คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 152 ข่าวฉาวยกระดับ ชื่อเสียงถูกทำลาย
ตอนที่ 152 ข่าวฉาวยกระดับ ชื่อเสียงถูกทำลาย
ชื่อที่เขาเรียกคือฉู่ลั่วหาน แม้ว่าจะกลายเป็นสภาพเช่นนี้ ในใจของเขาต่างก็เก็บซ่อนผู้หญิงคนนั้นเอาไว้อย่างลึกซึ้ง!
อะไรกัน!!
โม่หรูเฟยไม่ยอม!เธอไม่ยอมที่คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะไม่มีน้ำหนักเลยแม้แต่น้อยในใจของหลงเซียว
นอกจากไม่ยอมแล้ว ความรู้สึกที่ลึกซึ้งยิ่งไปกว่านั้นก็คือไม่เป็นสุข หากในใจของหลงเซียวมีเพียงแต่ฉู่ลั่วหาน เธอควรจะทำยังไงดี? ต่อให้ฉู่ลั่วหานไสหัวออกไปจากตระกูลหลง ในใจของหลงเซียวเธอก็ยังคงไม่มีสถานะใดๆอยู่ดี
เหล่ดวงตาที่ล้ำลึกมองไปยังด้านข้าง
เธอไม่ใช่แค่ต้องไล่ฉู่ลั่วหานออกไป ยังต้องให้หลงเซียวเกลียดเธออย่างถึงที่สุด ให้ฉู่ลั่วหานสามคำนี้กลายเป็นเขตต้องห้ามที่อยู่ในใจของเขาโดยสมบูรณ์ ไม่ต้องถูกเขาเอ่ยถึงขึ้นมาอีก
คิดมาถึงตรงนี้ ปลายนิ้วมือของโม่หรูเฟยก็กำแน่น มั่นใจแล้วว่าภายในห้องไม่มีคนที่ได้สติอยู่ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเดินไปยังระเบียงด้านนอก โทรศัพท์หาเกาหยิ่งจือในทันที
เกาหยิ่งจือเพิ่งมาถึงโรงพยาบาล กำลังใช้โทรศัพท์มือถือดูข่าวที่หลงเซียวถูกส่งมาที่โรงพยาบาล เบอร์โทรศัพท์ของโม่หรูเฟยก็กระพริบเข้ามา
“พี่คะ พี่อยู่ที่ไหน?”
เกาหยิ่งจือขึ้นบันไดอาคารฉุกเฉิน “ฉันเพิ่งถึงโรงพยาบาล ข่าวฉันเห็นแล้ว หลงเซียวตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ฟื้นหรือยัง?”
“ยังไม่ฟื้นค่ะ พี่ ฉันมีเรื่องนึงอยากจะบอกกับพี่ พี่จะต้องให้ความร่วมมือกับฉัน” โม่หรูเฟยกดเสียงให้เบาลง ฝ่ามือกุมโทรศัพท์เอาไว้ พิงไปที่รั้วกั้นอย่างระมัดระวัง คำที่เธอพูดที่นี่ตัวอักษรเดียวก็ไม่สามารถถูกคนอื่นได้ยินได้
“เรื่องอะไร เธอพูดมาเถอะ” เกาหยิ่งจือไม่ได้ขึ้นลิฟต์ สัญชาตญาณบอกว่าเรื่องที่โม่หรูเฟยจะพูดร้ายแรงมาก
โม่หรูเฟยมองไปรอบๆห้องผู้ป่วย “พี่คะ ในใจของหลงเซียวในตอนนี้มีแต่ฉู่ลั่วหาน ฉันคิดว่าต่อให้ฉู่ลั่วหานตายไป เขาก็ไม่สามารถมีคนอื่นได้อีก ดังนั้นก่อนที่ฉู่ลั่วหานจะตกรอบไป ฉันจะทำให้มันชื่อเสียงเละจนถึงที่สุด ให้มันอยู่ต่อหน้าของหลงเซียวและคนตระกูลหลงไม่สามารถตั้งหลักได้อีกต่อไป”
เกาหยิ่งจือเหยียบบันไดขึ้นไปบนชั้นสี่ทีละก้าวๆ ริมฝีปากที่แดงสดงดงามค่อยๆโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มทีละน้อย ยิ้มอย่างเหิมเกริมทั้งยังมืดมนชั่วร้าย “เธอมีแผนการอะไร?”
