บทที่ 15 สืออวี่ไป๋ คุณเชื่อฉันไหม?
เธอวางเงินไว้บนโต๊ะแล้วจับมือสือเยี่ยน
แววตาของสือเยี่ยนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ดวงตาจับจ้องไปที่เต้าฮวย
“แม่ ผมยังกินไม่หมดเลย”
ฉือฮวนรีบพูดกับเถ้าแก่ “เถ้าแก่ พวกเราไม่กินที่นี่แล้ว รบกวนคุณห่อให้หน่อย ฉันจะเอากลับบ้าน”
เถ้าแก่ถึงแม้จะแปลกใจ แต่พอมองท่าทางของฉือฮวนก็เข้าใจว่ามีเรื่องด่วน จึงตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
“เยี่ยนเยี่ยน จู่ ๆ ก็มีเรื่องด่วน พ่ออาจตกอยู่ในอันตราย ไว้แม่ค่อยพามากินเต้าฮวยใหม่ ได้ไหม?”
พอได้ยินว่าพ่อตกอยู่ในอันตราย สือเยี่ยนก็เช็ดปากเล็กของตน ดวงตากลมโตสดใสปกคลุมด้วยแววขุ่นมัว
“งั้นไม่กินแล้ว แม่ พวกเราไปหาพ่อกันเถอะ”
ฉือฮวนวิ่งไปตามทางอย่างรวดเร็ว เธอหายใจหอบ หน้าอกเจ็บราวกับจะระเบิด แต่เธอไม่สนใจตัวเอง คิดแค่จะชดเชยความผิดพลาดเท่านั้น
สือเยี่ยนวิ่งจนหน้าม้าปลิวว่อน ปากเล็ก ๆ สีดอกกุหลาบเผยอเล็กน้อย เขาหายใจหอบแรง
ออกแรงวิ่งไม่นาน ใบหน้าเล็ก ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดง หน้าผากและจมูกเต็มไปด้วยเหงื่อ
ถึงอย่างนั้นเด็กชายก็ไม่บ่นว่าเหนื่อยสักคำ
เมื่อแม่และลูกชายรีบกลับมา ก็มีคนกลุ่มหนึ่งมาล้อมแผงขายของของสืออวี่ไป๋
ในที่สุดเธอก็เบียดตัวเข้ามาแล้วกล่าวกับสืออวี่ไป๋ว่า “ไม่ต้องขายเสื้อผ้าแล้ว สืออวี่ไป๋ พวกเราปิดร้านกันเถอะ!”
สืออวี่ไป๋ตกตะลึง
กลุ่มคนมุงก็ตะลึง
ฉือฮวนไม่มีแรงอธิบาย วางสือเยี่ยนในอ้อมแขนเขา จากนั้นหันไปคว้าเสื้อผ้าบนไม้แขวนยัดลงในถุงหนังงู
หวังชุ่ยผิง หนึ่งในบรรดารุ่นพี่รุ่นน้องของเฉินเหยาเห็นเช่นนี้ก็คว้าแขนเธอไว้
“เธอคือภรรยาของเขาสินะ?”
ฉือฮวนถองศอกใส่คนที่เข้ามา ไม่ทันจะถามว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เธอจดจ่ออยู่แค่จะพาสืออวี่ไป๋ออกจากตลาดกลางคืนอย่างปลอดภัย
“เธอเป็นใคร? มีเรื่องอะไรค่อยคุยทีหลัง อยากซื้อเสื้อผ้าเอาไว้เวลาอื่น”
“วันนี้ที่บ้านเกิดเรื่อง ต้องรีบเก็บแผงแล้ว”
เธอพูดไปก็ยัดเสื้อผ้าและไม้แขวนลงถุงหนังงูไปอย่างเป็นระบบระเบียบ
เธอยังรวบไม้แขวนเสื้อ รื้อท่อเหล็ก จากนั้นนำไปวางบนรถสามล้อของอาเฉิน
หวังชุ่ยผิงเกือบล้มตอนโดนศอกใส่ พลันอดไม่ได้ที่จะโมโหในใจ
เมื่อครู่มีผู้หญิงคนหนึ่งให้เงินเธอมาสิบหยวน ขอแค่กันไม่ให้ฉือฮวนกับสืออวี่ไป๋ออกจากตลาดกลางคืนได้ พอจบเรื่องแล้วจะให้เพิ่มอีกสิบหยวน
หวังชุ่ยผิงตามเกาะเฉินเหยามาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ พยายามส่งเสียงสนับสนุนเต็มที่ คิดไปว่าแผนจะประสบความสำเร็จ
นึกไม่ถึงเลยว่ามาได้ครึ่งทาง ฉือฮวนจะโผล่มา
ฉือฮวนยังคงยุ่งอยู่กับการจัดข้าวของ จ้องแต่จะออกจากตลาดกลางคืนด้วยความร้อนใจ หวังชุ่ยผิงจึงก้าวไปหมายจับตัวฉือฮวน และแรงผลักของฉือฮวนทำให้เธอมีเหตุผลที่จะตอบโต้
“เดี๋ยว ก่อนไปเธอต้องพูดกับฉัน”
“พูดเรื่องอะไร?”
