คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 177 ลั่วลั่วจะคอยอยู่ตรงนี้เคียงข้างคุณ
ตอนที่ 177 ลั่วลั่วจะคอยอยู่ตรงนี้เคียงข้างคุณ
เทพธิดา? ลู่ซวงซวง?
แอนน่ารู้สึกเหนื่อยใจกับเด็กจีนคนนี้ ก่อนจะเอาแขนออกจากการจับกุมของเธอ ก้มลงสบตากับสายตาแห่งความคาดหวังของเด็กน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขอโทษ “ขอโทษนะ ฉันคิดว่าเราคงจะเข้ากันไม่ได้”
เด็กน้อยมีนิสัยที่ไม่ค่อยสำรวมมารยาท และคำพูดที่พูดออกมาก็เหมือนจะไม่ได้ผ่านการคัดกรองจากสมอง เป็นเด็กสาวที่ชอบก่อเรื่องชัดๆ คนรอบตัวของเธอไม่มีคนแบบนี้
พูดอีกแบบ เธอไม่รู้ว่าควรจะสนทนากับเด็กคนนี้ต่อไปอย่างไร
ลู่ซวงซวงไม่ยอมแพ้ เธอคิดถึงฉู่ลั่วหานมากจริงๆ ต่อให้ขอแค่ได้เจอคนที่คล้ายคลึง เธอก็ยินยอม! เธออยากพยายามจนถึงที่สุด
“เทพธิดา……ไม่สิ พี่สาวคนสวย ฉันอยากรู้จักคุณจริงๆ คุณคงไม่รังเกียจถ้าจะต้องรู้จักเพื่อนเพิ่มอีกคนหนึ่งใช่ไหม? คุณวางใจได้ ฉันจะไม่รบกวนคุณมาก ฉันหวังเพียงแค่ว่าจะได้รู้จักกับคุณ ฉันอยาก……คอยพูดคุยกับคุณน่ะ เสียงของคุณ……เหมือนเธอจริงๆ!”
หืม?
อยากรู้จักเธอ เพราะสามารถแทนที่คนคนหนึ่ง? ถ้าเช่นนั้นยิ่งไม่จำเป็นเข้าไปใหญ่ เธอไม่ต้องการจะเป็นตัวแทนของใคร
“ขอโทษที ปล่อยมือออกเถอะ” แอนน่ามองมือทั้งสองที่จับแขนของเธออยู่อย่างใจเย็น ก่อนจะเอ่ยออกมา
ลู่ซวงซวงกัดฟันแน่น น้ำตาแทบจะไหลออกมา “ฉันจริงใจจริงๆนะ อย่างงี้ดีกว่า ฉันให้นามบัตรคุณไว้ มีเบอร์โทรติดต่อฉัน QQ วีแชท ถ้าคุณไม่สะดวกที่จะให้เบอร์โทรกับฉัน อย่างนั้นฉันสามารถเพิ่มวีแขทคุณได้ไหม? หรือว่า……”
แอนน่าก้มหน้าลงมองนามบัตรสีสันฉูดฉาดของเธอ ก่อนจะขมวดคิ้วหนักขึ้น “ฉันไม่เล่นQQ แล้วก็ไม่ใช้วีแชทด้วย”
“ถ้าเช่นนั้นคุณใช้อะไร? เดี๋ยวฉันจะไปสมัคร” ลู่ซวงซวงรีบหยิบมือถือออกมา
แอนน่าหมดคำจะพูด ก่อนจะเอ่ย “facebook。”
“ได้ๆๆ เอาบัญชีของคุณมา เดี๋ยวฉันเพิ่มเป็นเพื่อนไป!”
ลู่ซวงซวงจับแอนน่าแน่น ถ้าเธอไม่ยอมให้ช่องทางติดต่อ เด็กน้อยคงจะนั่งตะเกียกตะกายอยู่ที่พื้นแน่
“OK。”
แอนน่าหยิบมือถือออกมา กดรับเพื่อน “เสร็จแล้ว”
ลู่ซวงซวงมองแอนน่าอย่างนับถือ พระเจ้า ทั้งเย็นชาทั้งมีออร่า ครั้งแรกที่เธอเจอกับฉู่ลั่วหาน ลั่วลั่วก็ใช้ออร่าแบบนี้ดึงดูดเธอ
“เทพธิดา คุณมีออร่ามากจริงๆ”
“……”
“ฉันขอติดต่อคุณไปภายหลังได้ไหม? จะไม่รบกวนคุณบ่อยอย่างแน่นอน รับรองได้!”
