คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 117 คุณนายหลง ผมไม่มีทางปล่อยคุณไป
ตอนที่ 117 คุณนายหลง ผมไม่มีทางปล่อยคุณไป
“ผมรู้ว่าคุณกำลังกังวลเรื่องอะไร แม่เคยไปหาคุณ คงจะไปกดดันคุณไว้ แต่ว่าหมอฉู่ คุณเชื่อในตัวสามีของคุณมากแค่ไหนกัน?”
“คุณคิดว่าผมไม่มีความสามารถที่จะปกป้องคุณ? ต้องการให้คุณถอยออกไป เพื่อปกป้องชีวิตในอนาคตของผมเหรอ?”
“ทุกวันนี้ที่ผมเดินมาถึงจุดนี้ได้ ไม่ใช่เพราะเดินขึ้นฟ้ามาหรอกนะ ดังนั้น เชื่อใจผม แม้ว่าเมื่อก่อนคุณไม่เคยเชื่อใจผมก็ตาม แต่ครั้งนี้ ลองให้โอกาสผมได้พิสูจน์สักครั้ง ผมจะทำให้คุณได้เห็น ว่าผมมีอำนาจมากพอที่จะทำให้คุณมีความสุขไปตลอดชีวิต”
หลังจากจูบที่อ้อยอิ่งอยู่นาน เขาจับใบหน้าของเธอด้วยความรัก มองดูดวงตาของเธอ และพูดขึ้นอย่างมั่นคง หนักแน่น
ฉู่ลั่วหานดึงสติคืนมาราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเกือบตกเข้าไปอยู่ในดวงตาที่เป็นวังวนของเขา ก็รีบหลับตาลงทันที
ทำไมเขาถึงรู้ได้ว่าหยวนชูเฟินเคยพบเธอ? ที่สำคัญยังรู้รายละเอียดบทสนทนาระหว่างพวกเธอแล้ว?!
การรับรู้นี้ทำให้เธอตื่นตระหนกมาก “หลงเซียว คุณ……”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ผมไม่มีทางปล่อยคุณไป ไม่ว่าคุณอยากจะไปไหน กับใครก็ตาม ผมก็สามารถหาคุณเจอ คุณจะลองดูก็ได้นะ”
หลงเซียวไม่ได้พูดล้อเล่น เขามีความสามารถนี้จริงๆ หากเขาต้องการตามหาใครสักคนให้พบ มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายมากจริงๆ!
แต่ว่า พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายที่เธอได้รับปากกับหยวนชูเฟินไว้
เหมือนว่าเขาจะไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่นัก ดึงเธอขึ้นมา “บนมือของผมมีแผล คุณเคยสั่งเอาไว้ว่าห้ามโดนน้ำ ดังนั้นเดี๋ยวตอนอาบน้ำ หวังว่าคุณนายหลงจะสามารถช่วยเหลือ”
อ่า?
การกระทำที่ตรงไปตรงมาของท่านเซียวนี้ ในขณะที่เธอกำลังประหลาดใจอยู่นั้นข้อมือของเธอก็ได้ถูกดึงเข้าไปในห้องน้ำของห้องนอนใหญ่อย่างเอาแต่ใจแล้ว!
เสียงน้ำไหลดังขึ้น เขาอ้าแขนทั้งสองข้างออก “งั้น ก็เริ่มตั้งแต่ถอดเสื้อเลยก็แล้วกัน……”
ฉู่ลั่วหาน: “……”
หลังจาก 1 ชั่วโมงผ่านไป ท่านเซียวก็ห่อผ้าขนหนูผื่นหนึ่งไว้แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ
เธอยืนอยู่ในห้องน้ำด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ มองดูตัวเองที่มีรอยสีแดงๆ บริเวณลำคอจากภายในกระจก ในหัวยังคงฉายภาพความหยาบคาย และป่าเถื่อนของเขา แล้วก็ความเจ็บปวดรวดร้าวที่เขาทิ้งไว้ให้
เขาเกือบจะฉีกฟางเส้นสุดท้ายออกตอนที่อยู่ในห้องน้ำ!
ท่านเซียวนั่งลงบนโซฟาภายในห้องนอนอย่างเกียจคร้าน โทรศัพท์ดังขึ้น
“คุณชายหลง ให้ตายเถอะ เรื่องราวระหว่างพวกคุณทำเอาซับซ้อนมากจริงๆ ทั้งมือที่สาม ทั้งความสัมพันธ์เมื่อ 5ปีก่อน พวกคุณล้อเล่นเหรอ?!”
