คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 171พบกันอีกครั้ง กลับเป็นพวกรีดไถ
ตอนที่ 171พบกันอีกครั้ง กลับเป็นพวกรีดไถ
รุ่งสาง เพราะแอนน่านอนไม่หลับทั้งคืน เช้าตื่นมาเธอจึงไม่สดชื่นนัก หลังอัดกาแฟสดไปแก้วหนึ่งเธอจึงไม่เผลอหลับไปบนโต๊ะอาหารเช้า
มื้อเช้านี้ ต่างจากปกติ บนโต๊ะอาหารเธอรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เฉียวหย่วนฟานเสมือนว่าเขากำลังหลบหลีกอะไรบางอย่าง
แอนน่าทนไม่ไหวอีกต่อไป “คุณพ่อ คุณแม่ มีอะไรจะพูดรึป่าว? ไม่เป็นไร ว่ามาเลย”
ได้มิ้นยกแก้วนมสดขึ้นดื่ม ก่อนยิ้มอ่อนโยน ผู้อาวุโสทั้งสองยังคงวางท่าสงบนิ่ง ดูไม่แก่เลยสักนิด เพราะเฉียวหย่วนฟานชอบเล่นกีฬาโลดโพน ร่างกายเขาจึงแข็งแรงนัก
หากแต่วันนี้ ทีท่าจับช้อนส้อมของพวกท่านดูผิดแปลกนัก?
“แอนน่า หนูหมั้นได้ครึ่งปีเศษแล้ว ไม่คิดเรื่องแต่งเลยหรือ? ช่วงนี้หนูไม่ยุ่งมาก ถ้าอย่างนั้น หาเวลาไปจดทะเบียนเลยไหม? พวกเธอลองไปหาลือกันดู”
จบคำได้มิ้น แอนน่ารู้สึกไม่อยากอาหารขึ้นมากะทันหัน
แต่งงานหรือ?
ตัวเธอเองยังไม่มั่นใจ จะแต่ง หรือไม่แต่ง
บนนิ้วเธอสวมแหวนที่อีกฝ่ายมอบให้แล้ว ตอนหมั้นจัดงานซะใหญ่โต ตามหลักแล้ว ต้องมีการจดทะเบียนสมรสตั้งนานแล้ว แต่เธอกลับยื้อเวลาเอาไว้เช่นนี้
ชอบเขาไหม?
เขาดีกับเธอจริงๆน่ะหรือ ข้อดีที่ผู้ชายควรมีเขาไม่บกพร่อง แม้ข้อเสียยังยากที่จะให้ได้พบเห็น
แต่ว่า…..ตรงไหนกันที่ไม่ถูกต้อง แต่เธอตัดสินใจแต่งงานไม่ได้สักที?
ได้เห็นสีหน้าลูกสาวที่เปลี่ยนไป เฉียวหย่วนฟานอดไม่ได้ที่จะเร่งอีกครั้ง สักครู่ เขาตบหลังมือลูกสาวอย่างแผ่วเบา เผยรอยยิ้มอย่างอบอุ่น ด้วยความรักใคร่ “หากไม่อยากแต่ง ก็ไม่ต้องแต่ง พ่อจะไปพูดกับเควินเอง ช่วงนี้เขาไปทำงานที่ยุโรปพอดี รอเขากลับมา คราวหน้าเจรจากับเขาดู”
ราวหลีกหนีพ้นไปหนึ่งด่าน แอนน่าถอนหายใจเฮือกใหญ่
ได้มิ้นจับจ้องใบหน้าลูกสาวด้วยความห่วงใย พร้อมเลื่อนรถเข็นไปที่ข้างลูกสาว ดึงมือลูกสาวขึ้นกุม “ไม่อยากแต่งแล้วใช่ไหม?”
เธอบอกไม่ถูก “หนูไม่แน่ใจ แค่รู้สึกว่าขาดอะไรไปบางอย่าง ยังไม่ถึงจุดที่จะแต่งงาน”
ได้มิ้นวางนิ้วมือลงบนพวงแก้มแอนน่าราวปลอบใจเด็กน้อย “หากไม่แน่ใจ ถ้าอย่างนั้นก็หยุดพักซะ ลองเปลี่ยนสถานที่ดู คิดให้ดี ก่อนแม่จะแต่งงาน ก็กังวลอยู่พักใหญ่ การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ต้องรีบ รอลูกสงบก่อนค่อยตัดสินใจ แม่ไม่อยากให้ลูกสาวของพ่อ ต้องเสียใจภายหลัง”
แอนน่าเม้มริมฝีปาก แนบแก้มของตนเข้ากับแก้มของผู้เป็นแม่ด้วยความออดอ้อน “ค่ะ! หนูเชื่อแม่ สองวันนี้ที่จีนมีการแลกเปลี่ยนวิชาการ หนูจะไปประชุมที่จีน เสร็จแล้วว่าจะอยู่ต่ออีกหน่อย แม่ว่าไง?”
