คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 230 อยากมีความสุขร่วมกัน
ตอนที่ 230 อยากมีความสุขร่วมกัน
“เควิน คุณไม่รู้สึกว่าวิธีแบบนี้มันน่าเบื่อและไร้เดียงสาไปหน่อยหรือไง?”
เมื่อเควินที่อยู่ต่อหน้า ประกาศสงครามและพูดยุแหย่แบบนี้ แอนน่าก็ยิ้มอย่างเย็นชา จริงๆ แล้วเธอไม่อยากที่จะไปเข้าใจตรรกะอะไรของเควินมากนัก แล้วก็ไม่รู้ด้วยตรรกะแบบนั้นของเขามันคืออะไรกันแน่
เควินเองก็ยิ้มขึ้นมาบางๆ หลังจากเธอ ถึงจะดูเยาะเย้ย แต่กลับไม่ได้รู้สึกว่ากำลังจนตรอกแต่อย่างใด “ผมคิดว่าคุณจะบอกว่าผมหน้าไม่อายซะอีกนะ ดูเหมือนว่าคุณจะมีเมตตามากกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก ผู้หญิงที่มีเมตตาถึงขนาดนี้ มีเหตุผลอะไรที่ผมจะไม่แก่งแย่งมากัน? อีกอย่าง…” รอยยิ้มของเขายิ่งดูลึกซึ้งมากขึ้น “มีเหตุผลอะไรที่ผมจะแย่งมาไม่ได้กัน?”
“เควิน ตรรกะที่บ้าอำนาจของคุณแบบนี้ ไม่เหมาะที่จะเอามาใส่ในความรู้สึกแบบนี้หรอกนะ คุณเป็นนักธุรกิจ แต่ความรักไม่ใช่การลงทุน ไม่ใช่การคาดคะเนความเสี่ยงเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสีย ถึงจะได้รับกำไรอะไรแบบนั้นหรอกนะ เควิน ฉันหวังว่าคุณจะมีความสุข หวังว่าคุณจะหยุดที่ความพอดี ไม่ว่าจะยังไงฉันก็ยังทำดีกับคุณทั้งนั้น โอเคไหม?”
ตู้หลิงเซวียนลุกขึ้นมาจากโซฟา ก่อนจะหยิบเสื้อสูทนอกขึ้นมา แล้ววางมันลงไปบนแขนด้วยท่าทีที่สง่างาม ราวกับการถกเถียงกันเรื่องความรักกันแอนน่าเมื่อกี้นี้ เป็นเพียงการดื่มกาแฟกันคนละแก้วเท่านั้น ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้พูดว่าหน้าไม่อายออกมาไม่ได้เลย
“แอนน่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานะอะไร ผมก็จะไม่มีทางปล่อยคุณไปง่ายๆ ผมอยากให้คุณมีความสุขร่วมกันกับผม”
พูดจบ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นแน่น พร้อมความผิดหวังปรากฏบนใบหน้า “ผมคิดว่า ผมจะได้แต่งงานกับคุณ ตอนนี้กลับกลายเป็นแค่เพียงฝัน คุณมอบความฝันนั้นให้กับผม แล้วก็ทำลายมันด้วยมือของคุณเอง คุณนี่โหดร้ายจริงๆ นะ”
ทันทีที่เขาพูดคำว่าโหดร้ายจบ เขาก็ก้าวเดินออกไปจากห้องผู้ป่วยทันที เหลือไว้เพียงแผ่นหลังที่ดูอ้างว้างให้แอนน่าเห็นเท่านั้น
ชั่วขณะนั้น แอนน่าก็รู้สึกเหมือนกับ ตัวเธอได้ทำร้ายคนดีๆ ไปคนหนึ่งยังไงยังงั้น
หากให้พูดจริงๆ ล่ะก็ เธอต้องยอมรับว่าในความรัก มันแบ่งว่าใครผิดใครถูกไม่ได้ การรักใครสักคนไม่ได้ผิด แต่การถูกปฏิเสธมันเหมือนกับถูกคมดาบจากนักประหาร สับลงบนตัวพวกเขาเลย
