คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 122 บาดเจ็บก็ต้องรักษาเอง
ตอนที่ 122 บาดเจ็บก็ต้องรักษาเอง
“ฟังนะ เรื่องนี้ฉันไม่ใช่คนทำจริงๆ ฉันไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย คุณช่วยลองไปสืบดูว่าบุคคลนี้เป็นใครมาจากไหน และมีวัตถุประสงค์อะไรกับบริษัทฉู่ซื่อ? อีกอย่าง รบกวนเรียกประชุมคณะกรรมการผู้บริหารให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้เจอตัวของเขา”
ฟางหลิงหยู้หัวเราะเหมือนผู้ใหญ่ได้ฟังเรื่องตลกจากเด็กน้อยอย่างไรอย่างนั้น “ฉู่ลั่วหานเธอปัญญาอ่อนหรือไง?ให้ฉันสืบหาว่าเขาเป็นใคร ฮ่าๆๆๆๆ แกเห็นว่าฉันเป็นตำรวจหรือนักสืบ?”
ฉู่ลั่วหานตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “บริษัทฉู่ซื่ออยู่ในมือของคุณ แต่คุณบอกว่าคุณไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาเป็นใคร คุณกำลังเล่นตลกเหรอ!”
“คนที่เล่นตลกอยู่น่าจะเป็นเธอมากกว่านะ!ฉู่ลั่วหาน แกคิดว่าการสืบหาข้อมูลของคนที่ไม่ต้องการเปิดเผยมันง่ายนักหรือไง? แกคิดว่าบริษัทฉู่ซื่อเป็นMBKที่วงการธุรกิจเกรงกลัวงั้นเหรอ อย่ามัวแต่ฝันสิ!”
“ฉู่ลั่วหานกัดฟัน มือของเธอกำพวงมาลัยรถไว้แน่น ทั้งผมและร่างกายของเธอเต็มไปด้วยกลิ่นคาวของไข่ไก่ ดูแล้วช่างน่าสมเพช “บริษัทฉู่ซื่อไม่ใช่ของคุณอีกต่อไปแล้ว ฟางหลิงหยู้คุณจะพูดจาอะไรรบกวนระวังหน่อย”
ไม่มีใครรับผิดชอบคำพูดของเธอได้
ฟางหลิงหยู้หัวเราะแล้วพูดว่า “บริษัทฉู่ซื่อไม่ได้อยู่ในการดูแลของฉันแล้วก็จริง แต่ว่าฉันยังเป็นผู้ถือหุ้นอยู่!”
ให้ตายสิ!ฉู่ลั่วหานกำพวงมาลัยแน่น!
ฉู่ลั่วหานวางสายอย่างไม่ไยดี
เป็นใครกัน?
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฉู่ซื่อ นั่นหมายความว่าเขามีหุ้นอยู่ในมือมากกว่าฟางหลิงหยู้ ใครกันที่ซื้อหุ้นครั้งเดียวในปริมาณมากกว่า25เปอร์เซ็นต์?
ในตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงเช้า โทรทัศน์วิทยุเริ่มทำการกระจายข่าวสาร
“เนื่องจากฉู่ซีหรานสร้างความวุ่นวายขึ้นและประกอบกับหุ้นของบริษัทฉู่ซื่อแย่ลง ภายในเวลาไม่ถึง24ชั่วโมงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำลายสถิติการเปลี่ยนตัวประธานที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์! บุคคลลึกลับที่เป็นตัวการในการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในครั้งนี้ด้วยเวลาเพียงสิบชั่วโมงสั้น ๆ ปัจจุบันยังไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและยังไม่มีแถลงการณ์ใดๆ "
ข่าวนี้ปรากฏขึ้นต่อหน้าตระกูลหลง ถังจิ้นเหยียน ฉู่ลั่วหานและคนอื่นๆในเวลาเดียวกัน
สมาชิกตระกูลหลงมีปฏิกิริยาเดียวกัน พวกเขาเชื่อว่าหลงเซียวเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง!
“ใช้ไม่ได้! เรื่องของตัวเองยังจัดการไม่สำเร็จ แต่มีเวลามากพอไปช่วยผู้หญิงคนหนึ่ง!”