โม่หรูเฟยกัดฟันพูด “ลูก ค่ะ” ทีละคำทีละประโยค
เกาหยิ่งจือหรี่ตาลง คิ้วที่เรียวงามราวกับใบของต้นหลิวยักขึ้นเล็กน้อย “ความหมายของเธอก็คือ เธอจะใช้ลูกให้มันสูญเสียที่ตั้งหลักโดยสมบูรณ์แบบ?”
โม่หรูเฟยพยักหน้า “ใช่แล้วค่ะ ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะปิดบังได้ ฉันไม่อาจจะปิดบังไปตลอดได้ สู้ให้เด็กคนนี้แสดงมูลค่าที่สูงที่สุดของเขาออกมาจะดีกว่า พี่คะ พี่บอกฉันทีว่าทำยังไงถึงจะสามารถคุ้มครองตัวเอง ในขณะเดียวกันให้เด็กสูญสลายไปได้”
นิ้วมือที่เรียวงามของเกาหยิ่งจือยันอยู่ที่หน้าผาก “เธอคิดดีแล้ว? เรื่องแบบนี้ทำร้ายร่างกายมากนะ”
“ให้ดื่มเหล้าพิษเพื่อดับกระหายฉันก็ไม่กลัว พี่บอกมาเถอะค่ะ!” โม่หรูเฟยกัดทุกคำเอาไว้แน่น คราวนี้ เธอจะต้องสำเร็จ ทุกยกที่ต่อปากต่อคำเอาชนะกับฉู่ลั่วหานเธอต่างก็แพ้อย่างราบคาบ คราวนี้ เธอจะต้องชนะ!
“ได้ เธอรอข่าวจากฉัน”
วางสายโทรศัพท์ลง โม่หรูเฟยก็โทรไปอีกหมายเลขหนึ่ง “พี่เป้ย ช่วงนี้มีข่าวอะไรของฉู่ลั่วหาน ไม่ต้องคำนึงถึงใครหน้าไหน ให้นักข่าวเปิดเผยออกมาให้หมด ถึงเวลาฉันจะปกป้องพวกเขาเอง พี่เซียวสลบไม่ฟื้น ไม่มีกำลังจะมาสนใจเรื่องเหล่านี้ วางใจทำได้ค่ะ!”
“ใช่แล้วค่ะ เขียนตามสบาย!ข้อมูลเกี่ยวกับฉู่ลั่วหานนังหญิงสารเลวคนนี้ที่ตกอยู่ในมือของสื่อจะต้องไม่น้อยแน่ เพียงแต่ถูกพี่เซียวระงับเอาไว้ก็เท่านั้นเอง เผยแพร่ออกไป อาศัยโอกาสตอนนี้”
วางสายโทรศัพท์ลง โม่หรูเฟยสูดหายใจเข้าเบาๆ จากนั้นหมุนตัวจะเดินเข้าไปด้านใน พอหันหน้ากลับ อยู่ๆมองเห็นหยวนชูเฟินยืนอยู่ตรงนั้น!
ทั่วทั้งร่างกายของโม่หรูเฟยกระตุกทีหนึ่งอย่างแรงราวกับสายฟ้าฟาดก็ไม่ปาน มือถือที่กำเอาไว้ในมือตกลงสู่พื้น ปากกระตุกอยู่หลายที ส่งคำพูดประโยคนึงออกไปอย่างยากลำบาก
“คุณป้า คุณ…ป้าตื่นตั้งแต่เมื่อไรกันคะ?”
หยวนชูเฟินนวดคลึงบริเวณตรงกลางระหว่างหัวคิ้ว “เพิ่งตื่นจ้ะ โทรศัพท์กับใครน่ะ ที่ระเบียงร้อนขนาดนั้น ทำไมไม่คุยข้างใน?”
