คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 205 ตัวหนังสือเหมือนเด็กประถม
ตอนที่ 205 ตัวหนังสือเหมือนเด็กประถม
หลังจากไล่เกาจิ่งอานกลับไปเรียบร้อยแล้ว แอนน่าเดินมานั่งที่โซฟาด้วยจิตใจที่ยังไม่สงบเท่าไหร่นัก
การสูญเสียความทรงจำเป็นเรื่องราวที่เธอไม่อยากจดจำมากที่สุด และสิ่งนี้เธอไม่สามารถข้ามมันไปได้
และเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เธอพยายามปกปิดเอาไว้
เธอไม่ต้องการให้ใครมารับรู้จุดด้อยของเธอและกลัวว่าคนอื่นจะเห็นถึงความอ่อนแอของเธอ เธอระมัดระวังอย่างยิ่งคล้ายกับสิ่งนี้เป็นก้อนเนื้อมะเร็งร้ายอยู่ในสมองของเธอ ไม่ว่าใครก็จะแตะต้องมันไม่ได้ มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่จะรักษามัน
แอนน่ายอมรับว่าเรื่องอ่อนแอที่สุดของเธอ เธอไม่สามารถข้ามมันไปได้
เธอไม่อยากมองย้อนกลับไปในช่วงเวลาสามร้อยกว่าวันอันเลวร้ายของเธอ ยิ่งกว่านั้นเธอไม่อยากเผชิญหน้ากับช่วงเวลาว่างเปล่าในความทรงจำอีก ทุกสิ่งโล่งไปหมดไม่มีเหลือแม้แต่ความทรงจำใดๆที่เกี่ยวกับตนเอง
ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้แอนน่าก็แทบจะขาดใจ
เฟอรารี่สีขาวขับออกไปจากคฤหาสน์ส่วนตัว เกาจิ่งอานรู้สึกว่าแอนน่ามีบางอย่างผิดปกติไป เธอมีปฏิกิริยาต่อต้านเวลาที่ผู้อื่นพูดถึงเรื่องชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอ ไม่! เมื่อผู้อื่นพูดถึงความทรงจำของเธอ
เธอคล้ายกับเก็บตัวเองไว้ในเปลือกหอย มองจากภายนอกแล้วแข็งแกร่งไม่มีปัญหาใดแต่ภายในนั้นเมื่อเข้าไปจะพบว่าเป็นเพียงเนื้ออ่อนที่รังแกได้แม้กระทั่งสายลม
เกาจิ่งอานรู้สึกสงสัยยิ่งนัก เขาควรจะนำเรื่องนี้ไปบอกพี่สาวหรือไม่?
นิ่งเงียบ ครุ่นคิดและขัดแย้ง
เกาจิ่งอานกำโทรศัพท์เอาไว้เขาไม่ได้โทรออกไปหาใคร
แอนน่า ผู้หญิงคนนี้สิ่งที่ดึงดูดเขาไม่ใช่เพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอกอีกต่อไป
อดีตของเธอที่ผ่านมารวมทั้งนิสัยใจคอทุกอย่าง เขาชอบมันหมด
ไม่นะ!ฉันชอบผู้หญิงคนนี้แล้วจริงๆเหรอ?
ไม่!เป็นไปไม่ได้แน่ๆ!