ปลายนิ้วที่เรียวยาวของท่านเซียวชี้ไปที่หน้าผาก ศอกวางไว้บนโซฟา “แกไอเมื่อวานซืนถ้าไม่มีธุระอะไรทำ ก็ไสหัวไปได้แล้ว”
“ไม่เอาหน่า ผมจะเป็นห่วงคุณบ้างไม่ได้หรือไง? พูดมาสิ ตอนนี้คุณอยู่กับใคร? คนรักเมื่อ 5 ปีก่อน หรือว่าภรรยาเมื่อ 3 ปีก่อน?”
ท่านเซียวอยากดึงเขากลับมาจากอเมริกา แล้วต่อยจมูกให้เบี้ยวภายในคราวเดียวซะตอนนี้เลย
“ผมก็ต้องอยู่กับคนที่ผมรักแน่นอนอยู่แล้ว”
กู้เยนเซินสำลักเล็กน้อย “ดังนั้น การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของคุณคืออยากจะอยู่กับฉู่……เอ่อ คุณหมอสาวสวยเหรอ? เรื่องอื่น คุณไม่สนใจแล้วเหรอ?”
“ผมค่อนข้างมั่นใจว่า คนที่ผมรักคือเธอ สำหรับเรื่องอื่นนั้น ผมไม่คิดสนใจอีก ผมแค่อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับเธออย่างสงบสุขเท่านั้น”
กู้เยนเซินส่งเสียงหวีดร้อง “คุณชายหลงจะทำดีแล้ว มา ชนแก้วฉลองกันหน่อย!”
เขาต้องการอยู่กับเธอ แต่ตอนนี้มีปัญหาบางอย่างยังที่ยังสะสางไม่เสร็จ เขาจะต้องขจัดอุปสรรคทั้งหมดก่อนนี้ทิ้งก่อน
วันรุ่งขึ้น ณ โรงพยาบาล
“หมอฉู่ นี่คือแบบฟอร์มการตรวจร่างกาย ตารางตรวจร่างกายของแผนกเราเป็นเวลา 10 โมงถึง 12 โมง ฉันตื่นเต้นมากเลย!”
ฉู่ลั่วหานกวาดสายตามองตารางสักพัก “ทุกปีก็จะต้องตรวจร่างกายหนึ่งครั้งอยู่แล้ว จะตื่นเต้นทำไมกัน?”
จ้าวเหมียนเหมียนกอดแขนของตัวเองไว้อย่างโอเวอร์ “จะต้องเจาะเลือดด้วย! เจาะเลือดเจ็บนะ เจ็บมากๆ เลยด้วย”
จี้ซือหยู่ดูหมิ่นเธอ “ก็แค่เจาะเลือดเอง เธอเจาะเลือดให้คนอื่นทุกวัน แล้วนี่จะให้คนอื่นเจาะให้เธอบ้างไม่ได้หรือไง?”
เริ่มตั้งแต่เวลาแปดโมง ฉู่ลั่วหานยุ่งอยู่ตลอด สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ โทรศัพท์มือถือเงียบมาก เธอกลับไม่ได้รับโทรศัพท์ข่มขู่จากหยวนชูเฟินเลย โม่หรูเฟยเองก็ไม่ได้รบกวนเธอด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้นก็เงียบจนทำให้รู้สึกกังวล
เมื่อเห็นเอกสารในลิ้นชักที่ต้องเอาไปให้ถังจิ้นเหยียนเซ็นชื่อ ฉู่ลั่วหานก็เดินออกจากห้องแล้วขึ้นลิฟต์ไป
เวลานี้ ภายในห้องทำงานของเกาหยิ่งจือ
โทรศัพท์ถืออยู่ที่ข้างหู ภายในสายคือเสียงร้องไห้ของโม่หรูเฟย “พี่คะ ฮือฮือฮือ ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว! ถูกไล่ออกมาจากตระกูลหลงทั้งแบบนี้ ฉันไม่พอใจ! ต่อให้ฉันตายไปก็ไม่พอใจ!”
เกาหยิ่งจือกำปากกาแน่นสายตาเย็นชา “ทำไมจู่ๆ ถึงได้ไล่คุณออกมาอย่างกะทันหันแบบนี้? คุณลุงกับคุณป้าล่ะว่ายังไง?”
