บทที่ 56 สายตาของเขาขรึมขึ้นเรื่อย ๆ
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มาอย่างไม่ทันตั้งตัว คนอื่นต่างตกใจยกเว้นฉือฮวน
สายตาของสืออวี่ไป๋นิ่งเรียบ เหลือบมองเธออย่างลึกล้ำ
สือเยี่ยนและลู่ฉิงฉิงชื่นชมเธอไม่น้อย สายตาแสดงความเทิดทูนเต็มเปี่ยม
แววตาของลู่เช่อเฟิงเปลี่ยนเป็นซาบซึ้งใจ เขามองเธอพร้อมพูดพึมพำกับตัวเอง “ที่แท้สหายฉือก็พูดถูก กรงสัตว์ดุร้ายไม่ได้ปิดจริง ๆ”
คนให้อาหารจับมือฉือฮวนไม่ยอมปล่อย
ก็ยังเป็นสืออวี่ไป๋ที่ออกมาปัดมือคนให้อาหารออกเงียบ ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณลุง เป็นสิ่งที่ฉันควรทำอยู่แล้ว ยังไงเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของทุกคน ฉันเชื่อว่าไม่ว่าใครก็คงเอ่ยปากเตือนเหมือนกันค่ะ”
คนให้อาหารหน้าแดงอย่างละอาย เมื่อนึกถึงตอนเขาก่นด่าฉือฮวน เปรียบเทียบตัวเองกับเธอ เขามันใจแคบจริง ๆ
เหล่าผู้บริหารของสวนสัตว์ก็ตกใจกับเรื่องนี้เช่นกัน พวกเขาขอร้องอ้อนวอนให้ฉือฮวนทิ้งที่อยู่ไว้เพื่อจะได้ไปขอบคุณถึงบ้าน
ฉือฮวนรีบปฏิเสธ
แต่สือเยี่ยนกลับเปิดเผยที่อยู่เสียเอง เขาพูดกับฉือฮวนด้วยใบหน้าภาคภูมิ “แม่ครับ ทำความดีก็ต้องยืนรับคำชมอย่างกล้าหาญสิครับ”
ฉือฮวนขบขันหนูน้อยจนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ลู่เช่อเฟิงก็ได้ยินที่อยู่เหมือนกัน เขาจดจำไว้เงียบ ๆ แล้วพูดว่า “ว่าแล้วผมก็ควรขอบคุณดี ๆ เหมือนกัน ถ้าคุณไม่ห้ามพวกเรา พวกเราที่ไปถึงกรงเสือคนแรกคงเกิดอันตรายแล้ว”
พูดจบเขาก็ลูบหัวลู่ฉิงฉิง สองคนพ่อลูกโค้งให้ฉือฮวนอย่างจริงใจ “ขอบคุณสหายฉือที่ช่วยชีวิตพวกเรา!”
ความจริงใจนี้ทำให้ฉือฮวนเลิ่กลั่ก ใบหน้าแดงเรื่อด้วยความเขินอาย
“ไม่ต้องใส่ใจหรอกค่ะ”
ลู่เช่อเฟิงว่า “วันนี้พวกเราจะกลับเมืองหลวงแล้ว ถ้าหลังจากนี้มีโอกาส ผมจะไปขอบคุณถึงบ้านแน่นอนครับ”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ”
ฉือฮวนบอกปัดเพราะไม่อยากให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นตรงหน้าตัวเองเท่านั้น
ลู่เช่อเฟิงยังคงดื้อรั้น “เป็นสิครับ”
พวกผู้ใหญ่ถามไถ่กันเล็กน้อย ส่วนสือเยี่ยนกับลู่ฉิงฉิงเล่นเข้าขากันจนได้ไปเที่ยวด้วยกัน แน่นอนว่าพวกเขาไม่ไปกรงสัตว์ดุร้ายแล้ว เด็กน้อยทั้งสองไปดูนกกระจอกเทศ เดินชมกรงนกยูง เที่ยวจนแทบลืมกลับบ้าน
เมื่อถึงเวลาจากลา ทั้งสองก็ทำใจไม่ได้ ลู่ฉิงฉิงถึงกับร้องไห้น้ำตาพราก
“สือเยี่ยน รอก่อนนะ ฉันจะจดจำนายไว้ จะให้พ่อพามาหานายวันหลังแน่นอน”
ทั้งที่หนูน้อยคนนี้ไม่อยากแยกแท้ ๆ แต่กลับพูดอย่างเข้มแข็ง
หนูน้อยร้องไห้จนตาแดง เมื่อเห็นสือเยี่ยนไร้ความเคลื่อนไหว ก็เบะปากอย่างน้อยใจ “ทำไมนายไม่พูดอะไรเลยล่ะ ไม่ชอบฉันเหรอ?”