ขณะนั้นเอง เสียงมือถือของแอนน่าก็ดังขึ้น ซึ่งบนหน้าจอก็เผยชื่อของหลงจื๋อขึ้นมา
หลงจื๋อ……
แอนน่าอดไม่ได้ที่ยกมือขึ้นนวดขมับ สองวันที่ผ่านมาเธอแทบจะนวดขมับจนหนังแทบจะหลุดออกไปแล้ว เจ้าหลงจื๋อคนนี้ ตอนนี้เขาคงน่าจะรู้ตัวตนของเธอแล้ว คิดไปคิดมาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเหมือนกัน
แค่เรื่องของน้องชายของสามี กับพี่สะใภ้ก็แทบจะทำให้แอนน่า เสียเวลาไปตั้งมากมายแล้ว
เธอวาดหน้าจอมือถือเปิดขึ้น ก่อนที่หน้าจอจะแสดงภาพวิดีโอของหลงจื๋อขึ้นมา
หลังจากเปิดวิดีโอ งานเลี้ยงที่ดูหรูหราและครึกครื้นในห้องโถง ก็ปรากฏสู่สายตาของเธอ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นงานเลี้ยงรวมตัวของตระกูลที่มีชื่อเสียงมากมาย แต่พอมุมกล้องเปลี่ยนไป แอนน่าก็เห็นหลงเซียวที่กำลังยืนอยู่ ณ จุดกึ่งกลางของห้องโถงนั้น
ขณะที่มือถือได้ทำการบันทึกอยู่นั้น ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นาๆ แต่กลับไม่ได้เสียงดังมาก ดังนั้นเสียงของหลงเซียวจึงดังเข้าหูของแอนน่าได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
เขากล่าวปฏิเสธงานหมั้นกับโม่หรูเฟย ต่อหน้าแขกเหรื่อทุกคนอย่างตรงไปตรงมา โดยที่ไม่ได้อ้อมค้อมเลยแม้แต่น้อย และเขาก็ไม่ได้เหลือทางใดๆ ให้หวนย้อนกลับด้วย การตัดสินใจของเขาทำให้คนรอบข้าง มองเขาว่าโหดร้ายไปเสียหน่อย
แต่แอนน่าที่กำลังหัวเราะอย่างไร้เสียงตอนนี้ ก็หลั่งน้ำตาออกมา น้ำตาที่สว่างส่องเป็นประกาย วาดผ่านแก้มทั้งสองข้างของเธอ ทำให้ใบหน้าที่ขาวผ่องของเธอมีเม็ดน้ำสีเงินจางๆ ที่ส่องสว่างราวกับเปลวไฟที่กำลังลุกโชน
เขากล่าวว่า “ภรรยาของผม…” เขาบอกว่า “ภรรยาของผมกลับมาแล้ว…”
ถึงในสมองจะไม่ได้มีความทรงจำใดๆ เกี่ยวกับหลงเซียวเลย แต่แอนน่าก็เชื่อเขาเกือบหมดใจ ว่าตัวเองเป็นคนรักของหลงเซียวจริงๆ ถึงแม้ระหว่างพวกเธอจะมีช่วงเวลาที่ไม่มีความสุขอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เรื่องทั้งหมดก็ได้ผ่านไปแล้ว ทั้งการปกป้อง การตัดสินใจและอำนาจของเขา ทำไปก็เพื่อเธอทั้งหมด
แค่นี้ก็พอแล้ว
หลังจากดูวิดีโอนั้นจนจบ หลงจื๋อก็ส่งข้อความสั้นๆ มาว่า “ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงของพี่ใหญ่ก็ตาม แต่พอเห็นพี่ใหญ่ยอมต่อต้านคนทั้งโลกเพื่อเธอแล้ว ฉันก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองพ่ายแพ้แล้วล่ะ”
พอเห็นข้อความของหลงจื๋อแบบนั้น เธอก็นึกถึงท่าทางที่ไม่เต็มใจ และจนปัญญาของหนุ่มน้อยวัยรุ่นรูปหล่อได้เลยล่ะ แต่เธอต้องยอมรับเลยว่าหลงจื๋อที่เป็นแบบนั้น เขาดูน่ารักทีเดียวเลย!
