บทที่ 143 – แต้มต่อ
เสาแห่งแสงที่ปักลงบนพื้นเป็นรูปแบบตารางราวกับจะขวางทางนั้น ได้หายไปแล้ว
รถม้าที่เต็มไปด้วยนักผจญภัยวิ่งหนีไปด้วยความเร็วเต็มพิกัดผ่านทางหลวง ขณะที่ผมมองส่งพวกเขาจนหายลับไป ในที่สุดผมก็ผ่อนคลายลง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเหงาเล็กน้อย
แต่ว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาซาบซึ้งกับอารมณ์
ด้วยราคาของการปล่อยให้นักผจญภัยเหล่านั้นหนีไป ผม ไม่สิ พวกเรา ควรจะต้องเผชิญหน้ากับอัครสาวกคนที่ 8 ในการต่อสู้
“อื๊อ หมู่วว อย่าจ้องฉันแบบนั้นสิ ดูสิ นี่เราก็แค่ดวลกันเฉยๆ นี่นา มาสนุกกันเถอะนะ?” (ไอ)
อัครสาวกที่รู้จักกันในนาม ไอ ดูเหมือนจะชอบพูดมากต่างจากซาเรียล
แม้ว่าเธอจะพูดจาไร้สาระ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะสนใจในตัวผมและลิลี่
เธอคงไม่ได้นับฟิโอน่าเข้าไปในความคิดของเธอ เพราะบางทีเธอคงยังไม่เห็นพลังเต็มที่ของฟิโอน่า
“ฉันปล่อยพวกเขาหนีไปแล้วใช่ไหมล่ะ? พยายามเชื่อใจฉันหน่อยสิ!” (ไอ)
“……เข้าใจแล้ว” (คุโรโนะ)
นั่นคือสิ่งที่ผมพูด แต่ผมไม่มีความตั้งใจที่จะเชื่อเธออย่างไม่มีเงื่อนไข
ความปรารถนาของเธอคือการต่อสู้กับพวกเรา หากเราเผชิญหน้ากับเธอโดยไม่หนีไป เธอบอกว่าเธอจะไม่โจมตีและไล่ตามเหล่านักผจญภัยรวมถึงผู้อพยพด้วย
หากไม่คำนึงถึงอันตรายต่อชีวิตพวกเรา มันเป็นเงื่อนไขที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ ซึ่งจะช่วยให้เราทำภารกิจฉุกเฉินนี้ให้สำเร็จได้
แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่มีข้อพิสูจน์ว่าเธอจะรักษาสัญญา เธอสามารถผิดสัญญาได้อย่างง่ายดายเพียงเพราะความนึกสนุก และพวกเราก็ไม่มีแม้แต่กำลังที่จะไปหาเรื่องกับเธอเพราะเรื่องนั้นได้
ใช่แล้ว ทันทีที่ตัวตนที่เรียกว่าอัครสาวกปรากฏตัวขึ้น ก็ไม่มีช่องว่างสำหรับการเจรจาใดๆ เลย หากเราไม่เล่นตามความต้องการและความปรารถนาของเธอ เราก็จะถูกทำลายล้างที่นี่อยู่ดี
“คุโรโนะ! พวกเราจะไม่เป็นไรถ้าเราอยู่ด้วยกัน!” (ลิลี่)
เด็กลิลี่กล่าวเช่นนั้นอย่างแข็งขันขณะดึงเสื้อคลุมผม
“ใช่ค่ะ ดูเหมือนว่าคู่ต่อสู้เพียงแค่ต้องการทดสอบกำลังเท่านั้น มีโอกาสที่เราจะไม่ถูกฆ่าแม้ว่าจะสู้กับเธอก็ตามค่ะ” (ฟิโอน่า)
ฟิโอน่าให้ความเห็นที่ค่อนข้างจะมองในแง่ลบอย่างน่าประหลาดใจ
“……อืม เอาเถอะ ยังไงเราก็หนีจากมันไปไม่ได้อยู่แล้ว สู้ทำเท่าที่เราทำได้ก็แล้วกัน” (คุโรโนะ)
