คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 123 เช็ดตัวลดไข้ให้เธอ
ตอนที่ 123 เช็ดตัวลดไข้ให้เธอ
“พ่อหนุ่ม ตายแล้ว! เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก!”
ถังจิ้นเหยียนใช้มือจับเหล็กดัดหน้าต่าง “หากเธอยังไม่พ้นขีดอันตราย ผมจะไม่ตายแน่นอน”
ตึกสูง16ชั้น ถังจิ้นเหยียนปีนข้ามไปทางกระจกหน้าต่าง พยายามใช้ขาเหยียบไปที่ระเบียงห้องฉู่ลั่วหาน
ภายนอกอาคารสูงนี้ กระแสลมพัดแรงดูเหมือนว่าจะดูดคนให้ตกลงไปอย่างไรอย่างนั้น
เสื้อผ้าและผมของเขาถูกลมพัดไม่เป็นทรง ถังจิ้นเหยียนแนบไปกับกระจกหน้าต่าง หายใจเข้าลึกๆแล้วหายใจออก ในเวลานี้หากขาเขาพลาดไปก็คงไม่เหลือแม้แต่ชีวิต
แต่เมื่อเทียบกับอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับฉู่ลั่วหานแล้ว สิ่งนี้ไม่สำคัญอีกต่อไป
เพื่อนบ้านเธอตกใจจนตาค้าง กรีดร้องเสียงดังลั่น “วัยรุ่นสมัยนี้ช่างใจกล้าจริงๆ ทำอะไรไม่คิดชีวิตเลย ตายแล้วๆๆๆๆ!”
ถังจิ้นเหยียนไม่ได้ยินเสียงใดๆจากข้างใน เสียงลมทำให้หูของเขาอื้อไป สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือสามารถยืดขาไปเหยียบบนพื้นระเบียงของห้องข้างๆได้สำเร็จ
เด็กน้อย คุณต้องรอผมนะ ต้องรอผม
ทีละคืบๆ ถังจิ้นเหยียนตอนนี้ทำมุม90องศา ในที่สุดขาของเขาก็แตะไปที่พื้นระเบียง!
อาศัยแรงโน้มถ่วง ถังจิ้นเหยียนกระโดดเข้าไปที่ระเบียงห้องข้างๆทันที!
“ปึง” เสียงของถังจิ้นเหยียนที่เพิ่งผ่านประตูความตามตกลงบนแผ่นซีเมนต์ที่ระเบียง
เพื่อนบ้านคนนั้นตะโกนเสียงดังว่า “พ่อหนุ่ม สู้ๆนะ!”
แต่เมื่อคิดถึงชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ในห้องเธอในคืนนั้น ก็กลับไม่แน่ใจเสียแล้ว เห้อ หนุ่มสาวสมัยนี้ วัยรุ่นนี่ดีจริงๆ
ถังจิ้นเหยียนเอามือเกาะกำแพงแล้วพยุงตัวขึ้นมา เมื่อครู่ที่เขาทิ้งตัวลง หัวเขาได้กระแทกเข้าอย่างจังทำให้เลือดซึมออกมานอกกางเกงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเปิดประตูกระจกจากระเบียงเข้าไปถังจิ้นเหยียนก็พบผู้หญิงคนที่เขาฝ่าฟันความตายมาหา
เธอนอนขดตัวอยู่ที่โซฟาเหมือนลูกสัตว์ตัวน้อยๆ เธอห่อตัวเองอยู่บนโซฟา
แต่ว่า……!
ตอนนี้ฉู่ลั่วหานไม่ได้ใส่เสื้อผ้า เธอใช้ผ้าขนหนูห่อร่างกายไว้เท่านั้น
ถังจิ้นเหยียนทำอะไรไม่ถูก หันไปพบห้องนอนของเธอแล้วหอบผ้าห่มมาคลุมไว้จึงได้กล้าเข้าใกล้เธอ
เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้ “คุณหมอฉู่ครับ?”
ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ
เขารู้สึกถึงความผิดปกติ ถังจิ้นเหยียนจึงยื่นมือเข้าไปแตะหน้าผากเธอ มันร้อนมาก!!