หยวนชูเฟินพยายามออกหน้าให้ลูกชาย “เมื่อตอนเกิดเหตุหลงเซียวยังอยู่บนเครื่องบินอยู่เลย เขาจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน? อีกอย่างเมื่อเดินทางไปถึงอเมริกาแล้วคงมีเรื่องต้องจัดการมากมาย เรื่องที่ซีแอตเทิลทำให้เขาปวดหัวมากพอแล้ว จะเอาเวลาและเรี่ยวแรงที่ไหนมา?กันคะ”
“ตัวไม่อยู่ก็ไม่สามารถจัดการได้งั้นหรือ? เขาเอาเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นไปสนับสนุนตระกูลฉู่ ถ้าไม่ใช่เขา!”
“คุณคะ การเคลื่อนไหวเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้ ทางบริษัทต้องมีข่าวคราวบ้างละ อย่างน้อยฝ่ายการเงินก็……!”
“พอเถอะคุณ! ถ้าเขาต้องการปิดบังคุณ จะให้รู้ถึงหูคุณเหรอ?!”
หลงถิงพูดแล้วรีบเดินออกจากห้องรับแขกไป เหลือเพียงหยวนชูเฟินนั่งอยู่ในห้องรับแขกตามลำพัง มือเธอกุมขมับแล้วคิดว่า หลงเซียวหนอหลงเซียว! ช่างทำอะไรไม่คิดจริงๆ!ทำไมทำอะไรไม่คิดเลย!
สิ่งที่ทำให้หลงถิงคิดมากนั้นคือความสัมพันธ์ของตระกูลหลงและตระกูลฉู่ ในสายตาของตระกูลหลง ตระกูลฉู่เป็นเพียงขยะที่ไม่มีวันเชิดหน้าชูตาได้ หากนำชื่อของตระกูลฉู่มาวางไว้ที่เดียวกับตระกูลหลง ช่างน่าอับอายยิ่งนัก
หากเรื่องที่หลงเซียวแอบช่วยเหลือตระกูลฉู่ทั้งยังกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฉู่ซื่อเป็นเรื่องจริงละก็หลงถิงคงต้องอบรมสั่งสอนเขาอย่างไม่ไว้หน้าแน่
เมื่อซ่งหวั่นยวี่นึกถึงลูกชาย ก็โทรศัพท์ไปแต่ไม่สามารถติดต่อได้
ถังจิ้นเหยียนเองเมื่อเห็นข้อมูลนี้ ก็กำมือถือไว้แน่น!
เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง?!
“ฮัลโหล? ทำไมไม่พูด? เอาเงินออกมาแล้วจะเอาไปใช้อะไรบ้าง?ฮัลโหล?”
ถังจิ้นเหยียนจ้องมองไปที่โทรทัศน์กำลังออกข่าวนั้นอยู่นานสองนาน บริษัทฉู่ซื่อถูกควบคุมโดยใครบางคน จะเป็นใครกัน?
หลงเซียว?
ตอนนี้เขาอยู่ที่อเมริกา เขาคงไม่มีเวลามาใส่ใจบริษัทฉู่ซื่ออย่างแน่นอนหรือจะแบ่งร่างได้กันนะ ?
“ไม่ต้อง เอาไว้ก่อนแล้วกัน”
ถังจิ้นเหยียนวางมือถือลง เขาไม่ได้นอนมาทั้งคืน การเปลี่ยนแปลงของตระกูลชูในชั่วข้ามคืน ช่างมาเร็วและหายไปเร็วเหลือเกิน
ไม่รู้ว่าตอนนี้ฉู่ลั่วหานเป็นอย่างไรบ้าง
ถังจิ้นเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาเธอ แต่ไม่มีใครรับสาย
เธอคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?คงไม่คิดสั้นใช่ไหม?
