บทที่ 81 และ
ขณะที่ฉือฮวนกำลังนึกว่าจะได้ประทับรอยจูบ ข้อนิ้วเรียวยาวของเขาก็ขวางเธอไว้ ความคลุมเครืออันเร่าร้อนในอากาศหายไปทันที
ฉือฮวนลืมตาขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความแหลกสลายและเจ็บปวด มองสืออวี่ไป๋ด้วยสายตาตำหนิ
“ฉือฮวน อย่าเปลี่ยนตัวเอง หรือเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างเราเพียงเพราะเห็นแก่สายตาคนอื่น”
“แต่…”
การปฏิเสธของสืออวี่ไป๋ทำให้หัวใจของฉือฮวนเต้นแรงอีกครั้งด้วยความลังเล
“อย่าคิดมาก ไปกินข้าวเถอะ เรื่องที่คุณต้องกังวลคือปริมาณสินค้าที่จะสต็อกและรูปแบบสินค้าใช่ไหม?”
ความคิดของสืออวี่ไป๋นั้นลึกซึ้ง ขณะมองเขา หัวใจของฉือฮวนก็สงบลงอย่างอธิบายไม่ได้ หัวใจที่เต้นอย่างกระวนกระวายของเธอสงบลง และการหายใจก็ค่อย ๆ กลับสู่จังหวะปกติ
ความวุ่นวายของโลกดูจะจางหายไปในทันที ฉือฮวนถูกสืออวี่ไป๋จับไหล่ให้นั่งลงและมอบตะเกียบให้เธอ ฉือฮวนมองใบหน้าตรงของสืออวี่ไป๋ ความอยากอาหารที่หายไปค่อย ๆ กลับมา
เธอเม้มริมฝีปาก
เมื่อเข้านอนตอนกลางคืน ก็ต้องนอนเตียงเดียวกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉือฮวนก็สอดร่างกายเข้าไปในผ้าห่ม คลุมโปงทั้งร่างโดยเปิดเผยเพียงดวงตาเท่านั้น เธอหลับตาและแสร้งทำเป็นนอนเพื่อหลีกเลี่ยงความอึดอัดใจ หูได้ยินเสียงกรอบแกรบของสืออวี่ไป๋ที่กำลังจัดเก็บกระเป๋าเดินทาง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร แต่จู่ ๆ มุมเตียงก็ยวบลง แล้วสืออวี่ไป๋ก็มุดเข้ามาในผ้าห่ม
กลิ่นที่หอมสดชื่นสัมผัสปลายจมูก ฉือฮวนพลันรู้สึกประหม่าจนนิ่งค้างราวกับท่อนไม้แข็ง
เสียงเย็นชาของเขาดังเข้าหู
“อย่ามาเนียน ผมรู้ว่าคุณยังไม่หลับ”
เชือกแห่งความตึงเครียดที่มัดตัวฉือฮวนขาดสะบั้น เธอทำได้เพียงพลิกตัวกลับมา จนสบตากับดวงตาแฝงความนัยของเขาพอดี
เขานอนตะแคง มือข้างหนึ่งเท้าคางไว้ มองเธออย่างสงบนิ่ง
จู่ ๆ ลมหายใจของฉือฮวนก็ไม่เป็นจังหวะ ความร้อนไต่ขึ้นมาตามแก้มและหู พวกเขาอยู่ใกล้กันเกินไป
ตอนที่หันกลับมาเธอไม่ทันระวัง จึงอยู่ห่างจากสืออวี่ไป๋แค่เอื้อม
“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันแกล้งหลับ”
“เวลานอนหลับกล้ามเนื้อไม่เกร็งขนาดนี้”
สืออวี่ไป๋อธิบายเสียงเรียบ
แย่แล้ว ยิ่งประหม่ากว่าเดิมอีก ทำยังไงดี?
