คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 101 เหตุเกิดจากการรักษาเมื่อ5ปีก่อน
ตอนที่ 101 เหตุเกิดจากการรักษาเมื่อ5ปีก่อน
วิ่งวุ่นมาทั้งวัน กระทั่งทุ่มเศษจึงจัดการกับคนไข้หมดสักที หมอและพยาบาลทุกคนต่างเหนื่อยหอบ ไม่เว้นกระทั่งฉู่ลั่วหานกับถังจิ้นเหยียน
ฉู่ลั่วหานทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ใบหน้าร่างกายเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อทั่วร่าง เสื้อผ้าถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด เธอถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออกโยนทิ้งลงบนถังขยะ
ถังจิ้นเหยียนถือแก้วน้ำเข้ามาสองใบ “เป็นอย่างไรบ้าง? เรียบร้อยดีไหม?”
ฉู่ลั่วหานปาดเหงื่อบนใบหน้าออก “ขอบคุณค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
หลังดื่มน้ำ ฉู่ลั่วหานถอนหายใจเฮือกใหญ่ “คนไข้ที่หัวใจหยุดเต้นเมื่อครู่ ยังดีที่คุณมาทันเวลาพอดี”
“คุณก็ทำได้ดี หมอฉู่ ความยืดหยุ่นของเธอน่าทึ่งมากเลย”
“ไม่ขนาดนั้นหลอกค่ะ”
ถังจิ้นเหยียนอมยิ้ม “ถ้างั้นน้ำแก้วนี้แทนเหล้า ขอบคุณหมอฉู่แทนคนไข้เมื่อสักครู่แล้วกัน”
“คุณก็ด้วย”
แก้วน้ำกระดาษในมือทั้งสองกระทบเข้าหากัน เรื่องใหญ่เพียงใดก็ไม่น่ายินดีเท่ากับการช่วยเหลือคนไข้ใกล้ตายให้กลับมามีชีวิตดั้งเดิม
พักผ่อนสักครู่ ถังจิ้นเหยียนจ้องมองชุดที่เปื้อนไปด้วยเลือดของฉู่ลั่วหาน “โรงพยาบาลมีชุดให้เปลี่ยนไหม? เธอออกไปเรียกรถด้วยสภาพนี้คงไม่มีใครกล้ารับเธอขึ้นรถกลับบ้านหลอก”
ฉู่ลั่วหานสังเกตเสื้อผ้าที่ถูกย้อมด้วยสีเลือด เธอขมวดคิ้ว “น่าจะมี ฉันไปเปลี่ยนชุดก่อน รองคณบดีถังก็รีบกลับบ้านพักผ่อนเถอะ”
“โอเค”
ฉู่ลั่วหานยันตัวลุกขึ้น ไหล่ทั้งสองข้างปวดเมื่อยจากการช่วยปั๊มหัวใจคนไข้เมื่อครู่ ถังจิ้นเหยียนเอื้อมมือประคองเธอ “ทีหลังทำCPRให้หมอผู้ชายช่วยสิ ร่างกายเธอจะไม่ไหวเอา เธอต้องรักษาแรงกายทำเรื่องที่สำคัญกว่านี้”
“ขอบคุณค่ะ ทีหลังฉันจะระวัง”
เธอไปเปลี่ยนชุด ถังจิ้นเหยียนจะขึ้นลิฟต์เช่นกัน “หมอฉู่ ไม่อย่างนั้นเราไปรับประทานอาหารกันไหม ตอนเช้าทานไปแค่ครึ่งนึง ตอนเที่ยงก็ไม่ค่อยได้ทาน เธอกลับบ้านแบบนี้ ร่างกายจะไม่ไหวเอานะ”
เวลาใกล้สองทุ่มเข้าไปแล้ว แยกกับหลงเซียวมา12ชั่วโมงแล้ว
“ไม่เป็นไรหลอก ฉันอยากกลับบ้านไปอาบน้ำพักผ่อน พรุ่งนี้วันจันทร์ ต้องทำงานอีก”
เปลี่ยนชุดเสร็จ ฉู่ลั่วหานแบกร่างอันไร้เรี่ยวแรงโบกรถกลับคฤหัสถ์ไป
หลังเข้าบ้าน ฉู่ลั่วหานปวดเมื่อยไปทั้งตัว พลางสลัดรองเท้าออก เสียงหัวเราะดังมาจากชั้นสอง
ใบหน้าอันอ่อนล้ายกยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน
จากสนามรบถึงบ้านอันแสนอบอุ่น ใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น กลับแตกต่างกันเช่นนี้เชียว
“นายหญิง เป็นอะไรคะ? สีหน้าดูไม่ดีเลย?”
