การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 360
บทที่ 360 – ความโกรธที่แสดงออกทางสีหน้า
หลังจากนั้นเลทิเซียก็ได้พาชาร์ล็อตไป ยังดีที่ชาร์ล็อตเองก็เหมือนจะไม่ได้ขัดขืนเธอเดินตามเลทิเซียมาแต่โดยดี
ก่อนหน้านี้เลทิเซียได้ใช้เวทมนตร์สร้างบ้านขึ้นมากลางป่านี้แล้ว.. แม้ชาร์ล็อตจะถามอะไรมาเลทิเซียล้วนตอบได้ทุกอย่าง
ยกเว้นชื่อที่เธอเลี่ยงจะตอบ เพราะว่าหากรู้ชื่อไปละก็หมายความว่าอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่คาดไม่ถึงได้..
ดังนั้นเลทิเซียจึงเลี่ยงที่จะพูดชื่อ ขนาดหน้าตาเลทิเซียยังหลีกเลี่ยงที่จะให้ชาร์ล็อตเห็นตรงๆ เลย
วันแล้ววันเล่า.. วันแล้ววันเล่า เวลาผ่านไปไม่เคยหยุดเลทิเซียยังคงพยายามจะทำให้ชาร์ล็อตนั้นมีความสุขที่สุดเท่าที่จะทำได้
สิ่งหนึ่งที่เลทิเซียค้นพบอย่างน่าประหลาดคือ.. อันน่ายังไม่มีตัวตนในตอนนี้ บางทีคงเป็นหลังจากนี้นั่นแหละ แต่เลทิเซียไม่รู้หรอกว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน
ดังนั้นเธอจึงพยายามใช้ชีวิตในตอนนี้ให้มีความสุข มันราวกับเธอได้ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่อยู่โรงเรียน..
ชาร์ล็อตมักจะแย้มยิ้มเสมอ เวลาสงสัยอะไรบางอย่างเธอก็จะถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างเลทิเซีย ทุกคำถามเลทิเซียมักตอบได้เสมอ
เลทิเซียกบชาร์ล็อตในตอนนี้เองก็เช่นกัน.. นับวันเธอยิ่งถลำลึกเข้าไปเรื่อยๆ .. ราวกับว่ากำลังจมปลักอยู่กับโลกที่ไม่ใช่ของตัวเองนี้..
แน่นอนว่าเธอคิดหาวิธีที่จะทำให้ชาร์ล็อตไม่เดินทางไปถึงฉากตายนั้น.. หากพิจารณาจากคำอธิบายของผู้หญิงที่ชื่อ ริวคุงนั่น
แสดงให้เห็นว่าสุดท้ายแล้วยังไม่อาจหลีกหนีชะตากรรมได้.. ดังนั้นวิธีที่จะช่วยเผ่าอสูรอย่างชาร์ล็อตนั้นแทบไม่มี
เพราะหากไม่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น สุดท้ายตัวตนของชาร์ล็อตจะต้องหายไป.. ไม่สิ.. ไม่สิ หากมองกลับกัน
ถ้าเลทิเซียสามารถทำให้ชาร์ล็อตในโลกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับชาร์ล็อตในประวัติศาสตร์นั้นได้ล่ะ..
“แต่จะวิธีไหนกันล่ะ..?”
ในขณะที่คิดแบบนั้นเลทิเซียก็ถอนหายใจออกมาเธอค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ … พร้อมกับเดินจากบ้านไป ตอนนี้เป็นตอนกลางคืนชาร์ล็อตหลับไปแล้วล่ะ
เลทิเซียหายวับไปจากบ้านโดยที่ชาร์ล็อตไม่รู้ตัว เธอปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งโดยไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น..
พอเลทิเซียเข้าไปเธอก็เดินเข้าไปในห้องแห่งหนึ่งพร้อมกับคว้าจับเอาหัวของเด็กที่นอนอยู่ในห้องนั้นอ่างรุนแรง
เด็กคนนั้นลืมตาขึ้น เขาเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง พอเลทิเซียจับหัวไว้มันก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา พอเห็นเลทิเซียก็ยิ่งตกใจ
เพราะสภาพเลทิเซียตอนนี้ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก.. อย่างไรก็ตามแม้มันจะพยายามร้องออกมามันก็ร้องไม่ได้
“แกเป็นคนที่ทำให้เธอตายไปหนึ่งรอบสินะ..”
