บทที่ 74 มานานแล้ว
สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่ฉือฮวน รอดูว่าเธอจะตอบกลับอย่างไร
“โกรธเหรอ?” ฉือฮวนยิ้มเล็กน้อย มองตรงไปที่หลัวเชี่ยน “ทำไมล่ะ?”
“คุณบอกด้วยว่านี่เป็นครั้งที่สองที่เราพบกัน มีเรื่องขัดแย้งอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราเหรอ ทำไมฉันจะต้องโกรธด้วยล่ะคะ”
“ส่วนที่ไม่ดื่มน้ำอัดลม ก็แค่เพราะฉันไม่อยากดื่มมากเกินไป สหายหลัวเป็นคนอ่อนไหวง่ายเกินไปหรือเปล่า?”
“เป็นยังไงล่ะ? ใช้อารมณ์แปรปรวนไร้สาเหตุของตัวเองมากล่าวโทษคนอื่น ทำให้คนมีความสัมพันธ์ต่อกันไม่ดีได้ง่าย ๆ เลยนะ”
ฉือฮวนมองหลัวเชี่ยนอย่างมีนัยยะ
รอยยิ้มภาคภูมิใจบนริมฝีปากของหลัวเชี่ยนชะงักค้างทันที
เธอไม่คิดเลยสักนิดว่าฉือฮวนจะแข็งกร้าวขนาดนี้ ต่อหน้าผู้คนมากมายก็ไม่ไว้หน้าสักนิด
“นี่ พี่สะใภ้ ฉันล้อเล่นกับพี่ พี่ยังคิดเป็นจริงเป็นจังเลยเหรอคะ”
“ว่าตามตรง ความสัมพันธ์ของฉันในสำนักงานก็ไม่ได้แย่”
หลัวเชี่ยนแก้ต่างให้ตัวเอง รู้สึกหมดสนุก จึงนั่งลงด้วยความละอาย
ฉือฮวนมองเธออย่างเย็นชา
ฉือฮวนคิดว่ากลอุบายของหลัวเชี่ยนจะทำในลับเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะทำตัวไร้ศีลธรรมขนาดนี้ต่อหน้าคนอื่น ใครก็ดูออกว่าเธอมุ่งมั่นขนาดไหนที่จะ…เอาชนะใจสืออวี่ไป๋
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกขมขื่นใจ
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มมาคุ ผู้อำนวยการเฉียนก็รีบไกล่เกลี่ยสถานการณ์ ทุกคนจึงร่วมกันชนแก้วดื่มฉลอง
เมื่อเห็นว่าการโจมตีของเธอไม่ประสบความสำเร็จ หลัวเชี่ยนจึงใช้ศอกกระทุ้งหวังจิ้งจือที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ
หวังจิ้งจือขมวดคิ้วรำคาญ แต่หลัวเชี่ยนก็ยังถองใส่เขาอยู่ดี หวังจิ้งจือทำปากบึ้งตึงอย่างช่วยไม่ได้ ทันใดนั้นเขาก็ยกแก้วขึ้นมองไปทางฉือฮวน
“พี่สะใภ้ วันนี้เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกัน ผมขอคำนับพี่ด้วยแก้วนี้!”
ดวงตาของฉือฮวนเย็นชา ยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นมาดื่ม
“สวัสดี สหายหวัง ฉันเคยได้ยินอวี่ไป๋พูดถึงพวกคุณมาตลอด วันนี้ในที่สุดก็ได้พบกัน”
“พี่สะใภ้ ได้ยินว่าพี่สือลาออกเพื่อไปขายเสื้อผ้ากับคุณ ขายเสื้อผ้าจะมีอนาคตยังไง? คุณยอมให้พี่สือของผมเลิกทำงานประจำจริง ๆ เหรอ?”
ฉือฮวนชะงักไป เนื่องจากคำถามนี้ค่อนข้างไร้มารยาท
โดนถามคำถามส่วนตัวแบบนี้ทุกทีสิน่า
เธอจ้องมองเงียบ ๆ กะแล้วว่าหวังจิ้งจือมีประโยคอื่นตามมาอีก
“พี่สือของผมลาออก เป็นเพราะพวกคุณขายเสื้อผ้าทำเงินได้มากมายจริง ๆ หรือเป็นเพราะคนในหมู่บ้านเกาซานที่มาตามราวี?”
“เฮ้อ พูดแล้วผมก็โกรธแทนพี่สือ พวกเขาเป็นคนแบบไหนกัน? ถึงขนาดเอาเรื่องมาโวยวายที่สำนักงานรัฐบาลท้องถิ่น”
“หมดคำจะพูดจริง ๆ ทำแบบนี้ตั้งใจจะทำให้พี่สือหงุดหงิดรำคาญใจไม่ใช่เหรอ?”
มือฉือฮวนกำแก้วไว้แน่น หากฟังความหมายแฝงในคำพูดของหวังจิ้งจือเวลานี้ไม่ออกก็โง่แล้ว
ขณะความโกรธเดือดขึ้น มือของเธอก็ถูกกุมไว้อย่างอบอุ่นเช่นกัน
เป็นสืออวี่ไป๋
ฝ่ามือใหญ่ของสืออวี่ไป๋กุมมือเธอไว้ ทำให้หัวใจของฉือฮวนอบอุ่นขึ้น หญิงสาวอดมองไปทางสืออวี่ไป๋ไม่ได้
“หวังจิ้งจือ”
เสียงเย็นชาของสืออวี่ไป๋ดังก้องอยู่ในหูเขา พูดทีละคำอย่างชัดเจน “ดูเหมือนคุณจะเป็นห่วงผมมากเลยนะ”
ริมฝีปากเขาเม้มบางเฉียบ พูดซ้ำต่อหน้าทุกคนว่า “ในเมื่อคุณอยากรู้ ผมจะพูดอีกครั้ง”
“เหตุผลที่ผมเลือกลาออกเพราะว่าภรรยาผมมีรายได้เยอะ และเธอทำงานหนักเกินไปในช่วงนี้ ผมทนเห็นเธอลำบากขนาดนี้ไม่ไหว จึงเลือกที่จะลาออกไปช่วยงานเธอ”
“อะไรก็ตามที่สร้างมาจากมือเธอ คู่ควรแลกกับเงินเดือนของผมทั้งนั้น”
หลังจากพูดเสียงดัง เขาก็สงบสติอารมณ์ในใจ และพูดทีเล่นทีจริงว่า “คุณอย่าคิดจะทำให้ภรรยาผมไม่พอใจ ต่อไปผมต้องพึ่งมือเธอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องอยู่นะ”
รอยยิ้มที่มุมปากของหวังจิ้งจือหายไปทีละนิด
เขาไม่ใช่คนโง่ แค่ถูกหลัวเชี่ยนใช้เป็นเครื่องมือ เมื่อได้ยินแบบนี้จึงพูดกับหลัวเชี่ยนว่า “ดูสิ ผมเพิ่งพูดไป พี่สะใภ้ของผมคงทำเงินได้มาก พี่สือถึงลาออก คุณน่ะไม่ยอมเชื่อ”
“คุณไม่เชื่อก็ช่าง ตัวเองไม่พูดเอง ยังมาบังคับให้ผมสอบสวนพี่สะใภ้”
“ดูสิ ผมทำให้พี่สือและพี่สะใภ้โมโหซะแล้ว!”
เขาทำท่าคารวะขำ ๆ ให้ฉือฮวน “พี่สือ พี่สะใภ้ ผมไม่ดีเอง แต่ถ้าพวกพี่อยากจะตำหนิ อย่าตำหนิผม ควรจะโทษหลัวเชี่ยนนู่น!”
หลัวเชี่ยนแทบไม่เชื่อหูของเธอ
ทำไมต้องมีเพื่อนร่วมทีมที่โง่เป็นหมู*[1] อย่างหวังจิ้งจือด้วยนะ!
“จริงเหรอ สหายหลัว?” ฉือฮวนเอียงศีรษะแล้วยิ้ม “ดูเหมือนสหายหลัวจะอยากรู้เรื่องกิจการของครอบครัวเรามากเลยนะคะ”
พูดจบฉือฮวนก็มองสืออวี่ไป๋และถามว่า “คุณสองคนทำงานร่วมกันมาหลายปีแล้ว คงจะสนิทกันแน่เลยใช่ไหม?”
สืออวี่ไป๋ที่กำลังคีบอาหารชะงักชั่วครู่ หันหน้าไปสบดวงตาของฉือฮวนซึ่งเต็มไปด้วยความคับข้องและการตำหนิ เขาจึงวางขาไก่ลงในชามของเธอ
“คุณคิดมากไปแล้ว”
สืออวี่ไป๋อธิบายเรียบ ๆ ต่อหน้าทุกคน
ขณะดวงตาที่เย็นชาคู่นั้นจ้องมองไปที่หลัวเชี่ยน
“สหายหลัว หากคุณสงสัย คุณสามารถถามทั้งหมดทีเดียว ผมจะตอบเองเพื่อให้คุณรู้อย่างชัดเจน”
หลัวเชี่ยนเห็นความน่าสะพรึงในแววตาของสืออวี่ไป๋ จนทำให้ใจเธอสั่นกลัว
เขามองเธอด้วยสายตาแบบนั้นได้ยังไง!
เธอทำเพื่อเขาอยู่ชัด ๆ!
ฉันไม่อยากให้เขาติดอยู่กับผู้หญิงอย่างฉือฮวนไปตลอดชีวิต!
ทำไมเขาถึงไม่รู้จักบุญคุณคน!
ทุกอณูในร่างกายเธอกรีดร้อง แต่เธอยังคงแคร์สังคมรอบข้าง จึงยิ้มประหม่า ยื่นมือออกไปหยิกเอวของหวังจิ้งจืออย่างแรง
“สืออวี่ไป๋ อย่าไปฟังหวังจิ้งจือ เขาอ้าปากก็พูดแต่เรื่องไร้สาระ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน!”
หวังจิ้งจือไม่ต้องการถูกใส่ร้ายแน่นอน “ไม่เกี่ยวกับคุณแล้วจะเกี่ยวกับใครได้อีก คุณคือคนที่ดึงผมออกไปก่อนหน้า… อุบ!”
หลัวเชี่ยนยัดขาไก่ใส่ปากของหวังจิ้งจือ
เธอปรับอารมณ์อย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ อย่าไปสนใจเขา ร้านเสื้อผ้าของพี่อยู่ที่ไหน ฉันกำลังคิดไม่ตก บางครั้งฉันอยากซื้อเสื้อผ้าแต่ไม่เจอแบบที่ถูกใจ จะไปซื้อในตัวเมืองก็ราคาแพงเกินไป”
“ฉันจะไปดูที่ร้านพี่เมื่อมีเวลา ถือโอกาสดูแลธุรกิจของพี่ได้ด้วย”
ถึงยังไงหลัวเชี่ยนก็ยังไม่เชื่อคำพูดของสืออวี่ไป๋ เธอคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผู้หญิงอย่างฉือฮวนจะหาเงินได้มากมายขนาดนั้น
เธอยังอยากใช้โอกาสชักชวนสืออวี่ไป๋ให้กลับมาทำงาน พร้อมกับเตือนฉือฮวนให้รู้อย่างชัดเจนว่าการมีอยู่ของเธอเป็นภาระ
“ยังไม่สะดวก เสื้อผ้าของพวกเราเพิ่งขายหมด กำลังวางแผนที่จะเติมสต็อกใหม่”
“รอจนกว่าจะเติมสต็อกเสร็จค่อยว่ากันนะ”
ฉือฮวนรู้ทันทีว่าหลัวเชี่ยนกำลังวางแผนอะไรอยู่
แต่หลัวเชี่ยนยังไม่ยอมง่าย ๆ “เอาอย่างนี้ พี่สะใภ้ บอกที่อยู่ของพี่ให้ฉัน ไว้มีเวลาฉันจะไปทักทายสักครั้ง”
“แม้ตอนนี้จะไม่ได้เป็นเพื่อนร่วมงานกับพี่สืออีกต่อไปแล้ว แต่เรารู้จักกันมาหลายปี ช่วยพี่ดูแลกิจการก็เป็นเรื่องสมควรทำ”
หวังจิ้งจือก็ถูกบังคับด้วยข้อศอกของหลัวเชี่ยนเช่นกัน
“จริงสิ พี่สาวผมก็อยากซื้อเสื้อผ้าเหมือนกัน มีเวลาผมจะแวะเข้าไปดู ตอนนี้พี่สือรวยแล้ว คงไม่ใช่ว่าไม่อยากคบเพื่อนร่วมงานยากจนอย่างพวกเราหรอกใช่ไหม?”
ฉือฮวนตระหนักดีถึงความอดทนของสืออวี่ไป๋ เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเอ่ยปฏิเสธจึงรีบขัดจังหวะเขา
“ก็ได้ ในเมื่อพวกคุณต้องการมา งั้นฉันจะเขียนที่อยู่ให้พวกคุณ”
ธุรกิจมาถึงหน้าบ้าน ไม่ขูดรีดให้มากพอก็อย่าเรียกเธอว่าฉือฮวนเลย
ในเมื่อกล้าโลภจะเอาคนของเธอ ต้องสอนบทเรียนแรง ๆ ให้สักหน่อย!
[1] 猪队友 หมายถึง เพื่อนร่วมทีมที่โง่
MANGA DISCUSSION