“……”
เมื่อแอนน่าเดินจากไปแล้ว ลู่ซวงซวงก็เหม่อลอยมองตามหลังของเธอไป บนฟ้าช่างมีเมตตาจริงๆ ทำให้เธอได้เจอกับคนที่เหมือนลั่วลั่วอีกเวอร์ชันหนึ่ง
ฉันจะเป็นเพื่อนกับคุณให้ได้! รอฉันก่อน! ต้องรอฉันนะ!
แอนน่าหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะมองแขนของตนที่ถูกเด็กน้อยดึงเมื่อกี้ ก่อนจะรู้สึกแปลกประหลาด เธอมักจะไม่ชอบให้คนอื่นมาจับต้องตัวเธอ แต่ลู่ซวงซวงจับเธอแน่นอย่างนั้น ถึงแม้เธอจะอึดอัดบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดรำคาญ
เธอส่ายหัวไปมา ก่อนจะเดินเลือกซื้อของต่อไป
เธอไม่สามารถเสียเวลาหนึ่งวันไปกับการช็อปปิ้งได้ รีบซื้อเสื้อผ้า รองเท้าก่อนจะเดินออกมาจากห้างสรรพสินค้า ไม่ได้ขับรถมาเองนั้นช่างวุ่นวายเหลือเกิน
เธอรู้สึกถือของเดินไปเดินมาช่างไม่สะดวกเลย ดังนั้นจึงโบกเรียกรถแท็กซี่ไว้
คนขับรถเปิดรับก่อนเอ่ยถาม “คนสวย จะไปไหนเหรอ?”
แอนน่ามองสำรวจภายในตัวรถ รถค่อนข้างใหม่และสะอาด “ฉันขอเหมารถหนึ่งวัน คุณแค่คอยตามฉันไปก็พอ ให้ฉันฝากของไว้บนรถ และส่งฉันกลับบ้านตอนห้าโมง ตอนนี้เริ่มนับเวลา ต้องจ่ายเท่าไหร่?”
คนขับรถอึ้งไป “คนสวย พวกเราเก็บเงินจากระยะทาง ไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองทำสักครั้ง จะเก็บเงินอย่างไร?”
คนขับรถพูดไม่ออก แต่เมื่อสำรวจการแต่งกายของแอนน่าแล้วก็ดูเหมือนว่าไม่ได้พูดเล่น “อย่างนี้แล้วกัน ผมไม่เก็บเงินมั่วหรอก คิดตามเงินที่ผมหาได้ต่อวันแล้วกัน เจ็ด……แปดร้อย”
“ตกลง ฉันให้คุณหนึ่งพัน”
คนขับตะลึงเข้าไปใหญ่ “จริงเหรอ?”
แอนน่าหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าตังค์ของเธอ “นี่ห้าร้อยหยวน งานเสร็จแล้วจะให้อีกห้าร้อย”
“ได้ครับได้ครับ!”
ออกมาจากอาคารหัวชิว แอนน่าก็มายังพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดกลางเมือง เธอจะค่อยๆเริ่มศึกษาทุกอย่างเกี่ยวกับเมืองนี้ และประเทศนี้
พิพิธภัณฑ์มีขนาดใหญ่ แบ่งออกเป็นหลายส่วน แต่เธอมีเวลาไม่มากนัก จึงทำได้แค่ไปบางส่วนของพิพิธภัณฑ์ และเริ่มหยิบหนังสือแนะนำเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และภูมิศาสตร์ประเทศจีนขึ้นมาอ่าน
ตอนเดินออกมาก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นพอดี คนขับรถรอจนนอนหลับอยู่ด้านนอก
เขาตกตะลึงมาก ผู้หญิงคนหนึ่งสามารถอยู่ในทีที่น่าเบื่อเช่นนี้ได้ทั้งวัน คงจะไม่ได้มีปัญหาทางสมองใช่ไหม? หรือว่ามีเงินเยอะจนเกินไป?