“จะว่ายังไงได้ล่ะ? พ่อกับแม่ของฉันโกรธจะตายอยู่แล้ว! เธอว่า ฉันในตอนนี้ ถ้าเกิดว่าแต่งเข้าไปในตระกูลหลงไม่ได้ชีวิตนี้ก็จบแล้ว!”
เกาหยิ่งจือขมวดคิ้วแน่น “หยวนชูเฟินเหรอ? เธอก็มีความชั่วในแบบของพวกเขา?”
โม่หรูเฟยร้องไห้อย่างดุเดือด และน่าสงสารมากขึ้นกว่าเดิม “หยวนชูเฟินก็ไม่รู้ว่าถูกอะไรเข้าสิง กลับบอกกับฉันว่า ให้ฉันรอ และยังบอกอีกว่าหลงเซียวข่มขู่เธอ! หลงเซียวจะข่มขู่เธอได้ยังไงกัน?”
เรื่องนี้ ไม่ง่ายอีกต่อไป
“ดูเหมือนว่า หลงเซียวจะรู้แล้ว เขาจึงชิงลงมือสกัดกั้นแผนการที่หยวนชูเฟินคิดจะกดดันฉู่ลั่วหานก่อน เธอเองก็อย่าเพิ่งใจร้อนไป พวกเรามาลองคิดหาวิธีกันใหม่ดู หรูเฟย ปกป้องเด็กในท้องของเธอให้ดี เรื่องนี้ยังไม่จบ”
“พี่คะ ฉัน……ในท้องของฉัน……”
“หรูเฟย! ฟังให้ดีนะ เด็กในท้องของเธอคือลูกของหลงเซียว! จำไว้!”
นิ้วเรียวของโม่หรูเฟยจิกลงบนหมอนผ้าไหมสีทอง ราวกับจะฉีกเส้นไหมจนขาดเสียให้ได้ “คะ พี่ คุณมีวิธีอะไร? หลงเซียวเขากลบข่าวที่ฉันปล่อยออกไปจนหมดแล้ว เรื่องของพวกเราเมื่อห้าปีก่อนตอนนี้แค่ค้นหาก็ยังหาไม่เจอเลย”
“อำนาจของเขาเธอควรจะรู้จักตั้งนานแล้ว อย่าร้อนรนไป ฉันขอคิดดูก่อน……”
หลังจากวางสายไป เกาหยิ่งจือก็ย่ำเท้าอยู่ในห้องทำงาน ฉู่ลั่วหานไม่เพียงแค่เป็นศัตรูของโม่หรูเฟย แต่ยังเป็นศัตรูของเธอด้วย เธอไม่มีทางปล่อยให้ฉู่ลั่วหานได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแน่
ในตอนนี้เอง ก็มีนางพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามา แสยะยิ้มเล็กน้อย “รองคณบดีเกา นี่คือแบบฟอร์มการตรวจร่างกายของแผนกโรคหัวใจ การตรวจร่างกายของแผนกเราจะเริ่มตั้งแต่เวลาสิบโมง ขอให้คุณใส่ใจกับเวลาด้วย”
เกาหยิ่งจือตอบอือกลับไปอย่างเย็นชา รับแบบฟอร์มการตรวจร่างกายไว้แล้วปังวางลงบนโต๊ะ
เดี๋ยวก่อน……
สายตาที่มืดมนของเธอมองไปที่แบบฟอร์มการตรวจร่างกาย นิ้วเรียวจิกกระดาษพิมพ์สองสามแผ่นไว้ในอุ้งมือแน่น แบบฟอร์มการตรวจร่างกาย……
เฮอะ! ฉู่ลั่วหาน คราวนี้ ฉันจะทำให้เธอตายอย่างไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเลย!
ฉู่ลั่วหานเดินออกจากลิฟต์มาถึงแผนกธุรการ อยู่ในระหว่างทางไปห้องทำงานของถังจิ้นเหยียน ผู้คนที่เดินผ่านไปมากล่าวทักทายไม่หยุดหย่อน เห็นได้ชัดว่าความสุภาพของพวกเขาไม่ใช่เพราะสถานะหมอของเธอ แต่เป็นเพราะว่าตอนนี้บนร่างของเธอถูกแขวนไว้ด้วยสถานะคุณนายหญิงตระกูลหลง
เดินไปถึงหน้าประตู เมื่อมองผ่านหน้าต่างกระจกเข้าไปจะเห็นถังจิ้นเหยียนกำลังพูดคุยอยู่กับหัวหน้าจิ้ง จากแผนกตับ และถุงน้ำดี ดูเหมือนว่าช่วงนี้ที่แผนกตับและถุงน้ำดีจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น สีหน้าของถังจิ้นเหยียนดูจริงจังเล็กน้อย ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน แต่บรรยากาศตึงเครียดมาก เดี๋ยวถังจิ้นเหยียนจะโมโหไหมนะ?
เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะกลับไปก่อนดีไหม? ถ้าเกิดว่าเขาตำหนิหัวหน้าจิ้งขึ้นมา มันจะอึดอัดมาก
เมื่อถังจิ้นเหยียนเงยหน้าขึ้นแล้วมองเห็นฉู่ลั่วหาน ก็บีบคำพูดที่ยาวเหยียดให้เป็นประโยคสั้นๆ สองสามนาทีก็ไล่หัวหน้าจิ้งออกมาแล้ว
เมื่อเดินออกจากประตูมา แล้วมองเห็นฉู่ลั่วหานยืนอยู่ด่านนอก ก็รีบโค้งตัวทันที “สวัสดีครับหมอฉู่”
ฉู่ลั่วหานกระตุกริมฝีปาก ผู้อำนวยการแผนกตับ และถุงน้ำดี อาวุโสมาก ถือเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของโรงพยาบาล เมื่อเขาทำแบบนี้แล้ว ฉู่ลั่วหานก็รู้สึกไม่ดีราวกับโดนตบหน้า
“สวัสดีค่ะ”
หลังจากส่งผู้อาวุโสเสร็จแล้ว ฉู่ลั่วหานก็เดินเข้าไปในห้องทำงาน “รองคณบดีคะ”
ถังจิ้นเหยียนลุกขึ้นจากที่นั่ง เปลี่ยนจากความจริงจังเมื่อกี้นี้ “อยากดื่มอะไรไหม? ที่ผมมีกาแฟ กับน้ำร้อน หรือจะชงชาก็ได้”
ฉู่ลั่วหานยื่นเอกสารไปให้เขา และวางลงบนโต๊ะอย่างเรียบร้อย “ดื่มชานั้นไม่จำเป็นแล้ว นี่คือเอกสารที่จำเป็นต้องให้คุณเซ็น คุณช่วยดูหน่อย”
ถังจิ้นเหยียนหยิบเอกสารขึ้นมา แล้วยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงานอยู่อย่างนั้น เผชิญหน้ากับเธอ “ช่วงนี้ที่แผนกคุณงานหนักขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ไม่ใช่ช่วงนี้ ควรจะบอกว่าเป็นแบบนี้ตลอดทั้งปีเลยมากกว่า สำหรับโรงพยาบาลสามอันดับต้นๆ แบบนี้แล้ว หัวใจเป็นแผนกที่สำคัญมาก มีผู้ป่วยทั่วทั้งประเทศ”
น้ำเสียงของเธอเหมือนกับการรายงานผลการทำงานต่อผู้นำ กล่าวได้อย่างถูกต้อง และละเอียดเรียบร้อย.
เมื่อถังจิ้นเหยียนอ่านเอกสารจนเสร็จแล้ว ก็วางลงบนโต๊ะ คลายเกลียวปากกาออก ในขณะที่เตรียมจะเซ็นชื่อแล้วนั้นก็หยุดลงอีกครั้ง “มีเรื่องหนึ่ง ผมอยากจะปรึกษาคุณหน่อย”
ฉู่ลั่วหานเลิกคิ้ว “กับฉัน?”
เมื่อเห็นว่าเธอประหม่า ถังจิ้นเหยียนก็ยิ้ม ถือโอกาสนี้ก้มลงไปเซ็นชื่อ แล้วจึงจะพูดขึ้น “ข่าวยังไม่ถูกเผยแพร่ออกไป แต่ว่าโครงการได้ถูกอนุมัติแล้ว โรงพยาบาลจะส่งทีมผู้เชี่ยวชาญสิบคนไปที่แอฟริกา”
“แอฟริกา?”
