บทที่ 84 ร่วมสุข
ฉือฮวนออกแรงมากเกินไป ถึงขนาดที่สืออวี่ไป๋ถูกชนจนถอยไปก้าวหนึ่งกว่าจะทรงตัวได้
มือเรียวยาวโอบแผ่นหลังบอบบางของเธอ หัวใจพลันเต้นอย่างบ้าคลั่งภายในอก
คนเฉียบแหลมเช่นเขาจะไม่พบความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของฉือฮวนได้อย่างไร
“พี่คุยอะไรกับคุณคะ?”
“ไม่มีอะไรครับ ไม่ต้องสนใจเรื่องเธอหรอก”
ฉือฮวนเงยหน้าจากอกหนากว้างของเขา นัยน์ตามีความกระวนกระวายพวยพุ่งขึ้นมา “ฉันแค่คิดว่าตัวเองโชคดีมากที่พบคุณท่ามกลางผู้คนมากมาย ทั้งยังได้แต่งงานกับคุณในสถานการณ์แบบนั้นอีก”
ฉือฮวนขบปากแดง เธอสัมผัสได้ถึงสายตาแปลก ๆ ที่คนมองมา
ถ้าเป็นปกติเธอคงคิดว่าการกระทำเกินพอดีแบบนี้น่าอายมาก แต่ตอนนี้เธอกลับไม่สนใจอะไรทั้งนั้น “ดีที่เป็นคุณค่ะ โชคดีที่เป็นคุณ อวี่ไป๋ คุณเข้าใจสิ่งที่ฉันสื่อไหมคะ?”
เบื้องลึกของสืออวี่ไป๋มีความมืดพาดผ่าน มือใหญ่ขยี้หัวเธอ
ดังนั้นความซาบซึ้งและอบอุ่นจึงหายไปในพริบตา
“กินพอหรือยังครับ ถ้ากินพอแล้วเรากลับโรงแรมกันไหม?”
“ได้ค่ะ”
ฉือฮวนพยักหน้า
ตอนที่พวกเขาเดินเคียงกัน พนักงานที่กำลังยกอาหารมาก็ยกนิ้วโป้งให้ฉือฮวนพอดี “ถ้าเจอคนที่ชอบก็ต้องกล้าตามจีบสิ คุณผู้หญิงเป็นตัวอย่างที่ดีมากเลย!”
ใบหน้างดงามของฉือฮวนแดงอย่างควบคุมไม่ได้
จริง ๆ แล้วเธอกับสืออวี่ไป๋ก็เป็นสามีภรรยามาตั้งนานแล้ว แต่เธอก็ตามจีบเขาจริง ๆ ริมฝีปากแดงของเธองึมงำครู่หนึ่ง อยากอธิบายบางอย่าง แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี จึงพยักหน้าแดง ๆ ให้ลวก ๆ
ท่ามกลางสายตาของผู้คน ฉือฮวนดึงมือสืออวี่ไป๋จนแทบทะยานออกไป
เมื่อหนีมาถึงประตูทางออกร้านอาหาร ฉือฮวนถึงได้ผ่อนหายใจยาว
“เมื่อกี้คืออะไรครับ?”