ฉู่ลั่วหานสะบัดมือ “รินน้ำให้ฉันที”
“ได้ค่ะ นั่งก่อนสิคะ”
หลิงหลิงยกถาดน้ำเข้ามา “คุณทานอะไรมารึยังคะ? ในครัวมีซุปไก่ ฉันตักให้ถ้วยหนึ่งไหมคะ”
เธอทั้งเหนื่อยทั้งหิว จึงไม่ปฏิเสธ
ซุปไก่สำหรับสตรีมีครรภ์ โม่หรูเฟยเรื่องเยอะเอาแต่ใจสั่งห้ามใส่น้น ห้ามใส่นี่ ไฟต้องเท่านั้นเท่านี้ ทำคนใช้ในบ้านปวดหัวไปตามๆ กัน ท่านเซียวปล่อยให้เธอออกคำสั่งในบ้านกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงแล้วหรอ?
ซุปไก่ถูกยกเข้ามา ฉู่ลั่วหานเป่าไอร้อนเบาๆ ก่อนยกขึ้นซดดื่ม กลิ่นหอมดีนัก เนื้อไก่ต้มจนเปื่อย ละลายในปาก ขณะที่เธอกำลังรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย เงาร่างดำสูงใหญ่เดินลงมาจากชั้นสอง
ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นใคร
“นี่เป็นซุปสำหรับสตรีมีครรภ์ เธอตั้งครรภ์เมื่อไหร่ เมื่อนั้นค่อยกิน!”
ไม่ทันที่เธอเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขา มือใหญ่ของหลงเซียวคว้าถ้วยออกจากมือเล็ก
ช้อนยังคงคาอยู่ที่มือ ฉู่ลั่วหานค่อยๆ หมุนตัวจ้องตาคู่งาม “คุณเซียวพูดถูก”
เธอวางช้อนในมือลงในถ้วย ยันตัวลุกขึ้นจากโซฟา
มีครรภ์ ไม่มีครรภ์ แยกแยะละเอียดเหลือเกิน เพียงแค่ซุปไก่ถ้วยเดียวยังไม่ให้ ถ้าอย่างนั้นเรื่องราวเมื่อคืนถึงได้จริงจังขนาดนั้น?
“ไปไหน!”
“กลับห้อง พักผ่อน”
เธอทำงานตลอด12ชั่วโมง ร่างกายเกินลิมิตแล้ว ไม่เหลือเรี่ยวแรงถกเถียงกับเขาจริงๆ เธอเพียงอยากทิ้งตัวลงนอน
“อธิบายมาเดี๋ยวนี้ พวกเธอมันอะไรกันแน่!”
“พี่เซียว มีอะไร?”