ขณะนั้น หลงจื๋อก็หมกตัวอยู่บนโซฟาในห้องนอน พร้อมทั้งเอาหัวก่ายแขนของเขาเอาไว้ และปัดหน้าจอมือถือไปมาอย่างไร้ความรู้สึก เฮ้อ ไม่สบายใจจริงๆ! กลุ้มเหลือเกิน!
มีคนที่รู้สึกไม่เต็มใจตั้งมากมาย แต่เขาก็พยายามจะส่งออกไป พร้อมทั้งปากที่เหมือนกับลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออกไป จนดูเหี่ยวเฉา
“เป็นเพราะเธอเลยนะ ที่ทำให้ตอนนี้พี่ใหญ่คงจะโดนคนจากทั่วทั้งเมือง เรียกว่าไอสารเลวไปแล้ว ไม่รู้ว่ามีกี่คนกันแน่ที่เกลียดพี่ใหญ่เข้ากระดูกดำ เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุด รีบกลับมาดีกว่านะ”
แอนน่าที่เห็นข้อความนั้นก็หัวเราะขึ้นมาฉับพลัน ถ้าไม่ใช่เพราะได้มิ้นกำลังพักผ่อนอยู่ล่ะก็ เธอก็คงจะหัวเราะเสียงดังไปแล้ว เจ้าหลงจื๋อคนนี้ ช่างน่ารักเสียจริงนะ!
เขาแทบไม่มีอะไรเหมือนกับหลงเซียวเลย ถ้าหากหลงเซียวทำตัวเหมือนกับหลงจื๋อล่ะก็ มันจะน่าสนุกแค่ไหนกันนะ
ขณะที่แอนน่าเตรียมจะส่งข้อความตอบกลับไปนั้น เธอก็ได้รับข้อความจากหลงจื๋ออีกฉบับ
“ส่วนเรื่องที่ฉันจีบเธอน่ะ เธอก็ลืมๆ มันไปก็ได้นะ ตอนนั้นฉันไม่รู้ถึงตัวตนของเธอ แต่ตอนนี้รู้แล้ว วางใจเถอะนะ ฉันไม่มีทางจะคิดอะไรแน่นอน เธอเป็นพี่สะใภ้ของฉัน และก็จะเป็นตลอดไปด้วย”
ทันใดนั้นเอง เขาก็เปลี่ยนวิธีสนทนา กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
แอนน่าเองก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบรรจงนิ้วลงไปบนหน้าจอ เพื่อตอบกลับไป
“เดี๋ยวฉันก็กลับไปแล้วล่ะน่าเจ้าเด็กโง่ แล้วนายกล้ามาแข่งรถกับฉันอีกไหมล่ะ?”
โอ้โห ตอนนี้พี่สะใภ้ดูเท่มากๆ เลยล่ะ!
“เฝ้ารอด้วยความเคารพเลย! เดี๋ยวฉันจะเอาคืนให้ดูเลยล่ะ”
……
“ประธานครับ วันนี้เป็นวันที่ราคาตลาดหุ้นเปิด แต่หุ้นกลับตกลงอีกแล้วล่ะครับ เกรงว่าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป บริษัทโม่ซื่อจะต้องเกิดวิกฤตแน่ ท่านดูสิครับ ตอนนี้ต้องคิดหามาตรการช่วยเหลือแล้วหรือยังล่ะครับ?”
