การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 303
บทที่ 303 – ทักษะของเทพ
หลังจากที่ทั้งสองนั่งคุยเรื่องเกี่ยวกับโลกใบนี้อย่างไม่มีเวลามาจำกัด ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยหรือต้องการพักผ่อน
เพราะที่แห่งนี้ไม่มีแม้แต่กาลเวลา ต่อให้มือของซิลเวียจะมีบาดแผลเหวอะหวะน่ากลัวหากปล่อยไว้อาจจะตายได้
แต่เพราะในนี้ไม่มีทั้งความเป็นและความตาย.. ทำให้เธอไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่น่าประหลาดมีเพียงแค่ทำไมพวกเธอยังไม่หายไป
เพราะพูดกันตามตรงหากกลายเป็นความว่างเปล่าตัวตนพวกเธอต้องไม่ดำรงอยู่สิ ความว่างเปล่าก็คือความว่างเปล่าไม่น่าจะมีคุณลักษณะแบบนี้
แน่นอนว่านับจากนั้นเวลาจากการนับของเลทิเซียก็ผ่านไปหลายปี ทั้งคู่นั่งคุยกันทั้งวี่ทั้งวัน เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ
ไม่ว่าจะโลกใบนี้ หรือเรื่องของกันและกัน แถมยังมีคำถามมากมายปรากฏขึ้นทั้งคู่ก็ไขปริศนาไปด้วยกัน
เป็นครั้งแรกที่เลทิเซียได้คิดและใช้สมองโดยไม่คิดเรื่องอื่น เธอกังวลเพียงอย่างเดียวคือโลกด้านนอกจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ดังนั้นขณะคุยกับซิลเวีย เลทิเซียก็ยังคงคิดหาวิธีออกไปจากที่นี่ด้วยเช่นกัน ในขณะที่ทั้งสองคุยกันเช่นนั้น
เลทิเซียก็กล่าวถามด้วยความสงสัยว่า
“ถ้าหากที่นี่เป็นความว่างเปล่า แล้วทำไมพวกเราถึงยังมีชีวิตอยู่ล่ะ?”
พอเลทิเซียตั้งคำถามขึ้นหลังจากเข้าใจแนวคิดของความว่างเปล่ามากยิ่งขึ้น พอพูดถึงเรื่องนี้ซิลเวียเองก็ขมวดคิ้ว
เธอวิเคราะห์ข้อมูลทุกอย่างที่อยู่ในหัว ก่อนที่จะตอบเลทิเซีย
“อาจจะเป็นเพราะว่าข้านั้นเป็นเทพ.. ยังซะเทพก็อยู่ใกล้ต้นกำเนิดหรือมารดามากที่สุดในต้นกำเนิด อาจจะได้รับการปกป้องจากมารดาก็เป็นได้”
มารดา คือสิ่งที่เทพระดับสูงเรียกต้นกำเนิด เพราะในฐานะที่รู้จักต้นกำเนิดแล้วในมุมมองของคนที่รู้จัก
ต้นกำเนิดก็ไม่ต่างอะไรจากมารดาอีกคนผู้มอบทุกสรรพสิ่งให้กับโลกใบนี้ ดังนั้นไม่แปลกเลยว่าที่จะคู่ควรกับคำว่ามารดา
อีกอย่างสำหรับเทพนั้นไม่ได้เกิดมาในกรณีอย่างที่โลกเบื้องล่างทำกันคือต้องให้พ่อกับแม่ทำเรื่องอย่างว่ากัน
แต่สำหรับเทพนั้นพวกเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น เพราะเพียงแค่มีเทพสองตนก็สามารถมีลูกมาได้แล้วด้วยพลังงานบางอย่าง
ซึ่งพลังงานลึกลับทีซิลเวียไม่รู้จักนี้สามารถทำให้คนท้องได้นั่นเอง แต่เพราะซิลเวียยังไม่ถึงเวลาเช่นนั้นเธอจึงไม่คู่ควรที่จะรู้ว่าคืออะไร
แต่อย่างไรก็ตามกล่าวโดยสรุปคือหากทุกอย่างเกิดจากต้นกำเนิดจริง เช่นนั้นสำหรับเทพก็คงเป็นตัวตนที่ใกล้กับต้นกำเนิดมากที่สุด
เพราะส่วนหนึ่งของตัวตนพวกเธอมาจากพลังงานลึกลับนั่นเอง
“เอ๊ะ.. ถ้างั้นแล้วฉันล่ะ?”
