การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 417
บทที่ 417 – อาเจียน
“หมายความว่—”
ก่อนที่ทันจะได้พูดจบเลทิเซียก็ยืนอึ้ง.. ใช่.. ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้นี่เอง เลทิเซียเข้าใจแล้ว เลทิเซียเข้าใจทุกอย่างเลย
จี้สีแดงนั้นแรกเริ่มเลทิเซียได้รับมาจากเอลร่าผู้เป็นมารดา.. แต่ในวันนั้นวันที่เลทิเซียได้เร่งเวลาของโลกแล้วจุดพลุ
มันส่งผลให้เกิดพายุของกาลเวลาขึ้น พัดเอาร่างเลทิเซียจนปลิวไปหาเลเวียแม่ของเลวี่.. และในตอนนั้นเองที่จี้มันหายไป
จี้มันถูกพัดเข้าไปในพายุแห่งกาลเวลา … และในเวลาถัดมาตอนที่เลทิเซียเจอกับชาร์ล็อต.. จี้นั้นก็กลับมาอยู่ในมือของเลทิเซียอีกครั้ง
เพราะจี้นั้นมันควรอยู่ในมือของเลทิเซียตั้งแต่แรก.. ถัดมาเลทิเซียคิดว่าจี้สีแดงสามารถช่วยชาร์ล็อตได้เธอจึงย้อนเวลากลับไป
แต่ก็โดนพายุกาลเวลาที่ตัวเองในตอนเป็นทารกสร้างขึ้นพัดเอาจี้สีแดงหลุดจากมือ.. และวินาทีนั้นจี้สีแดงของเลทิเซียทารกก็ถูกพัดมา
เลทิเซียก็เก็บเอาจี้สีแดงของตัวเองตอนเป็นทารกไปให้ชาร์ล็อต.. ชาร์ล็อตก็ดันเอามามอบให้เธออีกตามที่เธอเคยเจอ
ซึ่งเลทิเซียพยายามจะห้าม แต่ก็โดนภาพสะท้อนอัดจนเกิดพายุกาลเวลาอีกรอบมันเลยพัดเอาจี้สีแดงที่เลทิเซียได้รับมาจากชาร์ล็อตกลับมาหาเธอ
จี้สีแดงก็ถูกเลทิเซียเอาไปให้เมอร์สัน เพื่อให้เมอร์สันมอบให้กับสิ่งมีชีวิตเทียม เพราะเธอคิดว่ามันอาจจะเป็นตัวแปรสำคัญ
แต่ความจริงสิ่งมีชีวิตเทียมก็คือเลทิเซีย ท้ายที่สุดมันก็จะกลับไปลูปเดิมแบบไม่มีที่สิ้นสุดไปเรื่อยๆ
ไม่รู้จักว่าจุดเริ่มต้นมาจากไหน แต่ก็ไม่พบจุดสิ้นสุดว่าอยู่ที่ไหนเช่นกัน.. และเมื่อพิจารณาถึงจุดนี้ก็ยิ่งยืนยันชัดเจนกว่าเดิมว่า
การที่เลทิเซียย้อนเวลากลับไปยี่สิบปีก่อนนั้นเป็นเรื่องที่ควรเกิดขึ้นอยู่แล้ว.. และการที่เลทิเซียถูกส่งย้อนกลับไปเมื่อห้าร้อยปีก่อนก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
เลทิเซียทำได้เพียงหัวเราะ… หัวเราะให้กับตนเอง.. หัวเราะให้กับโชคชะตาที่ราวกับทุกอย่างมันเชื่อมต่อกันไปจนหมด
เป็นเพราะเธอย้อนเวลางั้นเหรอ.. เป็นเพราะไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่ากาลเวลาอย่างงั้นเหรอ มันเลยทำให้ทุกอย่างปั่นป่วนไปจนหมด
จะว่าไปแล้ว.. เลทิเซียเองก็เคยฟังเรื่องเล่ามานี่น่า.. เรื่องเล่าเกี่ยวกับการถือกำเนิดของจอมมารและจันทรา
จากปากของ.. เพื่อนในโรงเรียนที่เธอเคยพูดว่า ทุกครั้งที่มีจอมมารถือกำเนิดขึ้นจะทำให้เกิดการผลัดเปลี่ยนดวงจันทร์
แต่เหมือนว่าการผลัดเปลี่ยนดวงจันทร์จะไม่ปรากฏขึ้นเลยนี่น่า… เพราะตามหลักแล้วทุกครั้งที่มีจอมมารคนใหม่ที่ไม่ใช่การสืบทอดบัลลังก์จอมมาร
จะมีการผลัดเปลี่ยนดวงจันทร์.. ที่เกิดจากกลุ่มดาวหลอมผสานกันและพุ่งชนพลังงานลึกลับจนกลายเป็นดวงจันทร์ [1]
แล้วในห้าร้อยปีก่อนมันมีหรือเปล่าล่ะ.. ก็ไม่น่าจะมี.. ไม่สิ.. ตอนที่พลังของสิ่งมีชีวิตเทียมตื่นขึ้น
ตอนนั้นเกิดโดมผนึกพลังทุกคนที่อยู่บนผืนทวีปนี่น่า.. เพราะแบบนั้นจึงไม่มีใครรู้หรือไม่มีใครเห็น…
อีกอย่าง.. ตามคำบรรยายของคนคนนั้นเหมือนจะบอกไว้ว่าทุกครั้งที่จอมมาถือกำเนิดกาลเวลาจะไหลเป็นระเบียบมากขึ้น..