เมื่อส่งเธอมาถึงบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่แล้ว เขาก็รับรู้ได้ว่าหนึ่งพันนั้นหยวนที่เธอให้ยังถือว่าน้อยเกินไป! ผู้หญิงคนนี้พักอาศัยอยู่ที่บ้านเดี่ยวที่หรูหราขนาดนี้ ถือว่าเป็นคนรวยระดับท็อปของเมืองเลย
กลับมาถึงบ้านตอนหกเมืองเย็น ฉู่ลั่วหานก็เปิดคอมเสิร์ชหาวิธีทำอาหารจีนบนอินเทอร์เน็ต ก่อนจะพรินต์ออกมา
หลงเซียวกลับมาถึงบ้านตอนหนึ่งทุ่มสิบนาที เมื่อเขาเดินเข้าบ้านก็ได้กลิ่นหอมกรุ่นของกับข้าวลอยมา
เขาวางเอกสารลง ก่อนจะสวมรองเท้าสลิปเปอร์เดินมาถึงหน้าห้องครัว ก่อนจะพิงตัวลงที่ขอบประตู แล้วมองภาพด้านหลังของหญิงสาวที่กำลังวุ่นวายทำกับข้าวอยู่ในครัวอยู่
เธอคล่องแคล่ว ว่องไว และชาญฉลาดมาก
จากตอนเช้าที่ทำไม่คล่องแคล่ว ใช้เวลาเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ก็เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
ผมยาวถูกมัดขึ้นอย่างลวกๆ และผ้ากันเปื้อนที่ถูกมัดไว้อย่างหลวมๆ ทำให้เห็นเอวคอดเล็กของเธอ
เธอมองวิธีทำอาหารจากกระดาษที่พรินต์ออกมาก่อนจะทำตามทีละขั้นตอนไปเรื่อยๆ
ท่านเซียวหลับตาลง ปล่อยให้ตนเองฟังเสียงวุ่นวายจากห้องครัวไปเรื่อยๆ ราวกับว่า……ภรรยาของเขายังอยู่ตรงนี้อยู่
“คุณกลับมาแล้ว?”
เมื่อเธอเอ่ยขึ้นมา เขาถึงลืมตาขึ้น ก่อนจะทำเหมือนกับตนเพิ่งเดินผ่านมา “เมื่อไหร่จะได้ทานล่ะ”
แอนน่ายกอาหารออกมาเสิร์ฟ “ตอนนี้เลย”
“โอเค”
กับข้าวสี่อย่างและน้ำซุปหนึ่งถ้วย ยึดตามสูตรอาหารเป๊ะๆ เครื่องปรุง วัตถุดิบ เวลาทำอาหารก็ยึดตามสูตรพอดี มีเพียงแค่วิธีการหั่นที่แย่ไปหน่อย
“คุณวางใจได้ ในครัวยังมีเหลืออยู่ ฉันทำปริมาณสำหรับคนสี่คน ตอนนี้คุณสามารถสั่งให้คนส่งไปให้ผู้ช่วยของฉันได้” แอนน่ารู้สึกได้ว่ากับข้าวมื้อนี้เธอแสดงฝีมือได้ไม่เลวเลย
มือเรียวยาวของท่านเซียวจับตะเกียบขึ้นมา ราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดนี้ของเธอ เขาคีบกับข้าวขึ้นมาชิมหนึ่งคำ รสชาติไม่เลวเลย แต่เหมือนกับว่ายังขาดอะไรไปบางอย่าง
รสชาติในความทรงจำของเขา อาหารที่ลั่วหานทำ รสชาติครบครัน ไม่ใช่เป็นเพราะวัตถุดิบและเครื่องปรุง อาหารของเธอ ทานแล้วจะมีความทรงจำต่างๆเกิดขึ้นอย่างมากมาย จะทานอย่างไรก็ไม่พอ
แต่……ผู้หญิงคนนี้ จะทำรสชาติเช่นนั้นออกมาได้อย่างไร
เมื่อเห็นเธอพับสูตรอาหารเก็บอย่างเรียบร้อย ท่านเซียวก็ส่งสายตาแสดงความสงสัยออกมา
แอนน่าหัวเราะออกมา “ใช้เครื่องพรินต์ที่อยู่ในห้องคุณพรินต์ออกมาน่ะ ขอโทษทีที่ฉันทำลงไปก่อนที่จะมารายงานนะ
หลงเซียวตอบอืมกลับไป ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “เธอพรินต์ออกมาเอง?”
