การเฝ้ายามตอนกลางคืนเป็นหน้าที่ของข้าโดยเฉพาะ
ภายในเต็นท์ขนาดเล็กที่ซื้อมาจาก 『ชุดสำหรับมือใหม่』 ในหมู่บ้านไอร์ซ ลิลี่กับฟิโอน่าทั้งสองคนกำลังนอนหลับเคียงข้างกันอย่างสนิทสนมราวกับพี่น้อง
นี่ไม่ใช่ว่าข้าลำเอียงเพราะพวกเธอน่ารักแต่อย่างใดเด็ดขาด
แตกต่างจากร่างกายของข้าที่แข็งแกร่งทนทานจนแทบจะไม่รู้สึกเหนื่อยล้า ฟิโอน่านั้นเป็นมนุษย์ธรรมดา
ตามหลักการของนักผจญภัยแล้ว การให้สมาชิกในทีมที่ใช้เวทมนตร์เป็นหลักได้พักผ่อนมากๆ นั้นถือเป็นเรื่องปกติ
และยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของลิลี่ก็ยังเป็นเด็ก จึงยิ่งต้องการการพักผ่อนมากกว่า
ลิลี่มีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาปรมาจารย์ธาตุ แต่นั่นก็จำกัดอยู่เฉพาะตอนที่เธอกลับคืนสู่ร่างเดิมเท่านั้น หรือก็คือความแข็งแกร่งของเธอนั้นไม่แน่นอน
ลิลี่ในยามปกติก็ถือว่ามีเลเวลสูงมากในสายตานักผจญภัยแล้ว แต่หากคำนึงถึงกรณีฉุกเฉิน ก็ควรจะรักษาสภาพร่างกายให้พร้อมที่จะแปลงร่างเป็นลิลี่ร่างเด็กสาวได้ตลอดเวลา 『ควีนเบริล』 ไม่ใช่ไอเท็มสารพัดประโยชน์ที่จะไม่มีภาระต่อร่างกายเลยแม้แต่น้อย
ด้วยเหตุนี้ คืนนี้ข้าจึงต้องเฝ้ายามอย่างโดดเดี่ยวอีกครั้ง
ข้าเลือกพื้นที่โล่งเล็กน้อยในป่าเป็นที่ตั้งแคมป์ และจ้องมองเปลวไฟจากกองไฟที่ลุกโชนอยู่ตรงกลางอย่างเลือนลาง เวลาอันเงียบสงบก็ค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ
ในเวลาเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเพื่อฆ่าเวลา แต่ข้ากำลังทำการปรับปรุงและพัฒนาเวทมนตร์ดำอยู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมี 『พันธนาการผมดำ「โลงศพ」』 ที่ใช้งานได้ดีเกินคาด ข้าจึงกำลังคิดค้นคาถาสำหรับ [หนวดระยางเงาแองเคอร์แฮนด์] ที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ภาพลักษณ์ต่างๆ ผุดขึ้นมาในหัวอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหัวข้าปลอดโปร่ง หรือเป็นการช่วยเหลือจากคุณเมดผมดำที่สถิตอยู่ในถุงมือกันแน่
พอถึงรุ่งสางความคิดก็น่าจะลงตัวพอดี ขณะที่กำลังคิดในแง่ดีเช่นนั้น จู่ๆ ข้าก็สัมผัสได้ถึงตัวตนบางอย่าง
มันไม่ใช่สิ่งที่ชัดเจน แต่เป็นสัญชาตญาณที่อาจจะเรียกว่าคิดไปเองก็ได้ แต่ข้าก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังส่วนลึกของป่ามืดทึบที่แผ่กว้างอยู่เบื้องหน้า
“อะไรกัน ความรู้สึกนี้……”
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ข้าก็ค่อนข้างจะไวต่อการรับรู้ตัวตนหรือพลังเวทมากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว
หากมีเจตนาชั่วร้ายหรือจิตสังหาร ไม่ว่าจะเป็นมอนสเตอร์หรือมนุษย์ ข้าก็สามารถรับรู้ได้ และความรู้สึกเช่นนั้นข้าก็คุ้นเคยมาตั้งแต่สมัยทดลองเคลื่อนที่แล้ว
แต่ทว่า ‘สิ่งที่คล้ายกับตัวตน’ ที่รู้สึกได้ในตอนนี้ มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย
ข้าพยายามจดจ่อสมาธิไปยังรอบๆ อย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อตรวจสอบว่ามันคืออะไรกันแน่
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน
“……สว่างขึ้น?”