เปล่งเสียงอันหวานฉ่ำ ตามมาด้วยหญิงในชุดนอนสีขาวพลิ้วราวเจ้าหญิงแสนสง่าอย่างโม่หรูเฟยเดินลงมา
เธอสอดแขนคล้องเข้ากับแขนหลงเซียว “พี่หลง ใครทำคุณอารมณ์เสียกัน อย่าให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องทำคุณเสียอารมณ์แบบนี้สิคะ? ไปเถอะ เราขึ้นไปเลือกชุดให้ลูกกันต่อ เมื่อกี้ฉันเห็นชุดนึง คุณต้องชอบแน่เลย”
หลงเซียวไม่สลัดแขนเธอออก แต่ก็ไม่ทำตามเธอ “ฉู่ลั่วหาน ฉันสั่งให้เธออธิบายเดี๋ยวนี้”
บรรยากาศอันเย็นยะเยือก หวังคำอธิบายละลายบรรยากาศนี้อย่างเร่งด่วน ท่านเซียวกำลังจะระเบิด
คนใช้รับถ้วยในมือ ถอยห่างออกไป ไม่มีใครกล้าอยู่ในห้องโถงแห่งนี้
โคมลอยอันหรูหราสว่างสุกใส ภายใต้เงาแสงฉู่ลั่วหานเสมือนกิ่งไม้แห้งที่สามารถร่วงหล่นลงได้ทุกเมื่อ
“ไม่มีอะไรต้องอธิบาย ตรวจโรครักษาชีวิตคน”
อธิบายอะไร? ไม่มีอะไรที่เธอต้องละอายใจ
โม่หรูเฟยราดน้ำมันลงกองไฟ “เธอไปทำอะไรกับใครอีก? ฉันว่านะฉู่ลั่วหาน เธอไม่เห็นแก่สถานะของตัวเอง อย่างน้อยก็ช่วยสำนึกด้วยเธอเป็นผู้หญิง ยางอายไม่มีแล้วหรือยังไง?”
คำพูดดีจริง เพียงประโยคเดียว ผลักไสเธอขึ้นแท่นผู้หญิงโสเภณี
เธอโต้กลับได้ แต่เลือกที่จะเงียบ “โม่หรูเฟย คนที่ไม่ให้เกียรติสถานะของฉัน คือเธอ คิดหรือว่าตัวเองอุ้มลูกบอลแล้วจะเป็นนายหญิงได้?”
โม่หรูเฟยคลายอ้อมแขนออกเดินเข้าไป นิ้วมือทั้งห้าจับข้อแขนเธอเอาไว้ “เธอหมายความว่าไง!”
ฉู่ลั่วหานมองเหยียดเล็บมือเรียวงามอย่างรังเกียจ “ปล่อย”
“พูดมาให้รู้เรื่อง เธอหมายความว่าไง! เธอกล้าหาว่าคุณชายน้อยตระกูลหลงเป็นลูกบอลหรือ?!”
บิดเบือนความจริง เหอะ สนุกไหม?
“ฉันบอกว่า โม่หรูเฟยเธอไม่ใช่เจ้านายของบ้านหลังนี้ ฉันต่างหาก”
เธอแสร้งสะกดชัดถ้อยชัดคำ ก็แค่โม่หรูเฟยไม่ได้อยู่ในสายตาเธอหลอก เธอไม่เกรงกลัวต่อแผนชั่วของโม่หรูเฟย
คนที่ทำร้ายเธอได้ มีเพียงคนที่เธอแคร์เท่านั้น สำหรับโม่หรูเฟย เธอไม่ใช่อะไรทั้งนั้น!
“หือหือ” โม่หรูเฟยบีบน้ำตาแทนคำตอบ ดึงแขนของหลงเซียวร้องห่มร้องไห้ในอ้อมกอดของเขาอย่างน่าสงสาร
“พี่เซียว ดูสิ เธอจะไล่ฉันออกไป หือหือ…..พี่เซียว เธอรังแกฉันขนาดนี้แล้ว คุณจะยืนดูอยู่เฉยๆ หรือ?”
ทั้งน้ำตา ทั้งออดอ้อน
เปลี่ยนวิธีใหม่ไม่ได้หรือยังไงกัน!