และจากชื่อกลุ่มดาวที่ชื่อว่า Aries .. เพียงแค่นี้แล้วบางทีตำแหน่งของจอมมารคงแทนถึงสัญลักษณ์แห่งจักรราศีทั้งสิบสอง
ซึ่งจักรราศียังแทนถึงทิศทางและวันเดือนปีด้วยเช่นกัน.. หรือก็คือทุกครั้งที่จอมมารถือกำเนิดขึ้น จะมีเดือนเพิ่มมากขึ้น
และโลกนี้ก็ไม่ได้มีสิบสองเดือนต่อหนึ่งปีเหมือนโลกเดิมเลทิเซีย แต่มีถึงสิบสามเดือนและหนึ่งวันมียี่สิบหกชั่วโมง
และเวลาแบบนี้ก็เป็นมาตั้งนานแล้ว.. กล่าวคือเลทิเซียน่ะไม่ได้เกิดในตอนนี้จริงๆ นั่นแหละ….
แต่เกิดเมื่อห้าร้อยปีก่อน.. แต่ว่าแล้วทำไมเด็กในโรงเรียนคนนั้นถึงรู้ล่ะ.. แถมยังพูดถึงคำพูดของคนคนหนึ่งที่พูดเหมือนกับวนเจอฉากนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่าง…
“ไม่ว่ากี่ครั้ง… ต่อกี่ครั้ง… แม้จะเริ่มนับหนึ่งใหม่กี่ครั้ง… ต่อกี่ครั้ง…”
มันหมายถึงอะไรกัน. นั่นมันเมื่อหมื่นปีก่อนเลยนะ.. หมื่นปีก่อน?!
หมื่นปีก่อนนี่มัน.. อามาเระ! ใช่ อามาเระเธอหลงรักเลทิเซียมาตั้งแต่หมื่นปีก่อน.. ขนทั่วทั้งร่างของเลทิเซียลุกซู่..
จากประสบการณ์ที่เธอได้พบ..ได้เจอมาจนถึงปัจจุบันนี้.. เธอก็พอจะเดาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอามาเระได้บ้างแล้ว..
บางที.. ก่อนหน้านี้… ในตอนที่ถูกภาพสะท้อนของเทพผู้สร้างซัดจนกระเด็นข้ามเวลา.. บางทีอามาเระอาจจะไปโผล่เมื่อหมื่นปีก่อน
เธอสัญญากับเลทิเซียเอาไว้ว่าจะสร้างโลกที่ช่วยเหลือเลทิเซียได้.. และอาจจะเพราะเหตุผลบางอย่างไอรีนจึงจำได้ว่าเธอเคยเจอเรื่องแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายหน
เธอจึงสร้างแนวคิดของจอมมารขึ้นมาอีกครั้ง.. อีกครั้ง และไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง.. เธอก็จะทำเพื่อเลทิเซีย เพื่อให้เลทิเซียได้เป็นจอมมารในอนาคต
นั่นเอง.. และสาเหตุที่เธอไม่ดำรงอยู่ในโลกนี้.. เพราะตัวตนของอามาเระคือหนึ่งเดียวบนโลก เธอไม่อยู่ในโลกคู่ขนานอื่นๆ ..
ตัวตนเธอมีเพียงหนึ่งเดียว.. กล่าวคือในโลกนี้เธอไม่ดำรงอยู่อีกต่อไป เธอไปอยู่อีกโลกคู่ขนานและสร้างโลกที่มีจอมมารเพื่อให้เลทิเซียได้กลายเป็นจอมมารในอนาคต.. อีก..
และชะตากรรมเธอจะไม่มีวันสิ้นสุด.. บางทีเรื่องเล่านี้ที่สืบต่อกันมาจนมาถึงหูเลทิเซียได้ อาจจะเป็นความต้องการของอามาเระ
เธอต้องการให้เลทิเซียในอนาคตที่สูญเสียอามาเระไปแล้ว เธออาจจะสับสนว่าตัวเองหายไปไหน.. เธอทำไมไม่ทำอะไรเลย..
เธอแค่อยากจะบอกว่า.. เธอทำไปแล้วและนั่นคือขีดสุดที่เธอสามารถทำได้บนโลก.. เธอเป็นคนบังคับให้ภูตตนอื่นสร้างระบบใหม่ขึ้นมาบนโลก
แนวคิดของคำว่าจอมมาร.. ใช่.. นี่เป็นจดหมายจากอามาเระเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนที่ส่งมาถึงเลทิเซียในปัจจุบันที่ไม่มีอามาเระอยู่แล้ว
เป็นจดหมายที่ย้ำเตือนถึงความผิดพลาดของเธอ.. และของเลทิเซียเช่นเดียวกัน เพราะไม่ว่าจะเธอหรืออามาเระ..
หรือทุกๆ คน จะต้องติดอยู่ในวังวนแห่งความสิ้นหวังนี้ต่อไป …
ในตอนนี้เลทิเซียได้แต่หัวเราะออกมา ภาพสะท้อนของเทพผู้สร้าง? มาถึงตอนนี้เลทิเซียก็รู้สึกว่าทุกสิ่งอย่างมันไร้สาระ
ไอ้ภาพสะท้อนบ้าบอนั่นมันไม่มีมาตั้งแต่แรก ภาพสะท้อนที่มีตอนนั้นเกิดจากการที่มีคนแบบเดียวกับอามาเระ
คือดำรงอยู่จุดจุดเดียวโดยไม่มีตัวตนอื่นอีกในโลกคู่ขนานอื่น.. แต่ด้วยอำนาจเขามันส่งผลให้เกิดภาพสะท้อนที่สะเทือนไปถึงโลกคู่ขนานอื่น
ใช่.. ภาพสะท้อนน่ะมันมีอยู่แค่ในช่วงเวลานั้นนั่นแหละ ช่วงเวลาที่เลทิเซียพยายามจะหยุดการมอบจี้สีแดงของชาร์ล็อตให้กับเธอ
ซึ่งเทพผู้สร้างอย่างริวคุงอะไรนั่นอยู่ที่นั่นพอดีเลยขัดขวาง ส่งผลให้เลทิเซียที่ติดลูปหรือ Time paradox ที่พยายามจะย้อนไปแก้ตรงจุดนี้.. เจอกับเทพผู้สร้างทุกครั้ง
ว่าง่ายๆ .. เมื่อห้าร้อยปีก่อน ต่อให้เลทิเซียจะเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างไปจากเดิมก็ทำได้ แต่เพราะเธอหวาดกลัวต่อภาพสะท้อน
สุดท้ายคำตอบทุกอย่างจึงกลายเป็นแบบนี้นั่นเอง
ไม่สิ..จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก.. เพราะแม้จะไม่มีภาพสะท้อนก็ตามที ทุกสิ่งทุกอย่างที่เลทิเซียจะกระทำ จะพบเจอหรือเป็นแบบไหน
‘ทุกอย่างล้วนถูกกำหนดมาไว้แล้ว’
ราวกับโลกทั้งใบกำลังเล่นตลกกับเธอ การที่เธอจะกลัวภาพสะท้อนที่ไม่มีอยู่จริงมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว
ในโลกที่ไร้ที่สิ้นสุดทอดขยายอย่างไร้จุดจบเหล่านั้น เลทิเซียทุกคนล้วนหวาดกลัวภาพสะท้อนที่ไม่มีอยู่จริง
จนทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆ มากมาย.. สร้างตัวเองขึ้นมาเอง สร้างความสงบสุขขึ้นมาเอง สร้างความเจ็บปวดขึ้นมาเอง
ทุกการกระทำของเธอนำพาทุกคนไปสู่ความตายอย่างแท้จริง.. ราวกับโลกกำลังจะย้ำเตือนเลทิเซียอีกครั้งว่า…
“ยิ่งเธอพยายามไปมากแค่ไหน มันก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำ เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ เพราะทุกสิ่งถูกกำหนดมาไว้แต่แรกแล้ว”
หากอยากช่วยจริง.. เธอต้องไม่ทำอะไรเลย ถ้าเธอไม่ย้อนเวลาไปมอบจี้ให้กับชาร์ล็อต ชาร์ล็อตก็จะไม่มอบจี้ให้เลทิเซียความสัมพันธ์ทั้งสองอาจจะย่ำแย่
หากเลทิเซียไม่ย้อนกลับไปเมื่อห้าร้อยปีก่อน.. เธอก็จะไม่ได้เกิด บางทีไอรีนกับเวโรเน่อาจจะหาทางหยุดสงครามได้ด้วยตัวเอง
เธอไม่ต้องเกิดมาบนโลกนี้… ทุกคนก็คงจะมีความสุข
หากแค่เธอไม่เกิดมาสักคนละก็…
“ฮ่า… ฮ่าๆ ”
เลทิเซียเงยหน้าหัวเราะออกมา.. ก่อนที่จะเอามือปิดปากและอาเจียนออกมาอีกครั้ง.. อาเจียนเอาสิ่งที่น่าคลื่นไส้มากมายที่อยู่ในความคิดเธอออกไป..
………
[คำถาม : ทำไม เลทิเซียถึงอ้วก?]
[คำตอบ : เกิดจากความเครียดที่มากเกินไป สำหรับทุกสิ่งที่เลทิเซียพยายามมันคงผ่านมาไม่กี่ตอน แต่ในความเป็นจริงสำหรับเจ้า ตลอดหกเจ็ดปีที่ผ่านมา เจ้าตัวแทบมีชีวิตอยู่เพื่อช่วยคนสำคัญ แต่สิ่งที่เธอได้รับมากลับมีเพียงความว่างเปล่าจนเกิดอาการเครียดฉับพลัน ถ้าติดตามมา การสูญเสียมากมาย แม้ผมไม่เคยพูดถึง แต่จะบอกว่าเลทิเซียในตอนนี้คงเป็นโรคซึมเศร้าเข้าค่ายอันตรายสุดๆ แล้วอ่ะ พอเกิดความเครียดฉับพลันจึงทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า Physical Symptoms ซึ่งจะมีอาการแบบ ‘คลื่นไส้ เวียนหัว อาการคลื่นไส้เวียนหัวเป็นอาการที่เกิดขึ้นจากความเครียด โดยปกติแล้วจะมีแค่เพียงอาการคลื่นไส้และเวียนหัว แต่ถ้าหากอาการรุนแรงขึ้นจนเครียดลงกระเพาะก็อาจทำให้อาเจียนได้ ’ นั่นแหละฮะท่านผู้ชม แม้เลทิเซียจะมีความโกงทางกายภาพอย่างเยอะ แต่ในตอนนี้ เจ้าตัวแทบไม่ไหวแล้วอ่ะครับ.. ต้องบอกว่าเลทิเซียในตอนนี้เละเทะไปถึงข้างในแล้วจริงๆ ]
[1] เนื้อหาเหล่านี้มาจากบทที่ 58 น้องจูนิเบียวอ่านหนังสือประหลาดที่ได้มาจากคนแก่หลังค่อม ซึ่งนั่นแน่นอนแม้ผมจะไม่ได้กล่าวในเรื่อง แต่ว่าคนแก่คนนั้นต้องเป็นคนที่อามาเระมอบหน้าที่ให้มีชีวิตอยู่มานับหมื่นปีเพื่อส่งจดหมายให้เลทิเซียนั่นเองครับ เป็นจดหมายก่อนที่เธอจะลืมเรื่องทุกอย่างและกลับไปเริ่มนับ 1 ใหม่ตอนเจอเลทิเซียในโลกใหม่