เมื่อคิดได้ดังนั้น ถังจิ้นเหยียนรีบลงมาขึ้นรถแล้วตรงไปยังโรงพยาบาลทันที
ฉู่ลั่วหานกลับมาถึงห้อง เธอถอดเสื้อผ้าที่ส่งกลิ่นเหม็นคาวคลุ้งออกและจัดการขัดเนื้อตัวอย่างแรง
น้ำตาไหลออกมาเป็นสายน้ำ ผมที่เปียกน้ำของเธอปกคลุมไปทั่วบ่า
ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ก้มลงเอามือจับเขาแล้วร้องไห้ออกมาอย่างคนบ้าคลั่ง
บ้านถูกเปลี่ยนเจ้าของ บริษัทเปลี่ยนคนดูแล ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเคยมีมาก่อนหน้านี้หายไปในพริบตา มันเร็วเกินกว่าที่เธอจะรับไหว
เธอไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะร้องไห้ง่ายๆ แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้อีกนอกจากใช้น้ำตาระบายความทุกข์ในใจ?
เมื่อเธอชำระร่างกายสะอาดเรียบร้อยแล้ว จึงใช้ผ้าขนหนูห่อตัวเดินออกมายังห้องรับแขกด้วยเท้าอันเปียกชุ่ม ยังไม่ทันได้นั่งลงเธอก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาอย่างรุนแรง!
เธอกำมือแน่นด้วยความเจ็บปวด ตัวงอจนลุกขึ้นไม่ไหว
น้ำตาไหลอาบลงทั่วใบหน้า
หลงเซียว……!
คุณอยู่ที่ไหน?
พ่อคะแม่คะ ……!
พวกท่านอยู่ที่ไหนกัน?
เธอลากตัวเองมาที่โซฟา ฉู่ลั่วหานไม่ทันได้เป่าผมให้แห้งก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
ณ โรงพยาบาล
ถังจิ้นเหยียนไม่พบแม้แต่เงาของฉู่ลั่วหาน เธอคงไม่ได้เดินทางมาที่นี่สินะ
แล้วเธอจะไปที่ไหนกัน
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ในห้องทำงาน เมื่อเขารวมความเป็นไปได้ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น ถังจิ้นเหยียนก็รู้สึกร้อนรนใจอย่างยิ่ง ฉู่ลั่วหานจะเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด
เจ้าหน้าที่นำข้อมูลผู้ป่วยเข้ามาในห้องเขา ก็ถูกเขาปฏิเสธไปโดยไม่ต้องคิด ในเวลานี้เรื่องของเธอสำคัญที่สุด เขาไม่มีกะจิตกะใจไปทำเรื่องอื่นอีก
เมื่อเขามาถึงที่โรงพยาบาลก็ได้ยินผู้คนพูดถึงเรื่องบริษัทฉู่ซื่อและฉู่ลั่วหานกันมากมาย ล้วนเป็นข้อมูลเชิงลบ มันน่าคับแค้นใจนัก
เรื่องราวของบ้านตระกูลฉู่แพร่กระจายไปทั่วโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
ตระกูลหลง ตระกูลฉู่ ฉู่ลั่วหาน ฉู่ซีหราน เป็นคำพูดที่ได้ยินไม่ขาดหูในโรงพยาบาล น่าโมโหยิ่งนัก!
เขาให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของฉู่ลั่วหาน มากกว่าตัวเขาเสียอีก เขาจะไม่ให้ใครที่ไหนมาพูดถึงเธออย่างเสียหายได้!
“กลับไปทำงานกันได้แล้ว อย่าให้ผมได้ยินเรื่องไร้สาระอีกแม้แต่คำเดียว ไม่อย่างนั้นเตรียมตัวออกไปจากที่นี่ได้เลย!”
ถังจิ้นเหยียนไม่เคยโมโหเช่นนี้มาก่อนในที่สาธารณะ เขาลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองนั้นอยู่ในฐานะเพียงผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่ปกป้องฉู่ลั่วหานอยู่เท่านั้น
บรรดาแพทย์และพยาบาลแยกย้ายกันไปเรียบร้อยแล้ว ถังจิ้นเหยียนก็ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะอย่างแรงจนมือห้อเลือด
หลงเซียว ถ้าคุณไม่มีความสามารถพอที่จะปกป้องเธอก็ควรปล่อยเธอไปซะ!อย่ามาทำร้ายเธอแบบนี้อีกเลย!