ผู้ที่จะเผชิญหน้ากับอัครสาวกคือผม ลิลี่ และฟิโอน่า โดยพื้นฐานก็คือสมาชิกของทีม [ปรมาจารย์ธาตุ]
ตามที่อัครสาวกที่ทำตัวเป็นนักผจญภัยคนนี้บอก—
“ถ้าพวกเธออยู่ในปาร์ตี้ ก็ต้องสู้ด้วยกันสิ!” (ไอ)
—พูดอะไรทำนองนั้น และต้องการที่จะเผชิญหน้ากับปาร์ตี้ของเราพร้อมกัน แน่นอนว่า ผมไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเธอ ไม่ใช่ว่าผมจะทำได้อยู่แล้วด้วย
แทนที่จะคิดว่าผมลงเอยด้วยการลากลิลี่และฟิโอน่าเข้ามาพัวพันด้วย ในเมื่อพวกเราอยู่ในปาร์ตี้เดียวกัน ชีวิตของพวกเราก็ควรจะเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว ผมควรจะตัดสินใจแน่วแน่เรื่องนี้ไปแล้ว
นั่นคือเหตุผลที่ ผมจะไม่ทำอะไรเหมือนการขอโทษพวกเธอทั้งสองคน
“นี่ๆๆ คุณปิศาจ” (ไอ)
เสียงสบายๆ ดังมาหาพวกเรา ราวกับไม่สนใจความตึงเครียดของเราเลยแม้แต่น้อย
คำว่าปิศาจ เธอคงหมายถึงผมสินะ
ระหว่างการต่อสู้ที่อัลซัส พวกครูเสดเดอร์ก็เรียกผมว่าปิศาจหรืออะไรทำนองนั้น ผมเลยรู้ตัวว่าเห็นได้ชัดว่าผมได้รับฉายาที่ไม่น่าภาคภูมิใจแบบนั้นมา
“มีอะไร?” (คุโรโนะ)
“คุณปิศาจกับคุณแม่มดตรงนั้นดูเหมือนจะเหนื่อยมากเลยนะ ใช้พลังเวทไปเกินครึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ?” (ไอ)
บางทีเธออาจจะมีทักษะที่สามารถแยกแยะปริมาณพลังเวทที่คนอื่นครอบครองอยู่ได้ เธอกล่าวเช่นนั้นด้วยความมั่นใจมาก
แต้มต่อ/ข้อเสียเปรียบสำหรับศัตรูไม่ใช่สิ่งที่ใครควรจะพูดออกมาดังๆ ตามปกติ แต่ผมเดาว่าเรื่องแบบนั้นคงไม่มีความหมายใดๆ ต่อเหล่าอัครสาวก
“แล้ว มันยังไงล่ะ?” (คุโรโนะ)
“นั่นมันลำบากสำหรับฉันน่ะสิ เพราะงั้น—“ (ไอ)
เธอล้วงเข้าไปในกระเป๋าที่เอวของเธอ และ—
“—รีบฟื้นฟูตัวเองให้เต็มที่เร็วๆ เข้า นะจ๊ะ?” (ไอ)
พูดจบ เธอก็โยนขวดเล็กๆ มาทางพวกเรา ซึ่งผมก็รับไว้ได้ตามสัญชาตญาณ
ภาชนะขนาด 10 ซม. บรรจุของเหลวใสเหมือนน้ำ แต่มีอนุภาคแสงบางอย่างกำลังส่องประกายอยู่ภายในของเหลวนั้น
มันน่าจะเป็นโพชั่นชนิดหนึ่ง ผมคิด แต่—
“[เอลิกเซอร์] สินะคะ” (ฟิโอน่า)
ฟิโอน่าให้คำตอบผมจากด้านข้าง
“เอลิกเซอร์? ชื่อมันดูเวอร์วังดีนะ แต่มันสุดยอดรึเปล่า?” (คุโรโนะ)
“มันคือโพชั่นที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในตอนนี้ค่ะ อย่างน้อยก็ในทวีปอาร์ค” (ฟิโอน่า)
“ขอดูหน่อย! ให้ลิลี่ดูด้วย!” (ลิลี่)
เห็นได้ชัดว่ามันน่าทึ่ง แต่มันน่าทึ่งแค่ไหนกันแน่?
อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่ระเบิดชนิดหนึ่ง ผมจึงส่งมันให้ลิลี่
ขณะที่ลิลี่รับขวดที่ส่องแสงและตรวจสอบมันด้วยสายตาจริงจัง ผมก็ถามไอ
“เธอต้องการให้พวกเราดื่มนี่?” (คุโรโนะ)
“ใช่แล้ว” (ไอ)
ไอยิ้มพยักหน้า อืม ผมก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุผลอื่นใดในการให้เรามาแต่แรกแล้วล่ะนะ
“โอเค” (คุโรโนะ)
“โอ้ เธอไม่สงสัยเหรอว่ามันเป็นยาพิษหรืออะไรทำนองนั้น?” (ไอ)
“มันไม่มีความหมายที่จะทำอะไรแบบนั้น อีกอย่าง เธอไม่ใช่เหรอที่เป็นคนบอกให้พวกเราเชื่อใจเธอน่ะ?” (คุโรโนะ)
“ฟุฟู เข้าใจล่ะ ใช่ๆๆ ฉันชอบเด็กดีที่ซื่อสัตย์แบบเธอจริงๆ เอาล่ะ เอลิกเซอร์นั่นฉันเลี้ยงเอง เพราะงั้นดื่มให้หมดเลย!” (ไอ)
ขณะมองไปยังไอที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขด้วยสายตาเย็นชา ผมก็หันไปหาฟิโอน่าและลิลี่
“เราแบ่งกันสามคนแล้วกันนะ” (คุโรโนะ)
ลำดับการใช้พลังเวทคือ ผม > ฟิโอน่า > ลิลี่ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าลิลี่จะไม่เหนื่อยเลย ถ้าเราจะฟื้นตัว เราทุกคนก็จำเป็นต้องทำเช่นนั้น
“ฉันคิดว่าแค่จิบเดียวก็คงมีผลเพียงพอแล้วค่ะ คงไม่มีปัญหามากนักที่จะแบ่งปริมาณเท่านี้ออกเป็นสามส่วน” (ฟิโอน่า)
“ถ้างั้น ให้ลิลี่ไปก่อน—“ (คุโรโนะ)
“นี่ คุโรโนะ!” (ลิลี่)
ขัดคำพูดผม ลิลี่ยื่นโพชั่นกลับมาให้ผม
“อืม โอ้ ใช่สิ ผมควรจะยังต้องตรวจหาสารพิษก่อนเผื่อไว้” (คุโรโนะ)
ไม่มีข้อพิสูจน์ว่าของเหลวนี้เป็นเอลิกเซอร์จริงๆ ผมจะให้ลิลี่ดื่มอะไรน่าสงสัยแบบนั้นไม่ได้
เมื่อคิดใหม่ ผมก็ได้ข้อสรุปว่านี่ก็เป็นงานของผู้นำเช่นกัน แล้วเปิดขวดและกระดกเอลิกเซอร์ลงไป
“—!? นี่มัน………พลังฟื้นฟูอะไรกันเนี่ย น่าเหลือเชื่อ!” (คุโรโนะ)
แม้ว่าผมจะเหลือพลังเวทอยู่แทบจะไม่ถึง 10% ผมก็รู้สึกได้ว่าพลังเวทสีดำของผมกำลังฟื้นกลับมาอย่างต่อเนื่องเหมือนน้ำมันเบนซินที่ถูกเติมลงในถังน้ำมัน!
เมื่อเทียบกับโพชั่นและเวทรักษาอื่นๆ พลังเวทของผมฟื้นฟูด้วยความเร็วสุดขีด และแม้แต่ความเหนื่อยล้าของผมก็ปลิวหายไป!
บาดแผล พลังเวท พละกำลัง ทั้งหมดฟื้นตัวเกือบจะในทันที! มันมีพลังฟื้นฟูที่น่าทึ่งจริงๆ!
“งั้นดูเหมือนจะเป็นของจริงสินะคะ” (ฟิโอน่า)
“ใช่ เอาเถอะ ถึงนี่จะไม่ใช่เอลิกเซอร์จริงๆ มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าพลังของมันเป็นของจริง งั้นต่อไปก็—“ (คุโรโนะ)
ผมเริ่มจะส่งมันให้ฟิโอน่าซึ่งเหนื่อยเป็นอันดับสองในหมู่พวกเรา แต่—
“ไม่! ต่อไปต้องเป็นลิลี่!!” (ลิลี่)
อีกครั้ง ที่ผมถูกขัดจังหวะโดยลิลี่
ไม่รู้ทำไมวันนี้เธอถึงเอาแต่ใจผิดปกติ มีอะไรเกี่ยวกับเจ้านี่ที่ดึงดูดเธอขนาดนั้นกันนะ? หรืออาจจะเป็นเพราะเธอได้รับผลกระทบจากความจริงที่ว่าเอลิกเซอร์นี้มีประสิทธิภาพสูงกว่ายาทิพย์ของเธอกันแน่?