แอนน่ารู้สึกน่าขำขันขึ้นมา “บ้านหลังนี้ มีคนอื่นอาศัยอยู่ด้วยเหรอ? อ้อ คุณสงสัยว่าฉันทำได้อย่างไรใช่ไหม? ง่ายมาก เครื่องพิมพ์จากประเทศเยอรมันเครื่องนี้ ใช้สารเคมีทางวิทยาศาสตร์ เพียงแค่เชื่อมต่อกับบลูทูทก็ใช้งานได้แล้ว เครื่องนี้ของคุณมีระบบที่ทันสมัยมาก สีที่พิมพ์ออกมาก็ชัดเจนมาก”
เธอรู้ลึกขนาดนี้ แล้วยังใช้งานได้อย่างคล่องแคล่วอีก
ตอนนั้น ภรรยาของเขาไม่รู้เรื่องเช่นนี้ แม้แต่พรินต์งานออกมาจากแฟลชไดร์ฟก็ทำไม่เป็น
เขาไม่ได้เอ่ยต่อ แต่บรรยากาศการรับประทานข้าวก็เริ่มเป็นไปอย่างไม่เป็นธรรมชาติแล้ว
ในใจของแอนน่ารู้สึกแปลกประหลาดมาก คุณท่านคนนี้คือใครกัน ทำไมมีนิสัยที่ประหลาดอย่างนี้
หลังจากรับประทานข้าวเสร็จ หลงเซียวก็ไปทำงานที่ห้องหนังสือต่อ แอนน่าไม่มีภาระที่ต้องทำต่อ ก็เดินสำรวจไปรอบบ้าน โคมไฟประดับจาก Swarovski การออกแบบโดยเฉพาะจากประเทศฝรั่งเศส ของประดับที่นี่ล้วนราคาแพงทั้งสิ้น
เธอเดินมาถึงชั้นสามโดยไม่รู้ตัว จู่ๆก็เกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมา เธอเดินไปจนถึงห้องที่ถูกล็อกกลอนไว้ ที่น่าแปลกก็คือวันนี้ประตูถูกเปิดออกแล้ว
เปิดออกแล้ว!
แอนน่าค่อยๆเดินเข้าไป เปิดไฟขึ้น
ของที่ถูกวางไว้ด้านในนั้น……ประหลาดยิ่งนัก
ขวดใสต่างๆมากมายถูกวางเรียงรายกัน ด้านในมีดอกไม้ที่ถูกสตาฟไว้เต็มไปหมด มีบางชิ้นที่ถูกสตาฟและแขวนไว้บนกำแพง กรอบบรรจุสีแดงสวยงามประณีต ด้านในมีดอกไม้ดอกหนึ่งแห้งเฉาไปแล้ว
อีกทั้งยังแขวนประดับไปทั้งสามด้าน ตอนนี้ในห้องมีดอกไม้สตาฟประดับไว้อย่างน้อยสองร้อยดอก
ต่อให้มีเงินมากมายก็ไม่ควรจะใช้อย่างสิ้นเปลืองแบบนี้หรือเปล่า?
แอนน่าหยิบขวดแก้วขึ้นมา เขย่าไปมา ดอกไม้สตาฟเคลื่อนไหวไปตามแรงเขย่าของเธอ ถือว่าเก็บรักษาไว้ได้อย่างไม่เลวเลย
“เธอกำลังทำอะไรอยู่!”
เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธดังขึ้นมา!
แอนน่าตกใจขึ้นมา เผลอปล่อยขวดแก้วที่อยู่ในมือเธอออก “เพล้ง” ขวดแก้วตกแตกลงบนพื้นแตกเป็นเศษๆ
“ฉัน……”
แอนน่ากำลังจะพูดบางอย่างออกมา แต่พอเห็นท่าทางที่โกรธสุดขีดของหลงเซียวแล้วก็ตกใจขึ้นมา
เส้นเลือดสีเขียวบนขมับของเขาปูดขึ้นมา ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเมื่อเปลี่ยนมาเป็นโกรธเคืองสุดขีดก็ทำให้ดูน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก
“ไสหัวออกไป!”
ท่านเซียวชี้ออกไปนอกประตู ก่อนจะจับเธอและผลักให้ออกไปนอกประตูอย่างแรงทันที
แอนน่าแทบจะสะดุดล้ม ดีที่คว้าขอบประตูไว้ได้ทัน ก่อนจะหันกลับไปต่อว่าเขา “คุณประสาทเหรอ ทำอะไรของคุณน่ะ!”
ความโกรธบนใบหน้าของท่านเซียวควบคุมไว้ไม่ได้อีกต่อไป หน้าและริมฝีปากของเขาเกร็งไปหมด “ไสหัวออกไป!”
