บทที่ 6 การโจมตีที่สะเทือนไปทั่ว
เธอถึงกับคิดตายไปพร้อมกับแม่เฉิงด้วยซ้ำ
จักรยานที่พุ่งมาพร้อมดวงตาด้านชาของฉือฮวนทำเอาแม่เฉิงตกใจผงะถอยหลัง ฉี่แทบเล็ดออกมา
“แกคิดจะทำอะไร? หาข้อแก้ตัวไม่ได้เลยสิ้นคิดฆ่าคนอย่างนั้นเรอะ!”
“เออ!”
แม่เฉิงพลันทรุดฮวบกับพื้น เธอตบต้นขา ร้องไห้และกรีดร้องราวกับสุนัขจิ้งจอก
เอี๊ยด!
เธอกดเบรกมือกะทันหันจนล้อเสียดสีกับพื้นหญ้า ก่อนจะหยุดนิ่งเบื้องหน้าแม่เฉิง
อีกเพียงเมตรเดียวก็เกือบจะชนหญิงวัยกลางคนแล้ว
เมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของแม่เฉิง ฉือฮวนก็ตีหน้าเศร้าสุดซึ้ง
ทั้งแม่เฉิงและเฉิงจื่อเฉียนต่างก็ขุ่นเคือง หญิงสาวจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “ฉันไม่ได้ชนคุณใช่ไหมคะ ขอโทษนะ ดูเหมือนเบรกจะพังน่ะค่ะ”
แม่เฉิงตวาด “เบรกพังกับผีสิ แกจงใจชัด ๆ!”
ฉือฮวนกะพริบตาปริบ ๆ “คุณป้า ฉันไม่ได้โกหกนะคะ ไม่เชื่อก็ขอให้ใครสักคนมาดูสิ”
ฉือฮวนประคองร่างของหญิงวัยกลางคนขึ้น พร้อมตบไปตามเสื้อผ้าที่สกปรกของเธอราวกับตีงูอย่างไม่ยั้งมือ “โอ๊ย ๆ!”
“แกจงใจชัด ๆ! กล้าดียังไงมาตีฉันฮะ?”
ฉือฮวนยืนมองอีกฝ่ายด้วยดวงตารื้นน้ำบาง ๆ ราวกับเป็นฝ่ายถูกกระทำเสียเอง ริมฝีปากอิ่มขบเบา ๆ ก่อนเอ่ยว่า “คุณหมายความว่ายังไงคะ ฉันแค่ปัดฝุ่นดินที่อยู่บนเสื้อผ้าเองนะคะ หรือจริง ๆ คุณต้องการหาเรื่องฉันกันแน่?”
“ฉันหาเรื่องเธอ? งั้นถามหน่อยซิว่าทำไมเธอถึงกลับคำไม่ไปเซ็นใบสมรสกับจื่อเฉียน?”
แม่เฉิงถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
เฉิงจื่อเฉียนเองก็มองมายังฉือฮวนอย่างเอาคำตอบเช่นกัน
ชุมนุมชาวกินแตง*[1] ต่างก็เริ่มหูผึ่งทันที
สายตาของฉือฮวนเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ทว่าปากยังเหยียดยิ้ม “คุณป้า เข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันกับอวี่ไป๋รักกันดี ทำไมเราต้องหย่าด้วยล่ะคะ?”
“อีกอย่างฉันก็แต่งงานแล้ว จะจดทะเบียนซ้อนกับลูกชายคุณได้ยังไงกัน?”
หญิงสาวกล่าว หมายจะถอนรากถอนโคนอีกฝ่ายให้สิ้นซาก
ฉือฮวนตั้งปณิธานว่าจะเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ โดยไม่ข้องเกี่ยวกับจื่อเฉียนอีก
หากข่าวลือนี่ไปถึงหูสืออวี่ไป๋ เธอจะทำอย่างไร เดิมเขาก็หมายมั่นจะหย่าอยู่แล้ว ยิ่งเจอเรื่องนี้อีก เขาได้เฉดหัวเธอแน่!
ไม่มีผู้ชายคนไหนยอมถูกสวมหมวกเขียว*[2] หรอก
ถึงแม้สืออวี่ไป๋จะรักเธอหัวปักหัวปำ เขาก็ไม่ยอมเด็ดขาด!
ดังนั้นเธอต้องรีบขจัดข่าวลือของตระกูลเฉิงเสียก่อนที่มันจะแพร่งพรายออกไป!