น้ำเสียงนิ่งสงบมาก ดูเหมือนไม่ได้ยินเนื้อหาที่เธอคุยโทรศัพท์ ปากของโม่หรูเฟยลาดเอียงขึ้น ฝืนยิ้มเป็นอย่างมาก “หนู หนูกลัวไปรบกวนการพักผ่อนของคุณป้ากับพี่เซียวค่ะ โทรศัพท์ที่ไม่ใช่สาระสำคัญอะไร พูดเข้าใจกันชัดเจนแล้วค่ะ”
ในขณะที่พูดเธอโค้งตัวเก็บโทรศัพท์ขึ้นมา หน้าจอโทรศัพท์แตกเป็นรอยร้าว เห็นได้ถึงความแรงของการตกเมื่อครู่นี้
หยวนชูเฟินไม่ได้ซักถามอีก เธอเป็นห่วงลูกชาย ครู่เดียวก็ตื่นแล้ว นั่งบนโซฟามองดูหลงเซียว กุมมือของเขาเอาไว้อย่างปวดใจ พูดพึมพำกับตัวเอง “ทำไมยังไม่ฟื้น เซียวเอ๋อ ลูกจะทำให้แม่เป็นห่วงจนจะตายอยู่แล้ว”
โม่หรูเฟยไม่กล้าพูดจาซี้ซั้ว อยู่เป็นเพื่อนที่ด้านข้างอย่างเงียบๆ
“ฉู่ลั่วหานไม่ได้เข้ามาใช่หรือเปล่า?” หยวนชูเฟินกัดชื่อของฉู่ลั่วหานเอาไว้อย่างเยือกเย็น น้ำเสียงพูดไม่ออกว่าคือเบื่อหน่ายหรืออะไรอื่น ทั้งยังไม่เหมือนว่าเป็นการขับไล่ที่แน่นอน
สีหน้าของโม่หรูเฟยค่อยๆอ่อนโยนลง “ไม่ได้มาค่ะ ด้านนอกมีคนดูอยู่ ไม่ให้เธอเข้ามา เธอมาก็ได้แต่ส่งผลกระทบต่อการพักผ่อนของพี่เซียว คนแบบนี้ยังไงก็อย่าเข้าใกล้พี่เซียวจะดีกว่า”
นอกห้องผู้ป่วย
“คุณหญิง คุณผู้หญิงกำชับเอาไว้ว่า ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าเยี่ยมคุณชายได้ คุณกลับไปจะดีกว่า”
คนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกสวมชุดสูทสีดำทั้งตัว สีหน้าลำบากใจ น้ำเสียงกลับไม่ดีนัก ไม่เหมือนกับคนของตระกูลหลง เหมือนคนของตระกูลโม่มากยิ่งกว่า
ในเวลานี้ จี้ตงหมิงก้าวเท้าใหญ่ๆเร่งรีบเข้ามาราวกับบิน ในมือถือกระเป๋าเอกสาร สีหน้ารีบร้อน บนใบหน้ายังมีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดออกมา
“คุณหญิง ทำไมคุณถึงอยู่ด้านนอกล่ะครับ?”
ฉู่ลั่วหานไม่ได้ตอบกลับ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมคุณรีบร้อนจนกลายเป็นแบบนี้?”
จี้ตงหมิงเช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผาก “ไม่…ไม่มีอะไร ต่างก็เป็นเรื่องเหล่านั้นของบริษัท คุณหญิง คุณไม่เข้าไปหรอครับ?”