“ฉันแค่ทำขวดแก้วตกใบเดียวกับดอกไม้ไม่กี่กลีบ ถ้าดอกไม้พวกนี้มีความหมายพิเศษกับคุณขนาดนั้น เดี๋ยวฉันทำใส่ขวดใหม่ให้คุณก็ได้! จะขึ้นเสียงทำไมกัน!”
ไม่เคยมีใครต่อว่าเธอขนาดนี้มาก่อน แล้วเขามีสิทธิ์อะไรกัน?
หลงเซียวยังไม่ทันเอ่ยปาก ก็รู้สึกเจ็บหน้าอกขึ้นมา
เจ็บปวดมาก ความเจ็บนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป เจ็บจนเขายืนไม่ไหว คุกเข่าลงไปนั่งกับพื้นทันที
แอนน่าเบิกตาโพลง ก่อนจะวิ่งขึ้นไปจับมือเขาแน่น และโน้มตัวเข้าไปฟังเสียงเต้นของหัวใจเขา ก่อนจะรู้สึกตกตะลึงขึ้นมา
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้? หัวใจของเขาเต้นเร็วมาก ราวๆสองร้อยครั้งต่อนาทีได้
“หายใจเข้าลึกๆ! ปล่อยวาง! ปล่อยวางทุกความคิด! มองหน้าฉัน ปล่อยวางลง!”
หลงเซียวเจ็บหัวใจประดุจถูกคว้านกระดูกออกมาเป็นชิ้นๆ เหงื่อที่ไหลออกมาทำให้เสื้อเริ่มชื้นขึ้น ไม่ถึงหนึ่งนาที ใบหน้าของเขาก็เริ่มมีสีแดงจากการขาดอากาศหายใจขึ้น
เจ็บหัวใจ หัวใจมีเลือดไปเลี้ยงไม่พอ มือทั้งสองข้างของเขาสั่นขึ้นอย่างรุนแรง ประดุจเครื่องยนต์ที่ไร้การควบคุม ก่อนที่เขาจะกำหมัดแน่นขึ้น
ทำไมเป็นหนักถึงขั้นนี้!
หัวใจของเขาได้รับการกระตุ้นอย่างสาหัส
แต่เธอไม่เคยพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
“ยาล่ะ? ฉันไปเอายาให้คุณ! อยู่ในห้องนอนใช่ไหม? คุณอดทนอีกนิด เดี๋ยวฉันรีบไปเอายาให้คุณ!”
แอนน่ายืนขึ้นมาเตรียมจะเดินไปหยิบยา แต่กลับถูกมือของเขารั้งไว้!
แรงของเขามีมาก แทบจะสามารถทำให้กระดูกข้อมือถือหักออกจากกันได้ แอนน่ากัดฟันอดทนไว้อย่างยิ่ง
“คุณต้องทานยา……!” เจ็บข้อมือเกินไปแล้ว
สายตาของหลงเซียวพร่ามัวอย่างรุนแรง ภาพตรงหน้ากำลังสั่นคลอนไปมา คนหนึ่งเปลี่ยนเป็นสองคน สามคน สี่คน และมากยิ่งขึ้น……เปลี่ยนเป็นเงาคนอีกมากมายนับไม่ถ้วน
ริมฝีปากของเขาซีดขาวจากการที่เลือดไม่ไปเลี้ยง ภาพในความทรงจำของเขาก็เริ่มเบาบางลง ไกลแสนไกล รู้สึกราวกับครึ่งหลับครึ่งตื่น เขาตะโกนเรียนออกมา “ลั่วลั่ว……อย่าไป……ลั่วลั่ว……”
ลั่วลั่ว? คือใครกัน?
ไม่สนแล้ว ตอนนี้เขาเป็นถึงขนาดนี้ ไม่สนแล้วว่าคนคนนั้นคือใคร ร่วมมือก่อนหลังจากนี้ค่อยว่ากัน
แอนน่าคุกเข่าลงกับพื้น ก่อนจะจับร่างของเขาให้พิงเข้ามาที่อ้อมกอดของตน มือของเธอสัมผัสกับเส้นผมของเขาเบาๆ ก่อนจะลากผ่านไปยังหน้าอกแล้วพูดปลอบประโลม “ได้สิ ฉันไม่ไปไหนหรอก ฉันจะอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนคุณ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น……ลั่วลั่วจะคอยอยู่ตรงนี้เฝ้าคุณเอง ดีไหม?”