“คุณหมอฉู่ครับตื่นสิ อย่าหลับนะครับ ตื่นๆๆ”
มือทั้งสองของถังจิ้นเหยียนจับไปที่บ่าของเธอ ตัวเธอร้อนมากๆ คาดว่าน่าจะมีไข้สูงถึง40องศา หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่
ถังจิ้นเหยียนกำลังจะตัดสินใจอุ้มเธอไปโรงพยาบาล แต่……!สภาพของเธอในตอนนี้หากอุ้มออกไปคงถูกเข้าใจผิดแน่ๆ
สำหรับตัวเขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แต่ฉู่ลั่วหานเป็นคนที่นักข่าวกำลังจับจ้องในตอนนี้ หากถูกพบเข้าคงไม่สามารถแก้ตัวใดๆได้
หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาจึงตัดสินใจอุ้มเธอเข้าไปในห้องนอนแล้ววางเธอลงบนเตียง นำผมในส่วนที่เปียกออกมานอกหมอน “คุณหมอฉู่?”
เขาร้องเรียกเธออีกครั้ง แต่ฉู่ลั่วหานไม่ตอบสนองใดๆ
เขานำผ้าขนหนูชุบน้ำมาวางไว้บนหน้าผากเธอแล้วตามหากล่องยา
ฉู่ลั่วหานเป็นหมอ เธอต้องมีกล่องยาสามัญประจำบ้านแน่นอน
แต่โชคไม่ดี ถังจิ้นเหยียนหากล่องยาพบ แต่ในนั้นไม่มียาลดไข้
ด้วยความจำเป็น เขาเลือกที่จะทำให้ร่างกายเธอเย็นลง
เขายื่นมือไปจับหน้าผากเธออีกครั้ง ใบหน้าแดงเรื่อเนื่องจากอาการไข้ยังไม่ลด หากเป็นอย่างนี้ต่อไปเธอคงโคม่าแน่นอน
ถังจิ้นเหยียนหายใจเข้าแล้วพูดว่า “ขอโทษนะครับคุณหมอฉู่ ตอนนี้สถานการณ์บีบบังคับ ขอให้คุณหมออภัยผมด้วย”
แม้เขารู้ดีว่ากำลังจะทำอะไร แต่เมื่อยื่นมือออกไป ความคิดภายในใจของเขาก็ขัดแย้งกัน
“ขอโทษนะครับลั่วหาน ผมรู้ว่าคุณไม่อยากให้ผมทำแบบนี้ แต่ผมแค่ต้องการให้คุณดีขึ้นเท่านั้นเอง”
มือของเขาเปิดผ้าห่มออก ถังจิ้นเหยียนหลับตาแล้วอุ้มร่างกายอันร้อนผ่าวของเธอขึ้นพลิกให้นอนคว่ำ
แผ่นหลังขาวสะอาด ผิวนิ่มละเอียดไม่มีแม้แต่รอยด่างดำใดๆทั้งสิ้น
ถังจิ้นเหยียนด่าตัวเองในใจว่าสาระเลว ในเวลาแบบนี้กลับมาคิดเรื่องพวกนี้อยู่ได้
เขาหยิบแอลกอฮอล์ขวดหนึ่งจากกล่องยา
นำแอลกอฮอล์เทใส่มือ แล้วนวดลงไปที่แผ่นหลังของเธอ……!
นวดไปตามลำดับ แผ่นหลัง ลำคอ แขน ฝ่ามือ……! ถังจิ้นเหยียนหยุดการกระทำของเขาที่บริเวณเอว หลับตาและกดเบาๆที่เอวเธอ แต่เขาไม่กล้านวดในจุดต่อไป ข้ามไปนวดที่ขาและฝ่าเท้า
“คุณหมอฉู่ครับ ถ้าคุณตื่นขึ้นมาแล้วโทษผม ผมยินดีจะรับผิดชอบทุกอย่าง”
ฝ่ามือที่อบอุ่นของเขานำแอลกอฮอล์นวดไปที่ฝ่าเท้าของเธอ การที่ผู้ชายแตะต้องเฝ่าท้าของผู้หญิงเป็นเรื่องต้องห้าม
แม้ว่าจะเป็นการช่วยชีวิต แต่ถังจิ้นเหยียนก็ยังรู้สึกไม่ดี
หมอและผู้ป่วยไม่แบ่งเพศ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นหมอแล้วจะ……!
เขาโทษตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงที่เขาช่วยลดอุณหภูมิร่างกายให้กับฉู่ลั่วหาน แต่ตัวเขาเองนั้นกลับเหงื่อโชก ร่างกายเขาใช้พลังงานไปมากพอควร แต่ความกดดันภายในนั้นมากกว่า
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เขาพลิกตัวฉู่ลั่วหานกลับมานอนหงาย ร่างกายเธอร้อนไม่สามารถห่มผ้าได้ จำเป็นต้องเปิดออกเพื่อระบายความร้อน ผ้าที่ติดกับตัวก็จำเป็นต้องคลายออก
ถังจิ้นเหยียนเปิดหน้าต่างระบายอากาศ แต่บนร่างกายเธอนั้นห่อหุ้มด้วยผ้าขนหนูเปียกชื้น ทำให้ระบายความร้อนได้ไม่ดี
โธ่เอ๊ย เขากำหมัดแน่น ใบหน้าอันหล่อเหลาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
หยิบผ้าห่มสะอาดมาผืนหนึ่ง ถังจิ้นเหยียนยืนไม่เป็นสุขอยู่ที่หน้าต่าง “คุณหมอฉู่ ตื่นสิครับ”
ฉู่ลั่วหานครึ่งหลับครึ่งตื่น ร่างกายเธอไม่ได้สติ
“ขอโทษนะครับ…”
ถังจิ้นเหยียนหลับตาแล้วเอื้อมมือไปหาปมผ้าขนหนู เมื่อสัมผัสไปที่หน้าอก ไม่รู้ว่าตัวเธอร้อนหรือมือเขาร้อนกันแน่ ความร้อนแผ่คลุมไปทั่วร่างกายของเขา ตอนนี้เขากำลังถอดผ้าขนหนูที่เปียกชื้นออกจากร่างกายเธออย่างไม่เป็นสุข จากนั้นนำผ้าห่มผืนบางมาคลุมไว้
การกระทำทั้งหมดนี้ทำให้ถังจิ้นเหยียนเหงื่อท่วมตัว หยดเหงื่อบนใบหน้าไหลลงมาราวกับสายน้ำ
เขาหยิบผ้าขนหนูโยนทิ้งไป แล้วจัดแจงห่มผ้าให้เธอ ให้ร่างกายมีพื้นที่เพียงพอสำหรับระบายความร้อนออกมา จากนั้นใช้น้ำแข็งทุบละเอียดห่อด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กนำมาวางไว้บนหน้าผากเธอ
จากนั้นเดินไปยังห้องของเธอเพื่อหาไดร์เป่าผม ช่วยเป่าผมเธอให้แห้งทีละนิดๆ เนื่องจากผมที่เปียกจะส่งผลเสียให้แก่ศีรษะฉู่ลั่วหานรู้เรื่องนี้ดี แต่เธอคงเหนื่อยเสียจนหลับไปก่อนแน่นอน?
ลู่ซวงซวงมีกุญแจสำรองของฉู่ลั่วหาน เธอเปิดประตูเข้าไปโดยเร็ว เมื่อเธอได้ยินเสียงเป่าผมและภาพที่ปรากฏตรงหน้านี้ทำให้เธอแทบช็อก
ฉู่ลั่วหานนอนอยู่บนเตียง ถังจิ้นเหยียนนั่งอยู่ข้างๆ เขาเป่าผมเธอด้วยความระมัดระวัง กลัวว่าจะทำให้เธอเจ็บ
ดวงตาที่อ่อนโยนมองไปที่ใบหน้าของเธอ ราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิเดือนมีนาคม ริมฝีปากปิดสนิทโดยไม่มีคำพูดใดๆ แต่ดูคล้ายมีคำพูดมากมายที่ต้องการพูดออกมาส่งเสียงไปพร้อมกับไดร์เป่าผม
ลู่ซวงซวงจ้องมองภาพที่สวยงามนี้ ในใจเธอเหมือนถูกมนต์สะกด
บนโลกนี้จะมีผู้ชายสักกี่คนที่ปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างอ่อนโยนเช่นนี้? บนโลกนี้จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่โชคดีมีคนคอยช่วยเหลือเวลาบาดเจ็บเช่นนี้?