โม่ล่างคุนกำมือทั้งสองข้างแน่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ เส้นสีเขียวที่ปรากฏอยู่ด้านใน มันเหมือนกับคมมีดเล่มหนึ่ง ที่เขาไม่สามารถจะหลบหนีได้เลย ทำเพียงเผชิญหน้าต่อสู้กับมันเท่านั้น “ขายหุ้นไปก่อนซะ แล้วก็พยายามอย่าให้เงินทุนรั่วไหล จนควบคุมไม่ได้ล่ะ”
“ถ้าเป็นแบบนี้ มันจะเป็นการให้โอกาส พวกเสือที่รอขย้ำเหยื่ออยู่หรือเปล่าครับ? จริงๆ แล้ว เรื่องแต่งงานของคุณหนูใหญ่ กับตระกูลหลงที่ถูกยกเลิกไปนั้น ทุกคนต่างก็รู้กันหมดเลยนะครับ ไม่แน่ว่าคนที่เคยสนใจตระกูลหลงก่อนหน้านี้ อาจจะเปลี่ยนฝ่ายมาเชื่อใจบริษัทของเราก็เป็นได้นะครับ”
โม่ล่างคุนส่ายหัว “ตอนนี้อย่าเพิ่งไปสนใจเลยดีกว่า แล้วก็อย่าลืมตรวจสอบเบื้องหลังเรื่องนี้ให้ชัดเจน ว่ามีคนที่กำลังแอบควบคุมอยู่หรือเปล่า ถ้าหากมีคนที่พยายามจะทำลายหุ้นของบริษัทโม่ซื่อล่ะก็ พวกฉันจะไม่ให้อภัยโดยเด็ดขาด”
“ครับ ท่านประธาน”
โม่ล่างคุนยกมือขึ้นกุมขมับ ด้วยอาการปวดหัวหน่อยๆ “นายออกไปก่อนเถอะ”
บริษัทโม่ซื่อที่อยู่ในมือของโม่ล่างคุนตอนนี้ จริงๆ แล้วเป็นห้างหุ้นส่วนขนาดใหญ่ของเมืองนี้เลยก็ว่าได้ แต่เนื่องจากกลุ่มการเงินก็มีขึ้นมีลงตลอดเวลา โดยเฉพาะพวกธุรกิจที่ดินอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าใครก็คาดเดาพรุ่งนี้ไม่ได้เลย
เดิมทีเขาก็คิดจะพึ่งพาอาศัยตระกูลหลงนั่นล่ะ เพื่อให้ตระกูลหลงช่วยพาให้ไปถึงฝั่ง แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ บริษัทโม่ซื่อพลันเกิดข้อบกพร่องขึ้นมา เขาจำเป็นต้องคิดหาวิธี เพื่อทำให้บริษัทโม่ซื่อกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง
ซึ่งเขาเองก็ยังไม่สามารถจะตัดขาดจากตระกูลหลงได้ทันที
พลันโม่ล่างคุนก็ยกหูขึ้นโทรหาหลงถิงทันที
หลงถิงที่กำลังนั่งอยู่ในห้องประธานของตึก MBK กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องหุ้น ของบริษัทโม่ซื่อที่กำลังตกฮวบฮาบกับเหลียงจ้งซุน แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอย่างไม่ทันคาดหมาย
“ทำไมถึงมีเวลาว่างโทรหาฉันได้ล่ะ น้องโม่?”
หลงถิงกับโม่ล่างคุนเองก็เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ ที่ทำธุรกิจด้วยกันมา แถมยังเป็นเจ้าแห่งวงการก่อสร้าง และยักษ์ใหญ่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ด้วย เคยเป็นตำนานมาในยุคสมัยๆ หนึ่ง แต่เมื่อกาลเวลาผันเปลี่ยน ธุรกิจเองก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตามไป ทำให้แจ้งเกิดคนรุ่นใหม่ๆ และพวกเขาก็ค่อยๆ ถอยออกจากเวทีนี้ไปอย่างช้าๆ
โม่ล่างคุนเองก็หัวเราะอย่างสดชื่น “พี่หลง นานแล้วนะที่ผมไม่ได้ยินพี่เรียกผมแบบนี้ พอได้ยินแบบนี้ เหมือนกับพวกเราได้กลับไปตอนที่พวกเรายืนหยัดอยู่ในเมืองนี้เมื่อก่อนเลย แต่เพียงพริบตาเดียว เวลามันก็ผ่านมาสามสิบกว่าปีแล้ว มันช่างเร็วจริงๆ!”