ส่วนลึกของป่า ไกลออกไปเกินกว่าที่สายตาซึ่งมองเห็นในที่มืดได้ดีของข้าจะมองเห็น แสงสีแดงจางๆ ก็ปรากฏขึ้น
แม้จะเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าข้ามองผิดพลาดไปอย่างแน่นอน มันสะท้อนอยู่ในดวงตาของข้าจริงๆ
แสงสีแดงปริศนา เมื่อรับรู้เช่นนั้น การคาดเดาหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว
ข้าลองหลับตาขวาดู แสงสีแดงก็ยังคงลอยเด่นอยู่เหนือความมืดมิดเช่นเดิม
แต่พอหลับตาซ้าย ซึ่งก็คือดวงตาสีแดง ‘เนตรพระเจ้า’ ที่ได้รับมาจากมิอา แสงนั้นก็พลันดับวูบหายไปราวกับเปลวเทียนที่ถูกเป่าดับ
“ณ ที่แห่งนั้น มีบททดสอบอยู่สินะ?”
ข้าพึมพำ แต่เทพเจ้าตนเองผู้ปรากฏกายและหายตัวไปอย่างคาดเดาไม่ได้ก็ไม่ปรากฏตัวขึ้น และไม่ได้ตอบคำถามของข้า
แต่ ต่อให้ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากเด็กคนนั้น ข้าก็เกือบจะมั่นใจได้แล้วว่า ณ อีกฟากของแสงสีแดงนั้น มี ‘บททดสอบ’ เพื่อให้ได้รับพลังคุ้มครองรออยู่เป็นแน่
เอาล่ะ ในกรณีนี้ควรจะทำอย่างไรดี? ไม่จำเป็นต้องคิดเลย คำตอบมันมีอยู่แล้ว
“ฟิโอน่า”
“หะ หาย โคนโนะซังมีไยเหยอคะ?” (ฟิโอน่า)
เมื่อข้าลองเรียกไปทางเต็นท์ แม้จะเป็นน้ำเสียงที่ยังงัวเงียอยู่บ้าง แต่ฟิโอน่าก็ตอบกลับมาในทันที
“รีบออกจากที่นี่—”
—กันเถอะ กำลังจะพูดเช่นนั้นเอง—
กรรรรรรรรรรรรร!!
—เสียงคำรามอันรุนแรง ชั่วร้าย และน่าสะพรึงกลัว ก็ดังทำลายความเงียบสงัดยามค่ำคืน
เพียงแค่เสียงหอนนั้น ข้าก็เข้าใจได้
เจ้าของเสียงคำรามนี้ แข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ทุกตัวที่ข้าเคยต่อสู้มา
และ การปราบมอนสเตอร์ตัวนี้แหละ คือบททดสอบที่มอบหมายให้แก่ข้า
หลังจากได้ยินเสียงคำรามที่ราวกับจะดังสะท้านไปทั่วทั้งเทือกเขากัลลาฮัด พวกเราก็เคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็ว
ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ทั้งฟิโอน่าและลิลี่ต่างก็รู้ได้ในทันทีว่ามีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งปรากฏตัวขึ้นในบริเวณใกล้เคียงนี้
เมื่อดับกองไฟแล้ว ก็จมเต็นท์ลงไปใน [ประตูเงาชาโดว์เกท] การเตรียมตัวออกเดินทางก็เสร็จสิ้น
ข้าอธิบายให้ทั้งสองคนฟังคร่าวๆ ว่าจะต้องปราบมอนสเตอร์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเพื่อทำบททดสอบ—
“เดิมทีก็ตั้งใจจะเลื่อนแรงค์เพื่อไปสู้กับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งอยู่แล้วนี่คะ การที่มันโผล่ออกมาเองแบบนี้ก็ถือว่าโชคดีนะคะ”
“ลิลี่จะพยายามเต็มที่เลย!”
—ก็ได้รับการตอบรับอย่างง่ายดายจากทั้งสองคน
การจะยืมมือกำลังของพวกพ้องในการปราบมอนสเตอร์เพื่อทำบททดสอบนั้นจะดีหรือไม่นะ? ข้าอดสงสัยขึ้นมาแวบหนึ่งไม่ได้ แต่ก็คิดได้ว่าถึงจะคิดไปก็ไม่มีประโยชน์
ไม่ว่าจะอย่างไร การจะได้รับพลังคุ้มครองหรือไม่นั้นก็ยังเป็นเรื่องครึ่งๆ กลางๆ อยู่ดี แทนที่จะไปคาดเดาอะไรต่างๆ นานา การให้ความสำคัญกับการที่สมาชิกทุกคนในปาร์ตี้จะได้รับประสบการณ์น่าจะดีกว่า
“แล้ว รู้รึเปล่าคะว่ามอนสเตอร์ตัวนั้นอยู่ที่ไหน?”