เมื่อลู่ซวงซวงเห็นข่าวก็ตกใจจนลุกขึ้นยืน “ปึง” หัวของเธอชนเข้ากับหลังคารถอย่างจัง เจ็บจนเธอต้องนั่งลงด้วยความรวดเร็ว
“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้!บริษัทฉู่ซื่อจะ……”
นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญในตอนนี้ ที่สำคัญคือภาพที่ฉู่ลั่วหานยืนอยู่หน้าคฤหาสน์เพียงลำพัง และยอมรับผิดออกมาขอโทษทั้งปล่อยให้ผู้คนด่าทอขว้างปาสิ่งของใส่เธอ
ผู้หญิงที่งามราวกับนางฟ้า แต่กลับถูกแม่เลี้ยงจิตใจสกปรกอย่างฉู่ซีหรานดูถูกได้ถึงเพียงนี้!
“แม่งเอ๊ย!ไอ้พวกหมาหมู่ไร้ศีลธรรม!เลว!”
ลู่ซวงซวงเผลอเอ่ยคำสบถออกไป “ออกรถ ไปหานางฟ้าของฉันหน่อย!”
ในระหว่างทางเธอโทรหาฉู่ลั่วหานไม่หยุด แต่ปลายทางไม่มีผู้รับสาย
ฉู่ลั่วหานจ๋า รับโทรศัพท์หน่อยได้ไหม มีเรื่องอะไรพวกเรามาช่วยกันแก้ไขสิ จะเอาไปเก็บไว้คนเดียวแบบนั้นทำไมกัน ทำไมเธอถึงชอบแบกรับภาระทุกอย่างไว้คนเดียว!
รับโทรศัพท์สิ!
แต่ทุกสายที่เธอโทรไปก็ได้รับเสียงตอบรับให้ฝากข้อความ และปิดเครื่องไปในที่สุด
ขณะที่ขับรถไปด้วยความเร็วสูง มือถือขอลู่ซวงซวง ก็ดังขึ้น
เป็นสายของถังจิ้นเหยียน
“คุณลู่ เธออยู่ที่ไหนกัน?ผมติดต่อเธอไม่ได้เลย”
ถังจิ้นเหยียนพูด จริงอยู่ว่าหากฉู่ลั่วหานเป็นอะไรไปเขาคงกังวลมาก
“ฉันก็ติดต่อเขาไม่ได้เหมือนกัน แต่ตอนนี้มีสองวิธีที่จะตามหาเธอ หนึ่งไปที่คฤหาสน์ สองไปที่ห้องของเธอ ฉันจะส่งที่อยู่ไปให้คุณนะ”
“ได้ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”
ลู่ซวงซวงกัดฟันพูดว่า “คุณหมอถัง แม้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของฉู่ลั่วหานกับหลงเซียวจะประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ว่า……!”
“ผมรู้ดี ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะคุยกันเรื่องนี้ พวกเราแยกย้ายกันหาเธอ ต้องรับประกันความปลอดภัยของเธอก่อนอันดับแรก”
ถังจิ้นเหยียนมีสติดีมาก ทำให้ลู่ซวงซวงที่สุดกังวลใจเมื่อครู่เบาลงได้ไม่น้อย “ค่ะ คุณพูดถูก ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องรับประกันความปลอดภัยของเธอก่อน”
หลังวางสาย ลู่ซวงซวงก็สั่งคนขับรถว่า “ไปรีสอร์ตหยีจิ่ง”
ที่คฤหาสน์นั้นหากให้ถังจิ้นเหยียนไปคงไม่เหมาะสมนัก แต่เธอก็หวังว่าตอนนี้ฉู่ลั่วหานจะไม่อยู่ที่คฤหาสน์ ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องทนกับสายตาดูถูกของตระกูลหลง
ถังจิ้นเหยียนคุณห้ามทิ้งนางฟ้าของฉันนะ คุณต้องอดทนต้องสู้ให้ถึงที่สุด!
รถสีดำคันหนึ่งมาถึง ถังจิ้นเหยียนรีบขึ้นลิฟต์และวิ่งไปด้วยความรวดเร็ว จากชายหนุ่มผู้ที่สง่างามดุจเทพบุตร บัดนี้เต็มไปด้วยความรีบเร่งและกังวลใจ
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เขายืนอยู่หน้าห้องพักของฉู่ลั่วหาน กดกริ่งแต่ไม่มีเสียงตอบรับ
“คุณหมอฉู่ คุณหมอฉู่ครับ!”