กว่าจะเก็บทุกอย่างเรียบร้อยได้ ในที่สุดฉือฮวนก็หันไปหาสืออวี่ไป๋แล้วบอกว่า “คุณพาสือเยี่ยนกับของขายไปก่อน ค่อยมาแก้ปัญหาเรื่องนี้”
สืออวี่ไป๋ขมวดคิ้วแน่น
“ทำไมจู่ ๆ ถึงต้องเก็บแผง?”
แววตากังวลของเขาจ้องไปที่ใบหน้าร้อนรนของฉือฮวน
“มีบางอย่างที่เร่งด่วนและอันตรายมากกำลังจะเกิดขึ้น”
ฉือฮวนมองสืออวี่ไป๋ด้วยแววตาลึกซึ้ง ก่อนถามเขาอย่างจริงจัง “สืออวี่ไป๋ คุณเชื่อฉันไหม?”
คำถามนี้ราวกับจะสัมผัสลึกถึงจิตใจสืออวี่ไป๋ คิ้วเขาขมวดลึกขึ้น ริมฝีปากเม้มปิด
เขาเงียบไปไม่กี่วินาที แต่ราวกับนานเกินศตวรรษสำหรับฉือฮวน
“…เชื่อ”
ขณะที่ฉือฮวนกำลังว้าวุ่นใจ คิดว่าเขาจะไม่ตอบเธอแล้ว จู่ ๆ สืออวี่ไป๋ก็เปิดปากพูด
ฉือฮวนตื้นตันใจมาก เธอเขย่งปลายเท้าโน้มไปใกล้หูเขาทันที “ในเมื่อคุณเชื่อฉัน งั้นก็ซ่อนของไว้ก่อน เทศกิจจะมาตรวจสอบกะทันหัน หากคุณถูกจับได้ คุณจะต้องไปเข้าคุกแน่”
เธอก้าวถอยหลังเล็กน้อยแล้วจ้องมองเขาด้วยดวงตารื้นน้ำ “สืออวี่ไป๋ คุณจะมีเรื่องไม่ได้ คุณคือกำลังหลักของครอบครัวเรา คุณต้องไม่เป็นไร”
เสียงของเธอต่ำ “คุณเชื่อฉันไหม?”
ขณะรอเขาตอบ เธอก็ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นระรัวราวกับเสียงกลองอย่างชัดเจน
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
“คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
“นั่นไม่สำคัญหรอก”
ขณะที่ฉือฮวนพูดอยู่ เธอก็มองไปรอบ ๆ แม้ไม่เห็นเฉิงจื่อเฉียน แต่ก็รู้สึกราวกับเขากำลังซุ่มหลบอยู่ในมุมลับตา และจะโจมตีพวกเธอถึงตายเมื่อไรก็ได้
เธอมองไปทางอื่น แต่ก็ไม่อาจซ่อนความตระหนกในแววตาได้ “ถ้าเชื่อฉันก็ทำตามที่ฉันบอก เร็วเข้า อย่ามัวชักช้า ถ้าคุณถูกจับได้พวกเราก็จบเห่”
“ได้ ผมจะฟังคุณ”
สืออวี่ไป๋อุ้มสือเยี่ยนแล้วหันไปหาอาเฉิน
ชายหนุ่มพูดกับอาเฉินง่าย ๆ เพียงสองประโยคก็พาสือเยี่ยนไปที่รถจักรยานแล้วขี่ออกไป
แล้วกัน…
หวังชุ่ยผิงปล่อยให้พวกเขาจากไปอย่างง่ายดาย
ปล่อยพวกเขาไป ก็เหมือนเห็นเงินยี่สิบหยวนลอยหายวับไปกับตา
ยี่สิบหยวน นั่นเทียบเท่ากับเงินเดือนทั้งเดือนเลยนะ
ตอนนี้เธอต้องจับทั้งสองคนให้ได้เท่านั้น ดังนั้นเธอจึงต้องทุ่มสุดแรงที่มี
เธอรีบวิ่งไปดักหน้าและจับแฮนด์จักรยานไว้แน่น
“คุณทำให้เฉินเหยาของเราร้องไห้แล้วคิดจะจากไปอย่างนี้เหรอ? ฝันไปเถอะ! ถ้าวันนี้คุณไม่อธิบายให้เราฟัง อย่าได้คิดจะออกไปจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว!”