“ดื่มแค่ครึ่งเดียวพอนะ โอเคไหม?” (คุโรโนะ)
“อื้ม!” (ลิลี่)
ลิลี่รับขวดไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
เธอจับขวดแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง เลียขอบขวดด้วยปากเล็กๆ ของเธอราวกับกำลังชิมรสชาติ แล้วหลังจากพอใจแล้ว ในที่สุดก็กระดกเอลิกเซอร์ลงไป
“—พรวดดด” (ลิลี่)
หลังจากดื่มไปครึ่งหนึ่งพอดี—
“ตาเธอแล้ว” (ลิลี่)
ลิลี่ ซึ่งดูเหมือนจะหมดความสนใจในตัวมันแล้ว ส่งมันให้ฟิโอน่า
แต่ใบหน้าของเธอดูพึงพอใจอยู่บ้าง ราวกับเพิ่งทำงานหนักเสร็จ
“อืม ความรู้สึกนี้ มันคือเอลิกเซอร์จริงๆ ด้วยค่ะ” (ฟิโอน่า)
ฟิโอน่าแสดงความเห็นเช่นนั้นหลังจากดื่มไปขณะที่ผมไม่ทันสังเกต
“มันไม่ได้มีรสชาติอะไรเลยนี่นา แต่เธอบอกได้เหรอ?” (คุโรโนะ)
“ความรู้สึกตอนดื่มมันแตกต่างจากน้ำปกติอยู่บ้างค่ะ มันให้ความรู้สึกคล้ายๆ เหล้าสาเกอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าคุณอาจจะเข้าใจยากหน่อยเพราะไม่เคยดื่มมาก่อน” (ฟิโอน่า)
อืม พอเธอพูดแบบนั้น ผมก็รู้สึกถึงความรู้สึกเหมือนมันละลายหายไปอย่างนุ่มนวลตอนที่ผมใส่เข้าไปในปากเหมือนกันนะ
ผมเคยได้ยินความเห็นแบบเดียวกันนี้ตอนที่พ่อแม่ผมดื่มไวน์ชั้นสูงเมื่อนานมาแล้ว
เอลิกเซอร์นี่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ด้วยเหรอ?
“อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุนี้ พวกเราก็ฟื้นตัวเต็มที่แล้วค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะสามารถเอาชนะอัครสาวกได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งก็ตามที” (ฟิโอน่า)
“อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ” (คุโรโนะ)
เราสามารถชนะได้ถ้าเราสู้สุดกำลังด้วยทุกสิ่งที่เรามี! แต่มันขมขื่นจริงๆ ที่ผมไม่สามารถพูดออกมาดังๆ ได้
แต่ว่า ผมกับลิลี่มีประสบการณ์ต่อสู้กับซาเรียล และฟิโอน่าก็มาจากสาธารณรัฐเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงควรจะรู้ดีถึงความแข็งแกร่งของอัครสาวก
ไม่มีใครในพวกเราสามารถพูดได้อย่างง่ายดายว่า ‘เราจะเอาชนะอัครสาวกได้!’ น่าเสียดายจริงๆ
“แต่ถึงกระนั้น เราก็ต้องวางแผนโดยตั้งใจที่จะฆ่าเธอ…..” (คุโรโนะ)
ผมหันกลับไปทางไออีกครั้ง
“หาววว ~” (ไอ)
ยัยนี่ หาวออกมาแบบนั้น! ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนเข้ามาโจมตีเราแท้ๆ เธอมีความตั้งใจจะสู้กับเราจริงๆ รึเปล่าเนี่ย?
