ณ โลกปัจจุบัน ประเทศไทย ห้องเช่าเล็กๆห้องหนึ่ง
ห้องมีโต๊ะคอมพิวเตอร์และกาต้มน้ำร้อนสำหรับกินกาแฟ
เพราะเขาติดบุหรี่เมื่อสมัยก่อนมันทำให้ตอนนี้เขาติดขนมอย่างหนัก
นั่นคือชายคนหนึ่งกำลังแปลนิยายแบบไม่ได้ขอลิขสิทธิ์และรอรับบริจาคจากคนที่อยากเร่งการแปลให้เร็วขึ้นอยู่ในตอนนี้
รายได้ต่อเดือนเขาประมาณ 1,000 บาทโดยที่ใช้เวลาแค่ข่วงดึกๆหลังเลิกงาน
เขาใช้รายได้ทั้งหมดเพื่อมาดูตัวเองเช่นซื้อวิตามินบีเพื่อช่วยเรื่องความจำที่เสียเมื่อสมัยเขาติดเกมอย่างหนักแล้วชอบเล่นข้ามคืนข้ามวัน
แต่หลังจากเหตุการณ์อันน่าเศร้าของชีวิตเขาที่เขาเจอ เขาก็เลิกเล่นเกมทั้งหมดและมาทุ่มให้การแปลนิยาย
ประเด็นคือมันมีคนชอบ แต่คนเริ่มเห็นว่างานไม่มีลิขสิทธิ์แท้ไม่น่าอ่าน
มันทำให้รายได้เมื่อจบเรื่องแรกเหลืออยู่แค่เดือนละไม่กี่ร้อยซึ่งไม่พอสำหรับอะไรเลย
โรคซึมเศร้าที่เป็นอยู่ประจำจนต้องหาหมอจิตเวชก็ช่วยเขาได้เป็นช่วงๆ
เขาแปลตอนหนึ่งของเรื่องที่ไม่ค่อยอยากแปลแล้วเสร็จแล้วก็ส่งเข้าเว็บ
แน่นอนมันโดนก้อบปี้ไปโพสต์ในเว็บตัวเองที่มีโฆษณาเว็บเล่นพนันผิดกฎหมายเต็มไปหมด แต่เขาคิดว่า ‘เอาน่า มันมีคนอ่านเยอะขึ้น’
เงินหนึ่งพันสุดท้ายก่อนรายได้ลดเขาเอาไปซื้อคีย์บอร์ดแบบดีที่สุดที่เหมาะสำหรับการพิมพ์เยอะๆ
และหลังจากนั้นเขาก็พิมพ์นิยายตัวเองขาย
เขาเลือกให้ก่อนแล้วค่อยเก็บเงินราคาเต็มทีหลัง
เขาตั้งใจกับนิยายตัวเองมากเพราะตัวละครที่เขาสร้างมีแต่ตัวละครที่อยู่สูงแต่มีนิสัยติดดิน
เดือนแรกเขาได้ 100 บาท ส่วนเดือนที่สองลบค่าธรรมเนียมจากเว็บไซต์แล้วยังได้เกือบ 200 บาท
ถ้าเป็นหุ้นมันทำให้เห็นว่ากราฟกำลังเริ่มเขียว เขาเห็นแววในนิยายเขาแล้ว
แต่เงินเขาหมด 200 บาทนั้นต้องเอาไปซื้อคีย์บอร์ดเพื่อไม่ให้พิมพ์ผิดเยอะ
ซึ่งเมื่อเอามาใข้จริงมันก็ดีตามที่เขาหวังจริงๆ ถ้าแค่เขาขยันตรวจคำผิดสองรอบโดยที่ไม่ต้องจ้าง มันทำให้เขาน่าจะพอขายได้อยู่
แต่มันมีปัญหา เรื่องที่เขาแปลมันมีบางอย่างที่ผิดที่เขารับไม่ได้
เขาไม่รู้จะทำอย่างไร ฝืนแปลต่อแบบรู้สึกผิดกับตัวเอง? หรือเลิกซะ แล้วเขียนของตัวเองดีกว่าไหม?
