บทที่ 80 กินลูกกวาด
สีหน้าของสืออวี่ไป๋เคร่งขรึมในพริบตา พายุกำลังจะโหมกระหน่ำภายในดวงตามืดมน แต่กลับถูกยับยั้งไว้
“ทำไมจู่ ๆ ถึงบอกเรื่องนี้กับเธอล่ะ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ พูดไปพูดมาก็เลี้ยวมาหัวข้อนี้แล้วค่ะ”
“สืออวี่ไป๋ ฉันทำเรื่องพังใช่ไหมคะ?”
ใจฉือฮวนหล่นมากองรวมกัน เธอมองเขาอย่างกระวนกระวาย
“ไม่ต้องคิดมากครับ”
สืออวี่ไป๋เหมือนจะหลับตาชั่วแวบหนึ่ง ไม่นานก็ลืมตาขึ้น “ผมไปซื้อข้าวก่อนนะ กินข้าวเสร็จก็พักผ่อนเร็วหน่อย”
พูดจบสืออวี่ไป๋ก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป
ฉือฮวนนั่งบนเตียงด้วยจิตใจยุ่งเหยิงเหมือนเส้นด้ายพันกัน ใจไม่สงบอยู่นาน
คงไม่เกิดเรื่องวุ่นวายใช่ไหมนะ ตอนที่แต่งกับสืออวี่ไป๋ เธอก็ไม่ยินยอมพร้อมใจ บ้านสือรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว แม้รู้ว่าสามปีมานี้พวกเขาแต่งงานแค่ในนามเท่านั้นก็คงไม่มีอะไรหรอก
แต่เสียงจิตใต้สำนึกกำลังแผดเผาเธอไม่หยุด
สีหน้าตกตะลึงของสืออวี่ไป๋เมื่อได้ฟังว่าสือจิ้งเสียนรู้ความจริงพลันปรากฏตรงหน้าเธอ เธอไม่สงสัยสักนิดถ้าสือจิ้งเสียนจะเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่สือ สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คืออะไรกันนะ?
แม่สือคงคุมตัวสืออวี่ไป๋ไปแล้วขอให้เธอและเขาหย่ากัน?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ฉือฮวนก็ใจเย็นไม่ได้อีก
ทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งย่นระยะห่างระหว่างเธอกับสืออวี่ไป๋ไปเอง แต่ตอนนี้ราวกับมีคนเอามีดมาฟันสายใยระหว่างพวกเขา
เพลิงแห่งความกังวลไล้เลียหัวใจเธอเป็นครั้งคราว หญิงสาวทอดมองไปยังด้านนอกประตูอยู่บ่อยครั้งราวกับแค่เห็นเงาร่างนั้นก็จะสงบใจ
แต่กลับไม่เห็น
ไม่รู้ว่าสืออวี่ไป๋ไปไหน ระเบียงทางเดินต้อนรับคนผ่านไปมา ผู้คนนับไม่ถ้วนกำลังเดินผ่าน เมื่อเห็นท่าทางไม่อยู่สุขของเธอก็ส่งสายตาแปลกประหลาดมาให้
เงาร่างที่คุ้นเคยก็ไม่ปรากฏขึ้นอีก ความรู้สึกผิดหวังยากจะอธิบายท่วมท้นเธอ
เธอบังคับตัวเองให้สงบใจแล้วรีบเข้านอน ถ้าเป็นอย่างนั้นจะได้ไม่ต้องมาวิตกกังวลแบบนี้
แต่ไม่ได้ผล
ยิ่งบังคับตัวเอง ยิ่งไร้หนทางสงบ
เธอเลยเปิดประตู วางแผนจะไปถามพนักงานรถไฟว่าห้องอาหารอยู่ที่ไหน
ชั่วพริบตาที่บานประตูเปิดออก เงาร่างสูงใหญ่ดังภูเขาอันคุ้นเคยก็โน้มตัวมาทางเธอ
เธอเห็นในมือของสืออวี่ไป๋ถือกล่องข้าวอยู่ ดวงตาสองข้างเขียนคำว่าสงสัยเต็มไปหมด “คุณจะไปไหนครับ?”
“คุณกลับมาแล้ว!”
ชั่วพริบตาที่เห็นเขา ความกังวลซึ่งท่วมใจของฉือฮวนราวกับสลายไป ความกระวนกระวายทั้งหลายเปลี่ยนเป็นความโหยหา เธอถึงขั้นไม่สนว่าเขากำลังถือกล่องข้าวอยู่แล้วจับมืออีกฝ่าย
จนกระทั่งอุณหภูมิจากมือใหญ่ส่งผ่านมา หัวใจที่แทบเด้งจากอกก็ค่อย ๆ กลับสู่ที่เดิม
“ฉันกำลังไปหาคุณค่ะ ทำไมคุณกลับมาช้าจังคะ?”
นัยน์ตาฉ่ำน้ำของเธอเต็มไปด้วยความโหยหา สืออวี่ไป๋ที่ถูกจ้องด้วยคลื่นอารมณ์พลันใจสั่น
สืออวี่ไป๋ชูกล่องข้าวในมืออีกข้างขึ้นมาอย่างมีความอดทน “คนเข้าแถวเยอะครับ”
“อ้อ”
ฉือฮวนนั่งบนเตียง มือสองข้างกอดเข่าแน่นราวกับถ้าทำแบบนี้เธอจะสบายใจ เธอมองสืออวี่ไป๋เปิดข้าวกล่องเงียบ ๆ
กลิ่นอาหารอบอวลทั่วตู้รถ เขาหยิบตะเกียบส่งให้เธอ
ฉือฮวนครุ่นคิด รับตะเกียบมา เชื่อฟังคำพูดของเขาแล้วนำอาหารส่วนของตัวเองมาไว้ข้างหน้า ข้าวที่เคลือบด้วยน้ำแกงหมูตุ๋นวาววับ ดูน่ากินเป็นพิเศษ
กลิ่นหอมของอาหารลอยเข้าจมูก แต่ฉือฮวนกลับไม่มีความอยากอาหารสักนิด
ใจเต้นอย่างไม่สบายใจ
สืออวี่ไป๋พบความผิดปกติของเธออย่างรวดเร็ว เขาเลิกคิ้ว “ไม่ถูกปากเหรอ?”
“…” ฉือฮวนส่ายหน้า
สืออวี่ไป๋ขมวดคิ้ว รอเธอเอ่ยปากเงียบ ๆ
ฉือฮวนพลันตัวสั่นภายใต้สายตาของเขา เธอวางตะเกียบลงแล้วกอดตัวเองแน่น
“สืออวี่ไป๋ ฉันทำเรื่องโง่ ๆ ลงไปใช่ไหมคะ?”
“ฉันไม่ควรไปถามเรื่องพวกนั้นกับพี่คุณใช่ไหม?”
เสียงของเธอพลันเจือเสียงสะอื้น ทั้งที่อยากย้ำเตือนให้ตัวเองเข้มแข็ง แต่หยาดน้ำตาใสก็ไหลหยดลงแขน
ฉือฮวนร้องไห้จนไหล่สั่น รู้สึกลึก ๆ ว่าการร้องไห้ต่อหน้าสืออวี่ไป๋เป็นสิ่งที่เสียหน้ามาก เธอจึงซุกหน้าลง
เธอไม่กล้าเปล่งเสียง เสียงสะอึกสะอื้นดังจากลำคออย่างต่อเนื่อง ทั้งแหบทั้งแห้ง ตรงข้ามกับไหล่ที่สั่นเทา สืออวี่ไป๋ที่มองอยู่พลันโศกเศร้า
นิ้วมือเรียวเห็นข้อนิ้วของเขาวางตะเกียบลง แล้วโอบเธอที่กอดเข่าอยู่เข้าเต็มอก
“ร้องไห้ทำไมครับ?”
“ฉันไม่อยากหย่าค่ะ”
ฉือฮวนร้องไห้จนสายตาพร่าเลือน เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเคร่งขรึมที่อยู่ตรงหน้า สืออวี่ไป๋เหมือนฝันหวานในชีวิตนี้ของเธอ คนที่ถูกทิ้งเหมือนรองเท้าคู่เก่าในชาติก่อน ทำไมการอยู่ด้วยกันในชีวิตนี้มันยากขนาดนี้?
