การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 115
บทที่ 115 – วัน.. ฟื้นคืนชีพของจอมมาร!
การล่านักเรียนโรงเรียนเอเรียสก็เริ่มขึ้นในเวลาต่อมา เพราะเซเลียเชื่อว่ากุญแจทั้งสิบต้องอยู่กับใครสักคนแน่ๆ
แต่แน่นอนว่าเพราะการล่าของพวกทสึรุ นักเรียนจากโรงเรียนเซเลียนั้นมีอุปกรณ์สื่อสารเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อการสื่อสารระยะไกล
อันที่จริงอุปกรณ์ชิ้นนี้แม้แต่เซเลียกับแอนนี่ยังไม่รู้จัก เห็นได้ชัดว่าคนที่สร้างคือศาสตราจารย์ที่ชื่อไนท์นั่น
เพราะเหตุนี้ข่าวของพวกเซเลียจึงกระจายไปทั่ว คนหลายคนต่างพากันรวมกลุ่มกัน ทำให้การช่วงชิงยากเข้าไปอีก
จะยังไงซะกลุ่มก็มีหลายคนแถมแต่ละคนยังมีอาวุธพวกอุปกรณ์เวทมนตร์ใช้แล้วทิ้งเยอะ มันเป็นปัญหามาก ไม่ใช่ว่ามันแข็งแกร่งอะไร
แต่เพราะมันมีเยอะเกินไป การจะโจมตีแต่ละครั้งจึงต้องคิดให้มาก อีกทั้งในแต่ละกลุ่มใช่ว่าจะมีตราอสนีเสมอไป
มัวแต่เสียเวลาอยู่แบบเซเลียคิดว่า คนที่อยู่ข้างนอกอาจจะใจร้อนจนตามเข้ามา แน่นอนว่าเธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาแล้ว..
ในตอนนี้ทสึรุกับเซเลียและแอนนี่ ทั้งสามหลบอยู่ในพุ่มไม้แห่งหนึ่งและห่างออกไปไม่ไกลมากมีนักเรียนโรงเรียนเอเรียสคนหนึ่งเดินอยู่
ท่าทางของเขาเย่อหยิ่งถือดีมาก เซเลียวิเคราะห์ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นขุนนางชั้นสูงไม่ก็เจ้าชายน้อยจากอาณาจักรไหนสักแห่ง
เพราะท่าทางที่มั่นใจและเดินอยู่คนเดียว เห็นได้ชัดว่าอวดดีไม่ต้องการสุมหัวกับใคร และคนแบบนี้น่าจะเป็นคนที่ถือครองตราอสนี
เพราะความเย่อหยิ่งเขาต้องรีบเก็บก่อนคนอื่นเพราะกลัวจะเสียหน้า แถมด้วยความมั่นใจระดับนี้เซเลียมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องมีฝีมือมากๆ
เพราะต่อให้หยิ่งแค่ไหน แต่ถ้าอ่อนแอก็ต้องมีลิ่วล้อแน่ๆ แต่นี่ไม่มีแสดงให้เห็นว่าพอมีฝีมืออยู่บ้าง
หรือว่าง่ายๆ ก็คืออีกฝ่ายอาจจะเป็นพวกแรกๆ ที่เข้ามาในโลกนี้และล่าอสูรอสนีได้สักตัวแล้ว แถมอีกฝ่ายยังอยู่คนเดียวด้วย
ว่าง่ายๆ คือ.. อาหารอันโอชะ!
แต่เซเลียเป็นคนที่หัวดีละเมียดละไม เธอหันไปมองแอนนี่และทสึรุก่อนที่จะพยักหน้า ก่อนที่จะเดินออกไปประจันหน้ากับอีกฝ่ายเพียงลำพัง
“เฮ้ เจ้าน่ะ เดินโด่ๆ มาคนเดียวแบบนี้ คงอยากมอบตราอสนีให้ข้ามากสินะ?”
เธอใช้ตัวเองเป็นตัวล่อ! ชายคนนั้นเห็นเซเลียก็ไม่สนใจ ราวกับว่าเขาอยู่สูงส่งเกินไป เหนือทุกชีวิตบนโลก
“คิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติ?”