และเขาก็เลือกเข้าโปรแกรมที่เขาใช้พิมพ์นิยาย และลบนิยายแปลผิดๆทั้งหมดออกจากเว็บ
และเขาหันมาทุ่มให้นิยายของเขาเอง
“ฟู่ว พอทำแล้วรู้สึกดีจัง รายได้มันลดไปสองสามร้อยก็จริงแต่ยังดีกว่าทำเรื่องผิดๆต่อไป”
เขาห้อยพระเครื่องแบบหลายองค์ของไทย และเอาพระแม่ไว้นอกเสื้อ
เขาเป็นคนเชื่อเวรกรรมแต่เขาไม่คิดว่าวิญญาณต้องการหลอกหลอนคนนั้นคนนี้
ยิ่งวิญญาณบุพการียิ่งแล้วใหญ่ ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนมาหลอกลูกตัวเองให้รู้สึกประสาทกินหรอก
ส่วนใหญ่น่าจะเป็นเทพมากกว่า และอาจทำโทษเขาตามอำนาจของผู้เป็นบุพการี
“ผมชื่อ “วู้ว” และผมจะเขียนนิยายแบบของผมเอง”
ตอนเขาพูดชื่อตัวเองมีเสียงปริศนาแทรกเข้ามา
ใจเขาเต้นแรงเพราะอาจเป็นโอกาสหันหลังไปแล้วเจอผีหรือวิญญาณเทพ
แต่พอกัดฟันหันไปจริงๆเขาไม่เจอใคร
“แม่?” เขาพูดบุคคลในอดีตที่เป็นไปได้ว่าจะปกป้องเขาและน้องที่โตที่สงขลาหาดใหญ่
แต่มันทำให้เขานึกเรื่องบุพการีคนเดียวของเขา และเขาเริ่มปวดหัวกุมหัวตัวเอง
เขารู้สึกว่าเหมือนมีคนจะยึดร่างเขา และเขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้
เขาเห็นแต่ความเครียด และความสิ้นหวัง เห็นคนป่วยมากมายที่ไม่มีใครมาเยี่ยมเยียนและเป็นภาระโรงพยาบาล
เขาสูดหายใจทางจมูกลึกๆและหายใจออกทางปากอย่างรวดเร็วตามแบบนักรบไวกิ้งที่เขาเคยเสพสื่อจนรู้จักวิธีนี้
ตอนแรกเขาไว้ใช้กับการทำตัวให้อาบน้ำเย็นได้แม้เขาแพ้ความหนาว แบบไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น
เขาอยากอาบน้ำอุ่นแต่เงินเดือนอย่างเขาคงหมดสิทธิ์
มันได้น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำด้วยซ้ำแต่เขาทำไปเพื่อไม่ให้เป็นคนเร่ร่อน
แต่ตัวเขาไม่ได้ต้องการอะไรมากมายเลยอยู่ได้และมีเงินเก็บนิดหน่อย
แต่นิดหน่อยคือนิดหน่อยจริงๆ
มัน 6 โมงเย็นแล้วและเอารู้สึกว่าต้องเอาจริงกับนิยาย ขายเป็นรูปเล่มจริงๆจังๆ
แต่เขาต้องรอปก มันต้องมีปกนักวาด ปกในเผื่ออยากรีบขายก่อนมีปก และชื่อเรื่องแบบกราฟฟิก
เขาหาในกลุ่มของเว็บหนึ่งที่ดังในไทย และเขาเลือกใช้คนประเทศเขา
เขาสั่งปกนอก, ปกใน, และกราฟฟิกชื่อเรื่องจนเงินเก็บหมดกระเป๋า
ถ้าเขาแบ่งปกคนซักสองเล่มที่เป็นรูปนางเอกสองคนได้คงไม่มีปัญหา
เขาเริ่มลงมือและรวมเล่มรอถึง 4 ทุ่ม
แม้ยังไม่เสร็จดี เขารีบนอนก่อนเพราะต้องไปทำงานเอาค่าที่อยู่
และเขาก็นอนหลับได้ปรกติ ไม่มีปัญหาอะไร โดยที่เขาเชื่อว่า คอมพิวเตอร์เขาหาเงินได้ด้วย
ลูกค้างานแปลอาจผิดใจที่ผมลบหมดห้วนๆ แต่คงต้องทำใจเพราะมันผิด