เธอร้องไห้อย่างตั้งอกตั้งใจ ท่านเซียวกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ “เธอมีครรภ์ ร้องไห้ไม่ดีต่อสุขภาพ”
โม่หรูเฟยถือโอกาสประโยคนี้ ซุกหน้าเข้ากับอกกว้าง “พี่เซียว เธอไม่ได้ดูถูกฉัน แต่เธอกำลังดูถูกลูกน้อยของเรา ลูกยังไม่ได้ถือกำเนิด ยังถูกเธอทำแบบนี้ อีกหน่อย ฉันทนได้ แต่ลูกทนไม่ได้หลอกนะ”
ทำไมไม่ไปตายซะ!”
ฉู่ลั่วหานอยากก่นด่าออกไป
เธอไม่ตอบโต้ คอยดูปฏิกิริยาของหลงเซียว เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับหลงเซียว หากเขาเชื่อ เธอไม่จำเป็นต้องอธิบายใดๆ ทั้งนั้น หากเขาไม่เชื่อ ต่อให้อีกฝ่ายพูดไปสามวันสามคืนก็ไร้ประโยชน์
“พอได้แล้ว ขึ้นไปพักผ่อนสิ”
น้ำเสียง แฝงด้วยการง้องอน แต่ที่จริงเขารำคาญมากกว่า
โม่หรูเฟยดึงชายเสื้อเขา “พี่เซียว คุณนอนเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ ฉันรู้สึกหวาดหวั่น คงไม่ได้กระทบถึงลูกหลอกมั้ง?”
บ้าเอ้ย!
ฉู่ลั่วหานทนดูไม่ไหว โม่หรูเฟยเธอเสแสร้งได้มากกว่านี้ มากกว่านี้ไป เอาให้เธอขยะแขยงอ้วกตายไปเลย
เธอไร้อารมณ์ไร้เรี่ยวแรงทนดูต่อ ขาคู่งามอ่อนแรง หากฝืนทนต่อพรุ่งนี้คงพิการเป็นแน่ “ฉันเหนื่อยแล้ว พวกคุณตามสบาย”
จบคำ เธอยกขายาวก้าวขึ้นห้องตนเอง ปิดประตู ทิ้งตัวล้มลงบนเตียงนุ่ม
เหนื่อยอย่างที่สุด ร่างกายเกินลิมิต ในใจบอบช้ำ
ภายในห้องโถง โม่หรูเฟยปล่อยแขนหลงเซียวออก ปาดน้ำตาตัวเองออกช้าๆ
“เห็นหรือยัง? นี่คือฉู่ลั่วหาน เธอเห็นแก่ตัวและเย็นชากว่าแต่ก่อนที่ฉันรู้จัก พี่เซียว เธอเป็นผู้หญิงที่ไร้หัวใจ เธอจะรักใครได้อย่างไรกัน? พี่เซียว…..” เธอรั้งแขนเขาไว้ “เธอไม่เสียใจ อาลัยอาวรณ์เลยสักนิด ไม่แคร์คุณเลยสักนิด”
คำพูดอ่อนโยน เพื่อเขา ราวกับว่าโลกทั้งใบนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่ทำเพื่อเขาได้ทุกอย่าง
หลงเซียวสลัดมือเธอออก “ฉันก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน”
จบคำ เขาไม่สนใจโม่หรูเฟยที่นิ่งอึ้งราวถูกแช่แข็ง เขายกขาเรียวยาวก้าวเดินไปยังโซฟายาวห้องรับแขก
เธออยากเดินตามเขาไป หลงเซียวเอ่ย “ส่งคุณโม่ขึ้นชั้นบน”
คนรับใช้ประคองเธอขึ้นชั้นบน ห้องรับแขกกว้างใหญ่ไพศาลเหลือเพียงหลงเซียวเพียงลำพัง
นิ้วมือเรียวยาวยกขึ้นนวดหว่างขมับหลายที