เขาพูดอย่างถือดีไม่แยแสอะไร ดวงตาของเซเลียจ้องเขม็งไม่รออะไร เธอหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าทันที
แต่ชายคนนั้นเหมือนจะไม่สนใจก็หันขวับยกมือจับอุปกรณ์เวทมนตร์กำลังจะชิงโจมตีก่อน แต่ดวงตายังเต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม
แต่เซเลียกลับไม่ได้โกรธเคืองอันที่จริงเซเลียแค่ใช้ตัวเองเป็นตัวล่อ และยิ่งอีกฝ่ายดูถูกเธอและมั่นใจในตัวเองมากแค่ไหน
ก็จะยิ่งประมาทขึ้นเท่านั้น อันที่จริงที่เซเลียแกล้งหยิบย่ะไม่มีอะไร แค่หลอกให้อีกฝ่ายโฟกัสสายตามาที่มือตัวเองและตอบโต้
แต่ความหมายที่แท้จริงคือ.. ทสึรุกับแอนนี่บ้อมโจมตีเข้าด้านหลัง! เพราะเซเลียทราบแล้วว่าอีกฝ่ายมีอุปกรณ์สื่อสารระยะไกล
เวลาทำงานต้องรวดเร็วก่อนจะส่งสัญญาณเตือนคนอื่นให้เข้ามาหา.. และก็เป็นตามคาดอีกฝ่ายไม่ใช้เครื่องนั้นส่งสัญญาณเพราะมั่นใจในตัวเอง
ดังนั้นนี่จึงแทบเป็นช่องโหว่ให้ทสึรุกับแอนนี่จัดการงานอย่างรวดเร็ว! แต่ในตอนนั้นเองอีกฝ่ายกลับยิ้มขึ้น
รอยยิ้มนี่ไม่มีความดูถูก..แต่เป็นรอยยิ้มที่ราวกับว่า.. ทุกอย่างเป็นตามที่ตัวเองคิด เซเลียหน้าเปลี่ยนสีแต่ทว่าในตอนนั้นเอง
เงาร่างของอีกฝ่ายก็ถูกทะลวงผ่าน..ราวกับเป็นแค่ภาพลวงตา! และห่างออกไปเล็กน้อยก็มีแสงพุ่งขึ้นฟ้า
สีหน้าเซเลียเปลี่ยนสีทันที..
“โดนซ้อนแผนซะแล้ว!”
ขณะที่เซเลียกำลังตกใจและกำลังจะถอยหนี ทสึรุก็ขมวดคิ้วและพูดขึ้น..
“พวกเราโดนล้อมแล้ว.. สัก 30 คน..”
สีหน้าเซเลียมืดลงทันที เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายวางแผนเคลื่อนที่เป็นกองทัพ เมื่อมีใครสักคนส่งสัญญาณกองทัพที่อยู่ห่างๆ กันจะล้อมทันที..
และบางทีคนคิดแผนคงเป็นเจ้าคนที่แกล้งอวดดีนั่น! แสดงได้เนียนจริงเชียว เซเลียสบถในใจ เธอรีบคิดวิธีรับมือ
แต่ทสึรุก็คิดอย่างรวดเร็ว เธอหันไปพูดทันที..
“เอาตราอสนีทั้ง 90 ชิ้นไป.. และรีบล่าคนที่มุ่งหน้ามาทางนี้ ข้ามั่นใจว่าคงมีคนหลายคนมุ่งหน้ามาทางนี้ และคิดว่าในสามสิบกว่าคนที่วางแผนล้อมเรานี่ ข้าคิดว่าไม่มีใครถือของสำคัญที่พวกเราต้องการอยู่กับตัวแน่ ข้าจะเปิดทางและเป็นตัวล่อให้เอง!”
“แต่ว่า..”
“ข้าเป็นตัวล่อจะมีโอกาสรอดมากที่สุด.. และข้าไม่ได้ต้องการอาร์ติแฟ็ค แต่เจ้าน่ะต้องการมันใช่ไหมล่ะ ข้าขอแค่ได้พาเลทิเซียออกไปก็ได้แล้ว ข้าจะดึงความสนใจพวกมันเอง พวกเจ้ารีบทำงานแล้วรีบไปซะ!”