1 อาทิตย์ต่อมา
งานทั้ง 3 งานที่เป็นสองปกและกราฟฟิกชื่อเรื่องเสร็จแล้ว รวมถึงปกในที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาของเรื่องเป็นภาพวาด
เขาเอาปกใส่รูปเล่มที่เสร็จแล้วและวางขายโดยที่มีแต่ความหวังในหัวเขาว่ามันต้องได้ ทั้งๆที่โลกแห่งความจริงอาจไม่เป็นอย่างนั้น
และช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเขียนเล่ม 3 ได้ครบองค์ประกอบซักที
แต่มันยังไม่มีรูปตัวละครที่นำนิยายนี้นั่นก็คือพระเอกเลย
และมีการแจกเงินจากรัฐบาลมาเยอะเพราะปัญหาคนจนเยอะ และงานเริ่มหายาก
เขาเอาเงินไปหานักวาดแนวที่ผมชอบสำหรับรูปพระเอก
เขาสอบถามรายละเอียดการสั่งงานและทุ่มเงินไปเยอะกับปกนั้น
มันเป็นการซื้อของที่แพงที่สุดสำหรับเขาแม้เทียบกับคนอื่นที่เขาใช้มันนิดเดียว
แต่มันช่วยให้เขาไม่เครียดหนักเพราะเรื่องในอดีตที่ติดตัวไปกับเขา
เขาลงขายก่อนสองเล่มและรอปกเล่ม 3
ผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์
ปกเล่ม 3 เสร็จแล้วและมันสวยงามมาก
เขารีบใส่ปกอย่างเร็ว ดูรายละเอียดและลงขาย
เขาลงแบบรายตอนด้วย มันเลยทำให้เขาคิดว่ามันต้องให้รูปเล่มพิเศษกว่ารายตอน
“ทำยังไงดีล่ะเนี่ย เล่มหนึ่งมันเป็นเด็กกันหมด แต่เล่มสองมีเรื่องเพศเยอะด้วย”
จากนั้นเขาก็คิดได้ โดยการทำให้ตอนเริ่มเล่มใหม่มีการพูดถึงตัวละคร และสิ่งที่พระเอกกำลังทำจะได้ข้ามเล่มได้
แต่เขาต้องดูรายได้ก่อนเป็นอย่างแรก
เขาใจกล้าๆกลัวๆไม่อยากผิดหวังและเปิดไปเจอยอดขายกินไข่
แต่แล้วโชคชะตาก็เข้าข้างทำให้เขาได้เกือบสองร้อยในอาทิตย์เดียว
เขาดีใจแล้วดีใจอีกวิ่งไปทั่วห้องยกพระแม่มาไหว้ขอบคุณทุกความดีงามบนโลก และบารมีบุพการีทั้งหมดไม่ว่าเป็นใคร
เขายิ้มปรี่และเวลาเจอเรื่องดี เขาชอบคิดถึงเรื่องร้ายก่อน และเขาคิดไปเองว่ามันต้องขายไม่ได้ในเดือนหน้าเพราะเป็นนิยายแปลก
เขาหายใจแบบไวกิ้งเพื่อสั่งการสมองตัวเองใหม่ให้ทำใจสบายๆอย่าไปเครียดอะไรมาก
ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
เพราะอย่างน้อยมันก็มีคนอ่านแบบฟรีเยอะอยู่
แต่เหมือนคนยังไม่อยากอุดหนุนเพราะตอนฟรีมันนานอยู่ และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้คนยังไม่ซื้อเก็บแบบรูปเล่ม
แต่ ตั้ง 200 เลยล่ะ เงินที่ได้น่ะ
ผมไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์แล้วได้เงินเยอะขนาดนี้เลย
เมื่อเงินเข้ามามันทำให้ “วู้ว” คิดได้อย่างหนึ่ง
“เสียงอะไรอีกล่ะเนี่ย…”
เขามองดูรอบห้องอีกครั้ง
และไม่มีอะไรให้มองเห็นได้อีกครั้ง