ปกติแล้วคงจะไม่รู้
การจะตามรอยตัวตนของมอนสเตอร์ที่อยู่นอกระยะสายตานั้น จำเป็นต้องใช้เวทมนตร์เฉพาะทาง ซึ่งแน่นอนว่าทั้งข้า ฟิโอน่า และลิลี่ต่างก็ไม่ได้เรียนรู้มา
แต่ ครั้งนี้มันต่างออกไป เพราะ ‘พระเจ้าจะบอกให้เอง’ น่ะสิ
“อืม ตามข้ามา”
จุดแสงสีแดงเล็กๆ ที่ส่องสว่างอยู่ในส่วนลึกของป่านั้น ยังคงสะท้อนอยู่ในตาซ้ายของข้าเช่นเดิม
และแล้ว ณ ปลายทางของแสงนั้น—
“……ไม่อยู่แฮะ”
—มอนสเตอร์หายไปไร้ร่องรอย
ข้าซ่อนตัวอยู่ในเงาไม้ แล้วมองสำรวจจุดที่แสงสีแดงหายไปอย่างระมัดระวัง แต่ที่นั่นมีเพียงลานกว้างว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยวัชพืชขึ้นรกอย่างประหลาดเท่านั้น
หรือว่าข้าจะเข้าใจผิดไปเองอย่างน่าอายกันนะ ขณะที่กำลังคิดเช่นนั้น มันก็ปรากฏตัวขึ้น
ปรากฏตัวขึ้น หรือควรจะเรียกว่าตกลงมาดีนะ เมื่อรู้สึกตัวอีกที มอนสเตอร์ร่างยักษ์ที่สูงเกินกว่าห้าเมตรมาก ก็ลงมายืนอยู่กลางลานกว้างแล้ว
“อู้ว เจ้านั่นมันเอาเรื่องน่าดู……”
ไม่ใช่ว่าข้าจะกลัวรูปลักษณ์ภายนอกที่ดุร้ายด้วยขนสีดำสลับแดงของมันหรอกนะ
ที่ข้ารู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่ามันอันตราย ก็คือการที่มันปรากฏตัวขึ้นมาโดยแทบจะไม่มีทั้งตัวตนและเสียง ทั้งๆ ที่มีร่างใหญ่โตขนาดนั้นต่างหาก
แม้จะมองแวบเดียวก็รู้ได้ว่าร่างกายของมันแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าพลังของมิโนทอร์ซอมบี้เสียอีก แต่การเคลื่อนไหวอันเงียบเชียบของมันนั้น กลับดูประณีตราวกับมือสังหารแอสซาซินที่ร่ายรำอยู่ในความมืดมิดยามค่ำคืน
เพียงแค่นั้น ก็เข้าใจได้แล้วว่ามอนสเตอร์ตัวนี้ซ่อนเร้นฝีมือที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับมอนสเตอร์แรงค์ 3 ที่ลิลี่สามารถจัดการได้ในพริบตา
“เป็นมอนสเตอร์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะคะ”
ฟิโอน่าที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้นอย่างใจเย็น
“ข้าเองก็ไม่เคยเห็น ลิลลี่ล่ะ?”