“……”
แม้มันจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ทว่าพอพูดถึงความตายมันก็นึกถึงเรื่องเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เพียงแค่ปฏิกิริยาหวาดกลัวเพียงเสี้ยวเลทิเซียก็จับหัวมันขึ้นมา
ก่อนที่ร่างกายเธอจะสลายหายไปพร้อมกับมัน.. เผลอพริบตาเดียวมันก็มาปรากฏตัวอยู่ในป่าใกล้ๆ หน้าผาแล้ว..
ดวงตามืดทะมึนของเลทิเซียจ้องไปที่เด็กน้อยคนนี้ตอนนี้ไม่ใช่สายตาอันอ่อนโยนหรือไร้เดียงสาอีกต่อไป..
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความมืดมัว.. ภัยที่คุกคามเข้ามาหาเพื่อนเธอซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า … ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความโกรธที่มีให้ตนเอง ความโกรธที่ให้ศัตรู ทุกครั้ง ทุกครั้งเธอจะช่วยไว้ไม่ได้.. ครั้งนี้เองก็เหมือนกัน
หากชาร์ล็อตไม่เป็นอสูรละก็เธอคงตายไปแล้ว.. หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นละ สเตฟานี่? เซเรส? เธอคงตายไปแล้ว
เธอคงไม่มีสิทธิ์ได้แม้แต่จะพบเลทิเซีย ดังนั้นแม้มันจะเป็นเพียงแค่เด็กอายุไม่กี่ขวบเลทิเซียก็ไม่มีความเห็นใจ
อาจจะเพราะมือทั้งสองข้างของเลทิเซียนี้เปื้อนเลือดมากเกินไป.. ความโหดร้าย จิตสังหารและความเลือดเย็นนั้นค่อยๆ ผสมผสานลงไปในจิตใจ
เธอจับหัวมันฟาดใส่โขดหินใหญ่อย่างรุนแรง “ตู้ม”
น้ำตาของมันไหลพรากจากดวงตาอย่างเจ็บปวดทรมาน.. พยายามจะกรีดร้องแต่กรีดร้องออกมาไม่ได้..
ความเจ็บปวดที่ควรจะตกตายไปในทันทีนั้น.. มันกลับไม่ได้ตายอย่างที่คิดราวกับว่ามีพลังบางอย่างฉุดดึงมันเอาไว้ไม่ให้ตาย
ใช่ เมื่อรู้เรื่องกฎแห่งความตายแม้อาจจะยับยั้งการตายไม่ได้ ก็ยังพอช่วยทำให้ยืดเวลาการตายออกไปได้.. เลทิเซียพูดขึ้น..
“นี่คือ.. บทลงโทษ.. สำหรับศัตรู”
มือของเธอยกขึ้นพร้อมกับสร้างแท่งเหล็กขึ้นมาแทงใส่ไหล่ของมันจนทะลุเข้าไปถึงหินทำให้ร่างมันไม่ร่วงลงพื้น
เวทมนตร์ปิดกั้นเสียงคลายออกอย่างเงียบงัน พร้อมกับเสสียงร้องโหยหวนของมันอย่างทรมานพร้อมกับเสียงขอความเมตตา
แต่บนฝ่ามือของเลทิเซียกลับมีแท่งเหล็กอีกแท่งแทงเข้าไปยังหัวไหล่อีกข้าง.. ความโหดร้ายของเลทิเซียนั้นเผยออกมา
ราวกับว่าเธอในตอนนี้อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ด้านลบสุดขีด.. โหดเหี้ยม… ทารุณ.. อาจจะเป็นเพราะความทรมานจากอดีตที่ผ่านมา
ทำให้เธอเก็บกดอย่างมาก.. จนเมื่อยามนี้ที่เธอระเบิดความโกรธออกมาก็แสดงให้เห็นความป่าเถื่อนอันไร้มนุษยธรรม
พอรู้ตัวอีกทีมันก็ตายคามือเลทิเซียแล้ว.. สภาพที่น้ำหูน้ำตาไหล บนร่างมีบาดแผลทิ่มแทง เฉือนตัด..