“ยาก็ไม่ได้ยุ่ง มีแต่ยาจิตเวช แต่ไหงเป็นแบบนี้ล่ะ”
ถามว่าเขากลัวไหม เขาไม่รู้สึกกลัวกับอาการหลอนที่เกิดขึ้น
เพราะโอกาสเป็นวิญญาณมาเป็นไปได้เสมอ
“200 แน่ะ 200 เงินมันเพิ่มจากเดือนแรกที่ได้ 100 เดียว มันจะเพิ่มขึ้นอีกถ้าตั้งใจมากกว่านี้”
แต่ตอนนี้เมื่อเขียนตอนของเขาเสร็จ เขานึกว่าต้องกลับไปแปลนิยายอีก
“ลองแปลมาสองปีแล้ว ทำเท่าไหร่เงินก็ไม่พอยาไส้ คนให้เยอะจริงแต่มันเริ่มไม่คุ้มกับเวลาที่เสียแล้ว”
และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ เขายกมือไหว้หน้าจอแล้วคิดในใจ ‘ขอโทษแล้วกัน นักอ่านนิยายแปลเถื่อนทุกคน’
เขากดลบเรื่องที่เขาแปลออกทุกเรื่องที่เขากำลังแปลอยู่ในทุกโปรแกรม โดยที่ไม่มีโอกาสกลับไปหาอีกครั้งให้หมดสิ้น
“เท่านี้เงินก็หายไปอีกเดือนละ 200 แถมลูกค้าที่ตามงานแปลมาตลอดก็จะไม่ชอบเราด้วย แต่ก็นะ มันต้องทำซักทีเพื่อก้าวหน้าไปสู่งานใหม่”
เขาคิดในใจ ต่อไปต้องหาค่าน้ำค่าไฟและค่าข้าวให้รอดโดยที่ไม่รบกวนใคร
มันมีแวว มันเห็นแววเป็นไปได้กับดวงตาและจิตใจไม่ค่อยฉลาดมากมายของเขา
แต่เขามีความหวังและศรัทธาแรงกล้า
เขาดูรายได้รายตอน ในหนึ่งเดือนมันรวมๆกันได้ประมานเว็บละ 50 บาท
ถ้าเขาทำได้มากกว่านั้นอีกนิด ปรับปรุงการเขียนตัวเองให้ดีกว่านี้อีกนิดเขาจะได้เดือนหนึ่ง 300-400 บาทจากแค่งานกับโลกที่เขาสร้างเองจากสมองของเขา
เขาจะเขียนไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้เท่าค่าแรงขั้นต่ำ ที่ทำให้เขาอยู่รอดทั้งค่าห้องและค่ากิน
หัวใจเขาเต้นแรงอีกครั้งเพราะครึ่งใจเขาก็รู้ว่า มันอาจเป็นไปไม่ได้
แต่เขาต้องไม่ทิ้งศรัทธาและเขียนต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้
ซึ่งเขาพร้อมทำแบบนั้นแม้มีคนไม่เห็นด้วยมากมาย
เพราะเขาไม่มีแฟนและเขาไม่เคยมีผู้หญิงมาก่อนมันทำให้เวลาว่างเขาเยอะ
และการเขียนนิยายเป็นอย่างเดียวที่เขารับรู้ได้ว่าเขากำลังสร้างโลกใบใหม่ขึ้นมาแบบมีคนอยากเห็นและสนับสนุน
เขาเปิดเว็บไซต์ลองดูยอดขายของตัวเองตอนนี้
ยอดมันมีคนซื้อถึง 300 โดยที่ยังไม่ได้หักค่าธรรมเนียมของเว็บ
“ย้าหู้ววว” เขาโห่ร้องยินดีอยู่คนเดียวในห้อง
และการทำอย่างนั้นมันทำให้เขารู้สึกเหงาจับใจ
เขาหยิบบุหรี่ซองที่ซื้อเมื่อสองปีที่แล้วที่ถูกดูดไปสองสามตัวเมื่อก่อน
เขาซื้อมาให้ตัวเองรู้สึกว่าเขาเอาชนะมันได้
แต่เขาต้องมีมันติดไว้เพราะมันเป็นอาวุธของเขาที่เอาไว้สู้โรคซึมเศร้า
เขาหยิบมันมาหนึ่งตัวและใส่ปากหยิบไฟแช็คมาจ่อ
เขาคิดในใจ ‘ถ้าได้เงินแล้วกินขนมจะไม่ดีกว่าหรือ?’