“อึก.. เข้าใจแล้ว”
ทสึรุแม้เธอจะไม่ได้พูด จะไม่ได้หัวดี แต่เธอก็ไม่ได้โง่ เธอเข้าใจในหลายสิ่งหลายอย่างแค่ไม่ได้แสดงออก
และเธอมั่นใจอีกอย่างหนึ่งว่า.. ไอ้บัดซบที่เตะเลทิเซียต้องตามเข้ามาแน่ แม้ไม่รู้ว่าจะมาตอนไหน เธอแค่อยากจะเตะมันคืนเท่านั้น และเธอไม่ได้ต้องการอาร์ติแฟ็คเลยสักนิด
เซเลียกัดริมฝีปากและพยักหน้า หลังจากนั้นทสึรุก็บอกให้ใช้ม่านพลัง ยังไม่ได้ถามว่าใช้เพื่ออะไรก็ถูกเตะอีกครั้งปลิวลอยขึ้นฟ้าไปไกล…
ทสึรุถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้ายืนอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่นานก็เริ่มมีคนหลายสิบคนโอบล้อมเข้ามา
ทสึรุค่อยๆ จับทวนที่เซเลียให้ยืมมาช้าๆ .. และตั้งท่าเตรียมพร้อมรบ ในขณะที่กำลังจะโจมตีนั่นเองก็มีชายคนหนึ่งเดินออกมา
“อ้าว.. เพื่อนหายไปไหนแล้วสองคน ตอนแจ้งมาบอกว่ามีสามคนไม่ใช่เหรอ?”
“แก..”
ทสึรุที่ได้ยินเสียงก็หันไปดูต้นเสียง และก็มีใบหน้าหนึ่งที่เธอเกลียดมากๆ โผล่ออกมา.. แน่นอนว่าเขาคือรองผู้อำนวยการที่เตะเลทิเซีย
คนที่ทสึรุรู้สึกอย่างจะเอาทวนในมือทิ่มใส่หน้าสักสิบรอบยี่สิบรอบ.. จ้องรู้ว่าทสึรุไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร
“โอ๊ะ เธอมันคนเมื่อตอนนั้น เอ๋.. ทำไมบาดแผลถึง.. อืม ดูท่าจะมีของวิเศษติดตัวอยู่สินะ”
เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจอะไรมาก หากเป็นคนอื่นเขาพอจะระวังตัวหน่อยเพราะยังไม่เคยเห็น แต่ถ้าเป็นทสึรุละก็..
เขายิ้มออกมา ทสึรุที่เห็นแบบนั้นก็เส้นเลือดปูดบนใบหน้าทันที เธอกัดฟันและคำรามใส่อีกฝ่ายพร้อมกับดีดตัวเข้าใกล้ด้วยความเร็วสูง
“ไอ้คนสารเลว!”
ทสึรุที่ไม่รู้จักคำด่ามากนักก็พยายามด่า เห็นชัดว่าเธอโกรธมาก ทั้งความเร็วของเธอก็น่าตกตะลึงจนแม้แต่รองผู้อำนวยการยังผงะ
แต่ก็รีบตอบสนองอย่างรวดเร็ว มือสะบัดหนึ่งครั้งในตอนนั้นเองร่างเลทิเซียพลันลอยข้ามมาอยู่ตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
เขาเห็นว่าเด็กคนนี้ตอบสนองต่อศพนี้มาก ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าน่าจะเป็นตัวประกันเพื่อแย่งเอาตราอสนีได้ ถึงทำไม่ได้ก็แค่แย่งมา
แต่พอเห็นความเร็วนั่นต่อให้เป็นเขายังอกสั่นขวัญผวา.. ต่อให้เป็นโลกด้านนอกก็อาจจะยังใช้เวทมนตร์ไม่ทันด้วยซ้ำ
นี่ไม่ทำให้เขาตะลึงได้ยังไง.. ดังนั้นแผนช่วงชิงจึงต้องใช้วิธีสกปรกสุดแสนนั่นจริงๆ .. และก็เป็นดังคาดเพราะทันทีที่ทสึรุเห็นเลทิเซียร่างเธอก็หยุดชะงักทันที
“แกคิดจะทำอะไร..”
ทสึรุขมวดคิ้วทันที.. อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายก็สูดลมหายใจกล่าวขึ้นยกมือช้าๆ แล้วพูดขึ้นเบาๆ
“อ่านั่นสินะ รู้หรือเปล่าว่าในที่แห่งนี้ถ้าสิ่งที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาสูงในระดับหนึ่งเพราะเหยียบเข้ามาละก็..”
“และหากม่านพลังนี้หายไปละก็..”
