คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 211 ไม่ร่วมโต๊ะ เขาว่ามันแออัด
ตอนที่ 211 ไม่ร่วมโต๊ะ เขาว่ามันแออัด
เขาเปิดประตูรถให้แอนน่านั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ เกาจิ่งอานเดินอ้อมไปฝั่งตรงข้ามแล้วขึ้นรถปิดประตูรถ “คึกคึก”
“คุณชายเกานี่คุณจะทำอะไร?” แอนน่าดึงประตูรถอย่างระแวง ประตูถูกล็อคตายและไม่สามารถเปิดได้
เกาจิ่งอานหัวเราะเบา ๆ ดวงตาใต้คิ้วดำหนาของเขานอกจากจะมีเลศนัยแล้ว ยังดีที่ยังพอเห็นความจริงจังอยู่บ้าง “ คุณแอนน่าผมอยากชวนคุณมาทานอาหารค่ำด้วย นี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆนะครับ ถ้าผมไม่ใช้กลเล็กๆน้อย ๆ คุณคงจะไม่ขึ้นรถผมด้วยซ้ำใช่มั้ย?”
หึ!
แอนน่าหัวเราะเยาะ “นี่คุณพยายามขนาดนี้ ก็เพื่อจะชวนฉันไปทานอาหารเย็นงั้นเหรอ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ชวนคุณไปทานอาหารค่ำเป็นแค่ขั้นตอนแรก” เขายักไหล่และสตาร์ทรถ “จุดประสงค์ของผมคือจีบคุณ แน่นอนว่าคุณดูออก ผมจะขับรถแล้ว คุณแอนน่ารัดเข็มขัดนิรภัยของคุณให้ดีนะครับ ไม่อย่างนั้นถ้ารถเลี้ยวแล้วคุณไหลมาติดตัวผม ผมจะเข้าใจว่าคุณเป็นคนเริ่มเข้ามาหาผมก่อนนะ!”
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน หลงเซียวก็สารภาพรักกับเธออย่างแปลกๆ เกาจิ่งอานก็หลอกชวนเธอไปทานอาหารเย็นด้วยกัน หรือว่านี่คือดวงดอกท้อในตำนาน?
แต่ดูเหมือนว่า ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษนะ
แอนน่ามองไปที่หลังคารถแล้วแสยะยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “คุณชายเกา! คุณนี่มันว่างจริงๆเลยนะคะ!”
เกาจิ่งอานสตาร์ทรถ เงาของรถสีขาวก็แวบไปทันที “ไม่! ผมยุ่งมาก แต่เวลาเราจีบคนที่เราชอบ เวลาเป็นสิ่งที่ต้องลงทุน”
เกาจิ่งอานแกล้งจนแอนน่าหัวเราะออกมา เธอคาดเข็มขัดนิรภัยของเธอ “คุณชายเกาฉันมีคู่หมั้นนะคะ อย่าว่าแต่ชวนฉันไปทานข้าวเลยค่ะ แม้ว่าคุณจะชวนฉันไปดวงจันทร์ฉันจะตอบตกลง”
เกาจิ่งอานไม่ตอบ แต่มองไปที่ใบหน้าที่สดใสของแอนน่าและริมฝีปากของเขาก็สั่น เขาอยากจะขยับเข้าไปหอมดมหรือจูบสักครั้ง!
“ มีคนสวยไปเป็นเพื่อน บินไปไหนก็ดีไปหมด!”
สถานที่ร้านอาหารที่นัดไว้อยู่ไกลเล็กน้อย เกาจิ่งอานขับรถไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม และในที่สุดรถก็หยุดลง
แอนน่าเห็นโลโก้ที่ด้านนอกร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรูผ่านทางกระจกรถ ซึ่งเป็นร้านอาหารตะวันตกระดับโลกเพียงร้านเดียวในเกียวโต คนทั่วไปไม่สามารถเข้าไปมาได้เลย แต่แน่นอนว่าเกาจิ่งอานเต็มใจที่จะใช้จ่ายเงินเพื่อจีบสาว
“คุณแอนน่าเชิญครับ” เกาจิ่งอานโน้มตัวลงอย่างสุภาพและทำท่าพายมือเชิญเธอเข้ามา มีรอยยิ้มอยู่บนมุมปากของเขาตลอด ไม่รู้เหมือนกันว่าคน ๆ นี้อารมณ์ดีมาจากไหน
เขาขึ้นลิฟต์ไป และมุ่งหน้าไปชั้นบนสุด แอนน่ายิ้มออกมาเมื่อเธอเห็นลานกว้างที่หรูหราของร้านอาหารฝรั่งเศส เธอกอดอกแล้วยักคิ้วเบาๆ น้ำเสียงของเธอเบาหวิวและดูชิว “คุณชายเกาใจป้ำนะคะเนี่ย”
ปิดร้านเลี้ยง สมกับที่เป็นลูกคนรวย จริงๆ
แสงระยิบระยับของโคมระย้าคริสตัลส่องมาที่เขาสองคน แอนน่าที่ไม่ได้แต่งหน้าและสวมเสื้อผ้าและรองเท้าแตะบ้านๆ กับเกาจิ่งอานซึ่งสวมชุดสูทและรองเท้าหนังทรงตรงเงาวับ มองเข้าไปแล้ว เขาสองคนไม่ค่อยเหมือนคู่รักกันสักเท่าไหร่
เกาจิ่งอานยืนเอามือไขว้หลัง “เพื่อได้เห็นรอยยิ้มของคนสวยแล้ว เสียเงินเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร”
ปากของแอนน่ากระตุกเล็กน้อย นี่เกาจิ่งอานใช้ความรู้เท่าที่มีในหัวมาจีบสาวหมดแล้วรึเปล่า?
ทั้งสองนั่งลงที่หน้าหน้าต่างพาโนรามา ในร้านอาหารที่ตั้งอยู่ที่ชั้นบนสุดของอาคารแลนด์มาร์คที่สูงที่สุดของเกียวโต กับเสียงไวโอลินไพเราะค่อยๆเล่นลอยไป ลูกโน้ตลอยเต็มไปทุกมุมของร้านอาหาร
การตกแต่งผนังภายในด้วยแพลตตินั่มที่เปล่งประกาย มันสะท้อนใบหน้าที่ขาวกระจ่างใสของผู้หญิงคนนี้ แขนยาวสีเรียบงาย แขนเสื้อตกไปกองที่แขนพับอย่างเป็นธรรมชาติและปลายผมกระจายบนไหล่ของเธอ
เกาจิ่งอานมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างละสายตาไม่ได้ ใจที่เต้นแรงจนไม่สามารถควบคุมมันได้
แอนน่าเงยหน้าขึ้นและสบตากับเขา คนหนึ่งรักจนร้อนรน กับอีกคนหนึ่งพยายามออกห่างอย่างมีสติและสงบ ในที่สุดเกาจิ่งอานก็พ่ายแพ้ต่อความไม่แยแสของเธอ
“แอนน่าคุณรู้ไหมว่า ผู้หญิงที่สวยและเย็นชา จะยิ่งกระตุ้นความปรารถนาของผู้ชายให้อยากจะพิชิต พวกผู้ชายชอบท้าทายอะไรที่ มันยากๆ คุณเป็นแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมหยุดตัวเองไม่ได้” เขาประสานมือและวางบนโต๊ะ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขายิ้มออกมาบาง ๆ เต็มไปด้วยความอยากพิชิต
แอนน่าหมุนแก้วไวน์แดงที่ว่างเปล่าเล่นอย่างเบื่อหน่าย “คุณชายเกาคงไม่รู้ว่า หาเรื่องใส่ตัว สุดท้ายจะตายกันหมดนะคะ”
"ฮ่า ๆ ๆ ! แอนน่าตอนที่คุณขู่คน คุณน่ารักมากนะครับ!”
หลังจากพูดแกล้งเสร็จ เกาจิ่งอานก็ดีดนิ้วของเขาและเสียงไวโอลินก็เปลี่ยนไปเป็นเพลงที่ไพเราะมากขึ้น เสียงเพลงที่สง่าและเร้าใจ
ชายหนุ่มรูปหล่อชาวฝรั่งเศสก้าวไปตามจังหวะดนตรี เดินเข็นรถอาหารมาจากทางเข้าอย่างช้าๆ รถอาหารสีเงินขาวางถ้วยและจานไว้ ตรงกลางเป็นเค้กทีรามิสุรูปดาวที่ดูดี
พูดฝรั่งเศสด้วยสำเนียงที่มาตรฐาน แค่พูดออกมาก็ด้วยไปด้วยความโรแมนติกแบบฝรั่งเศสทันที “ท่านครับ คุณผู้หญิงที่สวยงาม โปรดให้ผมแนะนำอาหารในค่ำคืนนี้แก่ท่านสองคนนะครับ”
แอนน่านั่งไขว่ห้างและเขย่านิ้วเท้าของเธอที่อยู่ใต้โต๊ะ มองไปที่เกาจิ่งอานด้วยความไม่แยแส
“ฉันขอโทษจริงๆนะ คุณชายเกา ฉันไม่เข้าใจภาษาฝรั่งเศส ไม่เข้าใจเลยแม้แต่คำเดียว”
นี้เป็นไปไม่ได้ เขาสืบมาแล้ว แอนน่าเชี่ยวชาญด้านภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษ แต่เขาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี “คุณจะเข้าใจไหมไม่สำคัญ บทบาทของผมที่อยู่ตรงนี้คือการเป็นล่าม พนักงานเสิร์ฟและแฟนหนุ่มในอนาคตให้กับคุณ”
แอนน่าหัวเราะอย่างแดกดัน “ดูเหมือนว่าฉันจะอยู่ทานอาหารมื้อนี้ไม่ได้ซะแล้ว”
หลังพูดจบ เธอก็ผลักเก้าอี้ออกและกำลังจะลุกขึ้น เกาจิ่งอานก็รีบเอื้อมมือไปห้ามเธอ “โอเค! โอเค เราค่อยเป็นค่อยไปกัน”
พ่อครัวแนะนำเวลารับประทานอาหาร แอนน่าเห็นนาฬิกาของเธอชี้ไปที่แปดโมง หลงเซียวกลับบ้านแล้วไม่รู้หรือว่าเธอไม่อยู่?
เธอขมวดคิ้วแล้วส่งข้อความถึงหลงเซียว “คืนนี้ฉันออกไปข้างนอก ไม่กินข้าวที่บ้าน”
ขณะนี้ ชั้นล่างของร้านอาหาร
หลงเซียวที่เพิ่งจอดรถเสร็จเห็นโทรศัพท์มือถือของเขาสว่างขึ้น ข้อความของแอนน่า
“ บังเอิญจัง ผมก็เช่นกัน”
หลังจากตอบข้อความเสร็จ คุณเซียวก็ลงจากรถ
โม่หรูเฟยควงแขนเขาแล้วยิ้มหวานพร้อมพูด “ พี่เซียวเราไม่ได้มาทานข้าวที่ร้านนี้นานแล้วเนอะ ฟัวกราส์ของร้านนี้ไม่เลวนะ”
หลงเซียวสอดมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกง ปล่อยให้เธอโอบแขนอีกข้างไว้ แล้วพยักหน้าอย่างเฉยเมย
ลิฟต์เดินตรงไปที่ชั้นบนสุด โม่หรูเฟยจับแขนของเขาไว้แน่นตลอดทาง เพราะกลัวว่าเขาจะวิ่งหนีทันทีที่เธอปล่อยมือ เธอแอบเงยหน้ามองเขาเป็นระยะ และอดหัวเราะไม่ได้ทุกครั้งที่เธอเงยหน้ามองเขา
นี่คือผู้ชายของเธอ! เป็นของเธอเท่านั้น!
เมื่อก้าวออกจากลิฟท์ก็จะเป็นประตูกระจกของทางร้าน มีบริกรชาวฝรั่งเศส 2 คนยืนอยู่ทั้งสองด้านเมื่อเห็นมีคนเดินเข้ามา พวกเขาก็รีบขอโทษ“ ขอโทษครับท่าน วันนี้มีคนเหมาร้านครับ รบกวนคุณค่อยมาวันหลังนะครับ”
ตอนแรกก็ไม่มีอารมณ์ที่จะทานข้าวกับโม่หรูเฟยอยู่แล้ว หลงเซียวขมวดคิ้ว“ ถ้ามีคนเหมาร้านแล้ว เราค่อยมาวันอื่นละกัน”
โม่หรูเฟยจะยอมปล่อยมือได้ยังไง เธอบ่นว่าด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “พี่เซียวฉันไม่ได้เจอคุณมาหลายวันแล้วนะ นานๆจะได้ออกมาทานข้าวด้วยกันสักที จะกลับมาโดยไม่ได้ทานอะไรเลยได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นคือ คนพวกนี้ไม่ให้หน้าคุณเลย มันจะมากเกินไปแล้ว !”