ลู่ซวงซวงไม่รู้ว่าน้ำตาแห่งความซาบซึ้งของเธอไหลออกมาได้ยังไง
เธอที่สูดน้ำมูกทำให้คนที่อยู่ในห้องได้ยิน
ถังจิ้นเหยียนเป่าผมเธอแห้งพอดี เมื่อได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอกก็หันไปดูพบว่าเป็นลู่ซวงซวง
ทั้งสองยืนห่างกันไม่กี่เมตร ลู่ซวงซวงปาดน้ำตาแล้วเดินเข้าไป ทำเป็นไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วพูดว่า “คุณหมอถัง ลำบากแย่เลยนะคะ”
ถังจิ้นเหยียนเก็บไดร์เป่าผมแล้วยิ้มตอบว่า “ไม่เป็นไรครับ เพื่อเธอผมทำได้ทุกอย่าง”
ลู่ซวงซวงพยักหน้ารับรู้ “คุณหมอถังคะ ช่วงนี้ชีวิตเธอพบเจอเรื่องราวต่างๆมากมาย ฉันก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี”
ถังจิ้นเหยียนนำไดร์เป่าผมไปเก็บไว้ที่เดิมตรงชั้นวางของชั้นที่สอง
“คุณไม่ต้องพูดอะไรหรอกครับ ผมเข้าใจทุกอย่างและรับได้ทุกอย่าง” ถังจิ้นเหยียนเสื้อผ้าเปียกโชก แต่ไม่ได้ทำให้ความสง่างามของเขาลดน้อยลงแต่อย่างใด
ลู่ซวงซวงมองดูเขา แล้วมองไปที่ขวดแอลกอฮอล์วางอยู่บนโต๊ะ ผ้าขนหนู ผ้าห่ม……!
เธอเบิกตากว้าง “คุณ……!เมื่อกี้……!”
เขาไม่ได้เห็นเธอในสภาพเปลือยเปล่าใช่ไหม?
“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ ผมแค่ใช้หลักวิทยาศาสตร์จัดการความร้อนในร่างกายเธอเท่านั้น ส่วนเรื่อง……!ผมเข้าใจดี” ถังจิ้นเหยียนยิ้มตอบด้วยความเหนื่อย แต่รอยยิ้มนั้นช่างจริงใจและดูซื่อบื้อ
หน้าเขาแดงเรื่อ เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งถูกถามถึงเรื่องที่ทำให้หน้าแดง
ลู่ซวงซวงขำในท่าทางของเขา “คุณหมอถังคะ ฉู่ลั่วหานถ้าไม่เลือกคุณ เธอคงสูญเสียไม่น้อย”
ถังจิ้นเหยียนพูดว่า “ไม่ว่าเธอจะเลือกผมหรือไม่ ผมจะไม่ทำให้เธอต้องสูญเสีย”
ผู้หญิงที่ไม่เคยได้ฟังคำรักจากใครอย่างเธอ คุณหมอถังช่างพูดเสียจริงๆ เดี๋ยวก่อนนะ ตอนนี้เพื่อนเธอยังสลบอยู่ “เอ่อ คุณเข้ามาได้ยังไงคะ?เธอไม่ได้เปิดประตูให้คุณใช่ไหม?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ตัวเขาเองก็เกิดความกลัวขึ้นมา “ไม่ใช่ครับ ผมปีนมาจากหน้าต่างห้องข้างๆ”
เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย ลู่ซวงซวงยังไม่ทันได้คิด แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเธอก็เช้าใจ!
“หา… คุณบอกว่าคุณ……!นี่มันชั้นที่16นะ!คุณไม่กลัวตกลงไปตายหรือไง!”
ถังจิ้นเหยียนยิ้ม ดวงตาเป็นประกายคู่นั้นเป็นสีแห่งความสุข “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ต่อให้ผมตายก็คงไม่เสียดายหรอกครับ”
พระเจ้า นี่มันชั้นที่16นะ ตกลงไปก็ตายลูกเดียว
ลู่ซวงซวงก้มตัวลงไปตะที่หน้าผากฉู่ลั่วหาน ยังมีไข้อยู่ “คุณหมอถังคะ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
ถังจิ้นเหยียนล้างมือเสร็จก็พูดว่า “ตามสบายครับ”
ลู่ซวงซวงกัดฟันแล้วถามว่า “ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคุณถึงดีกับเธอขนาดนี้……!พวกคุณรู้จักกันได้ไม่นานมาก ไม่น่าจะยอมทำเรื่องเสี่ยงตายเพื่อเธอขนาดนี้ เป็นเพราะอะไรกันคะ?”
ถังจิ้นเหยียนหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาแล้วนำไปตาก “การที่เรารักใครบางคนมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาหรอกนะครับ และไม่ได้อยู่กับคนที่ถูกรัก เป็นเรื่องที่ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้ ผมเองก็อยากรู้ว่าทำไมถึงได้รักเธอขนาดนี้”
พูดจบก็ยิ้มแล้วส่ายหัว “แต่ถ้าหากสามารถบอกถึงเหตุผลได้ ก็คงไม่เรียกว่าความรักมั้งครับ?”