“อ่า~อ่า นี่ๆ เธอดื่มเอลิกเซอร์แล้วใช่ไหม? งั้นก็พักผ่อนซะตอนนี้เลย เธอคงจะฟื้นพลังเต็มที่ในหนึ่งชั่วโมงล่ะน่า” (ไอ)
“เธอจะรอนานขนาดนั้นเพื่อพวกเราเลยเหรอ? เธอนี่เป็นคนใจเย็นจริงๆ นะ” (คุโรโนะ)
“ก็เอลิกเซอร์มันไม่ได้ฟื้นฟูใครได้ในทันทีนี่นา ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรอเธออยู่แล้ว อีกอย่าง เธอเองก็ต้องการเวลาวางแผนบ้างเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” (ไอ)
“ถ้าเธอจะให้เราจริงๆ งั้นฉันก็จะรับข้อเสนอของเธอด้วยความยินดี” (คุโรโนะ)
ดูเหมือนว่าเธออยากจะให้เราสู้เต็มที่จริงๆ เธอรอบคอบพอที่จะไม่ปล่อยให้เราตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบใดๆ เลย
“โอ้ ใช่ อาวุธของฉันก็มีแค่ธนูอันนี้เท่านั้น แล้วฉันก็จะไม่ใช้ [พระคัมภีร์ศาสตรา] ด้วย ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกนะ” (ไอ)
เธอกล่าวเช่นนั้นขณะแกว่งคันธนูยาวที่ดูเก่าคร่ำคร่าราวกับใกล้จะหักเต็มที
[พระคัมภีร์ศาสตรา] คืออาวุธสุดยอดที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เฉพาะตัวสำหรับเหล่าอัครสาวกโดยเฉพาะ ผมคิดว่าฟิโอน่าก็เคยพูดถึงเรื่องนั้นเหมือนกัน
ทั้งไอนี่และซาเรียลนั่น ดูเหมือนว่าเหล่าอัครสาวกจะชอบออมมือเวลาต่อสู้จริงๆ
มันน่าหงุดหงิดอย่างยิ่ง ทั้งๆ ที่พวกเรากำลังต่อสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เธอกลับเข้ามาแทรกแซงเพียงเพื่อจะเล่นสนุก
“….เข้าใจแล้ว” (คุโรโนะ)
“อืฟุฟุ ไม่โกรธเลยทั้งๆ ที่ฉันต่อให้เห็นๆ แบบนี้ เธอเป็นเด็กดีที่ซื่อสัตย์จริงๆ นะ คุณปิศาจ” (ไอ)
โชคไม่ดีที่ผมไม่ใช่ทั้งนักรบผู้หยิ่งทะนงหรืออัศวินผู้สูงศักดิ์ ผมเป็นเพียงนักผจญภัยธรรมดาๆ คนหนึ่ง ถ้าเธอจะให้ช่องว่างที่ผมสามารถฉวยโอกาสได้ ผมก็จะยินดีใช้มันให้เต็มที่ที่สุด
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะขอบคุณเธอสำหรับเรื่องนั้นจริงๆ หรอกนะ
ผมหันหลังให้ไออีกครั้ง และไปนั่งลงโดยพิงต้นไม้ต้นหนึ่งข้างทางหลวง
พวกเธอทั้งสองคนก็นั่งลงบนพื้นหญ้านุ่มๆ ใกล้ๆ ผมเช่นกัน
“หาววว~……” (ไอ)
ไอนั่งลงอีกฝั่งพร้อมกับสัตว์เลี้ยงหรือบางทีอาจจะเป็นแมวดำอสูรรับใช้ของเธอ
ขณะนั่งในท่าสบายๆ นั้น เธอก็หลับตาลง และในไม่ช้าเสียงนอนหลับของเธอก็ดังขึ้น
ไร้การป้องกันโดยสิ้นเชิง ปราศจากความระมัดระวังใดๆ เธอดูถูกพวกเราอย่างสมบูรณ์ แต่เมื่อพิจารณาถึงความสามารถและความแข็งแกร่งของเธอแล้ว ผมก็ไม่สามารถบุ่มบ่ามและเข้าโจมตีเธออย่างบ้าคลั่งได้
แทนที่จะหงุดหงิด ผมควรจะดีใจที่อย่างน้อยเธอก็จะไม่พุ่งเข้ามาโจมตีพวกเราด้วยวิธีแปลกๆ จากที่ไหนก็ไม่รู้
“เอาล่ะ เราต้องคิดหาวิธีเอาชนะอัครสาวกสุดเพี้ยนคนนั้นให้ได้ในหนึ่งชั่วโมงนี้ มีไอเดียอะไรบ้างไหม?” (คุโรโนะ)
Translater : Eidolonwww.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION