การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 429
บทที่ 429 – นี่ไม่ใช่การต่อรอง
ร่างเลทิเซียมุ่งดิ่งไปทางจักรวรรดิมังกรเพียงแค่เธอลงมือ ไม่นานจักรวรรดิมังกรก็พังทลาย ขอแค่เธอต้องการการทำลายทุกสิ่งทุกอย่างมันยากดุจปอกกล้วย
เลทิเซียปรากฏตัวต่อหน้าจักรพรรดิมังกร.. สำหรับจักรพรรดิมังกรแล้ว เลทิเซียก็เหมือนมารผจญในแผนการเขา
เลยวางแผนจะกำจัดอีกฝ่ายก่อน ไม่ใช่ว่าเขามองไม่ออกถึงว่าเลทิเซียคือคนที่ปราบเขาเมื่อในอดีต
แต่ถึงแม้เลทิเซียจะไม่หวาดกลัวต่อเทพผู้สร้างวนยามนั้น แต่ความขัดแย้งของเวลามีโอกาสเกิดขึ้นได้เช่นกัน
เธอจึงตั้งใจไว้ชีวิตอีกฝ่ายไม่ตามไล่ล่าอีกฝ่าย ตอนอีกฝ่ายหลบหนีเพราะในอนาคตมันเป็นแบบนั้น
อีกทั้งร่างแยกที่เลทิเซียโจมตีใส่จักรพรรดิมังกรก็ไม่ได้มีใบหน้าเหมือนเลทิเซียทุกประการขนาดนั้นด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าไม่ว่าจะใบหน้า
หรือรูปร่างของมหาปราชญ์ในอดีตเป็นยังไงแน่ เพราะแต่ละคนบอกไม่เหมือนกัน จนท้ายที่สุดก็ไม่มีคนพิสูจน์ว่าแท้จริงแล้วมหาปราชญ์คือใคร
แต่ถึงแบบนั้นคนที่เคยปะทะกับมหาปราชญ์ ล้วนกล่าวขานเป็นเสียงเดียวกันว่า การโจมตีทุกอย่างล้วนไร้ผล
การป้องกันทุกรูปแบบไม่อาจจะต้านทาน ความแข็งแกร่งที่เหมือนจากหลุดออกมาจากโลกอื่นนั้นทำให้เป็นคนที่แม้แต่จักรพรรดิมังกรยังหวาดกลัว
เลทิเซียปรากฏตัวขึ้นในห้องประชุมในจักรวรรดิมังกร จะพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นคืออดีตของประเทศที่มีชื่อว่าอาณาจักรมิราลิส
ในห้องประชุมนี้มีขุมอำนาจมากมายยืนอยู่ ส่วนใหญ่มักเป็นขุมอำนาจที่เห็นด้วยกับการทำสงคราม น่าตกใจที่มีจอมมารอยู่ถึงสี่ห้าคน
ผู้กล้าอีกสองสามคน.. ราชาแวมไพร์.. และยังมีมหาอำนาจอื่นๆ ที่เหมือนจะซุกซ่อนอำนาจแห่งอาร์ติแฟ็คเอาไว้
เหมือนจะเป็นประเทศที่ก้าวหน้าด้านวิทยาการเหมือนหลุดออกมาจากโลกปัจจุบัน อันที่จริงประเทศนี้ก็โผล่ออกมาครั้งแรก
ภายใต้การสนับสนุนโดยศาสนจักร.. เมื่อพูดถึงศาสนจักรเลทิเซียก็นึกถึงฮิสครอมและที่ขาดไม่ได้คือชายที่โผล่มาตอนนั้น…
สันตะปาปาแห่งศาสนจักร ก็อยู่ที่นี่ด้วย.. เจ้าหมอนั่นน่าจะรู้จักเรื่องมิติควอนตัม.. เพราะก่อนหน้าที่เธอจะพยายามแงะสมองฮิสครอม
เธอพูดถึงเรื่อง ‘มิติควอนตัม’ ซึ่งน่าจะดึงดูดอีกฝ่ายได้พอสมควรเพราะอีกฝ่ายที่ดูอยู่ตลอดถึงขั้นเคลื่อนไหวลงมาเองแบบนี้
เลทิเซียไม่ใช่คนโง่ ส่วนหนึ่งเธอพอจะเดาถึงความคิดอีกฝ่ายออก เจ้าสันตะปาปานั่น.. รวมถึงศาสนาโอโรโบรอสที่ดูนำสมัยนี่
มันต้องมาจากอีกโลกหนึ่งแน่นอน.. แต่เลทิเซียไม่คิดว่ามันจะมาจากโลกเดียวกับเธอ มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมาจากโลกที่ ‘เทพธิดาแห่งพิภพ’
เพราะตามคำบอกเล่าของเลเวียและเรสต้า ที่นั่นเหมือนจะเป็นโลกที่ก้าวหน้า แม้จะยังไม่เท่าโลกเลทิเซีย แต่ก็มีความเป็นไปได้
เหมือนเจ้าสันตะปาปาก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ซึ่งควรค่าแก่การปรึกษาหารือ.. ไม่สิ ควรค่าแก่การฆ่าล้างบางจะพูดแบบนี้ง่ายกว่าสินะ
เลทิเซียเตะประตูโครมเข้าไปในห้องประชุม เวทมนตร์ป้องกันทุกอย่างแตกพังทลายลงไปอย่างง่ายดาย
สายตาทุกคนหันมาสนใจโดยพร้อมเพรียง… พอเลทิเซียเดินเข้ามา สันตะปะปาที่นั่งอยู่ก็ขมวดคิ้ว จักรพรรดิมังกรก็เช่นกัน
ยังมีหลายคนที่ไม่เคยเห็นหน้าเลทิเซีย แม้จะรู้จักชื่อของเด็กที่ชื่อเลทิเซียที่ฆ่าล้างอาณาจักรในพริบตา แต่ก็ไม่เคยเจอตัวเป็นๆ
“ดูท่ากำลังคุยกันสนุกได้ที่ ฉันร่วมวงจะได้ไหม?”
แต่ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างไม่ใช่คนโง่ สัมผัสที่พวกเขาได้รับมาจากเลทิเซียนั่นคือความหวาดกลัวโดยต้นกำเนิด..
ไม่สิ พลังของพวกเขาก็ยังหวาดกลัว เลทิเซียพึมพำหนึ่งประโยคกำแพงหลากมิติก็ปรากฏขึ้นเป็นม่านบาเรียหลากมิติ
ซึ่งหากไม่หลุดพ้นต้นกำเนิดสักสิบอะเลฟ ก็ไม่มีทางหลุดพ้นออกไปได้ แม้ทุกคนที่นี่จะไม่สามารถสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของบาเรียนี้ได้
แต่สันตะปาปาก็ตัวสั่น.. นี่นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เจอกับเลทิเซียก็ผ่านมาจะสิบปีพอดีและพลังของเขาไต่ไปถึงระดับที่เก่งที่สุดในโลกไม่มีผิด
ทฤษฎีสตริงที่กล่าวถึงการหลุดพ้นขึ้นมิติที่สูงกว่า และมีคำถามมากมายว่ามีสิ่งมีชีวิตที่สูงกว่าไหม?
เขาเรียกสิ่งเหล่านั้นว่าประตูศักดิ์สิทธิ์และทุกครั้งที่เปิดประตูเข้าสู่บานที่สูงขึ้นไปอีก เขาจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งขึ้น
ซึ่งเขาในตอนนี้อาจจะแข็งแกร่งพอกับนิลที่เคยเกือบสังหารเลทิเซียได้เลยก็ว่าได้ ต่อให้เทพธิดาก็ไม่อยู่ในสายตาเขา
ซึ่งแน่นอนเลทิเซียมองออกทันที แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอ เพราะความแข็งแกร่งของเลทิเซียในตอนนี้แม้จะไม่สามารถควบคุมต้นกำเนิดที่แท้จริง
แต่หากเป็นสักหมื่นสักล้านอะเลฟ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย.. สรุปคือต่อให้มีสักร้อยล้านสันตะปาปาเลทิเซียก็กำจัดได้ในพริบตาเดียวอยู่ดี
เลทิเซียเดินไปหยุดอยู่ตรงโต๊ะ พร้อมกับโยนหัวของสองพี่น้องมังกรไปหาจักรพรรดิมังกร เลทิเซียพูดขึ้น
“ฉันมีแค่คำถามเดียว… วิธีทำให้ลูเซีย.. ฉันหมายถึงคนที่แก่อัญเชิญมาสวมปลอกคอทาสทำลายจิตใจนั่นกลับมาเป็นคนเดิมทำยังไง?”
เลทิเซียพูดขึ้นน้ำเสียงของเลทิเซียดูราบเรียบและธรรมดาก็จริง แต่เมื่อดังเข้าหูสองข้างของจักรพรรดิมังกรก็ทำให้เขาใจสั่นเล็กน้อย
ทุกคนไม่ถูกกดดันเท่าจักรพรรดิมังกร เพราะไม่มีใครรู้ว่าหัวของสองคนนี้อาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเขาทุกคน
ยกเว้นสันตะปาปาไว้สักคน.. แต่คนในนี้รวมกันก็ไม่ใช่คู่มือของสองพี่น้องคู่นี้อยู่ดี ซึ่งจักรพรรดิมังกรรู้เรื่องนั้นดี
มือสองข้างเบาสั่นสะท้านเล็กน้อย นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาแสดงความกลัวออกมาชัดเจนขนาดนี้ในชีวิต หนึ่งคือตอนปะทะกับมหาปราชญ์
หนึ่งคือถูกสายตาเลทิเซียจ้อง ซึ่งอันที่จริงเบายังไม่รู้ว่าทั้งคู่คือคนเดียวกัน ในขณะที่เขาจะกล่าวปากตอบ
จอมมารคนหนึ่งก็ผุดลุกขึ้น
“เดี๋ยวก่อนสิ หนูน้อย ที่นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ก่อนอื่นขอให้เจ้าแนะนำตัวเองก่อนไหม ดูทรงแล้วน่าจะเป็นจอมมาร อย่าทำให้เผ่ามารพวกเราเสียชื่—”
“อย่าเอาฉันไปเหมารวมกับสวะอย่างพวกแก”
เลทิเซียในตอนนี้มีมั้งความหมิ่นและดูแคลน ไม่ว่าจะจอมมารก็ดีผู้กล้าก็ช่าง พวกคนเหล่านี้มันพรากทุกอย่างไปจากเธอ
ไม่ว่าจะเมื่อห้าร้อยปีก่อนหรือในตอนนี้… ดวงตาของเลทิเซียในยามนี้ไม่เหลือความเป็นเธออีกต่อไป
หัวใจของเธอแทบแตกสลายไปจนหมดแล้ว ไฟที่ลุกไหม้อยู่ภายในอกก็มอดดับไปมากกว่าครึ่งจนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว
เธอละทิ้งความใจดีของตัวเองแล้ว..เธอจะเลือกอะไรได้ล่ะ ขนาดพี่สาวที่สอนความดีให้เธอยังเกี่ยวข้องกับโชคชะตาชีวิตของเธอด้วย
เธอในตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรทำยังไงดี จะเดินหน้าหรือถอยหลัง หรือจะหยุดอยู่กับที่ เธอไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ
ทุกสิ่งอย่างที่เธอทำในตอนนี้มีเพียงแค่ทำตามที่เลวี่ต้องการเพียงก็แค่นั้น สำหรับเธอในตอนนี้เรื่องราวต่างๆ มันมากมายจนเกินไป
ไม่ว่าจะเรื่องของเพื่อนๆ ที่เธอไม่สามารถทำอะไรได้ ต่อให้ย้อนกลับไปอีกท้ายที่สุดมันก็จะเป็นการทำให้ปัจจุบันย้ำเตือนเธอว่า
เธอไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับโครงสร้างเวลาได้หรอก!
แล้วยังมีคนมาบอกว่าพี่ตัวเองแค่แกล้งตาย และเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอเจอทุกอย่างนี้ เลทิเซียในตอนนี้ไม่รู้เลยว่าใครคือมิตรหรือศัตรู
ยกเว้นเลวี่..และเวโรเน่ ดังนั้นเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อใจคนสำคัญเธอ พอมีคนมาขัดเลทิเซียพูดแบบนั้นไม่ทันได้ตั้งตัว
อีกฝ่ายที่เป็นถึงจอมมารก็แตกสลายหายไปจากตรงนั้นทันที ทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้ก็ต่างพากันขมวดคิ้วและกำลังจะเคลื่อนไหว
“ใครขยับตาย”
เลทิเซียพูดเพียงแค่นั้น เธอในตอนนี้ต้องการแค่คำตอบจากปากของจักรพรรดิมังกรเท่านั้น เมื่อเลทิเซียพูดแบบนั้น
วาจาของเธอราวกับเป็นถ้อยคำจากโลก มีผู้กล้าคนหนึ่งเผลอเคลื่อนไหวร่างของมันก็แตกกระจุยและสลายหายไปในทันที
ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างพากันสูดลมหายใจ… เลทิเซียยังคงพูดซ้ำ..
“ฉันจะถามอีกรอบ.. วิธีฟื้นฟูจิตใจของลูเซียคืออะไร?”
“นี่ไม่ใช่การต่อรอง แต่เป็นคำสั่ง!”