เหลียงจ้งซุนรินชาให้กับหลงถิงแก้วหนึ่ง ก่อนจะยกแก้วให้เขา หลงถิงเองก็รับมาดม ก่อนจะยกขึ้นจิบ “เวลามันก็ผ่านไปเร็วแบบนี้ล่ะ ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาของพวกเขาไปแล้ว คนแก่ๆ อย่างฉันคนนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะ”
“ใช่ที่ไหนล่ะ ตอนนี้พี่หลงเองก็เป็นมือฉมังของบริษัท MBK เลยนะ กว่าครึ่งเมือง…ไม่สิ เศรษฐกิจกว่าครึ่งประเทศต่างก็อยู่บนมือของพี่หลงหมด ถ้าหากพี่พูดแบบนี้ ก็แปลว่าคนอย่างผมไม่มีที่ยืนแล้วล่ะนะ”
หลงถิงยกชาขึ้นจิบอีกครั้ง การที่โม่ล่างคุนโทรหาเขาตอนนี้ มีเป้าหมายอะไรกันแน่ ก็เห็นได้ชัดเจนอยู่ เขาอยากได้ความช่วยเหลือจากตระกูลหลงนั่นเอง
“หึๆ ตอนนี้บริษัท MBK เองก็มีอำนาจมาก อันที่จริงฉันเองก็วางมือ แล้วส่งมันต่อให้กับหลงเซียวกับหลงจื๋อไปแล้วล่ะ สำหรับตัวฉัน ก็แค่มานั่งดื่มชาอ่านหนังสือพิมพ์ที่บริษัทเท่านั้น”
ทั้งสองคนเคยมาเจอหน้ากัน โม่ล่างคุนเก็บเงียบต่อไปไม่ไหว เขายิ้มอย่างประหม่า พร้อมกับค่อยๆ พูดคุยกับหลงถิงโดยที่ไร้ความนิ่งขรึมมากขึ้น “พี่หลงคงจะได้เห็นหุ้นวันนี้แล้วใช่ไหม? ตอนนี้บริษัทโมซื่อกำลังเจอกับเรื่องยุ่งยากเข้านิดหน่อยน่ะ พี่หลง พี่เองก็ร่วมมือกับผมมาตั้งหลายปี ตอนนี้……”
โม่ล่างคุนพูดวกไปวนมาเพื่อแสดงเจตนารมณ์ของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้นก็ตาม แต่เขาก็ไม่สามารถปิดบังสีหน้าของตัวเองได้
หลงถิงถือแก้วชากระเบื้องวนเล่นในมือ “ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหลงและตระกูลโม่ก็มีมาตั้งนานแล้ว น้องโม่คงคิดว่าหลงเซียวเป็นคนซื่อๆ เรื่องนี้ฉันเองทำเป็นเมินเฉยไม่ได้หรอก”
โม่ล่างคุนรีบยิ้ม “ไม่มีทางหรอก! พวกเขายังเป็นเด็กอยู่เลย เรื่องแบบนั้นผมเข้าใจได้อยู่แล้วล่ะ”
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที หลงถิงก็วางสายไป
เหลียงจ้งซุนก็ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “ประธานครับ ท่านจะช่วยบริษัทโม่ซื่อจริงๆ หรือครับ?”
หลงถิงวางแก้วชาลง ก่อนจะพูดอย่างเรียบเฉย “วิกฤตของบริษัทโม่ซื่อน่ะมองไม่เห็นก้นบึ้งหรอก ฉันคงช่วยเขาได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อให้เขาปิดปากเงียบ แต่ว่าหลังจากนี้ เขาคงจะหาเหตุผลให้ฉันไปช่วยไม่ได้อีกแล้วล่ะนะ”
เหลียงจ้งซุนก็สดับรับฟังอย่างตั้งใจ
หลงถิงก็พูดขึ้นต่อ “ความรักความสัมพันธ์น่ะ ใช้มันไปครั้งหนึ่ง มันก็ลดลงไปครั้งหนึ่ง หากหลังจากนี้ที่บริษัทโม่ซื่อ เกิดวิกฤตอะไรขึ้นมาอีก สิ่งที่เขาจะทำได้ก็คงมีเพียงนั่งโต๊ะเจรจาธุรกิจกับฉันเท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้น ถ้าหากว่าเขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำยังไงล่ะครับ? แล้วเงินที่ท่านประธานควักออกไปวันนี้ มันจะไม่สูญเปล่าหรือครับ?”
หลงถิงหัวเราะอย่างแผ่วเบา “คนที่มันไม่รู้จักกาลเทศะ ฉันจะเหลือไว้ทำซากอะไรล่ะ?”