ฉือฮวนเห็นขนาดนี้แล้ว จะไม่รู้ได้อย่างไร?
แม้จะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องทะเลาะอะไรกันระหว่างสืออวี่ไป๋กับคนพวกนี้ก่อนที่เธอจะกลับมา แต่ด้วยนิสัยตามปกติของสืออวี่ไป๋ เขาย่อมรังเกียจจะเข้าไปพัวพันกับคนแบบนี้แน่
อีกทั้งคนตรงหน้าน่าจะได้รับเงินจากเฉิงจื่อเฉียน และถูกใช้เป็นตัวหมากเพื่อรั้งพวกเธอไว้
“เลิกแล้วต่อกันเถอะ”
สืออวี่ไป๋หรี่ตาลง แผ่ไอเย็นยะเยือกจากก้นบึ้ง
“ฉันไม่ยอม คุณต้องขอโทษและชดเชยค่าทำขวัญสำหรับผลกระทบทางจิตใจให้เธอ ไม่งั้นคุณก็อย่าคิดจะได้ไปไหนทั้งนั้น!”
“คุณนำไปก่อน”
ฉือฮวนพูดจบก็ดึงแขนของหวังชุ่ยผิงออกจากแฮนด์จักรยาน
คิ้วของเธอเลิกขึ้น แต่ยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ก่อนบอกหวังชุ่ยผิงว่า “ที่ฉันต้องพูดก็แค่คำขอโทษใช่ไหม?”
“พวกเขาบอกว่าสามีและภรรยาก็เหมือนคนคนเดียวกัน ดังนั้นฉันต้องขอโทษคุณแทนเขาด้วยแล้วกัน”
หวังชุ่ยผิงรู้สึกสับสนไม่น้อยเมื่อมือถูกจับไว้ แม้สายตาคล้ายจะมองไปที่ฉือฮวน แต่ดวงตาของเธอก็ดูจะจับจ้องไปที่ร่างของสืออวี่ไป๋ ด้วยกลัวว่าเขาจะคลาดสายตาไปกะทันหัน
“ไม่ได้ ใครทำผิดคนนั้นก็ต้องขอโทษ เรื่องนี้คุณไม่เข้าใจเหรอ?”
หวังชุ่ยผิงไม่รู้จะทำอย่างไร จึงเริ่มฟูมฟายและข่มขู่ “แม่คุณสอนมายังไง หากกล้าหาเรื่องอีก อย่าหาว่าฉันหยาบคายกับคุณแล้วกัน”
ฉือฮวนส่งสายตาให้สืออวี่ไป๋
สืออวี่ไป๋เข้าใจทะลุปรุโปร่ง ครู่เดียวเขาก็สบโอกาสและทิ้งจักรยานไว้
เมื่อเห็นสืออวี่ไป๋และลูกชายกลืนหายไปในฝูงชน ก็ราวกับภูเขาในอกของฉือฮวนถูกยกออกไปในที่สุด
เธอส่งยิ้มให้หวังชุ่ยผิง
“หยาบคายเหรอ? ฉันแค่อยากถามหน่อย ทำไมเธอถึงหยาบคายกับฉันนักล่ะ?”
“จู่ ๆ คุณก็เข้ามาเรียกร้องคำขอโทษจากครอบครัวของฉันอย่างคุกคาม ครอบครัวของฉันมีเรื่องด่วน เขาเลยต้องออกไปก่อน ทำไมคุณไม่ยอมรับคำขอโทษฉันแทนล่ะ?”
“ต้องดึงปากครอบครัวฉันมาขอโทษคุณอย่างนั้นเหรอ? คนที่รู้เรื่องคงเข้าใจว่าคุณเป็นคนไร้เหตุผล แต่คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าคุณกำลังพยายามเข้ามาพัวพันกับครอบครัวฉันและทำตัวเหมือนนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์”
“สาวน้อย คุณบอกฉันมาดีกว่าว่าเขาทำอะไรให้ คุณถึงได้หาเรื่องเขาไม่เลิกราแบบนี้”
MANGA DISCUSSION