คนชุดดำเห็นท่า ก็ไม่สะดวกที่จะยืนกรานขัดขวางอีกต่อไป ฉู่ลั่วหานจึงได้ตามจี้ตงหมิงเข้าไปในห้องผู้ป่วยด้วยกัน คิดๆดูก็น่าใจสลายจริงๆ เธออยากพบหลงเซียว คิดไม่ถึงว่าจะต้องอาศัยผู้ช่วยของเขา
เข้าประตูมา ที่อยู่ต่อหน้าก็คือหยวนชูเฟินกับโม่หรูเฟย ทั้งสองคนเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียงของหลงเซียว ดูสนิทสนมและเศร้าโศก
จี้ตงหมิงได้สอบถามหมอมาแล้ว กว่าเจ้านายของตนเองจะฟื้นขึ้นมายังต้องใช้เวลา แต่เขาในขณะนี้มีบางเรื่องรอไม่ไหวแล้ว
“คุณผู้หญิง ผมทางนี้มีเอกสารนิดหน่อย ที่บอสเป็นผู้รับผิดชอบ ตอนนี้ต้องการเขาเซ็นชื่อ ดังนั้น…”
หยวนชูเฟินขึงตาใส่เขาทีหนึ่งอย่างรุนแรง “จี้ตงหมิง ฉันว่าเธอมีชีวิตจนเบื่อแล้ว!เขาตอนนี้เป็นแบบนี้จะเซ็นชื่อได้ยังไง? ไม่ว่าเรื่องอะไร รอเขาฟื้นค่อยว่ากัน บริษัทคนมากมายขนาดนั้น จำเป็นจะต้องรอเขาคนเดียว? หากไม่ได้จริงๆให้ประธานคณะกรรมการเซ็นชื่อ ประธานคณะกรรมการยังใหญ่สู้เขาไม่ได้?”
จี้ตงหมิงได้ไปหาหลงถิงแล้ว แต่เขาไม่ยอมเซ็นชื่อ นี่คือโปรเจ็คของหลงเซียว ต้องแบกรับความรับผิดชอบ อีกทั้งหลงเซียวกับหลงถิงมีความแตกต่างเป็นอย่างมากในแผนการทางธุรกิจ
“คุณผู้หญิง นี่จำเป็นต้องให้ท่านประธานเซ็นชื่อ ผมก็ไม่มีทางเลือกเช่นเดียวกันครับ”
ฉู่ลั่วหานเอ่ยขึ้น “เอกสารอะไร? ฉันขอดูหน่อย”
จี้ตงหมิงสีหน้าลำบากใจ “คุณหญิง นี่…”
“ทำไมคะ? ฉันคือคุณผู้หญิงของเขา สิทธิ์แค่นี้ก็ยังไม่มี เขาตอนนี้ไม่ได้สติ ฉันเป็นภรรยาของเขา ฉันมีสิทธิ์ดำเนินการแทน”
โม่หรูเฟยหัวเราะขึ้นอย่างประชดประชัน “ฉู่ลั่วหานเธอใจกล้ามากเลยนะ พี่เซียวเพียงแค่สลบไปเธอก็สามารถรอไม่ไหวที่จะแย่งตำแหน่งแล้ว!ช่างจิตใจสกปรกจริงๆ!”
ฉู่ลั่วหานรับเอาเอกสารมา ย้อนถามเธอกลับว่า “ไม่อย่างนั้น คุณมา? คุณเซ็นชื่อ คุณแบกรับความรับผิดชอบ เกิดปัญหาอะไรขึ้นคุณรับผิดชอบ?”
“เธอ…”
หยวนชูเฟินตัดบทโม่หรูเฟย เซ็นชื่อแล้วจำเป็นต้องแบกรับความรับผิดชอบ ยิ่งไปกว่านั้นโม่หรูเฟยไม่มีสิทธิ์ที่จะเซ็นชื่อ “ให้เธอดู”
ฉู่ลั่วหานเปิดเอกสารออก ส่วนใหญ่เธอดูไม่เข้าใจ ด้านในล้วนเป็นตัวเลขสถิติและกราฟเส้นรายงานต่างๆ คำศัพท์เฉพาะที่มีภาษาจีนภาษาอังกฤษผสมปนเปกันไปหมด เรียกได้ว่าลายตาไปหมด
ฉู่ลั่วหานถือกระดาษปากกาเอาไว้ “ผู้ช่วยจี้ ฉันเชื่อใจคุณได้ไหมคะ?”
