นิยาย กําเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess
ตอนที่ 68 การตายของซ่งหลิน
ซ่งหลินแยกตัวออกมาออกจากงานเลี้ยงเพื่อไปที่จุดนัดพบที่เขียนไว้ใน จดหมาย หัวใจของเธอเต้นแรงและความคาดหวังอันแสนหวานที่จะได้พบกับชายหนุ่มที่เธอใฝ่ฝัน
เธอยืนอยู่ใกล้สนามหลังวังของเจดีย์พระจันทร์ฤดูหนาว เนื่องจากไม่มีใครเดินเตร่อยู่ข้างนอกและคนใช้ในวัง ส่วนใหญ่ก็ไปประจําการอยู่ละแวกงานเลี้ยงจึงไม่มีใครห้ามไม่ให้เธอไปที่นั่นหรือมองดูเธอด้วยความสงสัย
ยิ่งกว่าไปนั้น คงจะไม่มีใครอยู่แถวๆนั้นเลยหากว่ามีอะไรเกิดขึ้นในเจดีย์นั้นเลย
ซ่งหลินมองไปยังด้านข้าง เหงื่อจากความตื่นเต้นก็เริ่มไหลตามหน้าผากของเธอ
“ทําไมถึงยังไม่มีผู้ใดมา” เธอพึมพํา กับตัวเอง
เพื่อไม่ให้การนัดพบของเธอในครั้งนี้ดูเป็นที่เปิดเผยจนเกินไป เธอจึงตัดสินใจไม่ให้สาวใช้ส่วนตัวของเธอตามมาเธ อมั่นใจว่าจะไม่มีใครกล้าก่อเหตุร้ายภายในพระราชวังและตระกูลของเธอ
แต่ซ่งหลินลืมไปว่า ในเมืองหลวงไม่ได้มีเพียงผู้คนในอาณาจักรเชิงเท่านั้น สถานที่ที่น่าเกรงขามและน่ากลัวที่สุดคือพระราชวังจักรพรรดิซึ่งมักจะมีเหตุการณ์ที่ลึกลับและน่าสยดสยองทั้งหมด เกิดขึ้นภายในนั้น
แน่นอนว่าไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้และไม่มีข่าวลือที่โจ่งแจ้งเกี่ยวกับเหตุ การณ์เหล่านี้ เนื่องจากราชวงศ์มักปกปิดไว้เสมอไม่ว่าเหตุการณ์จะเล็ก หรือใหญ่ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่สาธารณะชนนอกวังจะรู้ เว้นแต่พระราชวงศ์จะอนุญาตให้เผยแพร่เท่านั้น
เธอกังวลว่าจะมาผิดเวลานัดพบ ซึ่งหลินต้องการกลับไปที่งานเลี้ยงเพื่อดูว่าห ยูฟางจได้หายตัวไปจากสถานที่เพื่อพบเธอในเจดีย์พระจันทร์ฤดูหนาวหรือไม่
ในขณะที่เธอแทบจะอดใจรอไม่ไหวและกําลังจะเดินจากไปเธอได้ยินเสียง ฝีเท้ามาจากด้านหลังของเธอใจของเธอเริ่มทรุดลงและหันกลับไปอย่างรวดเร็วเพื่อดูว่าเสียงนั้นมาจากทิศทางไหน
ขณะที่เธอหันกลับมา เสียงแหบแห้งก็เข้ามาในหูของเธอ “ซ่งหลิน ท่านไม่ต้องวิตกกังวลไป”
ใบหน้าของซ่งหลินมืดลงด้วยความ โกรธและความตกใจเธอถามอย่างเย็นชาว่า “องค์ชายเจ็ดมาทําอะไรที่นี่หรือ?”
องค์ชายจิงหัวเราะ เหมือนได้ยินเรื่องตลกจากคําถามของเธอ องค์ชา ยจิงจึงเดินเข้ามาใกล้เธอ “ซ่งหลินท่านพูดอะไรข้าได้รับจดหมายจากท่าน ว่า ท่านต้องการพบข้าในฐานะสุภาพบุรุษข้าจะทําได้อย่างไรที่จะปฏิเสธคําขอจากหญิงสาว?”
เขามองเธออย่างครุ่นคิดและชอบเธอแม้ว่าในสายตาของหยูเฟิงซู ซ่งหลินก็ ไม่ได้ดูแตกต่างไปจากพื้นหลังธรรมดาในการวาดภาพเลย แต่ต่างจากองค์ชายจิงที่ไม่เลือกและชอบสตรีทั้งหมดที่สามารถให้ความสุขแก่เขาได้ตราบเท่าที่เขาต้องการ
เมื่อได้ยินคําพูดของเขา ซ่งหลินก็ขมวดคิ้วและค่อยๆกะพริบตา”องค์ชายจิงท่านกําลังพูดถึงอะไร? จดหมายอะไรหรือ?”
เธอรีบพูดอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเสียงของเธอจึงฟังดูหอบทําให้กระตุ้นความปรารถนาขององค์ชายจิง
เขาเผยรอยยิ้มที่ริมฝีปากและไม่รีบร้อนที่จะหยิบจดหมายที่อยู่ในแขนเสื้อออกมา
เขายกจดหมายขึ้นและเงยหน้าขึ้นมองเธอ “นี่ไม่ใช่จดหมายที่ท่านเขียนเพื่อ เชิญข้า และนัดข้าออกมาพบที่นี่หรอกหรือ”
“องค์ชายจิง โปรดอย่าใส่ร้ายข้าข้าจะเขียนจดหมายถึงท่านโดยที่ข้าไม่รู้ได้อย่างไรต้องมีผู้อื่นที่มีนามสกุลเดียวกับ ข้า ที่อยากจะพบกับท่าน” เธอพยายามอธิบายโดยหวังว่าเธอจะหนีออกไปจากที่นั่นได้
หัวใจของเธอเต้นรัว หลังจากที่รู้ว่ามีคนหลอกล่อเธอให้มาที่นี่เธอไม่ใช่คนโง่ที่ใช้วิธีนี้ในการทําให้ชื่อเสียงสกปรกเพราะเธอเห็นป้าและแม่ของเธอใช้วิธีนี้กับหญิงสาวที่พวกเขาไม่ชอบเหมือนกับที่พวกเขาพยายามทํากับหลินเสี่ยวเฟยและรู้ว่าหากผู้ใดที่รับรู้เรื่องนี้ เธอก็จะไม่สามารถออกไปเผยใบหน้าของเธอต่อสาธารณชนได้ และจะต้องทนอยู่กับความอับอายเช่นนี้ไปตลอด
อีกอย่างองค์ชายจึงเขาคือใคร?เขาเป็นองค์ชายเจ็ดของอาณาจักรเซิงและถึงแม้ว่าเขาจะเป็นองค์ชายแต่เขาก็มีข้อบกพร่องหลายประการและสังคมก็ไม่มีความประทับใจที่ดีต่อเขาและแตกต่างจากหยูเฟิงซู
ไม่มีแม้แต่ข่าวลือ ว่าองค์ชายจึงเป็นผู้ที่ไม่เอาไหนและมักถูกพบเห็นในซ่องโสเภณีในขณะเดียวกันเขามักจะชอบ อวดหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาต่อที่สาธารณะ
ไม่เพียงแค่นั้น เขายังเป็นคนที่ไร้ค่าและมักจะใช้สมบัติในท้องพระคลังเพื่อ ปนเปอความสุขของตนเองดังนั้นหลายคนจึงไม่ชอบเขา แม้ว่าเขาจะดูเป็น มิตรและจริงใจรู้จักแสดงความเคารพต่อผู้อื่นตั้งแต่เขาเป็นสายเลือดของราชวงศ์
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ซึ่งหลินไม่ต้องการแสดงความเคารพหรือความจริงใจใดๆต่อเขาเมื่อสิ่งแรกที่เธอต้องการทําในตอนนี้คือวิ่งหนีไปพ้นจากร่างและสายตาของเขา
องค์ชายจึงเลิกคิ้วขึ้นเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อทัศนคติของเธอที่มีต่อเขาองค์ชายจิงไม่โกรธแต่เขากลับรู้สึกสนใจหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
“ถ้าสิ่งที่ท่านพูดเป็นความจริง และ หญิงสาวอีกคนที่มีนามสกุลเดียวกับที่ท่านเขียนจดหมายนี้ข้าขอทราบเหตุผลที่ท่านยังอยู่ที่นี่ได้หรือไม่” เขากล่าวขึ้นโดยไม่รีบร้อน
ซ่งหลินกัดฟัน
สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? เธอคิดกับตัวเอง
ผู้ที่ควรปรากฏในเจดีย์พระจันทร์ฤดู หนาวกับเธอควรเป็นหยูเฟิงซู ไม่ใช่องค์ ชายจึง
ในขณะเดียวกัน คําถามขององค์ชายจิงก็เป็นที่เบื่อหน่ายในใจเธอเช่นกัน และ เธอไม่สามารถหาคําตอบที่เขาต้องการได้
ดวงตาขององค์ชายจึงเป็นประกายเขาเข้าไปหาเธอไม่กี่ก้าว ในขณะที่เธอ ครุ่นคิดอยู่ลึกๆและในเวลาไม่นานก็มีช่องว่างระหว่างพวกเขาเพียงก้าวเดียว
“องค์ชายจิง…นี่..” ในที่สุดซึ่งหลินรู้สึกว่าความอันตรายมันใกล้เธอเข้ามาทุกที
“ข้าคิดว่ามีคนหลอกให้ข้ามาที่นี่จดหมายฉบับนั้นจะต้องเป็นแผนการของใครบางคนที่ต้องการจะต่อต้านข้า”
เธอให้เหตุผลโดยหวังว่าไอ้สารเลวจะปล่อยเธอไปและเข้าใจความหมายของเธอ
อย่างไรก็ตาม องค์ชายจึงจะปล่อย โอกาสนี้ไปและไม่ลิ้มรสของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาได้อย่างไร