เขาวางไฟแช็คเก็บบุหรี่ หายใจแบบไวกิ้งเพื่อปรับสภาพสมองให้พร้อมสู้และเดินออกไปซื้อขนม
ตอนนี้มันเป็นเวลา 3 ทุ่มที่คนส่วนใหญ่นอนกันหมดแล้ว
เขาชอบเดินตอนดึกๆเพราะเขาไม่ได้เจอใคร ไม่ต้องทักทายใครดี
เขาไม่ได้โกรธหรือเกลียดคนอื่นเลย แต่เขาแค่เข้ากับคนอื่นไม่ค่อยเป็น
เขาข้ามถนนใหญ่ตรงทางม้าลายแบบถูกต้อง
บางครั้งเขาก็เลือกข้ามตรงที่ไม่มีเหมือนคนปรกติทั่วไป
แต่เขาเป็นคนชอบหวาดระแวงว่าเรื่องที่ร้ายที่สุดอาจเกิดขึ้นกับเขาเพราะเขาเชื่อว่าตัวเองเป็นคนดวงซวยขั้นสุดยอด
แต่เขาไม่เคยโทษโชคชะตาเพราะมันทำให้เขาได้เจอบุพการีที่ดี
พ่อเขาอาจทิ้งเขาให้แม่เลี้ยงคนเดียว
แต่ถ้าถามว่าเขาโกรธไหม เขาก็ไม่ได้โกรธ, รังเกียจ, หรือแค้นไม่อยากเจอหน้า
เขาแค่เข้าใจ ‘ก็เขามีครอบครัวอยู่แล้ว และกับแม่มันเป็นเรื่องชั่วคราวล่ะมั้ง?’
เขาเข้าใจว่าพ่อแค่เลี้ยงอีกคนไม่ไหว
เขาเดินเข้าร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมงแล้วเดินเลือกขนมถุงมั่งข็อกโกแลตมั่งทั้งคาวหวาน
เขาซื้อไปทั้งหมด 50 บาทซึ่งนั่นคือเยอะแล้วสำหรับเขา
“คิดเงินด้วยครับ” เขาพูดกับพนักงานร้านที่กำลังอุ่นอาหารคนอื่นอยู่
“56 บาทค่ะ” พนักงานหน้าตาดีคิดเงินอย่างรวดเร็ว
เขาล้วงเงินที่พกมา 100 แล้วจ่ายให้เสร็จพร้อมรับเงินทอน
เพราะพนักงานหน้าตาดีมันทำให้เขาอยากคุยอีก
แต่เธอทำงานอยู่และเขาก็รู้ว่าเขาเป็นคนแปลกๆ
เขาเลือกเดินออกจากร้าน และกลับห้องไปกินขนมจะดีกว่า
“คุณคะ” พนักงานเรียกเขาเมื่อเขากำลังจะออกจากร้าน
เขาหันไปแล้วถาม “มีอะไรครับ?”
“สติกเกอร์สะสมแต้มที่แทนสามบาทได้ค่ะ” พนักงานพูดเรื่องสติกเกอร์ที่เขาได้
“โอ้ดีเลย ขอบคุณครับ” เขายิ้มและขอบคุณพนักงานที่เตือนเขา
เขารับสติกเกอร์ คำนับเล็กๆแล้วออกจากร้าน
เขาเดินกลับบ้าน กินขนม แปรงฟัน
เมื่อออกเป็นรูปเล่มแล้ว เขาต้องสร้างความต่างระหว่างรายตอนกับรูปเล่มอีก ไม่อยากนั้นคนจะไม่อยากได้รูปเล่ม เพราะไม่ได้มีประโยชน์อะไร
เขาตั้งนาฬิกาปลุกเตรียมพร้อมไว้ทำงานพรุ่งนี้และเข้านอน
แต่เขารู้สึกว่ามีคนกำลังคุยกันเรื่องเขา แต่ไม่ได้อยากให้เขาคุยด้วย
เขาอยากไปพูดสิ่งที่เป็นเขาจริงๆให้คนได้รับรู้
เขาลืมตาตื่น แล้วคิดในใจ ‘ช่างมันเถอะ สิทธิ์ของเขา’ จับพระแม่หลายๆองค์ที่คอและทำใจให้สบาย
และเขาก็หลับไป
เขาตื่นนอนตั้งแต่ 6 โมงเพื่อเตรียมพร้อมก่อนออกไปทำงาน
เขาเสียบกาต้มน้ำร้อนและเข้าอาบน้ำอย่างเร็วเพราะมันเป็นช่วงหน้าหนาวและน้ำเย็นมาก
เขาไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไร เพราะชาวไวกิ้งหรือคนรัสเซียยังอาบหนาวๆได้เลย
เขาก็ต้องทำได้ และเขากินกาแฟให้เรียบร้อย
เขาแต่งตัวสุภาพไปรอขึ้นรถโดยสารสาธารณะเพราะเขาใช้บัตรประชาชนแล้วนั่งฟรีได้
เมื่อไปถึงหัวหน้างานก็สั่งเขาหลายอย่างที่เขาจำได้บ้างไม่ได้บ้าง
เหตุผลที่มันเป็นแบบนี้เพราะเขาเคยติดเกมและเล่นยันเช้าทุกวันติดกันเป็นเวลานาน
มันทำให้เขาต้องถามบ่อย แต่เขาทำงานเร็วและเดินไวแถมเหนื่อยยาก
เขาเหมือนทำได้อย่างดีทั้งหมด แต่เพราะเขาโง่บางเรื่องที่ง่ายๆไม่น่าโง่ มันเลยทำให้เขาเป็นบุคลากรสำคัญไม่ได้ซักที
แต่เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองฉลาดและทุกอย่างเป็นการหาความรู้เสมอเขาเลยเหมือนคนโง่ที่ถามไม่หยุด
ยิ่งเขาเป็นคนชอบสงสัยเรื่องไม่ปรกติด้วยมันยิ่งแล้วใหญ่
เขาถามเจ้านายและเขาโดนว่าแบบเดิมๆ
เขาฟังและหาวิธีปรับตัวโดยท่องอยู่เสมอว่า ‘ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ เราโง่จริง’
เขาก็ทำงานไปเรื่อยๆ
ตำแหน่งงานของเขาเป็นตำแหน่งที่ไว้สำหรับคนๆเดียว และมีคนจ้องชิงตำแหน่งงานของเขาในบริษัทนี้อยู่เสมอ
มันเหมือนเขาอยู่ดงเสือ แต่เขาไม่เคยกลัวเสือเลยซักคน เขาไม่เคยแค้นพนักงานคนอื่นซักคน
เพราะความเข้าใจ
เขาทำงานจนเสร็จและระหว่างรอหมดเวลาทำงานเขานึกเนื้อเรื่องตอนต่อไปของนิยายเขา
แต่ช่วงนี้ของโลกใบนี้เป็นช่วงที่งานหายาก และเศรษฐกิจตกต่ำกันทั้วโลกเพราะเงินหายากขึ้นเรื่อยๆ
แถมราคาข้าวของจำเป็นประจำวันแพงขึ้นตลอดแบบแทบไม่มีกลับไปลดราคาเมื่อทุกอย่างเข้าที่มันยิ่งแล้วใหญ่
ปิ้งป่อง เสียงสัญญาณการปิดงานดังขึ้นและเขาเก็บข้าวของเข้ากระเป๋า
เมื่อเขาเตรียมออกงานเจ้านายดิ่งมาหาเขาและเขาสงสัยว่ามาทำไม
“เดี๋ยวคุณทำเอกสารชุดนี้ให้เสร็จ ฉันจะให้ค่าทำงานล่วงเวลา” หัวหน้าเอางานมาโปะเขาตอนได้เวลากลับบ้าน
เขาอยากปฏิเสธเพราะเขาอยากรีบกลับไปซื้อขนมกินแก้อยากบุหรี่
แต่เขาต้องทำใจทำ เพราะอย่างน้อยมันก็ได้ค่าทำงานล่วงเวลา
หัวหน้ากลับเข้าห้องของเขาและยังไม่กลับบ้านเหมือนกัน เพราะน่าจะรอเอกสารจากเขาเสร็จ
เขารีบทำสุดตัวแต่มันก็กินเวลาไปสองชั่วโมงอยู่ดี
เขาเคาะห้องหัวหน้า “เข้ามาๆ”
“เสร็จแล้วครับ” เขาส่งเอกสารให้หัวหน้าและหัวหน้าตรวจดูความถูกต้อง
“เออ เสร็จหมดละ ไปๆกลับบ้านไป พรุ่งนี้รีบมา” เมื่อเขาหมดประโยชน์กับหัวหน้าเขาก็ถูกไล่กลับบ้าน
