ง่ายจริงๆ นะ!”
ขณะที่หลงจื๋อขับรถมาอย่างรวดเร็วเพียงครึ่งชั่วโมงนั้น ในที่สุดเขาก็มาถึงบ้านพักของเธอ พลางตะโกนร้องเรียกอยู่หน้าประตู
“ไม่ใช่ว่านายเป็นคนให้ฉันกลับมาหรือไง?” แอนน่ายิ้ม พอเห็นท่าทีตื่นเต้นดีใจของหลงจื๋อ แอนน่าก็คิดถึงตอนที่เขามาสารภาพรักกับตัวเอง มันช่างน่าแปลกประหลาดเหลือเกิน นี่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรแปลกๆ เลยหรือไง?
หลงจื๋อนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางที่หล่อเหลา ก่อนจะหยิบแอปเปิ้ลขึ้นมาลูกหนึ่ง แล้วกัดลงไปคำใหญ่ ในปากของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยแอปเปิ้ล จนทำให้พูดออกมาไม่เป็นคำเลย “นี่ฉันเป็นกำลังสำคัญให้ขนาดนั้นเลยหรือ?”
แอนน่าเองที่มองดูท่าทางเขากินแบบนั้น ก็อดจะส่ายหัวหัวเราะไม่ได้ “ออกมาป่านนี้ คิดจะอู้งานหรือไง? คุณชายรองหลงแอบอู้งานของบริษัทตัวเอง ระวังพนักงานทั้งหมดจะหยุดงานเอานะ”
“ฉันทำงานจนแทบบ้าเลยนะ! แล้วพี่สะใภ้ล่ะว่ายังไง? พวกเรามาแข่งกันอีกรอบไหมล่ะ? ครั้งก่อนมันยังไม่สะใจพอน่ะ”
แอนน่าวางหนังสือในมือลง ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปม “หลงจื๋อ ตอนนี้ฉันไม่ใช่พี่สะใภ้ของนายแล้วนะ จะเรียกฉันก็ระวังไว้หน่อยล่ะ”
“โอ้โห แต่ก่อนหน้านี้เป็นก็ถือว่าเรียกแบบนี้ไปละกัน อีกอย่างด้วยความสามารถของพี่ใหญ่แล้ว ยังไงก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอกนะ”
ตรรกะที่ดูราวกับอันธพาลแบบนี้ ไม่รู้เลยนะว่าเป็นถึงสมบัติของตระกูลหลงน่ะ
“วันนี้จะแข่งอะไรล่ะ?”
หลงจื๋อมือสั่นเล็กน้อย ก่อนจะโยนแอปเปิ้ลในมือทิ้งลงถังขยะไป โดยที่ยังไม่ทันได้กินเสร็จเลยด้วยซ้ำ “ก็ง่ายๆ วันนี้พวกเรามาเล่นอะไรที่ดูเป็นทางการสักหน่อยดีกว่า แข่งรถกันสักรอบหนึ่งเป็นไง?”
แอนน่ายักไหล่ “ฉันโอเคทั้งนั้น นายเลือกสถานที่แล้วกัน ส่วนฉันจะเป็นคนกำหนดกฎเอง”
หลงจื๋อเลิกคิ้ว พร้อมด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ “ดูใช้อำนาจเหลือเกินนะพี่สะใภ้ พูดแบบนี้ทำให้ผมดูไม่ดีไปเลยนะ”
“ไม่กล้างั้นหรือ?”
“กล้าสิ! มีโอกาสได้อยู่กับพี่สะใภ้ทั้งที ใครจะไปไม่กล้ากันล่ะ! ไปกันเถอะ!”
……
ในห้องทำงานที่ปิดสนิทและเงียบเชียบตอนนี้ บรรยากาศดูอึดอัดและกดดันอย่างมาก จนแทบจะรู้สึกถึงจิตสังหารและรังสีฆ่าฟันได้เลย
“ฉันจะไม่มีทางให้ฉู่ลั่วหานได้มีชีวิตดีแน่ เธอทำให้ฉันสูญเสียทุกอย่าง ฉันจะทำให้เธอชดใช้มันอย่างสาสม”
“หรูเฟย คิดให้ดีๆ ก่อนสิ หากลงมือไปแล้ว เธอจะถูก…”
“พี่คะ ฉันคิดดีแล้วค่ะ คำพูดนี้ ฉันไม่มีทางกลืนมันกลับไปแน่! พี่วางใจเถอะ ฉันได้ยินทุกอย่างชัดเจน วันนี้บ่ายเธอจะไปแข่งรถด้วยกันกับหลงจื๋อ ขอเพียงฉันลงมืออย่างเงียบๆ รับประกันได้ว่าแม้แต่เธอก็ต้องแตกเป็นชิ้นๆ ไปด้วยกันกับรถแน่ๆ!”
เกาหยิ่งจือหรี่ตาลง “ไม่ได้หรอก จะไปลงมืออะไรที่สนามแข่งรถแบบนั้น จะถูกสืบสาวหาตัวเธอได้ง่ายๆ เอานะ แล้วยิ่งคนแบบหลงเซียวด้วย เขาไม่มีทางปล่อยให้คนทำลอยนวลอยู่แล้ว”
“พี่จะเสนอแนะอะไรหรือเปล่าคะ?” โม่หรูเฟยอยากให้ฉู่ลั่วหานตายไปเหลือเกิน แต่เธอรู้ดีว่า เวลาเกาหยิ่งจือจะทำอะไร มักจะเข้มงวดรัดกุมมากกว่าเธอเสมอ
“ใช้เงินสักหน่อย หาใครสักคน แล้วเอามาเปรียบเทียบกับฉู่ลั่วหาน แต่ขอให้จำเอาไว้นะ เธอไม่ใช่ต้องฆ่าคน เพียงแต่ทักษะการแข่งรถกัน มีทั้งคนแพ้คนชนะ และชีวิตก็แขวนบนเส้นด้ายเสมอ ถึงแม้ฉู่ลั่วหานจะตายไปแบบไม่ระวัง แต่นั่นก็ไม่มีทางกล่าวหามาถึงตัวเธอแน่”
โม่หรูเฟยเผยอยิ้มมุมปากช้าๆ “พี่คะ พี่นี่เป็นพี่ที่ดีของฉันเหลือเกินเลยค่ะ!”