สือเยี่ยนที่หน้าตายเหมือนพ่อใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเค้นเสียงแหบแห้งออกมา
“งั้นฉันจะรอเธอนะ”
ลู่ฉิงฉิงงอนและเสียใจ เธอกระทืบเท้าแล้วเบี่ยงตัวไม่มองสือเยี่ยน ดวงตาของเธอแดงก่ำ
ลู่เช่อเฟิงจับมือเล็กของลู่ฉิงฉิง อธิบายอย่างขอโทษขอโพย “สาวน้อยคนนี้ขี้โมโหมาก อยู่บ้านก็เข้ากับเพื่อนไม่ได้ แต่ค่อนข้างถูกคอกับลูกชายพวกคุณน่ะครับ”
“ได้เวลาแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ คราวหน้าอาจะพาฉิงฉิงไปเล่นที่บ้านหนูนะ”
ลู่เช่อเฟิงกำลังจะลูบหน้าสือเยี่ยน
สือเยี่ยนเบี่ยงหลบมือเขาแล้วกอดขายาวของสืออวี่ไป๋
ลู่ฉิงฉิงถูกลู่เช่อเฟิงอุ้มขึ้นมา ก่อนกลับก็โบกมือให้สือเยี่ยนไม่หยุด
“สือเยี่ยน ลาก่อนนะ!”
“ฉันจะไปหานายให้ได้เลย!”
จนกระทั่งเงาร่างของลู่เช่อเฟิงและลู่ฉิงฉิงลับตา ฉือฮวนถึงเก็บสายตากลับมา
พอหันหน้ามาก็พบว่าปัญหายังไม่จบ กรามของสืออวี่ไป๋ตึงเป็นสัน เขาอุ้มสือเยี่ยนแล้วหมุนตัวเดินกลับ
ฉือฮวนสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่น
เธอเพิ่งนึกได้ว่าเธอมัวแต่สนใจเด็กทั้งสองที่เที่ยวเล่นในสวนสัตว์ ยังไม่ทันโอ๋ไหน้ำส้มใบใหญ่นี้เลย
“สืออวี่ไป๋ รอก่อนสิคะ!”
สือเยี่ยนดูปกติ เขาซุกที่คอสืออวี่ไป๋ ไม่ขยับเขยื้อนอยู่นาน
“เมื่อกี้ยังใจแข็งอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ใครเช็ดน้ำตาบนกางเกงพ่อกันนะ?”
สืออวี่ไป๋ล้อลูกชายนิ่ง ๆ
เสียงของสือเยี่ยนแผ่วเบาและหม่นหมองทว่ามุ่งมั่นอย่างไม่ยอมใคร “พ่อครับ ถ้าในอนาคตไปเมืองหลวง ผมจะไปเล่นกับลู่ฉิงฉิงครับ!”
“รอกลับไปได้ก่อนค่อยว่ากัน”
สืออวี่ไป๋พูดเสียงเย็น
สือเยี่ยนพลันกำหมัดแน่น!
ฉือฮวนก้าวเท้าตามสองพ่อลูกที่เดินเร็วบ้างช้าบ้างไป ฉือฮวนจึงรับรู้ถึงความต่างของส่วนสูงระหว่างเธอและสืออวี่ไป๋อีกครั้ง
ในเวลาต่อมาที่สืออวี่ไป๋ติดอันดับมหาเศรษฐี ฉือฮวนถึงได้รู้ว่าเขาสูงถึง 190 เซนติเมตร
ฉือฮวนสูง 160 เซนติเมตรว่าสูงแล้ว แต่พอยืนข้างสืออวี่ไป๋ก็เหมือนเป็นสาวน้อยตัวเล็กน่ารักขึ้นมาทันที
เขาสูงยาวเข่าดี ก้าวขาก็กว้าง แถมเขายังขับเคลื่อนด้วยแรงโทสะอีก ไม่นานก็ทิ้งห่างเธอไปไกล
เธอวิ่งเหยาะ ๆ ไปสองก้าวถึงจะคว้าแขนสืออวี่ไป๋ได้ฉิวเฉียด
“คุณโกรธเหรอคะ?”