เขาเริ่มเบื่อหน่ายตั้งแต่เข้างานเลี้ยงซึ่งดําเนินไปหลายชั่วโมงแล้ว ในฐานะชายหนุ่มที่มีความปรารถนามากมาย เมื่อเห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ในห้องโถงเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากของเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าที่สวยงามอย่างไร้ที่ติของหญิง สาวชุดดําผู้นั้นเขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใครรู้เพียงว่าเธอเป็นคนของตระกูลหลิน เขาไม่สามารถทําให้หญิงสาวผู้นั้นเป็นของ เขาได้เนื่องจากตระกูลหลินไม่มีใครสามารถแตะต้องได้ตามที่พ่อของเขาเคย บอกไว้
เมื่อไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสหญิงสาวผู้นั้นองค์ชายจิงจึงดีใจที่เขาได้รับจดหมายจากหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่บอกให้เขาไปพบกับเธอที่หลังเจดีย์พระจันทร์ฤดูหนาว
แน่นอน องค์ชายจึงเข้าใจความหมายของซ่งหลินว่ามีคนวางแผนร้ายกับเธอ เขายังรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกหลอกล่อให้ไปพร้อมกับเครื่องมือของใครบางคนแต่อาจเป็นเพราะเขาดื่มเหล้าไปในระหว่า งงานเลี้ยงดังนั้นเหตุผลทั้งหมดในหัวของเขาจึงหมดไป
เขารู้สึกเร่าร้อนที่ร่างกายท่อนล่างของเขาและศีรษะที่ยุ่งเหยิงของเขาเต็มไปด้วยความคิดที่สกปรกเมื่อรู้สึกว่าหญิงสาวผู้หนึ่งกําลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“เอาล่ะ ซึ่งหลิน ท่านไม่จําเป็นต้องอธิบายอะไรอีก…”เขากล่าว
ดวงตาของซ่งหลินเป็นประกายและก่อนที่เธอจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกและหันหลังกลับออกไปทันใดนั้นมือที่ใหญ่สองข้างของเขาก็เอื้อมโอบไปที่ร่างกายของเธอ
เธอตกใจกับสิ่งนี้ ซึ่งหลินอยากจะกรีดร้องแต่ปากของเธอถูกปิดด้วยมือของเขาทําให้เสียงของเธอถูกกลืนลงไปในขณะนั้นริมฝีปากที่น่าขยะแขยงของเขาก็ประกบเข้าไปที่ปากของเธอ
ซ่งหลินน้ําตาไหลเธอต้องการที่จะหนีจากเขาและกรีดร้องเพื่อขอความช่วยเหลือองค์ชายจิงโหดเหี้ยมและต่อยเข้าที่ใบหน้าและท้องของเธออย่างแรงทําให้เธอหมดสติจากความเจ็บปวด
หากเธอไม่ต่อต้าน องค์ชายจิงก็คงจะมีความสุขมากขึ้นที่จะทําตามความปรารถนาของเขาที่มีต่อเธอ
หลังจากผ่านไปหลายนาที องค์ชายจิงก็ถอยร่างของเขาออกจากเธอและจัดเสื้อคลุมของเขาดูให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติเมื่อมองลงไปยังหญิงสาวที่ยังคงไร้สติเขารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทําอะไรมากไปกว่านี้
เมื่อเขาจัดเสื้อคลุมเสร็จแล้วองค์ชายจิงจึงสะบัดแขนเสื้อขณะที่เขากําลังจะหันหลังจากไป
เขาไม่ได้หันมาเลียวแลหญิงสาวที่นอนเสื้อผ้าขาดวิ่นอยู่ที่พื้นเป็นครั้งที่สอง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความผิดพลาดของเขาที่ไม่ได้มองดูเธออย่างระมัดระวังองค์ชายจิงจึงไม่ทันได้สังเกตว่าหญิงสาวผู้นี้มีไม่มีลมหายใจอีกต่อไปและรอยฟกช้ําเริ่มก่อตัวขึ้นที่คอของเธอและข้างมือของเธอมีจดหมายที่หลุดออกมาจากแขนเสื้อของเธอ
งานเลี้ยงยังคงดําเนินต่อไปและผู้คนในห้องโถงก็ยังไม่มีใครรู้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในวังแห่งนี้
ในขณะที่หยูเฟิงซูยังไม่รู้เกี่ยวกับปัญหาที่กําลังจะเกิดขึ้นกับตัวเขา
MANGA DISCUSSION