ฉือฮวนพยายามผ่อนคลายร่างกายและจิตใจเต็มที่ เอาฝ่ามือกั้นระหว่างทั้งสอง พยายามทำให้ระยะห่างกว้างขึ้น เพื่อให้หายใจโล่งขึ้น
“ดึกแล้ว หลับเถอะ”
ฉือฮวนพูดจบก็หลับตาลง
อีกฝั่งเงียบสนิท ดูเหมือนสืออวี่ไป๋จะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลย ทั้งการหายใจ จังหวะหัวใจ และอุณหภูมิร่างกายของเขาไม่เปลี่ยนแปลง
ฉือฮวนลืมตาขึ้นทันที และพูดอย่างเขินอาย “ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะ สืออวี่ไป๋”
พูดจบเธอก็หลับตาลง
“ฝันดี”
ขณะที่ลมหายใจอุ่น ๆ ระบายลงบนใบหน้าอย่างสม่ำเสมอจนขนอ่อนลู่ตาม ริมฝีปากนุ่มก็สัมผัสใบหน้าก่อนผละออกไป หูได้ยินเสียงหวานของสืออวี่ไป๋
“ราตรีสวัสดิ์”
ริมฝีปากของเขาผละออก แต่ยังทิ้งร่องรอยกระแสไฟฟ้าไว้บริเวณผิวที่ถูกเขาสัมผัส
หัวใจรู้สึกถูกกระตุ้นจนปั่นป่วน
เปลือกตาที่ปิดอยู่ของฉือฮวนสั่นไหว บีบข้อนิ้วเอาไว้แน่น
วันถัดมา
เมื่อพวกเขามาถึงสถานีรถไฟกวางตุ้งราวห้าถึงหกโมงเย็น สือจิ้งเสียนสวมชุดสูทอย่างมืออาชีพกล่าวกับพวกเขาว่า “พี่จองโรงแรมดี ๆ ไว้แล้ว เลยจองให้พวกเธอห้องหนึ่งด้วย มาด้วยกันเถอะ ตั้งแต่พวกเธอแต่งงานก็ไม่ได้เจอกันหลายปี คืนนี้พี่เลี้ยงเอง”
สืออวี่ไป๋ไม่ได้คัดค้าน
พอพวกเขาสามคนกลับถึงโรงแรมจัดของเรียบร้อยแล้วออกมาข้างนอก พระอาทิตย์ก็กำลังตกดินแล้ว แต่ก็ยังมีคนเดินขวักไขว่กันอยู่เยอะมาก
แรงงานต่างถิ่นหลั่งไหลกันออกจากโรงงานเป็นจำนวนมาก ทยอยกันไปยังแผงขายอาหารต่าง ๆ
แม้ว่าจะอยู่ในช่วงทศวรรษที่ 1980 แต่ที่นี่ก็เจริญกว่าแผ่นดินใหญ่มาก
ฉือฮวนเฝ้าดูอย่างตั้งใจ และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไฟแรง
ตอนนี้อยู่ในช่วงทศวรรษ 1980 ราคาบ้านยังไม่พุ่งสูงขึ้น แม้แต่ในกว่างโจว ซึ่งต่อไปที่ดินจะมีราคาสูงมาก ตอนนี้ราคาบ้านก็ต่ำจนน่าขัน
หากเธอสามารถหาเงินได้มากภายในเวลารวดเร็ว และซื้อบ้านในกว่างโจว เซินเจิ้น เซี่ยงไฮ้ หรือปักกิ่งล่วงหน้า สิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่ในอนาคตก็คือราคาบ้านจะสูงขึ้นหลายพันเท่า และมูลค่าก็เพิ่มขึ้นในอีกไม่นาน
เมื่อเห็นเธอเหม่อลอย สือจิ้งเสียนจึงผลักเธอ “เธอคิดอะไรอยู่?”
สือจิ้งเสียนไม่ชอบน้องสะใภ้คนนี้จากก้นบึ้งของหัวใจ
ฉือฮวนไม่เพียงมีการศึกษาต่ำเท่านั้น แต่ยังเป็นคนสวยแต่รูปด้วย นอกจากใบหน้านั้นก็แทบไม่มีคุณสมบัติอะไรติดตัวเลย น้องชายเธอคงหลงใหลในใบหน้างามเท่านั้น
ดวงตาสดใสของฉือฮวนจ้องสือจิ้งเสียน
“ฉันกำลังคิดว่าราคาบ้านที่นี่แพงหรือเปล่า”
“เธออยากจะซื้อบ้านที่นี่เนี่ยนะ?”
สือจิ้งเสียนอุทาน
“ยังเป็นแค่ความคิดน่ะค่ะ”
ฉือฮวนยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ฉันคิดว่าราคาที่อยู่อาศัยที่นี่เหมาะดี หากรีบฉวยโอกาสซื้อในราคาต่ำสุดโดยเร็วที่สุด มูลค่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคตแน่”
เมื่อฉือฮวนพูดเรื่องนี้ สือจิ้งเสียนก็อดไม่ได้ที่จะมองด้วยความชื่นชม
คิดไม่ถึงว่าฉือฮวนซึ่งไม่เคยอยู่ในสายตา จะมีความคิดความอ่านแบบนี้ได้
“คุณอยากซื้อบ้านที่นี่เหรอ?”