ลิลี่ที่อยู่แทบเท้าข้าก็ส่ายหัวไปมา
ดูเหมือนว่าจะเป็นมอนสเตอร์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ สินะ
เอาล่ะ จะจัดการมันยังไงดีนะ ขณะที่กำลังคิดเช่นนั้น เงาร่างสองเงาก็กระโจนเข้ามาในลานกว้างที่มอนสเตอร์กำลังรออยู่ด้วยความเร็ว
“มีนักผจญภัยอยู่ด้วยรึ”
“บางทีอาจจะกำลังถูกไล่ตามอยู่ก็ได้นะคะ”
คนทั้งสองนั้น จุด (คบเพลิงทอร์ช) เล็กๆ ไว้รอบตัว ดังนั้นทั้งฟิโอน่าและลิลี่ก็น่าจะมองเห็นรูปลักษณ์ของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
คนหนึ่งเป็นชายร่างสูงผอม สวมเบลเซอร์สีดำกับเสื้อคลุมสีแดงที่คุ้นตา ไม่ผิดแน่ว่าเป็นชุดของผู้บริหารฝึกหัดตามที่ไซม่อนเคยบอกไว้
แว่นตาขาเดียวที่อยู่บนใบหน้าเรียวเล็กดูเคร่งเครียดนั้น ช่างน่าประทับใจ
อีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิงที่สวมชุดเอี๊ยมกระโปรงได้อย่างงดงาม ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็เป็นเมดที่สมบูรณ์แบบ แต่การมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ช่างดูขัดแย้งอย่างยิ่ง
แต่ทว่า เมื่อดูจากการที่เธอถือกริชสองเล่มในมือ และนำหน้านักเรียนชายผู้บริหารฝึกหัดเข้ามาแล้ว ก็คงจะไม่ใช่แค่เมดธรรมดา แต่เป็นองครักษ์เหมือนกับเธอคนที่สถิตอยู่ใน 『พันธนาการผมดำ「โลงศพ」』 นี้กระมัง
แถมใบหน้าที่ได้รูปนั้น ก็ดูเหมือนผู้ใหญ่มากกว่าเด็กสาวเสียอีก
“พวกนั้นคือพวกคุณหนูคุณชายที่มาเป็นนักผจญภัยเล่นๆ สินะ?”
ช่างน่าสมเพชเสียจริง คำพูดอันแหลมคมหลุดออกมาจากปากที่ไม่รู้จักโกหกของฟิโอน่า
เอาเถอะ พวกนักผจญภัยที่เอาจริงเอาจังคงจะไม่ชอบใจพวกนั้นเท่าไหร่หรอก
“แต่ จะทิ้งไว้ก็ยังไงอยู่”
เมื่อรู้สึกตัวอีกที เมดก็เปิดใช้งาน (คบเพลิงทอร์ช) เพิ่มเติม ทำให้บริเวณโดยรอบสว่างวาบขึ้นมาในทันที
เมดผู้ซึ่งสังเกตเห็นตัวตนของมอนสเตอร์แล้ว บางทีอาจจะคิดจะให้เจ้านายหนีไป เธอก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วตั้งท่าถือกริชอย่างกล้าหาญ
รูปลักษณ์นั้นไม่ใช่แค่ท่าทาง แต่สัมผัสได้ถึงการตั้งท่าที่ดูดีและมีพลังอย่างมากแม้จะมองจากที่นี่ ดูเหมือนว่าเมดองครักษ์คนนี้จะไม่ใช่แค่ของปลอม
“ดูเหมือนจะไม่มีเวลาให้คิดแผนการอย่างสบายอารมณ์เท่าไหร่แล้วสินะ”
ต่อให้เธอจะมีฝีมือเพียงใด ข้าก็ไม่คิดว่าเธอจะสามารถเอาชนะมอนสเตอร์ที่มีหูยาวเหมือนปุ๊นปุ๊นตัวนี้ได้เพียงลำพัง
คงจะไม่โดนจัดการในทันทีหรอก แต่ถึงกระนั้นก็คงจะต้านทานไว้ได้ไม่นาน
“ถ้างั้น จะยิงจากตรงนี้สักนัดดีไหมคะ?”
“ไม่สิ อุตส่าห์มีโอกาสลอบโจมตีแล้ว ก็อยากจะจัดการให้เด็ดขาดไปเลย”
ข้านึกถึงการโจมตีต่อเนื่องด้วยการพันธนาการด้วย [หนวดระยางเงาแองเคอร์แฮนด์] แล้วตามด้วย [สุริยันสีทองโกลเด้นซัน] ที่เกือบจะสำเร็จในการต่อสู้กับอัครสาวกคนที่แปดไอ
ครั้งนี้ก็เอาแบบนั้นแหละ ในเมื่อไม่รู้ความสามารถของคู่ต่อสู้ที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก การทุ่มพลังโจมตีสูงสุดเข้าไปในคราวเดียวจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
“แต่ไม่มีวิธีป้องกัน [สุริยันสีทองโกลเด้นซัน] เพราะงั้นคนที่ตัดสินผลก็คือลิลี่นะ”
เมื่อข้าอธิบายความคิดของข้าสั้นๆ ทั้งสองคนก็แสดงความเข้าใจในทันที
เอาล่ะ ถ้าจัดการได้ในครั้งเดียวก็ดีสินะ……
Translater : Eidolonwww.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION