บทที่ 77 ทั้ง
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ หัวใจฉือฮวนก็เต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอกทันที
“นี่คือชีวิตผม ผมมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าต่อไปจะทำยังไงกับชีวิตตัวเอง”
สืออวี่ไป๋พูดด้วยแววตาเย็นชา
สือจิ้งเสียนหัวเราะหึ แขนสองข้างกอดอกเอนหลังพิงพนัก เธอเหลือบมองฉือฮวนด้วยสีหน้ากึ่งยิ้ม “เรื่องนี้พี่พูดไปแล้วครั้งหนึ่งตอนที่นายแต่งงาน”
“สุดท้ายนายก็ยังเจอเรื่องแบบนี้เหรอ?”
“อวี่ไป๋ พี่ยังยืนยันแบบเดิมจนถึงตอนนี้ การแต่งงานไม่ได้สำคัญแค่กับผู้หญิง กับผู้ชายก็สำคัญ ผู้หญิงที่ดีจะส่งอิทธิพลไปอีกสามชั่วอายุคน และผู้หญิงไม่ดีก็ทำลายอีกสามชั่วอายุคนได้”
“ดูสิว่าตอนนี้นายเป็นยังไง พี่แทบไม่อยากจะรู้จักน้องชายอย่างนาย!”
คำพูดนี้จะว่าไม่ร้ายแรงก็คงไม่ถูก
ถึงแม้ฉือฮวนจะติดต่อกับคนในตระกูลสือน้อยมาก แต่ก็พอรู้จักกันอยู่บ้าง แม้ไม่พอใจภรรยาของเขา แต่สือจิ้งเสียนก็ไม่เคยพูดอะไรไม่ดี
ชาติที่แล้ว ฉือฮวนมีนิสัยไม่ยอมใคร ทนความอึดอัดใจไม่ได้ เธอมักหันไปบ่นกับสืออวี่ไป๋ สืออวี่ไป๋รักเธอมาก ไม่ยอมให้เธอโดนขัดใจแม้แต่น้อย
เช่นเดียวกับตอนนี้ ทันทีที่สือจิ้งเสียนพูดจบ หลังมือของฉือฮวนก็ถูกกุมไว้อย่างอบอุ่น
เมื่อเผชิญกับการเยาะเย้ยของสือจิ้งเสียน สืออวี่ไป๋ช้อนสายตาขึ้น แล้วพูดว่า “ไม่อยากรู้จักก็ไม่ต้องรู้จัก”
สือจิ้งเสียนโกรธมากจนตัวเอนไปด้านหลัง หน้าอกกระเพื่อมเพราะหายใจหอบแรง
ฉือฮวนละอายใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ เผลอมองไปที่สืออวี่ไป๋ครู่หนึ่ง
สืออวี่ไป๋มองเธออย่างปลอบโยน ส่งสัญญาณให้เธอไม่ต้องพูดอะไร
สือจิ้งเสียนโกรธอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็คลายลง จากนั้นก็มองจิกฉือฮวนราวกับว่าดวงตาเธอกระตุก
ฉือฮวน “…”
ถ้าเป็นตัวเธอในชาติที่แล้ว คงจะทะเลาะกับสือจิ้งเสียนตั้งนานแล้ว
เพราะว่าเธอในตอนนี้ชอบสืออวี่ไป๋ ทำให้มีข้อจำกัดและความกังวลอยู่ จึงทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
นั่งรถไฟมานาน ไม่ช้าฉือฮวนก็อยากเข้าห้องน้ำ อาจจะบังเอิญ หรือบางทีสือจิ้งเสียนกำลังรอโอกาสนี้อยู่ พอเธอลุกขึ้น สือจิ้งเสียนก็ลุกขึ้นเช่นกัน
“เธออยากไปเข้าห้องน้ำเหรอ? พี่ก็จะไปพอดี ไปด้วยกันเถอะ!”
ทันทีที่พูดจบ ร่างกายของฉือฮวนก็แข็งทื่อ
หญิงสาวพลันรู้สึกถึงลางไม่ดี
ก่อนจะได้ยินเสียงสืออวี่ไป๋ไล่หลังมา “อย่ากลั่นแกล้งเธอ”
สือจิ้งเสียนกลอกตามองสืออวี่ไป๋ “พี่สาวนายเป็นคนแบบนั้นหรือไง?”
สืออวี่ไป๋ตอบ “ใช่”
สือจิ้งเสียน “…”
เธอหันศอกตัวเองกระทุ้งใส่น้องชายทีหนึ่ง
“เรื่องด่วนของคนเรามีสามเรื่อง นายจะห้ามพี่เข้าห้องน้ำได้ยังไง”
“ไม่ได้อยู่แล้ว”
จากนั้นฉือฮวนก็เห็นสืออวี่ไป๋ลุกขึ้นจากที่นั่ง ฝ่ามือใหญ่ของเขาจับมือเธอไว้ มองฉือฮวนแล้วพูดว่า “ผมจะไปกับคุณ”
ตอนนี้ไม่เพียงแต่ฉือฮวนที่สับสน สือจิ้งเสียนก็สับสนเช่นกัน
ครู่หนึ่ง สือจิ้งเสียนก็ยกนิ้วกลางให้สืออวี่ไป๋อย่างเยาะเย้ย “สืออวี่ไป๋ นายนี่มันจริง ๆ เลย”
“พี่เคยเห็นภรรยาที่เข้มงวด แต่ภรรยาเข้มงวดเทียบกับนายนี่ นายชนะขาดลอย!”
สืออวี่ไป๋แก้คำให้อย่างเย็นชา “นี่ไม่ใช่ภรรยาเข้มงวด สามีเข้มงวดต่างหาก”
สือจิ้งเสียน “…”
สืออวี่ไป๋เมินพี่สาว ถามพนักงานรถไฟว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน แล้วจับมือพาฉือฮวนไป
บางทีความสงสัยบนใบหน้าของฉือฮวนอาจจะชัดเกินไป พ้นจากสือจิ้งเสียนมาระยะหนึ่งเขาจึงอธิบายเรียบ ๆ ว่า “ครั้งที่แล้วคุณเจอพวกค้ามนุษย์ตอนเข้าห้องน้ำ ผมไม่ยอมเสี่ยงเป็นครั้งที่สอง”
ขณะที่ฉือฮวนตกตะลึง ความอบอุ่นซึ่งอธิบายไม่ถูกก็แผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ
เมื่อเฝ้ามองใบหน้าด้านข้างซึ่งคมราวมีดของสืออวี่ไป๋ ขณะถูกเขาพาฝ่าฝูงชนไป หัวใจเธอก็ค่อย ๆ ถูกเติมเต็ม
เขาเป็นคนดีมาก
ชีวิตที่แล้ว เธอไม่เคยแสดงอารมณ์อย่างนี้สักครั้ง
เมื่อเห็นแผ่นหลังสูงชะลูดและสง่างามของเขา ดวงตาของเธอก็ค่อย ๆ รู้สึกเจ็บปวด
เห็นได้ชัดว่าชาตินี้เธอเป็นฝ่ายต้องเอาชนะใจเขา แต่ทุกครั้งกลับเป็นฝ่ายซาบซึ้ง ได้รับการปกป้อง และเอาอกเอาใจครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉือฮวนรู้สึกสะเทือนใจและรู้สึกผิด นิ้วเล็ก ๆ เกาะกุมเขาไว้แน่น
ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นบางอย่าง สืออวี่ไป๋ซึ่งกำลังฝ่าทางข้างหน้าหันมามองเธอ
ทันทีที่สบตากัน อารมณ์ที่พลุ่งพล่านในม่านตาของฉือฮวนทำให้ร่างกายเธอสั่นสะท้าน
แต่ไม่นานก็กลับมาปกติ
ถึงห้องน้ำแล้ว
ที่นี่มีคนรอคิวเยอะมาก ทั้งหมดเป็นผู้หญิงที่มาคนเดียว สืออวี่ไป๋จึงโดดเด่นจากฝูงชนดั่งนกกระเรียนในฝูงไก่*[1] ใบหน้ายาวเรียวดูแปลกแยก แต่ก็ทำให้หัวใจเธอรู้สึกอบอุ่น
สือจิ้งเสียนรีบตามมา เมื่อเห็นฉือฮวนก็ตรงเข้าคว้าข้อมือ จ้องมองไปที่สืออวี่ไป๋คล้ายจะยั่วยุ
“ให้พี่ไปกับน้องสะใภ้ดีกว่า”
เธอเบียดแทรกสืออวี่ไป๋แล้วพูดว่า “น้องชาย นายไปรอข้าง ๆ”
“โตจนป่านนี้แล้ว ยังแยกจากภรรยาไม่ได้อีกเหรอ?”