ขณะที่เธอพูดเธอก็หัวเราะเยาะใส่พนักงานเสิร์ฟ “นายรู้ไหมว่าลูกค้าที่นายเพิ่งปฏิเสธไปคือใคร? ฉันว่าพวกนายไม่อยากทำงานที่นี่แล้วใช่ไหม”
หลงเซียวมองไปที่ประตูกระจกอย่างเบื่อหน่าย ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็ดิ่งลง ผู้หญิงที่นั่งข้างหน้าต่างคือแอนน่างั้นเหรอ?
ฝั่งตรงข้าม เป็นเกาจิ่งอานได้ไง
ทำไมพวกเขาถึงอยู่ที่นี่?
โม่หรูเฟยยังคงเถียงกับพนักงานเสิร์ฟอยู่ ท่านเซียว ก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำและสง่างามเหมือนดั่งราชาที่ทรงพลัง “เรียกผู้จัดการของคุณให้ออกมาพบฉัน”
ผู้จัดการเห็นการโต้เถียงกันนอกประตูร้าน พระเจ้า! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!
ทำไมถึงกีดกันเจ้าชายแห่งเกียวโตไว้ข้างนอก!
เจ้าชายคนนี้ได้รับสิทธิพิเศษอย่างแท้จริง อย่าว่าแต่ว่าเป็นการเหมาร้านเลย แม้ว่าร้านอาหารปิดไปแล้ว แค่เขาพูดมาคำเดียวพนักงานทุกคนต้องกลับมาทำงานให้หมด!
“ท่านเซียว! เชิญครับ เชิญครับ!"
เขาถูกล้อมรอบด้วยพนักงานเสิร์ฟหลายคน หลงเซียวก้าวเข้าไปในห้องโถงอันงดงาม หลังจากมองไปที่วิวที่สวยงามนอกหน้าหน้าต่าง แล้วน้ำใต้ตาของเขาก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงวุ่นวาย เกาจิ่งอานและแอนน่าก็เอียงศีรษะพร้อมกันและมองไปเห็นหลงเซียวที่น่าเกรงขามยืนอยู่ใต้โคมไฟคริสตัล
ด้านหลังของเขาเป็นฟ้าที่มืดลงแล้ว ดวงดาวก็ส่องแสงเปร่งประกาย ทั้งสองมองหน้ากันอย่างลึกซึ้ง ท่ามกลางบรรยากาศที่แผ่วเบา ดูเหมือนเขากำลังพูดว่า หึ โชคชะตาชัดๆ!
หลงเซียวที่อยู่ตรงหน้าสวมสูทที่เธอเห็นตอนเขาออกไปทำงานไว้ และผูกเน็คไทที่เธอเลือกเองกับมือ เน็คไทสีแดงเข้มทำให้ออร่าของเขาโดดเด่นมากขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงหรือของที่อยู่รอบตัวเขา ทันใดนั้นเธอก็พบว่าหลงเซียวตัวสูงขึ้นเยอะมาก สายตาที่เฉยเมย เหมือนมองอะไรก็ไม้ถูกใจและขี้เกียจเบาๆ
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก
ขณะที่เธอจ้องมองไปที่เขา สายตาของเธอกวาดลง แอนน่าก็เห็นโม่หรูเฟยควงแขนของเขาอยู่ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการแต่งชุดคู่โดยเจตนา วันนี้เธอสวมชุดสีแดงสดมีเข็มขัดสีดำคาดเอวที่รัดรูป ท่าทาง สุดลูกหูลูกตา ภาพนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเหมือนเขาใส่เสื้อคู่กัน
แอนน่าก้มหน้าลงอย่าอดไม่ได้ ทำไมเธอถึงมีความรู้สึกที่เหมือนทำชุดแต่งงานให้คนอื่นยังไงก็ไม่รู้?
ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเป็นผู้ชายที่เพิ่งสารภาพรักมา
หลังจากที่เกาจิ่งอานเห็นหลงเซียว เขาก็ยืนขึ้นอย่างสุภาพ “ นายน้อยหลง ไม่คาดคิดว่าจะได้พบคุณและหรูเฟยที่นี่ บังเอิญจริงๆ”
ท่านเซียว ไม่ได้มองไปที่ เกาจิ่งอาน เลยแม้แต่น้อย เขามองไปแค่ที่ แอนน่าด้วยสายตาที่ราวกับว่าเขาอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีคนอื่น “ก็จริง บังเอิญจัง”
โม่หรูเฟยเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเกาจิ่งอาน คือแอนน่าเธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มพร้อมขยิบริมฝีปากแดงๆของเธอ“พี่จิ่งอาน พาแฟนมาทานอาหารเย็นเหรอคะ? ฉันก็ว่าใครใจป้ำจัง กับผู้หญิงของตัวเองนี่ ให้ได้ทุกอย่างเลยนะคะ”
ท่านเซียวเหลือบมองไปที่โม่หรูเฟยที่กำลังพูดอยู่ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจ
แอนน่าอ้าปากกำลังจะอธิบาย เกาจิ่งอานก็หัวเราะอย่างจริงใจ “ฮ่าฮ่าฮ่า! หรูเฟย นับวันเธอยิ่งพูดเก่งมากขึ้นเรื่อย ๆเลยนะ ไม่น่าแปลกใจที่คุณชายหลงหวงขนาดนี้ รีบแต่งงานสิ ๆ ! ถึงตอนนั้นผมไปร่วมงานแน่ๆ”
สองพี่น้องนี้ตอบโต้กันไปมาอย่างเข้ากันดี แสดงได้ดีจริงๆเลย
แอนน่าก็เลือกที่จะไม่อธิบายซะเลย และมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอธิบายให้ชัดเจน ตอนนี้หลงเซียวควงผู้หญิงคนอื่นมา ถ้าเธอจงใจจะเคลียร์ความสัมพันธ์ของเธอกับเกาจิ่งอานให้ชัดเจน มันจะเป็นการบอกคำใบ้คนคนอื่นที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
สายตาของหลงเซียวที่ดุโม่หรูเฟยกวาดไปที่แอนน่า สายตาแค่แวบเดียว แต่มันดูยาวแสนยาว
เกาจิ่งอานพูดอย่างสุภาพว่า “ถ้าบังเอิญขนาดนั้น เรานั่งร่วมโต๊ะกันไหม?”
สายตาเฉยเมยของหลงเซียวตอบสนองเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับความกระตือรือร้นเกาจิ่งอานแล้ว ท่านเซียวนี่หยิ่งผยองจริงๆ “สี่คนมันแออัดเกินไป”
มือของแอนน่าที่วางอยู่บนโต๊ะกระตุกไปสองครั้งอย่างไม่รู้ตัว และเมื่อเธอมองไปที่หลงเซียวอีกครั้ง เขาก็กลายเป็นแขกรับเชิญที่โต๊ะกลางซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก
หลังจากที่โม่หรูเฟยนั่งลง เธอก็มองไปที่ตำแหน่งตรงนั้นด้วยรอยยิ้มที่จะทำให้เขาผิดใจกันมากกว่านี้ “พี่เซียว แอนน่า และลูกพี่ลูกน้องของฉันเขาดูเข้ากันดีเลยทีเดียว ลูกพี่ลูกน้องของฉันมีอำนาจมากในเกียวโต แม้ว่าแอนน่าจะเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล แต่ลูกพี่ลูกน้องของฉันก็มีค่าพอที่จะคู่ควรกับเธอ อีกอย่างพี่ดูเสื้อผ้าของแอนน่าสิ สวมรองเท้าแตะมาทานข้าวในร้านอาหารแบบนี้ ฉันว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองสนิทสนมกันมาก”
สนิทสนม?
โม่หรูเฟยเม้มปากแน่นทันทีเมื่อท่านเซียวมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา
“แอนน่ามีคู่หมั้นแล้ว อีกอย่างลูกพี่ลูกน้องของคุณที่เปลี่ยนผู้หญิงเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า เหมาะกับแอนน่าตรงไหน? “ ท่านเซียวใช้นิ้วจิ้มๆไปที่โต๊ะและตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะสั่งอาหารเลยด้วยซ้ำ
ใส่รองเท้าแตะอยู่บ้านก็ออกมากินข้าวกับผู้ชาย ที่เขารู้จักกันดี สมองของผู้หญิงคนนี้โดนรถทับมาเหรอ?