ประเทศจีน?
เฉียวหย่วนฟานกำช้อนส้อมในมือแน่น อาหารในปากบดขยี้อย่างเชื่องช้า เสียแรงไปไม่น้อย ราวมีเรื่องบางอย่างอุดอยู่ในใจ ไร้เรี่ยวแรง “แอนน่า หนูจะไปประเทศจีน? หนูไม่ยอมกลับประเทศมาโดยตลอดนี่นา?”
“เมื่อก่อนไม่อยาก แต่ตอนนี้หนูอยากลองกลับไปดู รอหนูกลับมา หากหนูคิดได้ หนูจะแต่งงาน ไม่หลบหนีอีก”
“ก็ดี ช่วงนี้ยังฝันร้ายอยู่หรือเปล่า? พอจะดีขึ้นไหม?” ตอนแรก เธอฝันร้ายทุกคืน
มักตื่นกลางคันด้วยความตกอกตกใจ เหงื่อผุดเต็มร่างกาย
ที่บ้านได้จ้างหมอและพยายามคอยดูอาการ24ชั่วโมง ในที่สุดก็ผ่านพ้นไปได้สักที
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ไม่ฝันร้ายมานานแล้ว”
เพื่อไม่ให้พวกท่านกังวล แอนน่าไม่ได้พูดความจริงออกไป
ประเทศจีน ไม่รู้เลยว่าคือที่ไหน?
แอนน่าตัดสินใจหุนหันพลันแล่น จัดกระเป๋านั้นหุนหันพลันแล่นยิ่งกว่า กระเป๋าเดินทางใบเล็กนิดเดียว เตรียมแค่เอกสารและเสื้อผ้าอีกหลายชุดออกเดินทาง
“Lisa ฉันจะไปเมืองหลวง เธอกับCurretค่อยออกเดินทางพรุ่งนี้ การแลกเปลี่ยนจะจัดขึ้นในวันมะรืน แค่มาทันก็พอ”
“เร็วขนาดนั้นเลย? เธอไม่อยากไปไม่ใช่หรือ?”
“ฉันเปลี่ยนความคิดแล้ว เครื่องจะออกในอีกหนึ่งชั่วโมง สิบกว่าชั่วโมงหลังจากนี้มีปัญหาอะไรหาทางเอาเอง แก้ปัญหาไม่ได้ส่งเมลมา”
“โอเค! ฉันจองโรงแรมก่อน เดี๋ยวส่งโลเคชั่นไป จะมีคนคอยรับเธอที่สนามบิน…..”
“ไม่ต้อง ฉันจัดการเอง”
ห๊า? แอนน่าจะจัดการเอง? พวกเขาเป็นผู้ช่วยแอนน่ากว่าหนึ่งปี นี่เป็นครั้งแรกที่แอนน่าจะจองโรงแรมเอง แถมยังไม่ใช้คนขับรถส่วนตัว?
หลังสิบกว่าชั่วโมง
เมืองหลวง สนามบินนานาชาติ
แอนน่าสวมแว่นกันแดด ลากกระเป๋าเดินทางสีขาวผ่องพร้อมรองเท้าส้นสูงกระทบพื้น มุ่งออกจากสนามบิน
หน้าประตู แอนน่าตกใจกับบรรดาผู้คนที่รอรับคนสนิทหน้าสนามบิน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นคนจีนผิวน้ำผึ้งผมสีดำขลับ
ไม่ชินเลย
เธอหลบเลี่ยงกลุ่มผู้คน ในที่สุดแอนน่าเห็นรถรับจ้างที่ดูสะอาดสะอ้าน
“คุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าจะไปไหนครับ?”
แอนน่าเปิดโทรศัพท์ ดูโลเคชั่น เห็นชื่อของโรงแรมปรากฏอยู่ “ถนนเฟิงเฉียวFOUR-SEASONS”
ลุงคนขับรถนิ่งไป ประโยคหน้านั้นเข้าใจ แต่ประโยคหลัง…..ฟังไม่รู้เรื่อง
“คุณผู้หญิง ที่ไหนนะ?”
แอนน่าเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา เธอขมวดคิ้วเป็นปม “ขอโทษด้วยค่ะ ถนนเฟิงเฉียว โรงแรมสี่ตี้”
ดูท่านิสัยอ้าปากก็พ่นภาษาอังกฤษนั้น ต้องเปลี่ยนแล้วล่ะ
รถเคลื่อนจากสนามบินสู่เขตเมือง ไปตามเส้นทาง เดินทางได้เพียงครึ่งกลับรถติดอย่างหนัก แอนน่าตกอกตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นจราจรเช่นนี้
“ต้องใช้เวลานานแค่ไหนคะ?”
คนขับรถเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด “คุณผู้หญิง เวลานี้เป็นเวลาเลิกงาน ปกติแล้วรถจะติดครึ่งชั่วโมง ถนนเส้นนี้ติดที่สุด ผ่านทางเข้าก็หมดปัญหาแล้ว ข้างหน้าเลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้ว”
ติดนานขนาดนั้นเชียวหรือ?
แอนน่ามองดูโลเคชั่น หากเดินเท้าไป หากเดินเร็วหน่อยใช้เวลาประมาณ20นาที
“ฉันลงตรงนี้แหละ ขอบคุณค่ะ”
แอนน่าควักแบงค์ดอลล่าร์ให้กับคนขับรถ
คนขับรถนิ่งไปสักพัก
“คุณผู้หญิง นี่…..นี่เงินอะไร?”
แอนน่าปวดขมับอีกครั้ง ให้ตาย เธอเดินทางอย่างเร่งรีบ ไม่ทันได้แลกเงินหยวน ทำอย่างไรดี?
“ฉันมีแค่เงินดอลล่าร์ แถมยังหนึ่งร้อยดอลล่าร์ ตอนนี้คงเป็นเงิน688หยวน”
หกร้อยกว่า! เยอะขนาดนั้นเชียว!
คนขับรถหัวเราะอย่างอึดอัด “ไม่เป็นไร คิดซะว่าผมเป็นเหลยเฟิง(ผู้ชอบช่วยเหลือคนอื่น)แล้วกัน”
แอนน่าตระหนกอีกครั้ง “เหลยเฟิง? เขาเป็นใครกัน? ฉันเอาเงินให้เขาได้”
คนขับรถมองว่าเธอเป็นคนบ้าคนหนึ่ง
ไม่รู้จักเหลยเฟิงได้อย่างไร? !
แอนน่าไม่รู้จักจริงๆนั่นแหละ อยู่อเมริกาหลายปี เธอใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาเกิดมาโดยตลอด ภาพยนตร์อเมริกา วัฒนธรรมที่เธอรู้คืออเมริกา ใช้ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส และภาษาสเปน เธอไม่รู้จักเหลยเฟิงจริงๆ
ส่วนทำไมเธอถึงพูดภาษาจีนได้นั้น เธอจะเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับวิชาหมอได้อย่างไร เธอไม่รู้ แต่ในยามที่สมองเธอว่างเปล่า ชีวิตของเธอมีเพียงมีดผ่าตัดเท่านั้น
เธอลากกระเป๋าเดินทาง แอนน่าเดินบนทางเท้า ต้นไม้สูงใหญ่บดบังดวงตะวันไปกว่าครึ่ง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่นี่เป็นประเทศจีน แอนน่าถอดแว่นกันแดดออก ใบขาวผุดผ่องสู้แดดมุ่งไปข้างหน้า
ที่นี่เป็นประเทศจีน
ความรู้สึกแรกคือประชากรที่เยอะกว่า ความรู้สึกต่อมาคือรถที่เยอะกว่า ความรู้สึกสุดท้ายคืออสังหาริมทรัพย์ที่เยอะกว่า
ปากทางเลี้ยวซ้าย บนถนนเฟิงเฉียวนั้นรถไม่ติดจริงด้วย ร้านค้าสองข้างทาง มีแต่ภาษาจีน จีน แล้วก็จีน!
ชีวิตนี้เธอไม่เคยเห็นถาษาจีนที่มากมายขนาดนี้มาก่อน
ก้ดี ในชีวิตนี้ เธอมีเพียงความทรงจำสั้นๆเท่านั้น
เธอแหงนหน้ามองสิ่งปลูกสร้างตรงหน้า ห้างสรรพสินค้าที่สูงใหญ่ ที่บดบังรัศมีของสิ่งปลูกสร้างโดยรอบ
นอกกระจกกำแพงสีขาว สัญลักษณ์สีทองประดับด้วยอักษรภาษาอังกฤษ MBK
ระยะทางห่างไกลออกไป แต่อาคารนั้น ตั้งตระหง่านอย่างสง่ายู่อีกทาง คงเป็นอาคารแลนด์มารคสักที่
เธอจับจ้องอย่างเหม่อลอย ลากกระเป๋าเดินทางมุ่งไปข้างหน้าหลายก้าว เธอยังคงแหงนหน้าจ้องมองอาคารนั้นตลอด
“ปัง! !”
กระเป๋าเดินทางถูกรถยนต์คันดำชนปลิว! เครื่องยนต์ขนาดใหญ่เฉี่ยวร่างไป อย่างไม่ได้ตั้งใจ มือของเธอกลับลื่น เงาร่างเธอล้มลงกับพื้นอย่างควบคุมไม่ได้!