สืออวี่ไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะถาม
“ค่ะ”
“ไม่ใช่แค่อยากซื้อบ้านที่นี่เท่านั้น ฉันยังอยากซื้อบ้านหลายหลังในเซินเจิ้น เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่งด้วย”
“ทำไม?”
สืออวี่ไป๋ถามด้วยเสียงต่ำ
เขาไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจไว้ได้ “ไม่ใช่คุณบอกเองว่าชอบอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเท่านั้นเหรอ?”
“นั่นเป็นความคิดไร้เดียงสาของฉันในอดีต”
“นอกจากนี้ ฉันไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ในบ้านพวกนี้ด้วยตัวเอง”
“ทำไม?”
สือจิ้งเสียนถามพร้อมขมวดคิ้ว
“ครอบครัวที่มีสมาชิกแค่สามคนจะอาศัยอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“เพียงซื้อมาและรอให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น”
“ฉันเชื่อว่าเงินที่หาได้จากวิธีนี้จะมากกว่าการขายเสื้อผ้าแน่” ฉือฮวนขมวดคิ้วเมื่อพูดถึงตรงนี้ “น่าเสียดายที่ฉันกับสืออวี่ไป๋ยังไม่มีเงินในตอนนี้ เมื่อฉันหาเงินได้เราจะซื้อบ้านหลาย ๆ หลังแน่”
เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่สือจิ้งเสียน “พี่สาว ถ้าพี่เชื่อฉัน พี่ก็ซื้อบ้านเพิ่มในเมืองเหล่านี้ได้”
สือจิ้งเสียนเผลอขมวดคิ้ว
แต่วินาทีต่อมา เสียงของสืออวี่ไป๋ก็ดังขึ้น
“พี่คิดทบทวนความคิดเห็นของฮวนฮวนได้”
“นี่เป็นหนึ่งในเมืองที่มีแนวโน้มการลงทุนที่ดี ไม่ใช่ว่าพี่คิดอยู่ตลอดว่าการได้รับเงินเดือนตายตัวมันง่ายเกินไปเหรอ?”
สือจิ้งเสียนกึ่งเชื่อกึ่งขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ฉันมีเงินสำรองอยู่ในมือมากมาย แต่จะลองคิดดูก่อน ถึงยังไงเมืองนี้ก็ไกลมาก ฉันกลัวว่าจะมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น”
ฉือฮวนไม่ได้บีบบังคับ อย่างไรเสียเธอก็เกิดใหม่ มีความเข้าใจตั้งแต่เนิ่น ๆ เกี่ยวกับราคาบ้านที่สูงจนน่ากลัวในยุคถัดจากนี้ไป ดังนั้นเธอจึงมองการณ์ได้ไกลกว่า
จะให้คนทั่วไปเอาเงินทั้งหมดลงทุนกับบ้าน ก็ถือเป็นเรื่องที่กล้าหาญเกินไป
สือจิ้งเสียนรีบทิ้งเรื่องบ้านไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็วและรีบเดินนำหน้าไปเรียกแท็กซี่
ฉือฮวนและสืออวี่ไป๋เดินเคียงข้างกัน ลมพัดกระโปรงยาวสีขาวของเธอปลิวไปสัมผัสกางเกงของสืออวี่ไป๋อย่างแผ่วเบา
“คุณอยากซื้อบ้านที่ไหนมากที่สุด?”
จู่ ๆ เสียงเรียบนิ่งของสืออวี่ไป๋ก็ดังเข้าหู
“ถ้าไม่ต้องพูดถึงลำดับก่อนหลัง คงเลือกกว่างโจวหรือเซินเจิ้น”
“ทำไมล่ะ?”
“สืออวี่ไป๋ จำสิ่งที่ฉันพูดไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม ฉันอยากจะเปิดโรงงานเสื้อผ้า และเมืองนี้คือทำเลที่เหมาะที่สุด”
เมื่อเทียบกับเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งที่เกลียดคนต่างถิ่น ที่นี่ยอมรับคนภายนอกได้ค่อนข้างง่ายกว่า
MANGA DISCUSSION