สือจิ้งเสียนล้อเลียน
แทบจะทันทีที่เธอพูดจบ สายตาแปลกใจรอบข้างก็หันมองสืออวี่ไป๋
ชายหนุ่มยังคงนิ่งเฉย โดยไม่สนใจสายตาจากรอบตัวเขา และไม่ลืมที่จะเตือนว่า “อย่ารังแกเธอ”
สือจิ้งเสียนพ่ายแพ้อีกครั้ง
เธอยังคงดูแคลนว่าน้องชายเธอเป็น ‘ภรรยา’ ที่เข้มงวดแค่ไหน
ตอนนี้เอง แววตาคนที่มองสืออวี่ไป๋อย่างแปลกใจ ก็ทยอยมองไปทางสือจิ้งเสียนอย่างตำหนิราวกับเธอเป็นพี่สาวชั่วร้ายที่กำลังทรมานน้องสะใภ้
สือจิ้งเสียนกัดฟันกรามของเธอด้วยความโกรธ
เมื่อถึงคิวของฉือฮวน สือจิ้งเสียนก็เบียดตัวเข้ามาในห้องน้ำด้วยอย่างไม่แคร์ใคร
ดวงตาของฉือฮวนเบิกกว้างขณะมองประตูห้องน้ำลงกลอน
“น้องสะใภ้”
เมื่ออยู่กันตามลำพัง สือจิ้งเสียนเลิกเสแสร้งแล้วถามว่า “ฉันเป็นคนชั่วเหรอ? เธอกับอวี่ไป๋ถึงระแวงฉันมากขนาดนี้?”
“ฉันไม่รู้ ไม่แน่ใจค่ะ”
ฉือฮวนตอบง่าย ๆ
แต่ก็ทำให้สือจิ้งเสียนโกรธจนใจเต้นราวกับรัวกลอง เธอกัดฟันกราม ดูเหมือนอารมณ์เสียอย่างมาก
ฉือฮวนอธิบายว่า “ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า? ฉันกับพี่ไม่สนิทกัน”
สือจิ้งเสียนมีท่าทีชัดเจนว่าต้องการให้เธอและสืออวี่ไป๋แยกจากกัน แม้กลัว แต่ไม่ได้หมายความว่าฉือฮวนจะปล่อยให้ตัวเองโดนบงการและถูกรังแก
ชาติที่แล้ว ฉือฮวนไม่มีนิสัยยอมคน หลังจากเกิดใหม่ เธอก็เปลี่ยนเพียงความคิดที่มีต่อสืออวี่ไป๋เท่านั้น ไม่ได้เปลี่ยนเป็นคนอ่อนแอเลย
“เป็นเรื่องจริงที่เราไม่สนิทกัน ฉันหาคนรอบข้างที่แต่งงานแล้ว เธอเป็นคนเดียวที่ไม่เคยติดต่อกับครอบครัวสามีเลย!”
“ฉือฮวน เธอแต่งงานกับอวี่ไป๋ นั่นคือบุญที่เธอสั่งสมมาแปดชาติ!”
“ใช่ค่ะ”
ฉือฮวนไม่ปฏิเสธเรื่องนี้
เมื่อได้ยินฉือฮวนตอบหน้าตาเฉย สือจิ้งเสียนก็ตกตะลึง
แต่ไม่ช้าสีหน้าเธอก็มุ่งร้ายขณะเอ่ยว่า “เอาละ เธอเลิกทำตัวมีน้ำอดน้ำทนสูงขนาดนั้นได้แล้ว”
“เธอมันก็แค่นางหมาป่าตัวน้อย ล่อลวงอวี่ไป๋ของพวกเราจนหาวิญญาณไม่พบ คิดไต่เต้าขึ้นที่สูง แต่อวี่ไป๋กลับเสียเปรียบครั้งใหญ่!”
“พี่สาว พี่เอาตัวเองเป็นใหญ่มากเกินไป”
“ไม่รู้ว่าพี่เคยได้ยินประโยคนี้มาก่อนไหม การแต่งงานก็เหมือนการรู้ว่าเครื่องดื่มตัวเองอุ่นหรือเย็น*[2] พี่ไม่ใช่สืออวี่ไป๋ จะรู้ได้ยังไงว่าเขาแต่งงานกับฉันแล้วเสียเปรียบไหม?”
“แม้พี่และเขาจะเป็นพี่น้องกัน แต่พี่ก็ไม่สามารถรู้แทนเขาได้ทุกเรื่องใช่ไหม?”
ฉือฮวนจ้องสือจิ้งเสียนอย่างจริงจังขณะที่พูด
*[1] 鹤立鸡群 นกกระเรียนในฝูงไก่ หมายถึง โดดเด่นจากฝูงชน
*[2] 如人饮水冷暖自知 หมายถึง มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่จะรู้ความต้องการของตัวเองได้
MANGA DISCUSSION