พอได้ยินดังนั้น มนุษย์แตงทั้งหลายก็พยักหน้าเห็นด้วย
“นี่มันบ้าไปแล้ว! เธอแต่งงานแล้ว แต่คุณยังจะยัดเยียดคนอื่นให้แต่งงานกับเธออีกงั้นเหรอ?”
“ช่างน่าขำ! ไม่มีหญิงสาวคนไหนแต่งสองผัวทีเดียวหรอกนะ”
“หรือเพราะลูกชายตระกูลเฉิงหาภรรยาไม่ได้ เลยอยากแย่งเมียคนอื่นกันแน่!”
เมื่อเห็นกระแสมวลชนตีกลับ แม่เฉิงก็กล่าวเสียงแข็ง “กล้าดียังไงมาพูดกับเราอย่างนี้? แกเป็นฝ่ายล่อลวงจื่อเฉียนของฉันก่อนไม่ใช่เหรอ”
“ถุ้ย!”
“คิดว่าตัวเองเป็นสาวแรกแย้มหรือยังไง? แน่จริงก็แต่งงานกับฉันแล้วให้ฉันเป็นพ่อเลี้ยงของลูกชายคุณสิ!”
“เพราะแก งานแต่งที่เราเตรียมไว้ถึงพังไม่เป็นท่า เรื่องนี้ไม่จบง่าย ๆ แน่ แกต้องชดใช้!”
ฉือฮวนระเบิดหัวเราะด้วยโทสะ
ตอนที่เธอแต่งงานกับจื่อเฉียนในชาติก่อน เขาจ่ายหนึ่งหยวนสำหรับใบทะเบียนสมรสของพวกเธอ จะไปมีงานแต่งได้อย่างไรกัน?
แม่เฉิงนี่ช่างน่าโดนลมใบไม้ผลิพัด*[3] เสียจริง!
“แล้วไหนล่ะค่าชดเชย?”
ฉือฮวนตรงมาหยุดเบื้องหน้าแม่ของตนที่กำลังสับสน
วันนี้คุณพ่อของเธอเดินทางไปทำงานที่อื่นในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน อีกทั้งเหล่าพี่ชายก็ไม่อยู่บ้าน จึงมีเพียงแม่ฉืออยู่คนเดียว
ด้วยเหตุนี้ แม่เฉิงจึงฉวยโอกาสมาสร้างความวุ่นวายเพราะรู้ว่าแม่ของเธอรังแกง่ายอย่างนั้นสินะ ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ!
“ว่าแต่คุณป้าเตรียมงานแต่งเสร็จแล้วเหรอคะ?”
ฉือฮวนกลั้วขำ “เอาละ ไหน ๆ ครอบครัวคุณก็แต่งเมียให้ลูกชายที่มาจากหมู่บ้านเดียวกันแล้ว ไม่เชิญเราไปร่วมงานดื่มสุรามงคลหน่อยล่ะคะ?”
แม่เฉิงพลันรู้สึกผิดทันที
เพราะงานแต่งที่ว่านั่นไม่มียังไงล่ะ
เมื่อคนอื่นเห็นเช่นนี้ ก็เริ่มล้อเล่น
“ไหงฉันไม่เคยได้ยินเรื่องงานเลี้ยงแต่งงานที่ครอบครัวเฉิงจัดขึ้นเลย?”
“ในเมื่อเป็นงานรื่นเริง เราจะไม่รู้ได้ยังไง?”
“บ้านเฉิงจนขนาดนี้ ยังกล้าคุยโวอีกเหรอเนี่ย น่าขำจริง ๆ!”
ใบหน้าของเฉิงจื่อเฉียนพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง
ทว่าแม่เฉิงเมินคำล้อเลียนไปแล้วกล่าวขึ้น “ช่างเรื่องงานแต่ง ตอนนี้เธอต้องอธิบายมาว่ายกเลิกคำสัญญาได้ยังไง?”
“เธอหลอกลูกชายฉัน ทั้งที่สัญญาว่าจะหย่าและแต่งงานกับเขา แต่ทำไมถึงกลับคำ เธอต้องอธิบายมาเดี๋ยว?”
ฉือฮวนมองเฉิงจื่อเฉียนด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา “คุณอยากให้ฉันอธิบายอะไรล่ะ?”