แต่เขาก็ไม่ถือเพราะเขาคิดในใจว่า มันบริษัทเขา
เขานั่งรถสาธารณะเหมือนเดิมเพื่อกลับไปอยู่ห้องเล็กๆของเขา
ตอนนี้มันเป็นสองทุ่มซึ่งก็ดึกแล้วและน่าจะนอนได้แล้ว
แต่เขาต้องรับผิดชอบนิยายตอนใหม่ให้ได้ออกตามกำหนด เขาเลยเขียนให้ได้ซักครึ่งตอนก่อน
เขารูู้สึกดีมากกับครึ่งตอนแรก และมันทำให้เขาหยิบบุหรี่อีกครั้ง
แต่ครั้งนี้มันเปลี่ยนไป
เขารู้สึกว่าเขาใช้เวลาว่างเป็นงานได้และสิ่งที่เขารับรู้ในใจคือ ‘ตัวฉันมีค่า’
เขาเอาบุหรี่ทิ้งถังขยะแล้วแล้วเอามันไปเทถังรวมของตึกที่ให้เขาเช่าห้อง
เมื่อบุหรี่หายไปเขาคิดหน้าถังขยะ
“แล้วถ้าอาการซึมเศร้ามันขึ้นมาจะเอาบุหรี่ที่ไหนล่ะเนี่ย” เขาบ่นอยู่คนเดียว
เขายืนจ้องถังขยะและนึกอยากล้วงมันออกมา
เขาหายใจแบบไวกิ้งเพื่อให้สมองเดินไปทางอื่นที่ไม่ใช่หนทางดิ่งลงเหวแห่งความทุกข์ใจ
“โว๊ะ ไม่เอาแล้วก็ได้” เขาตัดใจลาขาดจากบุหรี่
เขากลับห้อง “อย่างนี้ต้องกินขนมฉลอง” และเขาพูดอยู่คนเดียว
เพราะเขาศรัทธาเรื่องเหนือธรรมชาติเช่นเทพเจ้าทุกศาสนาและของขลังต่างๆ
เขาเอากุญแจห้องใส่กระเป๋าเปิดประตู
แต่ปรากฏว่ามีคนสะกิดไหล่อย่างแรงและเขารีบหันไปพูด “แม่?”
เขายืนรอสัญญาณตอบสนองแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มันทำให้เขาเดินไปที่คอมพิวเตอร์และดูรายได้ทั้งหมดจากงานเขียนของเขา
และเขาได้ถึง 500 บาท เขายิ้มแก้มปริ และพูดลอยๆให้องค์ไหนก็ได้ที่ฟังอยู่ “ขอบคุณครับ”
และเขาก็เดินออกจากห้อง มองกุญแจเก็บเข้ากระเป๋าเพื่อความปลอดภัยและล็อกห้องไปซื้อขนม
หลังจากนั้น โลก ก็ไม่ได้เจอเขาอีก
แต่งโดย: wayuwayu
tipme : tipme.in.th/wayuwayutl
*แนะนำ plotteller เพราะมาชวนนิยายเล็กๆอย่างผม
Plotteller (แนะนำ มีแอพ มีโหมดกลางคืน มีชี้แจงเรื่องเงื่อนไขการใช้งานที่ไม่มีเหลี่ยม)
https://www.plotteller.com/book_reading_novel/01J6K59JBZFBKF5WR1DS8Y86Q2
และ
DekD (เล่ม 4+ ไม่มีภาพ)
https://writer.dek-d.com/wayuwayu9/writer/view.php?id=2536726
ตอนนี้เปิดให้อ่านฟรี 90 วัน ถูกใจเชิญโดเนทได้ที่เว็บไซต์ tipme
ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ:
https://bsky.app/profile/wayuwayutl.bsky.social
https://facebook.com/100087843892571/
https://discord.gg/cP8yT4J8
line: @326jilhj (wayuwayu) (ไม่เด้งเตือน)
*nekopost โดเนท 10 บาทเผยแพร่ตอน 7 วัน โดเนท 100 เขียนตอนใหม่ เผยแพร่ฟรี 90 วัน
MANGA DISCUSSION