ก้มหน้า เขาเห็นตำราหมอที่ฉู่ลั่วหานวางไว้บนโต๊ะกระจก เขาเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมา
หนังสืออายุรศาสตร์ระบบหัวใจฉบับมืออาชีพ อย่างหนาเล่มหนึ่ง ถูกเปิดซ้ำไปซ้ำมาบ่อยครั้ง รอยพับที่มุมกระดาษ เนื้อหาภายในถูกขีดเขียนทำเครื่องหมายอธิบายอย่างละเอียด
ตัวอักษรงามประทับลงบนกระดาษ บางตัวลายเส้นชัดเจน บางตัวยุกยิกราวตัวหนอน นิ้วมือสัมผัสผ่านตัวอักษรของเธอ เขาสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกตอนเธอเขียนตัวอักษรพวกนี้อยู่บ้าง
เปิดไปสักพัก ใบหน้าคร่ำเครียดเมื่อครู่ค่อยๆ เผยให้เห็นรอยยิ้ม
ฉู่ลั่วหานคงดูจนล้า เธอวาดอะไรบางอย่างบนพื้นที่สีขาวโล่ง ลายเส้นยุกยิก แสนธรรมดา เป็นหมีขั้วโลกที่สุดแสนขี้เหร่
ด้านข้างกำกับไว้ด้วยประโยคหนึ่ง: คุณหมี อย่าเย็นชามากจะได้ไหม
ทันใดนั้นท่านเซียวก็เข้าฉากละคร เมื่อครู่ยังเป็นหมอฉู่ผู้ตึงเครียด จู่ๆ กลายเป็นเด็กน้อยฉู่ลั่วหานซะงั้น
ให้ตายเถอะ เขาทำอะไรอยู่กันนี่!
เขายัดหนังสือเข้าที่อย่างเบื่อหน่าย ท่านเซียวอารมณ์ขุ่นมัว
ขณะนี้เอง โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น
ไอ้กู้เยนเซินนี่เอง
“แกยังกล้าติดต่อฉันอีกหรือ? เรื่องที่ให้จัดการเรียบร้อยแล้วหรือ?” ท่านเซียวพิงบนโซฟา
“ต้องใช้เวลานิดนึง แต่ได้อะไรน่าสนใจมาแล้ว ฉันใช้ร่างกายเข้าแลก ข่าวสายตรง ไม่ผิดแน่นอน!”
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ว่ามาเลย”
กู้เยนเซินที่อยู่นิวยอร์ก ยกมุมปาก “ฉู่ลั่วหานไม่ธรรมดาเลย! ฉันนับถือจริงๆ”
“เข้าเรื่องสักที”
“อย่ารีบร้อนสิ ฉู่ลั่วหาน อายุเพียง16กลับสอบติดมหาวิทยาลัยฮอปกินส์ที่อเมริกา อายุ19เริ่มเข้าห้องผ่าตัด เป็นอัจฉริยะสาวในวงการแพทย์ชัดๆ”
ท่านเซียวขมวดคิ้ว ฉู่ลั่วหาน? จริงหรือ?
เหตุใดเขาไม่รู้ประวัติเธอดีเลิศเพียงนี้
“ยังมีเรื่องที่น่าตกใจกว่านี้ 5 ปีก่อน ก็คือปีสุดท้ายของเธอตอนที่เรียนปริญญาตรีควบโท เพียงเพราะอุบัติเหตุทางการแพทย์ครั้งหนึ่งทำให้เธอเกือบสูญเสียมือขวา หลังจากหายเจ็บ เธอหันเข้าสู่อายุรศาสตร์ ภายใน 2 ปีเธอเรียนจบเนื้อหา 5 ปีด้วยกัน บัดนี้อายุเพียง26 อย่างฉู่ลั่วหาน เป็นทั้งอายุรศาสตร์และแพทย์ผ่าตัดปริญญาโท สุดยอดไหม?”
ท่านเซียวขมวดคิ้ว ฉู่ลั่วหาน…..เขาไม่รู้เลยคนที่เคียงหมอนกับเขาเยี่ยมยอดขนาดนี้
“5 ปีก่อน เพราะอุบัติเหตุทางการแพทย์อะไรกัน?”