“สืออวี่ไป๋ ฉันไม่อยากจากคุณไป”
“ใครก็อย่าคิดมาแยกพวกเราจากกัน”
เธอออกแรงดึงคอเสื้อเขาแน่น ร้องไห้แทบขาดใจ น้ำตาเปียกชุ่มเสื้อเชิ้ตของเขา ความอุ่นและเย็นนั้นราวกับกำลังชักนำสายฝนมาสู่ใจเขา
“พูดอะไรโง่ ๆ ใครบอกจะแยกเราออกจากกัน?”
“ฉันกลัวค่ะ”
ฉือฮวนพูดตะกุกตะกัก “พี่คุณรู้เรื่องนี้แล้วก็คงจะไปบอกคุณแม่ใช่ไหมคะ ถ้าคุณแม่รู้ ท่านคงไม่ปรานีฉัน เธอต้องให้ฉันหย่ากับคุณแน่ ใช่ไหมคะ?”
ก้นบึ้งของสืออวี่ไป๋มีความมืดแวบผ่าน
“ไม่มีเรื่องอย่างนั้นหรอกครับ”
“ไม่ร้องนะ”
เขาดันเธอออก นิ้วเรียวยาวเช็ดน้ำตาให้เธอ “คุณนี่ตีตนไปก่อนไข้จริง ๆ นะ”
ฉือฮวนหยุดร้องแล้ว มองเขาทั้งสะอื้น
“คุณกล้าพูดว่าถ้าคุณแม่รู้แล้วจะไม่ต่อต้านหรือเปล่าคะ?”
“กล้าครับ”
คิ้วของฉือฮวนตกลง
“ต่อให้เป็นแบบนั้น ถึงแม้แม่จะไม่เห็นด้วย คุณก็จะเชื่อฟังแม่แล้วหย่ากับผมเหรอครับ? หรือผมจะต้องฟังแม่แล้วหย่ากับคุณด้วย?”
สืออวี่ไป๋พูดอย่างสบาย ๆ “ตอนแรกแม่ก็ไม่ให้ผมแต่งงานกับคุณเหมือนกัน แต่ผมก็แต่งจนได้นี่ ใช่ไหม?”
ฉือฮวนรู้สึกว่าสืออวี่ไป๋กำลังทำเธอมึน “แต่นี่ไม่เหมือนกันนี่คะ ตอนแรกเป็นเพราะฉันท้องสือเยี่ยนอยู่ ผู้เฒ่าผู้แก่อย่างคุณแม่เห็นแก่ลูกเลยไม่จุกจิกอะไรกับพวกเรา”
“แต่…”
นัยน์ตาชุ่มฉ่ำของฉือฮวนจดจ้องที่เขา “เราแต่งงานแค่เปลือกนอกมาสามปี ในสายตาพวกเขาเป็นความอัปยศใหญ่หลวง”
“อวี่ไป๋…”
“หืม?”
“ไม่อย่างนั้น…” ฉือฮวนกัดปาก มองเขาเหมือนอยากพูดแต่ยั้งไว้ ยังไม่ทันพูดออกมา ใบหูก็แดงทั้งแถบก่อนแล้ว
เพียงเห็นสายตาพร่ามัวของเธอ สืออวี่ไป๋ก็เข้าใจความคิดเธออย่างปรุโปร่ง เขาถึงขั้นขมวดคิ้ว
“คุณเข้าใจสิ่งที่ฉันจะสื่อไหมคะ?”
“ไม่อย่างนั้น…พวกเรา?”
ฉือฮวนกระตือรือร้นที่จะลอง แถมยังคาดหวังเต็มเปี่ยม แก้มแดงด้วยความเขินอายไปแล้ว
นิ้วเธอไต่ขึ้นมือใหญ่ของเขาทีละนิ้ว จากนั้นกุมมือเขาแน่นท่ามกลางสายตาของเขา
จิตใจสาวน้อยของเธอในตอนนี้พลันพุ่งขึ้นจุดสูงสุด
เมื่อเห็นใบหน้าใกล้แค่เอื้อมของเขา เธอสูดหายใจลึก ขนตาสั่นไหว หลับตาลง
ริมฝีปากแดงของเธอสั่นระริก เข้าใกล้ทีละนิด จนกระทั่งลมหายใจปนเปกันจึงเปลี่ยนเป็นความยุ่งเหยิงโดยสมบูรณ์
MANGA DISCUSSION