จี้ตงหมิงพยักหน้าอย่างมั่นใจ “คุณหญิงวางใจครับ เอกสารเหล่านี้ผมดูแล้ว เพียงแค่ต้องการเซ็นชื่อ ไม่เช่นนั้นไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ คุณวางใจเซ็นชื่อได้ครับ”
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธอเซ็นชื่อ “ฉันเซ็นชื่อ ต่อไปหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ความรับผิดชอบสามารถโยนมาที่ฉันได้ทั้งหมด”
พูดจบ ฉู่ลั่วหานก็เขียนชื่อของตัวเองทีละขีดทีละเส้น
จี้ตงหมิงสองมือรับเอกสารเข้ามาด้วยความเคารพ อยู่ๆรู้สึกว่าเอกสารที่อยู่ในมือมีค่ามหาศาลขึ้นมาอย่างกะทันหัน คำพูดเมื่อสักครู่นี้ของคุณหญิง พูดจนชายหนุ่มร่างใหญ่อย่างเขาซาบซึ้งจนแทบจะร้องไห้ออกมา
โค้งคำนับ กล่าวขอบคุณ “คุณหญิง ขอบคุณมากครับ”
“บริษัททางนั้นมีธุระคุณก็ไปทำงานเถอะค่ะ ทางนี้มีคนดูอยู่ ทางด้านนั้นก็ลำบากคุณมากหน่อยแล้ว” ฉู่ลั่วหานสั่งการอย่างใจกว้างเหมาะสม มีระบบระเบียบเป็นอย่างมาก สไตล์ของชนชั้นสูงโดยสมบูรณ์แบบ ไม่กระโดกกระเดกเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาของหยวนชูเฟินเหลือบมองสังเกตฉู่ลั่วหานอยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกประหลาดใจเกิดขึ้นมาเล็กน้อย
ค่อยมองดูโม่หรูเฟยที่กัดฟันถลึงตา ที่จริงแล้วสูงต่ำนั้นไม่ต้องการคะแนนที่มากเกินไป
จี้ตงหมิงพยักหน้าว่าครับ แล้วออกจากห้องผู้ป่วยไป
เดินออกจากประตู มองเห็นหลงจื๋อถืออาหารเข้ามา ทั้งสองคนพยักหน้าทักทายกันอย่างเร่งรีบ
“คุณแม่ พี่สะใภ้ใหญ่ พี่หรูเฟย คนรับใช้เตรียมอาหารเอาไว้ ทุกคนมาทานด้วยกันหน่อยเถอะครับ พี่ใหญ่ยังไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้ชั่วคราว ทุกคนต้องดูแลสุขภาพร่างกายก่อน”
กล่องอาหารสองกล่องที่อยู่ในมือของหลงจื๋อต่างก็สูงสามชั้น หลังจากที่เปิดออก กับข้าวหกน้ำซุปหนึ่ง เตรียมได้อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก แก้วจานวางตั้งไว้บนโต๊ะอาหาร ทั้งสามคนกลับไม่มีท่าทีที่จะไปรับประทานเลยแม้แต่น้อย
หยวนชูเฟินจูงมือของโม่หรูเฟยเพียงลำพัง “หนูกำลังท้อง จะต้องระวังการรับประทานอาหาร ทานอะไรสักหน่อยเถอะ”
เธอแสร้งทำทีไม่ยอม หยวนชูเฟินพูดไปสองสามประโยคก็เชื่อฟังแล้ว
หลงจื๋อหัวเราะขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ย “คุณแม่ พี่สะใภ้ใหญ่ทั้งสองคนก็ไปทานเช่นเดียวกันครับ ผมดูอยู่ทางนี้ ไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
หยวนชูเฟินเดินมาถึงด้านหน้าโต๊ะอาหาร หยิบช้อนตักซุปขึ้น มองฉู่ลั่วหานอย่างเยือกเย็น “ยืนอึ้งอะไรอยู่!”
แหม่!
การตอบสนองของหลงจื๋อกับฉู่ลั่วหานเหมือนกันไม่มีผิด!
ในเวลานี้เอง อยู่ๆโทรศัพท์มือถือของโม่หรูเฟยก็ดังขึ้นมาเสียงนึงอย่างกะทันหัน เป็นข่าวที่ส่งเข้ามาโดยอัตโนมัติ
มองเห็นข่าว มุมริมฝีปากของโม่หรูเฟยก็ยกสูงขึ้นเรื่อยๆ
โทรศัพท์มือถือของหลงจื๋อก็ดังขึ้นทีหนึ่งเช่นเดียวกัน ปัดหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้เปิดออก สีหน้าของหลงจื๋อก็เปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง!