เกาจิ่งอานเพียงหลงใหลรูปลักษณ์ภายนอกของเธอ ไม่ต้องการใกล้ชิดเธอ ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยหนามไม่ควรเข้าใกล้
ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว
เกาจิ่งอานเหยียบคันเร่งเต็มที่แล้วขับรถออกไป เขาต้องการหาที่แห่งหนึ่งเพื่อระบายอารมณ์ของเขาตอนนี้
——
ณ ชั้นหนังสือในคฤหาสน์มีหนังสือมากมายเต็มไปหมด มีทั้งสิ้นถึงเจ็ดชั้นด้วยกันแต่ละชั้นมีวางหนังสือเรียงราย
คาดไม่ถึงว่าหลงเซียวชอบอ่านหนังสือขนาดนี้
ที่สำคัญในชั้นหนังสือนั้นมีถึง 3 ช่องที่วางหนังสือเกี่ยวกับโรคหัวใจ
แอนน่าหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมามีชื่อว่า《โรคหัวใจ》หนังสือนี้ไม่ได้ใหม่เสียทีเดียวแสดงว่าเคยถูกผ่านการเปิดใช้มาแล้ว เมื่อเปิดไปข้างในเธอจึงได้พบกับรอยปากกา
ภายในมีตัวหนังสือทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษรวมกัน ตัวหนังสือสวยงามชัดเจน
ภรรยาที่จากไปของหลงเซียวเป็นหมอ หนังสือเหล่านี้คงเป็นของเธอแน่นอน
ต้องยอมรับว่าตัวหนังสือของฉู่ลั่วหานนั้นเขียนได้สวยงามจริงๆ
ในด้านนี้แอนน่าสู้ไม่ได้แม้แต่น้อย ถึงแม้เธอจะมีความสามารถมากทางด้านภาษาและเทคนิคการแพทย์แต่ตัวหนังสือของเธอนั้นไม่น่ามองเท่าไหร่นัก ภาษาอังกฤษยังพอดูได้แต่ภาษาจีนช่างไม่น่าดูเลยจริงๆ
เธอมีความต้องการเรียนภาษาจีนขึ้นมากะทันหัน จึงได้หยิบกระดาษและปากกาขึ้นมาฝึกเขียนหนังสือ
เธอคัดเสียจนมือหงิกก็ยังไม่เห็นว่าจะดีขึ้น
โอเค เธอยอมรับว่าเธอแพ้ให้แก่ฉู่ลั่วหานแล้ว
ในขณะที่เธอกำลังฝึกเขียนหนังสือนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เมื่อเธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็ขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “หลงเซียว”
ตอนกลางวันอย่างนี้เขาโทรมาเพื่ออะไรกัน?
หลงเซียวมองดูเวลา เที่ยงตรงพอดี งานของเขาสิ้นสุดลงสำหรับช่วงเช้า เขาพิงไปที่เก้าอี้ขาทั้งสองยกขึ้นมาพาดกันไว้ แล้วนึกถึงผู้ป่วยที่นอนอยู่ในบ้าน
“กินข้าวหรือยัง?”
แอนน่าแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง ไม่ผิด!คือเขาแน่ๆ “ยังไม่ได้กินค่ะ”
ให้ตายสิ!เธอลืมกินข้าวได้ยังไง?
ลงเสี้ยวปลดเนคไทออก
หลงเซียวใช้มือปลดเนคไทออก เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “ทำไมไม่กิน?”
หือ? เธอไม่ได้ไม่อยากกินข้าว ปัญหาคือ เธอจะกินอะไร?
แอนน่าเอามือกุมหัว และนำหนังสือกลับไปวางที่โต๊ะ จากนั้นเดินไปที่ห้องครัว “ฉันมีอะไรกิน? สถานการณ์ในตอนนี้ของฉัน คุณไม่รู้หรือไง?”
อืม หลงเซียวพูดออกมาแสดงถึงเข้าใจ
“คุณเลยไม่กินข้าวเย็นงั้นหรือ?” หลงเซียวมองไปที่นาฬิกาแล้วลุกขึ้นยืน “อยากกินอะไร?”
แอนน่าตะลึงเล็กน้อย “กินอะไรก็ได้เหรอคะ?”
“ทำนองนั้น”
แอนน่ายิ้มที่มุมปากเธอเปิดตู้เย็นดูพบว่ามีของมากมายในตู้เย็น ที่จริงถ้าเธอจะทำอาหารฝรั่งง่ายๆก็คงได้ แต่เธออยากรู้ว่าเขาจะพูดยังไง “ฉันอยากกิน……หม้อไฟ”
เธออยู่ประเทศจีนมาตั้งนานแล้วแต่ยังไม่เคยได้กินสักที ได้ยินมาว่าหม้อไฟนั้นอร่อยมาก หลงเซียวเก่งขนาดนี้ ลองดูก็ไม่แย่
หลงเซียวขมวดคิ้วและหัวเราะแต่ไม่ได้ส่งเสียงออกไป “ได้ ถ้าคุณอยากกินหม้อไฟคนเดียวผมก็ไม่ได้ว่าอะไร หลังจากนี้ครึ่งชั่วโมงหยังเซินจะไปรับคุณที่บ้าน คุณอยากจะกินอะไรก็บอกเขาได้เลย เขาจะพาคุณไปกิน”
แอนน่าปิดตู้เย็นแล้วพูดว่า “คุณหมายถึงว่า ให้ฉันออกไปกินงั้นเหรอ?”
“ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะ?” หลงเซียวหัวเราะแกมหยอก
แอนน่าทำหน้าดุแล้ววางสายเขาไป
ไม่อย่างนั้นจะให้เขาทำอย่างไร?
นั่นสินะ เธออยากให้เขาทำยังไงหรือ? กลับมาทำกับข้าวให้เธอกินงั้นเหรอ?
เธอคิดอะไรอยู่กันน่ะ?
เธอตบหน้าตัวเองแล้วขำขึ้นมา
หม้อไฟกินคนเดียวคงไม่สนุกแอนน่าให้หยังเซินพาไปร้านอาหารหรงเหยียนหลังจากกินข้าวเสร็จหยังเซินบอกว่า “คุณแอนน่าครับ ท่านประธานบอกแล้วว่าถ้าคุณอยู่คนเดียวแล้วเหงาก็ให้เดินเล่นอยู่แถวนี้ก่อน ผมจะรอคุณเอง”
“งั้นก็ดีค่ะ ฉันขอไปเดินเล่นสักแป๊บนึง”
หลักๆแล้วเธอต้องการย่อยอาหารซะมากกว่า
แอนน่าใส่ชุดชีฟองแขนยาวปกคลุมลงมาที่แผลของเธอ รองเท้าส้นสูง 5 เซนติเมตรถึงแม้จะไม่ได้แต่งหน้าแต่ก็เป็นที่สะดุดตาของหลายๆคน
“โอ๊ย!”
เธอได้ยินเสียงร้องจากผู้หญิงคนหนึ่ง แอนน่ารีบมองไปรอบๆเห็นว่าเป็นหญิงวัยกลางคนเดินถือถุงเล็กถุงน้อยลงมาจากบันได ถุงนั้นหล่นลงมาจากมือสู่พื้นทำให้ของตกเต็มไปหมด
แอนน่าขมวดคิ้วแล้วรีบเดินเข้าไป
ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่รูปร่างสูงผอมก้มตัวลงไปเก็บของให้กับเธอ
เมื่อหยวนชูเฟินเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นใบหน้าขาวผ่องและน่าหลงใหลนั้น ถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่เมื่อเธอได้มองใบหน้านั้นอย่างชัดเจนก็รู้สึกตกตะลึงในความงดงาม
ผิวขาวราวหิมะ ดวงตาใสสว่างดุจสายน้ำ มือเรียวบางและอ่อนนุ่ม ทุกสิ่งบนใบหน้าของเธอรวมกันแล้วคล้ายกับหยกขาว ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ช่างไร้ที่ติจริงๆ
แอนน่าเองก็มองดูหยวนชูเฟิน ผู้หญิงคนนี้เธอบอกไม่ได้ถึงอายุเนื่องจากได้รับการดูแลผิวพรรณมาอย่างดี แต่น่าจะประมาณ40ได้ ผมขมวดขึ้นไปไว้ด้านหลัง เขียนคิ้วเรียวงามมองดูก็รู้ว่าเป็นผู้ดี
“ของของคุณค่ะ”
เธอยื่นมือออกไปให้
หยวนชูเฟินตกตะลึง ในสมองของเธอว่างเปล่า
เสียงนี้ทำไมถึง……!
แอนน่าขมวดคิ้วเมื่อเห็นเธอไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ “คุณนายคะ ของคุณค่ะ”
หยวนชูเฟินได้สติกลับคืนมา เธอตกตะลึงและยื่นมือออกไปรับของ จึงทำให้นึกขึ้นมาได้ว่าเคยเห็นใบหน้านี้ที่ไหนมาก่อน บนโทรทัศน์บนหนังสือพิมพ์และในโรงพยาบาลหวาเซี่ยเมื่อไม่กี่วันก่อน เป็นเธอคนนี้ใช่ไหม?