ให้ตายสิ!
เพิ่งมาถึงที่นี่ก็เกิดอุบัติเหตุเสียแล้ว ? !
แอนน่าสองมือยันกับพื้น จับจ้องไปที่รถยนต์โรลล์รอยซ์สีดำตรงหน้า
เหอะ!
รถหรู เป็นไปตามคาด เศรษฐีประเทศจีนเยอะ แถมยังเป็นเศรษฐีที่ไร้มารยาทเยอะเสียมากกว่า
คนขับเดินลงจากรถ เป็นชายหนุ่มอายุยังน้อย เห็นหญิงสาวที่กองกับพื้นเขาก้มลงอย่างรู้สึกผิด “คุณผู้หญิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
แอนน่าตบฝุ่นออกจากมือ “คุณว่าไงล่ะ? คำนวณจากร่างกายที่กระทบกับพื้น ความเจ็บป่วยของฉันอยู่ในขั้นเนื้อหนังได้รับความเสียหาย แถมคุณยังไม่ลดความเร็วในที่คนมาก ไม่ดูคน ฉันสามารถฟ้องคุณเจตนาทำร้ายร่างกายได้เลย”
แน่นอน สิ่งเหล่านี้ใช้ได้ผลที่อเมริกา
ที่นี่…..
หยังเซินปวดหัวกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่คิดว่าจะเจอพวกรีดทรัพย์
สมัยนี้พวกรีดทรัพย์สวยขนาดนี้เชียวหรือ?
“คุณผู้หญิง เมื่อกี้คุณต่างหากที่ไม่ดูถนน? ข้างหน้าไฟเขียว แถมคุณยังออกนอกเส้น”
แอนน่ายังคงฟุบอยู่บนถนน ระหว่างทางเดินเท้าและถนนใหญ่
“คุณ รถหลบหลีกคนเป็นมารยาทขั้นพื้นฐาน ขอโทษฉันมา”
แอนน่าไร้ความรู้สึกเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ระบบกฎหมายของต่างชาติห้อมล้อมอยู่รอบกายเธอ แต่เธอกลับลืมไป ที่นี่พื้นที่เมืองหลวง บางครั้ง มนุษย์ก็คือกฎหมาย แต่อำนาจ
หยังเซินมีสีหน้าลำบากใจ ต้องการประคองเธอให้ลุกขึ้นซะเดี๋ยวนี้ หากแต่แอนน่านั้นหลบหลีบเขา เธอไม่ชอบให้ใครแตะต้องเธอ เธอลุกขึ้นด้วยตนเอง ปัดฝุ่นที่เกาะตามตัว “ฉันบอกว่า ขอโทษซะ”
เวลานี้ กระจกเบาะหลังค่อยๆลดต่ำลง เผยใบหน้าสง่าราศีจับ
ภายในรถหรูสีดำ ชายหนุ่มเผยสีหน้าประหลาดใจ ด้วยความเย็นชา
แม่ว่า เป็นเพียงด้านข้าง
เขาพิงกับเบาะ เมื่อครู่นี้เขาหลับตาพักผ่อนอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าเขาดูเหนื่อยล้านัก แต่กลับเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก
“หยังเซิน มีอะไร?”
น้ำเสียงชายหนุ่มที่ไม่สบอารมณ์ ไร้ความอดทนเสียกว่าเก่า
แต่น้ำเสียงทุ้มต่ำ ราวไวน์แดง เสมือนรอยเปื้อนบนประติมากรรม ที่เสียงกึกก้อง
“เจ้านาย มีคุณผู้หญิงท่านหนึ่ง ดูเหมือนว่า…..รีดทรัพย์” หยังเซินชะงักไปชั่วครู่ ก่อนเอ่ยรีดทรัพย์ ด้วยความไม่ถนัดนัก แต่ไร้คำอธิบายที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว
รีดทรัพย์?
แอนน่าได้เรียนรู้ศัพท์ใหม่อีกแล้ว
ดูท่า คนที่ขับรถนั้นไม่ใช่เจ้านาย
แอนน่าหยุดลงที่ข้างหน้าต่าง ใบหน้าที่งดงามเผยรอยยิ้มที่ไม่สบอารมณ์ ด้วยความโกรธ น้ำเสียงแข็งกร้าว ซึ่งไร้น้ำเสียงปกติของเธอเองปะปนอยู่ “คุณ คนขับรถของคุณชนฉัน ฉันต้องการคำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผล แล้วก็ คำขอโทษที่จริงใจ”
หลงเซียวไม่แม้ชายตามองเธอ เขาแสดงทีท่าเย็นชา “หยังเซิน หากเธอต้องการรีดทรัพย์ ขึ้นรถ ทำให้เธอได้รีดทรัพย์จริงๆ”