มือเรียวของสืออวี่ไป๋ถูฝ่ามือเธออย่างไม่หนักไม่เบา
“จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเสียดายมากค่ะ”
ดวงตาที่เห็นสีขาวและสีดำชัดเจนของฉือฮวนมองตรงเข้าไปในส่วนลึกของสืออวี่ไป๋ ม่านตาเขาสะท้อนแสงไฟราวกับกำลังแบกรับความหวังทั้งหมดของเธอ
นั่นคือแสงสว่างที่เธอไล่ตามอย่างเอาเป็นเอาตายตั้งแต่เกิดใหม่มา
“อวี่ไป๋ ขอบคุณค่ะ”
ฉือฮวนถูฝ่ามือเขากลับเบา ๆ
สายลมยามค่ำคืนโชยมา โบกพัดผมข้างแก้ม เธอยืนอยู่ใต้แสงไฟถนน ขาเรียวเล็ก รูปร่างบอบบาง ยืนตรงหน้าเขาอย่างสะโอดสะอง ราวกับเปล่งแสงทั้งร่าง
นัยน์ตาคู่นั้นสัตย์ซื่อและจริงใจ ดวงตากลั่นประกายแสง งดงามจนเขาอยากโอบเธอเข้าสู่อ้อมกอด
ขนตาหนาของสืออวี่ไป๋ปิดลงช้า ๆ จากนั้นก็ลืมตาอีกรอบ พายุภายในใจสงบดังเดิม
“อืม”
ลูกกระเดือกเขาเคลื่อนไหวเล็กน้อย เบนสายตาไปมองรถราที่แล่นผ่านบนท้องถนน
ทันใดนั้นสายตาเขาก็เพ่งมอง เสียงทั้งแหบทั้งนุ่ม “รถเรามาแล้วครับ”
เมื่อเห็นเขาเปลี่ยนเรื่อง ฉือฮวนก็หลุบตาอย่างเศร้าใจ
ฮือ เป็นอีกหนึ่งวันที่ไม่มีกลยุทธ์พิชิตใจเขา
เมื่อถึงโรงแรมก็เผชิญกับอีกปัญหาหนึ่ง นั่นก็คือการร่วมเตียงเคียงหมอน
ยังดีที่มีฟูกนอนจากรถไฟ ถึงจะนอนด้วยกัน แต่คงไม่กระดากอายนัก
เพิ่งปูที่นอนเสร็จ สืออวี่ไป๋ก็เดินเข้าห้องอาบน้ำ
เวลาประมาณเดียวกัน ประตูโรงแรมก็มีเสียง ‘ก๊อก ๆ ’ ดังขึ้น
ฉือฮวนส่องตาแมว คนที่อยู่ด้านนอกก็คือสือจิ้งเสียน
เธอเปิดประตู
สือจิ้งเสียนชะเง้อถาม “อวี่ไป๋ล่ะ?”
“กำลังอาบน้ำค่ะ”
“พี่มาหาเธอ เรามาคุยกันหน่อยสิ”
สือจิ้งเสียนพยักพเยิดหน้าไปด้านนอก
ฉือฮวนลังเลเล็กน้อยแล้วตามอีกฝ่ายไป
โรงแรมเป็นสไตล์ยุโรปทั่วไป ปลายทางเดินมีระเบียงอยู่
สายลมกลางคืนหนาวเล็กน้อย ชายกระโปรงพลิ้วกระทบขา หน้าม้าลอยขึ้นและขยับเล็กน้อย ฉือฮวนมองสือจิ้งเสียนผ่านหน้าม้า
“พี่มาหาฉันด้วยเรื่องอะไรเหรอคะ?”
“อยากตกอวี่ไป๋ให้เร็วที่สุดไหม?” สือจิ้งเสียนถามเข้าประเด็น
‘นั่นยังต้องถามอีกเหรอ?’ ฉือฮวนพยักหน้า
“พี่จะให้คำแนะนำอย่างหนึ่ง อวี่ไป๋ทนเห็นคนอื่นน่าสงสารไม่ได้ เธอแสดงความอ่อนแอมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ต่อหน้าเขาดูสิ”
“โดยเฉพาะคนสวย ๆ อย่างเธอ หน้าตางดงาม ถ้าทำท่าทางบอบบางน่าสงสารอีก ในสายตาผู้ชายยิ่งเป็นตัวเพิ่มคะแนน”
ฉือฮวนไม่เคยคิดแผนนี้มาก่อน
ทว่า…
เธอถามอย่างสงสัย “ทำไมพี่ถึงช่วยฉันล่ะคะ?”
ตอนอยู่ร้านอาหารกวางตุ้ง สือจิ้งเสียนโมโหฉุนเฉียวแท้ ๆ ความสัมพันธ์พวกเธอจึงถูกขีดคั่นชัดเจนด้วยคมดาบ
ทำไมถึงเปลี่ยนความคิดในชั่วพริบตาได้ล่ะ?
ฉือฮวนคิดไม่ออก
หรือว่าตอนที่เธอไม่อยู่ สืออวี่ไป๋ไปพูดอะไรกับอีกฝ่าย?
“เธอคิดว่าพี่กำลังช่วยเธออยู่หรือไง?” สือจิ้งเสียนส่งเสียงหยันขึ้นจมูก
ฉือฮวนเงียบกริบ
“พี่แค่ช่วยอวี่ไป๋เท่านั้น ไม่อยากให้เขารักข้างเดียว!”
สือจิ้งเสียนทิ้งคำพูดนี้ไว้แล้วหมุนตัวเดินกลับ ใบหน้าเผยความโกรธบาง ๆ
ฉือฮวนช้ากว่าหลายก้าว แต่ยังพูดว่า “ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ขอบคุณค่ะ พี่สาว”
ฝีเท้าของสือจิ้งเสียนยิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม
จากนั้นประตูห้องของสือจิ้งเสียนก็ปิดลงตรงหน้าเธอเสียงดัง ‘ปัง!’
มุมปากฉือฮวนหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง
ไม่รู้ว่ามีคนเคยพูดไหมว่าจริง ๆ แล้วนิสัยแข็งนอกอ่อนในของสือจิ้งเสียนเหมือนสืออวี่ไป๋มาก
ฉือฮวนไม่ได้กลับห้อง ตอนที่อยู่ร้านอาหารกวางตุ้ง สือจิ้งเสียนพูดเรื่องราวยิบย่อยในชีวิตสืออวี่ไป๋เยอะมาก จากนั้นเธอก็หมุนตัวลงไปชั้นล่างแล้วถือถุงลิ้นจี่มาถุงหนึ่ง
ตอนที่สืออวี่ไป๋ออกมาหลังอาบน้ำเสร็จ ฉือฮวนก็กำลังแกะลิ้นจี่อยู่โดยใช้มีดกรีดบนลิ้นจี่เพื่อเปิดช่องก่อน
จากนั้นนิ้วขาวนุ่มก็ดึงเปลือกออก ลิ้นจี่วาววับหล่นลงในจานกระเบื้องสีขาว
กลิ่นหวานของลิ้นจี่อบอวลเต็มห้อง ม่านตาของสืออวี่ไป๋หรี่แคบลงเล็กน้อย
“อาบเสร็จแล้วเหรอคะ รีบมากินลิ้นจี่เร็ว ฉันปอกได้พอประมาณแล้วค่ะ… ไอหยา…ซี้ด…”
ความคมของมีดปอกผลไม้แวบผ่านนิ้วมือขาวนุ่ม รอยแดงปรากฏขึ้น รอยแดงเล็กพลันขยายใหญ่ขึ้นเป็นหยดเลือดไหลริน
คิ้วเรียวสองข้างของฉือฮวนขมวดเข้าหากัน เจ็บจนหน้ากระตุก
“เจ็บจัง…”
สืออวี่ไป๋รีบทิ้งผ้าขนหนูในมือแล้วสาวเท้ายาวไปคว้าข้อมือของฉือฮวนก่อนที่เธอจะทำอะไร
“อย่าขยับครับ”
“แต่มันเจ็บมากค่ะ” ต่อให้ถูกเขาจับไว้อยู่ นิ้วมือเรียวก็ยังสั่นเล็กน้อยด้วยความเจ็บ
เมื่อเห็นหยดเลือดเคลื่อนไปตามผิวขาวราวหิมะ ในช่วงเวลาจวนตัว ลูกกระเดือกของสืออวี่ไป๋เคลื่อนไหว เขาอดไม่ได้ที่จะก้มหัวลงไป
เขาครอบครองปลายนิ้วของฉือฮวนภายใต้สายตาอึ้งงันของเธอ
ม่านตาของฉือฮวนสั่นไหวอย่างรุนแรง ทำให้ปลายนิ้วที่เขาครอบครองอยู่พลอยสั่นไปด้วย
เขาดูดไปครู่หนึ่ง กลิ่นคาวเลือดเต็มปาก แต่สิ่งที่ตามมาก็คือรสชาติหวานเบาบางของลิ้นจี่ รสชาติที่คุ้นเคยทำให้มัวเมา อาจเพราะดวงตาโตเป็นประกายคู่นั้นช่างตราตรึงใจ ปลายลิ้นของเขาจึงไล้เลียความหวานบาง ๆ อย่างควบคุมไม่ได้
เพียงการกระทำเล็ก ๆ ใบหน้างดงามที่อยู่ตรงข้ามก็เหมือนถูกกระตุ้นให้ตกใจอย่างต่อเนื่อง
ความตะลึงในดวงตาเปลี่ยนเป็นเขินอาย ใบหน้าและใบหูแต้มสีชมพูอ่อนอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เธอเปรียบเสมือนผลท้อสุกงอมอันหวานฉ่ำ กำจายกลิ่นหอมเย้ายวนจากภายใน รอคนมีวาสนามาเด็ดดึง
ความคิดนี้ทำให้เลือดลมของสืออวี่ไป๋พลุ่งพล่าน ความปั่นป่วนปรากฏในร่าง นัยน์ตามืดและเข้มขึ้นเรื่อย ๆ
MANGA DISCUSSION