อีกทั้งแพทย์ส่วนตัวของหลงเซียวก็คือเธอนี่เอง
ไม่เพียงแต่เทคนิคการแพทย์ช่ำชองเท่านั้น ในวันนี้เมื่อได้พบตัวจริง รูปร่างผิวพรรณหน้าตาของเธอทำให้ตกตะลึงยิ่งนัก
เพียงแต่ทำไมเสียงของเธอถึงได้เหมือนกับฉู่ลั่วหานนัก……
“ขอบคุณค่ะ”
แอนน่ายิ้มให้ ฟันขาวสะอาดภายใต้แสงไฟตอบกลับว่า “ไม่เป็นไรค่ะ”
ไม่เพียงแต่รูปร่างหน้าตาดูดีแต่บุคลิกภาพที่ไม่เหมือนใครก็ทำให้หลายๆคนล้วนอิจฉา
หยวนชูเฟินยิ้มให้เธอและมองไป เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วถามว่า “คุณคือคุณแอนน่าใช่ไหมคะ?ฉันเคยเห็นรายงานของคุณ”
แอนน่าปวดหัวจริงๆ เธอตอบกลับไปว่า “สื่อต่างๆมักชอบเสนอข่าวเกินความเป็นจริง คุณอย่าหลงเชื่องมงายก็พอ”
และคุณป้าแบบนี้ก็มักเชื่อสื่อโฆษณาง่ายๆเสียด้วย
“จะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง? ฉันมองแล้วคุณเป็นผู้มีความสามารถจริงๆไม่ต้องถ่อมตัวหรอกค่ะ”
ชาติตระกูลที่มีชื่อเสียงอีกทั้งยังมีความสามารถส่วนตัว ผู้หญิงแบบนี้มองได้แต่คว้าไว้ไม่ได้ ยังดีที่ตอนนี้เธอนั้นอยู่ในโรงพยาบาลหวาเซี่ยอีกทั้งยังมีความสัมพันธ์กับลูกชายของตน
แอนน่ามองไปในมือของหญิงผู้นั้นแล้วพูดว่า “คุณนายคะ คุณซื้อของมากเกินไปทำให้น้ำหนักเยอะเกินกว่าจะถือไว้ ดิฉันแนะนำว่าครั้งต่อไปอยากซื้อมากขนาดนี้จะทำให้แขนเกิดอาการเมื่อยล้าได้”
“ได้ค่ะๆ คุณแอนน่าช่างอ่อนโยนและละเอียดอ่อนจริงๆ”
ไม่นานนักโม่หรูเฟยก็เดินลงมา ในมือเธอมีถุงเล็กถุงน้อยมากมายกว่าหยวนชูเฟิน เนื่องจากเมื่อครู่เธอมัวแต่เลือกน้ำหอมทำให้ช้ากว่าหยวนชูเฟิน จึงทำให้ไม่เห็นฉากที่หยวนชูเฟินพบกับแอนน่าเมื่อครู่
“คุณป้าคะกำลังมองดูอะไรอยู่หรือคะ?”
เธอมองไปรอบๆไม่เห็นมีใคร
หยวนชูเฟินมองดูโม่หรูเฟย ภายในใจเธอตอนนี้นำทั้งสองมาเปรียบเทียบ หากเปรียบเทียบจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วนั้นโม่หรูเฟยก็นับว่าเป็นผู้หญิงที่งดงามมากทีเดียว แต่ยังสู้อันหน้าไม่ได้
หากพูดถึงชาติตระกูล แอนน่าอยู่ในอเมริกาเป็นคนหนูบ้านตระกูลใหญ่ก็ไม่แย่ซะทีเดียว
หากพูดถึงเรื่องความสามารถส่วนบุคคลแล้วนั้น ไม่สามารถเปรียบเทียบกับแอนน่าได้แม้แต่นิดเดียว
เมื่อคิดได้ดังนี้หยวนชูเฟินก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ทำอะไรอยู่เมื่อกี้ ทำไมพึ่งมา?”