“เลทิเซีย.. เขาตายแล้วนะ.. พอเถอะ”
เสียงของอามาเระดังขึ้นในหัวของเลทิเซียทำให้มือของเธอหยุดชะงัก..
“อ่า..ตายแล้วงั้นเหรอ..”
เลทิเซียกล่าวขึ้น..มือสองข้างที่เปื้อนเลือดใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเธอค่อยๆ หายไป.. ก่อนที่จะกลับมาเป็นเลทิเซียคนเดิม
“นี่ฉัน..”
เลทิเซียก้มมองมือทั้งสองข้างตัวเอง.. ก่อนจะมองไปยังซากศพตรงหน้าของเธอ ในดวงตาแม้ไม่มีความเวทนาใดๆ
กลับเต็มไปด้วยความสับสน.. ความรู้สึกเมื่อครู่เลทิเซียจำได้ชัดเจนดี มันคือความโกรธและเกลียดที่เจ้าคนเบื้องหน้านี้มันสร้าง
แม้จะเป้นเพียงแค่เด็กอมมือ..ที่อายุไม่กี่ปี.. แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวสำหรับเลทิเซีย เธอไม่ได้คำนึงถึงเหตุผลดังกล่าวแม้แต่น้อย
เมื่อสักครู่แทนที่จะเรียกว่าเธอถูกความโกรธครอบงำ ควรจะเรียกว่าขับเคลื่อนด้วยความโกรธเสียมากกว่า
คนที่ทำร้ายคนสำคัญของเธอ.. ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือปีศาจ.. ก็ไม่เกี่ยวกัน สำหรับเลทิเซียในยามนี้แล้ว
ขอแค่เพียงช่วยคนสำคัญก็พอ..
เพราะแบบนั้นเธอถึงได้ลงทุนทำทุกสิ่งทุกอย่างนี้โดยไม่ลังเลใดๆ
เธอไม่มีทางยอมให้ความพยายามที่พยายามมาสูญเปล่าอีกแล้ว..
“เลทิเซีย… ขืนเธอทำแบบนี้อีก โลกจะต้อง…”
อามาเระกล่าวเบาๆ .. แน่นอนว่าในฐานะที่อามาเระเป็นภูตแห่งความรักที่มีความสำคัญต่อโลกใบนิ่งกว่ากาลเวลาเสียอีก
เธอรู้เรื่องกฎแห่งกาลเวลาดีพอกับเลทิเซีย เลทิเซียเองก็รู้เรื่องกฎแห่งกาลเวลาดีไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับเวลาในโลกเดิม
หรือความเข้าใจต่อกฎแห่งเวลาในโลกนี้ที่ได้รับมาหลังจากที่ซิลเวียมอบทักษะทั้งหมดให้กับเลทิเซีย
กฎแห่งเวลาก็เหมือนกับรูปแบบความเป็นจริงอย่างหนึ่งของโลก หากเหตุและผลบางอย่างในตอนนี้ถูกแปรเปลี่ยนไปโดยพลการ
ด้วยฝีมือของเลทิเซียผู้ที่ไม่ใช่คนในช่วงเวลานี้ละก็.. เหตุและผลของโลกจะแปรเปลี่ยนไปจนไม่อาจควบตคุมก่อให้เกิดเป็น.. Time Paradox ในที่สุด
ซึ่งเมื่อเกิด Time Paradox อ้างอิงจากคำพูดของอาจารย์ชิสุแล้วคนที่จะปรากฏตัวออกมาคือผู้หญิงผมสีขาวคนนั้น..
เลทิเซียรู้ว่าตนเองนั้นเก่งขนาดไหนและรู้ว่าตนเองไม่คู่ควรขนาดไหนที่จะต่อกรกับอีกฝ่าย.. และเมื่อเลี่ยงได้เธอก็ต้องเลี่ยง..
“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ.. ฉันขอโทษ”
เลทิเซียกล่าวแบบนั้นพร้อมกับเดินกลับไปที่บ้านพักหลังนั้น.. อามาเระเงียบลงไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า..
“แล้วก็เธอ..อยู่ที่นี่ต่อได้อีกไม่นานนะ”
“…..”
เลทิเซียที่เดินอยู่ก็หยุดชะงักลงครู่หนึ่ง.. เธอเงียบไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ..
……..
…..
..