ฉือฮวนทนสายตาไร้เดียงสาของสือเยี่ยน มีแค่สวรรค์ที่รู้ว่าเธออายแค่ไหนที่ต้องพูดง้อแบบนี้
เธอเม้มปาก ใบหูแดงระเรื่อ
ตอนนี้เองที่มือใหญ่ปิดตาสือเยี่ยนพอดี
“ผู้ใหญ่คุยกัน เด็กห้ามแอบฟัง!”
สืออวี่ไป๋พูดกับสือเยี่ยน
สือเยี่ยนเบ้ปากอย่างดูหมิ่นภายใต้มือของพ่อ พ่อทำเหมือนเขาเป็นเด็กน้อยไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกแล้ว
เขารู้ทุกอย่างนั่นแหละ!
ทว่าเสียงพูดของเด็กน้อยทั้งนุ่มนิ่มและน่าเอ็นดู “พ่อครับ อย่าโกรธแม่เลยนะ!”
“แม่ไม่ได้ทำผิดสักหน่อย!”
เมื่อครู่ถูกพ่อพูดแทงใจดำ ตอนนี้เขาก็ขอเป็นคนร้ายเอาคืนพ่อบ้าง
ฉือฮวนเหลือบมองลูกชายอย่างขอบคุณ
อื้ม! ยังไงลูกชายแท้ ๆ ก็ดีที่สุด!
สือเยี่ยนมองท่าทางน่ารักของแม่ผ่านซอกนิ้วของสืออวี่ไป๋ เขาเกือบหัวเราะพรืด
เด็กน้อยกลั้นขำไว้แล้วพูดอย่างจริงจัง “แม่ทำความดีนะครับ!”
“ผมรู้สึกภูมิใจมากที่มีแม่เก่งกาจแบบนี้!”
“ในฐานะที่เป็นสามีของแม่ พ่อก็ต้องสนับสนุนแม่ไม่เปลี่ยนแปลง…ซี้ด!”
สือเยี่ยนร้องโอยออกมา!
ดวงตาเขาเบิกกว้างราวองุ่นดำ
พ่อนิสัยไม่ดี แอบหยิกขาเขา!
ลูกไม้แบบนี้ก็เอามาใช้ด้วย!
มาดูกันว่าหลังจากนี้เขาจะเป็นก้างขวางคอยังไงบ้าง!
“เจ็บ ๆ ๆ”
สือเยี่ยนร้องออกมา พร้อมดึงมือสืออวี่ไป๋ออกแล้วมองฉือฮวนด้วยใบหน้าน่าสงสาร เขากุมขาแล้วร้องไห้ฮือ
ฉือฮวนพลันร้อนใจ
“เป็นอะไรน่ะเยี่ยนเยี่ยน? หนูเจ็บตรงไหน?”
ฉือฮวนรีบก้าวขึ้นมาตรวจดูร่างกายเด็กน้อย
“แม่ครับ ผมเจ็บขา!”
สือเยี่ยนฉวยโอกาสตอนที่ฉือฮวนก้มหน้าดูและมองไม่เห็นเขา แลบลิ้นปลิ้นตาใส่สืออวี่ไป๋อย่างยั่วยุ
เมื่อเธอมองมายังเขา สือเยี่ยนก็เหมือนเปลี่ยนหน้าก็มิปาน เขาเม้มปาก น้ำตาใสไหลลงมา
เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความข่มขู่ของสืออวี่ไป๋ สุดท้ายสือเยี่ยนก็ผ่อนตาม
“ผม ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ…” เด็กน้อยสะอึกสะอื้น ออดอ้อนด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา
“แม่เป่าให้หน่อยได้ไหมครับ?”
ฉือฮวนจะปฏิเสธได้ยังไง? เธอเป่าตรงที่เด็กน้อยชี้อย่างปวดใจ
ดั่งกลิ่นหอมกล้วยไม้ล่องลอยมา ลมหายใจของสืออวี่ไป๋เต็มไปด้วยกลิ่นของฉือฮวน เธอมองใบหน้าของเด็กน้อยด้วยความกระวนกระวาย งดงามราวกับภาพแต่ง
ดวงตาของสืออวี่ไป๋ครึ้มขึ้นเรื่อย ๆ ม่านตาพลันเปลี่ยนเป็นสีเข้ม
MANGA DISCUSSION