เขาเคาะประตูและร้องเรียกเธอ แต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา
“ฉู่ลั่วหาน คุณอยู่ข้างในหรือเปล่า?”
ยังไม่มีเสียงตอบรับใดๆ หรือว่าเธอจะอยู่ที่คฤหาสน์?”
ทันใดนั้นมีสายเข้าจากลู่ซวงซวง “คุณหมอถังคะ ฉู่ลั่วหานไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ เธอต้องอยู่ที่ห้องแน่ๆ มือถือก็ปิดเครื่อง แต่ฉันแน่ใจว่าเธออยู่ข้างใน เพราะที่แห่งนั้นคือที่ๆจะเยียวยาทุกสิ่งให้กับเธอ เธอไม่ได้ไปไหนแน่นอน”
ถังจิ้นเหยียนตอบรับ “วางใจเถอะครับ ผมจะดูแลเธอให้ดี”
“ฉันจะตามไปเดี๋ยวนี้ คุณช่วยดูแลเธอให้ดีนะคะ”
เมื่อวางสายถังจิ้นเหยียนก็เคาะประตูห้องต่อ “ฉู่ลั่วหานเปิดประตูหน่อยครับ อย่าเก็บตัวเงียบคนเดียวแบบนี้ เรามาช่วยกันหาทางออกดีกว่านะครับ ให้โอกาสผมอยู่เป็นเพื่อนคุณได้ไหม?”
ถังจิ้นเหยียนเคาะประตูแต่ไม่เป็นผล กลับเป็นประตูห้องข้างๆที่เปิดออก เป็นผู้หญิงคนเดียวกันที่เตือนฉู่ลั่วหานเรื่องขโมย
เมื่อเธอเห็นถังจิ้นเหยียนก็พูดด้วยความสงสัยว่า “อ้าวเปลี่ยนคนแล้วเหรอ?ครั้งที่แล้วไม่ใช่คุณนี่นา”
แม้จะเปลี่ยนคน แต่ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้านี้ก็ดูดีมีสง่า ถึงจะเป็นคนละสไตล์กันแต่ก็รอไม่แพ้กันเลยทีเดียว
เธอเริ่มสงสัยว่าเพื่อนบ้านของเธอเป็นใครกันแน่?
เมื่อก่อนไม่เคยเห็นมีผู้ชายสักคน แต่ในระยะเวลาสั้นๆนี้กลับมีเข้ามาถึงสองคน ทั้งยังดูดีไร้ที่ติ!
ถังจิ้นเหยียนไม่มีเวลามาใส่ใจคำพูดของเธอ ถามไปตรงๆว่า “คุณเห็นมีคนเข้าไปไหม?”
เธอพยักหน้า “เมื่อเช้าเหมือนเห็นนะ ตอนที่เข้าไปเธอสกปรกไปทั้งตัว……!”
เธออยู่ข้างในแน่ๆ เด็กน้อยเอ๋ย ทำไมต้องหลบไปรักษาตัวเองคนเดียวด้วย
ไม่ได้การละ เขาต้องทำอะไรสักอย่าง!
ตึกนี้มีระเบียงเชื่อมต่อกัน สามารถปีนหน้าต่างอีกห้องไปยังอีกห้องได้!
“ผมต้องการยืมหน้าต่างห้องคุณสักครู่ ขอร้องเถอะนะครับ เธอกำลังตกอยู่ในอันตราย”
เพื่อนบ้านยืนงงกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ถังจิ้นเหยียนมองดูแล้วสุภาพเรียบร้อยไม่เหมือนคนร้าย จึงได้พยักหน้ากลับไปอย่างงงๆ “ได้ค่ะ……!”
ฉู่ลั่วหานอยู่ชั้นสิบหก หน้าต่างของทั้งสองห้องนั้นแม้จะไม่ห่างกันมากนัก แต่การที่จะปีนไปอีกห้องหนึ่งก็ต้องระมัดระวังมาก หากพลาดตกลงไปคงไม่ต้องพูดถึง……!
ถังจิ้นเหยียนก้าวขาทั้งสองข้างไปที่ระเบียง พลิกตัวและกำลังจะปีนข้ามไป!