ทสึรุสีหน้าเปลี่ยนสีแม้เธอจะคิดว่าเลทิเซียยังไม่ตาย แต่เธอไม่รู้ว่าเลทิเซียที่ไม่ได้คิดอะไรพอที่จะตอบรับเสียงที่ดังในสมองแบบนี้
ไม่รู้ว่าเลทิเซียจะเป็นเหมือนก้อนหินก้อนนั้นหรือไม่ และทสึรุก็ไม่กล้าที่จะเดิมพัน แต่ในตอนนั้นเองอีกฝ่ายก็โบกมือม่านพลังและร่างของเลทิเซียก็พุ่งดิ่งมาทางทสึรุ
และม่านพลังก็เริ่มหม่นแสงลงกะทันหัน ทสึรุร้องออกมาและพุ่งเข้าไปหาเลทิเซียแทบจะทันที
“ไม่!!”
แต่เสียงของเธอนั้นกลับไม่สามารถหยุดยั้งอะไรได้ ในชั่วเวลาแทบจะหยุดนิ่งนั้นม่านพลังงานก็พร่าเลือนจนหายไป สายฟ้าสีม่วงพลันปรากฏขึ้นมาแทบจะในช่วงเวลาเดียวกัน
ทสึรุหน้าเผือดสี กลิ่นอายทำลายล้างก็ระเบิดออกรอบทิศพุ่งใส่เลทิเซีย.. ทุกอย่างราวกับเวลาไหลช้าลงในสายตาทสึรุ
เธอไม่รู้ว่าในชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่ยาวนานเหมือนสิบปีนี้ มันทรมานอยู่ภายในมากแค่ไหน แต่ว่าสายฟ้าก็ยังคงพุ่งมาด้วยความเร็วสูง
และแทบจะในตอนนั้นเอง.. ชายที่เคยเป็นภาพลวงตาก็ปรากฏขึ้นจากด้านหลัง.. ในมือถือดาบสีทองแพรวพราวเล่มหนึ่งอยู่
กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์จากดาบเล่มนั้นราวกับอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้พุ่งแทงใส่กลางหลังทสึรุ
และรองผู้อำนวยการเองก็ดวงตาเปล่งแสง จับขวดแก้วที่มีของเหลวสีดำออกมาปาใส่ร่างเลทิเซียที่ลอยเข้าหาทสึรุ และของเหลวนี้ต้องโดนทั้งคู่แน่ๆ
ทว่าในสายตาของทสึรุมีแค่เลทิเซียและสายฟ้าเท่านั้น.. “ไม่..”
คือคำเดียวที่อยู่ในหัวของเธอ แต่ทว่าดาบนั้นก็จ้วงแทงใส่กลางหลังทสึรุทะลุไปแทงใส่หน้าอกเลทิเซียที่พุ่งเข้ามาด้วย
และของเหลวนั้นก็แตกกระจายใส่ร่างของทั้งสอง และความแสบร้อนตีเข้ามาในผิวหนัง… และเริ่มที่จะย่อยสลายผิวหนัง..
ชายที่แทงหลังหน้าเปลี่ยนสีถอยหลังกรูดออกไปทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาทีเดียวเพียงเท่านั้น..
ชายที่แทงทสึรุก็คำรามออกมา
“รองผู้อำนวยการนี่มันไม่ใช่ยารักษาระดับสู—”
แต่ก่อนที่จะได้พูดจบนั้นเอง.. พายุสีดำพลันระเบิดขึ้นเหนือหัวของพวกเขาฉับพลัน… และดวงตาเลทิเซียที่ปิดสนิท ร่างกายที่แห้งผากก็พลัน…ขยับ
ปากของเธอค่อยๆ เปิดออก แต่ยังไม่ได้พูดอะไร โลกทั้งใบก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!
ห่างไกลออกไปจากโลกใบนี้.. อยู่นอกโลกแห่งนี้ ในใจกลางเกาะของมิติจำเพาะท่ามกลางพื้นที่สีดำสนิทราวกับโลกแห่งความตาย
มีดาบเล่มหนึ่งปักอยู่บนพื้น ข้างๆ มีฝักดาบสีดำวางไว้อยู่… ตัวดาบคือดาบคมเดียว.. สีดำสนิทและมีสายฟ้าวิ่งไปทั่วตัวดาบ
ดาบจูชิน…
มันที่นิ่งมาตลอดไม่รู้ว่านานกี่พัน กี่หมื่น กี่แสน กี่ล้านปีแล้ว.. ก็พลันสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง!
ราวกับความมืดไร้ที่สิ้นสุดพลุ่งพล่านออกมาปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าตอบรับการกลับมาของสิ่งมีชีวิตที่มันต้องการและเข้ากับมันมากที่สุด
ราวกับเป็นวัน… ฟื้นคืนชีพของจอมมาร!