โม่หรูเฟยยิ้มแล้วเอื้อมมือไปโอบแขนเธอไว้พูดว่า “เมื่อกี้เจอน้ำหอมกลิ่นนึงเป็นรุ่นลิมิเต็ดด้วยก็เลย……”
หยวนชูเฟินมองไปที่มือของเธอและสะบัดออกบอกว่า “ของในมือฉันหนักมากพอแล้วอย่าดึง”
ท่าทีของเธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน โม่หรูเฟยไม่ทันได้ตั้งตัวจึงทำอะไรไม่ถูกแล้วพูดว่า “งั้นคุณป้าคะ พวกเรากลับกันเถอะ”
“กลับไปทำไมเร็วขนาดนี้?ไปดื่มกาแฟกัน”
“ได้เลยค่ะ”
ทั้งสองเดินออกมาจากประตูกระจกของห้าง หยวนชูเฟินยังนึกถึงภาพของแอนน่าเมื่อครู่ช่างประทับใจเหลือเกิน
คืนวันนั้น ที่คฤหาสน์
หลงเซียวลงมือเข้าครัวด้วยตัวเอง เขาทำอาหาร4อย่างและซุป1อย่างรวมเป็นอาหารที่เสริมสุขภาพร่างกาย หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วแอนน่าหยิบหนังสือมาอ่านที่ห้องรับแขก ส่วนหลงเซียวเดินไปที่ห้องหนังสือ
เมื่อเดินเข้ามาในห้องก็พบว่าบนโต๊ะนั้นมีหนังสือการแพทย์วางอยู่เล่มหนึ่ง
เมื่อหยิบขึ้นจึงได้เห็นว่าใต้หนังสือนั้นมีกระดาษหนึ่งใบและปากกาหนึ่งแท่ง บนกระดาษนั้นเขียนตัวหนังสือวุ่นวายเละเทะไปหมด
ตัวหนังสือพวกนี้……
หลงเซียวเอามือกุมหัวตัวเอง นี่เป็นลายมือของผู้ใหญ่หรือ?ไม่เป็นระเบียบเลย
แต่ตัวหนังสือพวกนี้ก็ทำให้เขามีความสุขได้
หลงเซียวมองดูแล้วขำ
เขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ หลงเซียวพิงอยู่ที่ปากประตูห้องหนังสือ เขาตะโกนออกไปว่า “แอนน่าตัวหนังสือพวกนี้เธอเป็นคนเขียนเหรอ?”
แอนน่ากำลังยกน้ำขึ้นมาดื่มทำให้แก้วน้ำปิดบังหน้าเธอเอาไว้ครึ่งหนึ่งแล้วถามว่า “ทำไมคุณถึงมีกระดาษใบนั้นล่ะ เอาคืนฉันมาเดี๋ยวนี้นะ!”
เธอรีบวางแก้วน้ำลงแล้ววิ่งไปหวังจะหยิบหลักฐานการเขียนหนังสือแสนน่าเกลียดของเธอมา มันช่างน่าอายจริงๆ
หลงเซียวยกมือขึ้น ทำให้เธอเอื้อมไม่ถึง “แบบนี้แสดงว่าคุณเป็นคนเขียนจริงๆสินะ คุณอายุเท่าไหร่แล้ว เขียนหนังสือเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”
แอนน่ากับริมฝีปาก ใบหน้าอันขาวผ่องของเธอแฝงไปด้วยเลือดฝาดแล้วพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องของคุณ ฉันเขียนภาษาจีนไม่เป็น จะเขียนยังไงให้สวยล่ะ?”
หลงเซียวนำมือกอดอกแล้วพูดออกไปว่า “เหตุผลไม่เลวนี่ เคยได้ยินไหมที่เขาบอกว่าตัวหนังสือเหมือนหน้าตาน่ะ?”
Shit!!! นี่เขากำลังแอบด่าเธออยู่?
แอนน่ากัดฟันแล้วพูดว่า “คุณหมายความว่าคุณเขียนหนังสือสวยใช่ไหม?ถ้าคุณเขียนสวยจริงก็ลองเขียนให้ดูหน่อยสิ”
“จะให้ผมสอนคุณเขียนหนังสือเหรอ?” เขาถามและยิ้มเยาะเย้ย
“เหอๆ ก็ได้ แค่กลัวว่าคุณจะไม่มีปัญญาเท่านั้นแหละ”