“อันนี้ข้าเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน”
ซิลเวียส่ายหน้าตอบ เลทิเซียขมวดคิ้วเล็กน้อยในเมื่อยังอธิบายไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องคิดให้เสียเวลา
เลทิเซียจึงเปลี่ยนหัวข้อก่อนที่จะกล่าวถามขึ้น
“อ่า.. จริงสิแล้วสิ่งที่เรียกว่า ‘ทักษะ’ นี่คือส่วนหนึ่งของต้นกำเนิดด้วยหรือเปล่า?”
พอเลทิเซียกล่าวแบบนั้น ซิลเวียก็ทุบฝ่ามือทันที เพราะตั้งแต่เมื่อกี้เหมือนเธอจะคิดเรื่องของเลทิเซียตลอด
พอเลทิเซียถามเช่นนั้นทำให้เธอเหมือนนึกอะไรออก พอเห็นท่าทางเช่นนั้นของอีกฝ่ายเลทิเซียก็ถามด้วยความสับสน
“มีอะไรเหรอ?”
“ข้ารู้แล้ว”
ซิลเวียยิ้มมองหน้าเลทิเซีย แต่เลทิเซียมีคำถามมากมายในหัว ซิลเวียจึงรีบพูดต่อทันที
“ที่แห่งนี้คือความว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลยถูกไหม?”
“ก็ใช่..”
“พูดอีกอย่างก็คือ ไม่ว่าจะแนวคิดหรือแม้แต่กฎเกณฑ์เองก็ด้วย”
“แล้วยังไง?”
“หมายความว่าที่แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากเทพทักษะก็สามารถใช้งานได้เองโดยอัตโนมัติถูกหรือเปล่าล่ะ”
พอพูดมาถึงจุดนี้เลทิเซียก็เบิกตากว้าง จ้องไปที่อีกฝ่าย ซิลเวียพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว บางที… เจ้าอาจจะมีทักษะที่ไม่มีทางตายจากการกลายเป็นความว่างเปล่ายังไงล่ะ”
“ไม่อ่ะ ไม่น่าจะใช่แล้ว”
เลทิเซียที่ได้ยินคำตอบซิลเวียก็โบกมือปฏิเสธทันที ทำให้ซิลเวียสับสนกับท่าทางที่มั่นใจของเลทิเซีย
“เอ๊ะ ทำไมเจ้าถึงมั่นใจขนาดนั้นล่ะ?”
“ก็เพราะว่า.. ทักษะมันไม่ใช่สิ่งที่สะดวกสบายขนาดนั้นไงล่ะ”
“หมายความว่าไง?”
ซิลเวียไม่เข้าใจที่เลทิเซียพูด เลทิเซียก็เริ่มอธิบายทุกอย่าง ใช่เป็นเรื่องในชิ้นส่วนเวหา ในโลกแห่งนั้นอาจจะเพราะมีกฎเกณฑ์ที่แตกต่าง
จึงทำให้เลทิเซียสามารถใช้ทักษะบางอย่างได้ แต่นั่นก็จำเป็นต้องรู้จักว่าทักษะอะไรเป็นทักษะอะไรก่อน
อีกทั้งในที่แห่งนี้คือความว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลย แต่ในนั้นคืออีกต้นกำเนิด หากอ้างอิงจากหลักฐานที่โผล่ออกมา
ต้นกำเนิดนั้นสร้างแม้แต่ความว่างเปล่าด้วยเช่นกัน กล่าวอีกนัยหนึ่งหนึ่งก็คือต่อให้กฎแห่งความเป็นจริงมาไม่ถึงที่นี่
แต่กฎแห่งต้นกำเนิดก็จะยังคงอยู่ หากต้นกำเนิดมันออกแบบโลกมาให้เป็นเช่นนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ไม่ต่างกันอยู่ดี
นอกเสียจากจะไปต้นกำเนิดอื่น ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าเพราะชิ้นส่วนเวหาเป็นอีกต้นกำเนิดจึงได้เป็นเช่นนั้น
“แบบนี้นี่เอง”
“อีกอย่างนะ ตั้งแต่มาที่นี่ฉันก็ลองใช้ทักษะที่ฉันเคยใช้ในชิ้นส่วนเวหาดูแล้วแต่ก็ไม่ได้ผลนั่นแหละ”
“ก็บอกกันก่อนสิถ้างั้น ปล่อยให้ข้ามโนเองคนเดียวไปซะไกลเลย”
ซิลเวียบ่นออกมาพร้อมกับรู้สึกได้รับความอยุติธรรม ขณะที่คิดแบบนั้นซิลเวียก็กล่าวถามขึ้น
“ว่าแต่ในเมื่อเจ้าไปที่ชิ้นส่วนเวหาซึ่งที่นั่นไม่มีเทพคอยบอกเจ้าว่าเจ้ามีทักษะอะไรสักหน่อย แล้วเจ้ารู้ได้ไงว่าตนเองมีทักษะอะไร”
“อ้อ.. เรื่องนั้นก็…”
“ก็….”