นั่นมันสถานที่ที่ห่างไกลมากเลยนะ
ถังจิ้นเหยียนปิดฝาปากกา แล้วพยักหน้า บนใบหน้าที่หล่อเหลาก็จนปัญญาเล็กน้อย “ช่วงนี้โรงพยาบาลกำลังแข่งขันแย่งชิงตัวแทนชื่อของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย คู่แข่งคือโรงพยาบาลซึ่งไห่ประจำจังหวัด ทั้งสองโรงพยาบาลมีความสามารถที่ทัดเทียมกัน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแล้ว พวกเราอยากจะ……คุณเองก็รู้”
แน่นอนว่าเธอรู้ “รองคณบดีมีความคิดเห็นยังไงคะ? คุณพูดตามตรงเถอะ”
ถังจิ้นเหยียนไม่ได้รีบตอบ แต่กลับหันหลังไปรินน้ำมาให้เธอหนึ่งแก้ว และยื่นแก้วน้ำไปให้เธออย่างเป็นธรรมชาติ “ความหมายของโรงพยาบาลก็คือ จะเลือกอายุรศาสตร์ห้าคน และศัลยกรรมห้าคน”
ดังนั้น? ขั้นตอนต่อไปจะทำยังไง?
เธอไม่ได้พูดอะไร แต่ว่ารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
ถังจิ้นเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และส่งสัญญาณให้เธอดื่มน้ำก่อน
“แผนการนี้ ได้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ก่อนที่โรงพยาบาลจะยื่นขอรายชื่อแล้ว ตอนนั้นความหมายของโรงพยาบาลคืออยากจะให้คุณไป……”
เขาหยุดพักไปชั่วขณะ มองดูปฏิกิริยาของเธอ แต่ว่าปฏิกิริยาของฉู่ลั่วหานสงบมาก เป็นอย่างที่คาดไว้
“คุณสมบัติ อายุ และอิทธิพลของคุณในโรงพยาบาล เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เพียงแต่ว่า ตอนนี้สถานะของคุณ กับหลงเซียวได้ถูกเปิดเผยแล้ว ทางฝั่งของโรงพยาบาลจึงต้องพิจารณาอีกที”
ฉู่ลั่วหานวางแก้วน้ำลง “ดังนั้นแล้ว ผลสรุปคืออะไร?”
ถังจิ้นเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ และอ่อนโยนเผยให้เห็นความเศร้าโศกอย่างสุดซึ้ง “ทางโรงพยาบาลได้เลือกซุนเจียลี่”
แม้ว่าจะถูกรับเลือกให้เป็นศาสตราจารย์ แต่ความสามารถในความเป็นจริงเป็นได้แค่หมอต้มตุ๋นอย่างซุนเจียลี่?
ฉู่ลั่วหานเคยได้ยินมาบ้างว่า ซุนเจียลี่มีครอบครัวที่มีฐานะดี สถานะของพ่อ กับแม่ก็พิเศษมาก
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอ และเกาหยิ่งจือก็ค่อนข้างดีมาก
“หมอซุน ฉันไม่แนะนำให้เลือกเธอไป”
ฉู่ลั่วหานพูดไปแค่เพียงครึ่งหนึ่ง ทักษะทางการแพทย์ของซุนเจียลี่นั้น ถ้าเป็นผู้ช่วยแพทย์คนอื่นๆ นั้นได้ แต่หากอยากจะกระโดดเข้าทีมอายุรกรรมห้าคนนั้น เกรงว่าจะไม่ใช่การช่วยชีวิตคนแล้ว
กู้เยนเซินเองก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ ดังนั้นคนทั้งสองจึงรู้อยู่แก่ใจโดยไม่ต้องอธิบาย “ผมไม่สะดวกที่จะบอกกับคณบดีโดยตรงถึงสถานการณ์จริงของหมอซุน แต่คุณมีสิทธิ์ลงคะแนน และสามารถแนะนำคนที่คุณชอบได้”
เป็นแบบนี้นี่เอง
“ฉันจะพิจารณาค่ะ”
ถังจิ้นเหยียนหยิบแบบฟอร์มอันหนึ่งขึ้นมา “นี่คือแบบฟอร์มคำแนะนำ คุณคุ้นเคยกับแพทย์อายุรศาสตร์มากกว่า หลังจากเขียนเสร็จแล้วให้เอามาส่งที่ผม แล้วผมจะมอบให้คณบดีเอง”
“ค่ะ”
ในหน้าแรกคือตารางข้อมูลพื้นฐานของผู้แนะนำ ในหน้าที่สองได้เขียนรายละเอียดความรับผิดชอบในการทำงาน และหมายเหตุทั่วไปหลังจากที่ได้รับเลือก และสุดท้ายได้เขียนเวลาในการออกเดินทางไว้
วันที่ 25