แม่เอ๊ย!
นักข่าวที่แสวงหาความตายกลุ่มหนึ่งนี่คืออยากหาที่ตาย!
โม่หรูเฟยกวาดตามองฉู่ลั่วหานเล็กน้อย จากนั้นนำโทรศัพท์มือถือส่งให้กับหยวนชูเฟินด้วยสีหน้าลำบากใจ “คุณป้าคะ ลองดูนี่…”
WTF!หลงจื๋ออยากจะจิกโม่หรูเฟยให้ตาย!
ด้านหน้า บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ฉู่ลั่วหานสวมเสื้อผ้าของผู้ชายถูกกั้นไว้ในลิฟต์โรงพยาบาล เสื้อผ้าที่อยู่ด้านในยุ่งเหยิงเป็นอย่างยิ่ง เธอใช้มือข้างเดียวกุมเสื้อคลุมของชายหนุ่มเอาไว้แน่น สีหน้าหวาดหวั่น
ตัวอักษรที่แนบมายิ่งสุดที่จะรับได้ “หลงเซียวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์กลางดึกเป็นตายไม่รู้แน่ ภรรยาฉู่ลั่วหานกลับร่างกายคลุมเสื้อผ้าผู้ชายปรากฏตัวด้วยท่าทางตื่นตระหนก”
และรูปที่สอง ภาพยิ่งรุนแรง ยิ่งดึงดูดให้คนจินตนาการไปไกล!
ฉู่ลั่วหานซบอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มแปลกหน้า ชายหนุ่มสวมชุดผ่าตัด มองไม่เห็นใบหน้าตรงๆ แต่ชุดผ่าตัด เงาร่างที่สูงใหญ่ ไม่พูดชื่อนามสกุล ยิ่งทำให้คนตัดสินชี้ขาดได้ง่ายกว่าพูดออกมา!
“เปิดเผยชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังของฉู่ลั่วหาน ความจริงเป็นศัลยแพทย์บางท่านของโรงพยาบาล”
เนื้อหาข่าวแถวหนึ่ง รูปภาพสองรูป ทำให้ฉู่ลั่วหานนั่งลงบนแท่นชื่อเสียงฉาวโฉ่ในการคบชู้อย่างแน่นหนา
หยวนชูเฟิน “ปึ้ก” โยนโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ สั่นสะเทือนจนแก้วจานสั่นไหวอย่างรุนแรง ส่งเสียงที่หนักอึ้งออกมา
“นังหญิงสารเลว!ฉันควรจะรู้ตั้งนานแล้วว่าเธอไม่ใช่ของดีอะไร!”
ถือโอกาสคว้ากับข้าวจานหนึ่งขึ้นมา หยวนชูเฟินยืนพรวด ก้าวเดียวข้ามมาถึงด้านหน้าของฉู่ลั่วหาน จากนั้นยกแขนขึ้น…
“คุณแม่…!!”
“พรวด!”
กะหล่ำดอกผัดหมูสับจานหนึ่งไหลลงมาตามใบหน้าของฉู่ลั่วหาน!
ฉู่ลั่วหานนิ่งอึ้งอยู่กับที่อย่างตื่นตกใจ ดวงตาทั้งสองข้างปิดลงตามความคุ้นชิน สิ่งที่ตามมาก็คือความร้อนเดือดพล่านที่ปะทะมาบนใบหน้า!
น้ำจากอาหารเปียกชุ่มเส้นผมและใบหน้าที่ขาวซีด เครื่องปรุงต่างๆไหลจากใบหน้าลงมาสู่ร่างกาย
กะหล่ำดอกติดอยู่บนปกคอเสื้อ แปะกระทบลงบนหน้าเท้าอย่างน่าอับอาย…
“ขโมยผู้ชายขโมยมาถึงโรงพยาบาลแล้ว!ฉู่ลั่วหาน ในกระดูกของเธอเลวขนาดนี้เลย?!”