“อย่างแรกก็คือ ฉันไม่อยากแต่งกับคุณ เพราะฉันกับอวี่ไป๋เป็นสามีภรรยากัน การเซ็นทะเบียนซ้อนย่อมผิดกฎหมาย”
“สอง ถ้าคุณบอกว่าฉันคบชู้กับตัวเอง แล้วมีหลักฐานไหมล่ะคะ?”
ใบหน้าจิ้มลิ้มของฉือฮวนพลันเย็นชา “ถ้าไม่มี ฉันจะฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาทและทำลายชื่อเสียง!”
เฉิงจื่อเฉียนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
เธอใช่ฉือฮวนคนเดิมที่เชื่อฟังเขามาตลอดอย่างนั้นเหรอ?
“ฉือฮวน เธอกลัวว่าแต่งงานกับฉันแล้วจะลำบากใช่ไหม? ฉันสาบานเลยนะ ว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับเธอ ทำให้เธอมีชีวิตที่สุขสบายที่สุด”
น้ำเสียงของเฉิงจื่อเฉียนอ่อนหวานจนคนฟังแทบคล้อยตาม
ทว่าน่าเสียดายที่เธอไม่ใช่ฉือฮวนคนเดิม ฉันจะไม่มีทางโดนคำหวานพรรค์นั้นหลอกอีกแล้ว!
ฉือฮวนเอ่ยเตือน
“เฉิงจื่อเฉียน ฉันจะไม่หย่า แล้วก็จะไม่แต่งกับคุณด้วย ถ้ายังก่อกวนไม่เลิก อย่าโทษที่ฉันหยาบคายแล้วกัน!”
เมื่อเห็นว่าฉือฮวนไม่ได้ล้อเล่น แม่เฉิงก็ระเบิดทันที “นังจิ้งจอกไร้ยางอาย แกหลอกลูกชายของฉัน แล้วยังจะมาพูดแบบนี้อีก!”
“คุณป้า คุณกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง?” ใบหน้าของฉือฮวนขรึมขึ้น
แม่เฉิงไม่ใช่คนที่ใครจะกล้าแหยมได้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่อ่อนข้อ ร่างของเธอก็พุ่งเข้าไปดุจกระสุนปืน
“คุณนั่นแหละ จิ้งจอกร้าย!”
“คิดว่าจะทำอะไรได้อย่างนั้นเหรอ? ถ้าคิดว่าแตะต้องฉันได้ก็ลองดู!”
ฉือฮวนหัวเราะ คิดว่าเธอจะหัวอ่อน รังแกง่ายเหมือนเมื่อก่อนหรือยังไง?
ฉือฮวนตวัดมือตบหน้าแม่เฉิงด้วยแรงแค้น
รอยประทับฝ่ามือปรากฏบนใบหน้าของแม่เฉิง ทำให้ผู้คนที่นั่นตกตะลึง
“กรี๊ด! กล้าดียังไงมาตบฉัน!”
“จื่อเฉียน มัวรออะไรอยู่ รีบจับเธอไว้เร็ว วันนี้ฉันจะทุบยัยจิ้งจอกนี่ให้ตาย!”
เฉิงจื่อเฉียนพุ่งเข้ามาจับแขนเธอด้วยแรงอันมหาศาล “หยุดสักที!”
“ฉือฮวน เธอจะทำเกินไปแล้วนะ ฉันจะ…”
เฉิงจื่อเฉียนยกฝ่ามือขึ้นสูง
วินาทีต่อมา ร่างสูงก็ปรากฏต่อหน้าต่อตาเขา พร้อมกับร่างของจื่อเฉียนที่ล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความตกตะลึง
กลิ่นอายอันคุ้นเคยแผ่ไปทั่ว
เมื่อเห็นคนคนนี้ หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวก็กระตุกวูบ
กลัวสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น แต่เธอไม่คิดว่าสืออวี่ไป๋จะมาที่นี่!
เขามานานหรือยัง?
เขาได้ยินที่เธอโต้เถียงกับสองแม่ลูกตระกูลเฉิงหรือเปล่า?
[1] กินแตง เป็นคำสแลงจีน หมายถึง สอดรู้สอดเห็น เหมือนขี้เผือกของไทย
[2] สวมหมวกเขียว หมายถึง มีชู้
[3] โดนลมใบไม้ผลิพัด หมายถึง การโต้กลับอย่างรุนแรง
MANGA DISCUSSION