“เดาไง”
“ห๊า?”
ซิลเวียอ้าปากค้าง เธอค่อยๆ หลับตาลงและก็นวดขมับเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้นมาถามเลทิเซีย
“เจ้ารู้ไหมว่าทักษะบนโลกนี้มีเท่าไหร่”
“ไม่รู้นะ”
“มันมีมากกว่าแปดล้านทักษะเลยนะ.. ไม่สิ อาจจะเยอะกว่านั้นด้วยซ้ำ แล้วเจ้าเดายังไงให้ถูกได้ล่ะ”
“อ้อ เรื่องนั้นเหรอ ก็เทพธิดาที่ส่งฉันมาเกิดใหม่มอบทักษะให้ฉันหมดเลยน่ะสิ ที่เป็นทักษะป้องกันตัวน่ะ”
“ห้ะ?”
ซิลเวียที่ได้ยินแบบนั้นก็อุทานเสียงหลงออกมา เชื่อได้เลยว่าถ้าหากเธอไม่อยู่ในความว่างเปล่าอนันตกาลในตอนนี้
เธอคงติดต่อหาท่านเทพสูงสุดแล้วถามว่ามันมีเทพธิดาบ้าตนไหนมอบทักษะให้คนคนหนึ่งทั้งหมดที่มีเลย
ซิลเวียพยายามปรับลมหายใจ
“ใจเย็นก่อนตัวข้า.. ทักษะป้องกันตัวนี่มันมีทักษะแบบไหนบ้าง คิดสิ..”
ในขณะซิลเวียคิดไปได้สักพักเธอก็ปาดเหงื่อเงยมองหน้าเลทิเซียอย่างยากลำบาก.. ซิลเวียจ้องไปที่ดวงตาอีกฝ่าย
“มีอะไรเหรอ ซิลเวีย”
“เธอ..มีทักษะป้องกันตัวทั้งหมดจริงๆ เหรอ..”
“ก็จากคำพูดของเทพธิดาคนนั้น.. ก็น่าจะเป็นแบบนั้น”
“นั่นมันเยอะกว่าข้าอีกนะ”
ทักษะป้องกันตัว.. ทุกทักษะล้วนใช้เป็นการป้องกันตัวได้ทั้งสิ้น กล่าวคือเลทิเซียนั้นมีทักษะมากกว่าแปดล้านทักษะ..
“เอ๊ะ หมายความว่าไง เทพก็มีทักษะด้วยเหรอ?”
เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้นก็กล่าวถามขึ้น ซิลเวียก็ส่ายหน้าด้วยความท้อแท้
“มันไม่ใช่ทักษะ.. แต่มันคล้ายคลึงทักษะ เพียงแต่ไม่ได้ไร้เทียมทานเหมือนทักษะของพวกเจ้า.. ข้าเองก็ไม่รู้นะว่าทำไม แต่เหมือนทักษะนั้นจะมีได้แค่สิ่งมีชีวิตในโลกเบื้องล่างเท่านั้น เหล่าเทพไม่อาจมีได้ เทพมีหน้าที่เพียงจัดสรรทักษะให้ผู้เวียนว่ายตายเกิดเท่านั้น”