……
ณ สวนดอกไม้ในโรงพยาบาล มีลมอุ่นพัดโชยมา ซึ่งพัดพากลิ่นดอกไม้หอมๆ คละคลุ้งมาด้วยกัน ทั้งรู้สึกสะอาดและสดชื่นอย่างมาก
แอนน่ากำลังผลักรถเข็นไปด้วยกับกับเฉียวหย่วนฟาน พาได้มิ้นเดินเล่นไปยังสวนแห่งนี้
“แอนน่า ลูก…ลูกจะยกเลิกงานแต่งกับเควินจริงๆ หรือ? พวกลูก…คิดดีแล้วใช่ไหม?” ได้มิ้นตื่นกลับมาเป็นปกติแล้ว หลังจากตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เธอทำ ก็คือจับมือของแอนน่าเอาไว้ พร้อมทั้งถามเรื่องแต่งงาน ในเมื่อเป็นแม่คน ต้องเป็นห่วงความสุขของลูกๆ อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเควินเองก็เป็นคนที่ดีคนหนึ่งที่เลือกมาเลยด้วย
แอนน่าพยักหน้า “แม่คะ พวกเราคิดดีแล้วค่ะ แล้วก็จบกันด้วยดีค่ะ”
ได้มิ้นพยักหน้ารับ “แม่เข้าใจ ลูกเองก็ลังเลใจมาตลอดไม่ยอมแต่งงาน คงจะรู้สึกไม่เหมาะที่จะเป็นคู่ครองกับเขาใช่ไหมล่ะ ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจยังไง แม่ก็จะสนับสนุนลูกต่อไปนะ ใครใช้ให้ลูกมาเป็นลูกรักที่สุดของแม่กันล่ะเนี่ย?”
แอนน่าปล่อยมือจากรถเข็น ก่อนจะโผเข้าไปในอ้อมกอดของได้มิ้น พร้อมทั้งพูดออดอ้อนราวกับเด็กน้อย “แม่คะ หนูนี่โชคดีจริงๆ เลยนะ ที่ได้เป็นลูกของแม่ หนูหวังว่าหนูจะสามารถเป็นลูกของแม่ได้ตลอดไปนะคะ”
ได้มิ้นลูกเส้นผมอันยาวสลวยของเธอไปมา ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นและมีเมตตา “เจ้าลูกโง่ ลูกต้องเป็นลูกสาวของแม่ตลอดอยู่แล้วสิ ถึงแม้ว่าจะออกเหย้าออกเรือนไปก็ตาม แต่ลูกก็ยังคงเป็นลูกสาวที่แม่รักที่สุดอยู่ดีนะ”
เฉียวหย่วนฟานเองก็เดินเข้ามา รับช่วงต่อรถเข็นไป ก่อนจะพูดขึ้น “อามิ้น แอนน่ายังมีธุระที่ต้องทำอยู่ที่ประเทศจีนอีก ช่วงวันสองวันนี้ลูกคงจะต้องกลับไป ลูกเองก็ถามผมอยู่หลายรอบเหมือนกัน เพราะกลัวว่าคุณจะไม่อนุญาตน่ะ”
ได้มิ้นนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “แม่ได้ยินเรื่องธุระที่จะทำในประเทศจีนมาแล้วล่ะ เป็นโครงการกุศล ถือว่าเป็นเรื่องดีนะ ยังไงแม่ก็สนับสนุนลูก เป็นหมอก็ต้องรักษาช่วยชีวิตคนให้เยอะๆ ไปเถอะจ้ะ ตรงนี้ลูกไม่ต้องเป็นห่วงนะ แม่จะรอลูกกลับมาอย่างดีเลยล่ะจ้ะ”
แอนน่าแทบน้ำตาคลอเบ้า จนเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว “ค่ะ แม่รอหนูกลับมานะคะ”
ได้มิ้นดึงมือของแอนน่าเอาไว้ ก่อนจะพูดอย่างจริงใจ “ในเมื่อลูกไม่ได้ชอบเควิน ถ้าหากว่าไปเจอผู้ชายที่ชอบลูกที่ประเทศจีนล่ะก็ อย่าลืมพามาให้แม่ดูด้วยนะ”
“ค่ะ! ตกลงค่ะแม่! หนูจะพามาหาอย่างแน่นอนค่ะ”