บทที่ 131 ฉัน
เมื่อเขาอธิบายแบบนั้น อาการคลื่นไส้ราวกับว่ากลืนแมลงวันนับไม่ถ้วนของฉือฮวนก็ค่อย ๆ ทุเลา
เมื่อเงยหน้ามองใบหน้าเรียวของเขา คำพูดของฉือฮวนก็ออกมาจากใจ “อวี่ไป๋ ฉันโชคดีมากที่ได้รู้จักคุณ”
ริมฝีปากสืออวี่ไป๋เหยียดโค้งเป็นรอยยิ้ม
หลังจากไปพบกับจ้าวไคว่ที่อำเภอหนิงเซียง ทั้งสามก็มาถึงสถานที่จัดนิทรรศการเมืองและชนบทอย่างราบรื่น พวกเขายืมสถานที่ในเมืองทำเป็นพื้นที่จัดแสดงตัวอย่างสินค้าก่อนที่นิทรรศการจะเริ่ม
ที่พวกเขาไปเยี่ยมชมในครั้งนี้ก็คือพื้นที่จัดแสดงตัวอย่างสินค้า
เนื่องจากที่นี่เป็นพื้นที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์ ผู้คนที่มาเที่ยวนั้นหากจะอธิบายด้วยคำพูดคนธรรมดาอย่างเหมาะสมที่สุดก็คือเป็นคนรวยหรือไม่ก็มีตำแหน่งสูง จากนั้นไม่นานฉือฮวนก็เห็นคนหลายกลุ่มในชุดสูทและรองเท้าหนังเดินเข้ามา
หน้างานนิทรรศการมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนคุมอยู่
บรรยากาศตึงเครียดนี้ทำให้หัวใจของฉือฮวนรู้สึกอึดอัด มือที่จับสืออวี่ไป๋ไว้มีเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นมา
“ไม่ต้องตื่นเต้น”
เสียงเรียบนิ่งของสืออวี่ไป๋ปลอบเธอเบา ๆ
ฉือฮวนเผยอปากและพยายามทำหน้าผ่อนคลาย อดไม่ได้ที่จะถามเขาว่า “อวี่ไป๋ คุณอย่าหัวเราะเยาะฉันสิ ฉันแค่ไม่เคยมีโอกาสสำคัญอย่างนี้มาก่อน”
“อย่ากลัวเลย คุณจะได้เจอโอกาสแบบนี้อีกมากในอนาคต”
ฉือฮวน “…”
คุณนี่แปลกคนจริง ๆ ปลอบใจคนเก่งขนาดนี้เลยเรอะ
จ้าวไคว่รีบก้าวมาหาพวกเขา พอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นเขาก็รีบโค้งคำนับ “อธิบดีจ้าว”
จ้าวไคว่โบกมือแล้วพูดว่า “ผมจะพาสองคนนี้ไปเยี่ยมชมนิทรรศการ พวกคุณรู้จักกันไว้สิ นี่คือเถ้าเนี้ยฉือ ส่วนนี่คือเถ้าแก่สือ”
ฉือฮวนรีบจูงสืออวี่ไป๋ไปข้างหน้าและก้มศีรษะให้กลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
“สวัสดีค่ะทุกท่าน”
“เถ้าแก่เนี้ยฉือ ยินดีต้อนรับครับ”
จ้าวไคว่ยิ้มและพูดว่า “ต่อไปพวกคุณต้องมาสังเกตการณ์จัดงานนิทรรศการที่นี่ ทำความคุ้นเคยกันไว้นะ จะได้ไม่ถูกจับออกไปนอกงาน”
ฉือฮวนตระหนักดีถึงความจริง ที่ว่าราชาแห่งนรกนั้นก้าวร้าวและปีศาจล้วนรับมือได้ยาก เมื่อต้องรับมือกับมืออาชีพเช่นคนเฝ้าประตูและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก็ควรระวังคำพูดและการกระทำของตัวเอง
เธอรีบหยิบกล่องบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้สืออวี่ไป๋
สืออวี่ไป๋หยิบบุหรี่ด้วยนิ้วเรียวยาวแล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกคน
“ขอบคุณสำหรับการทำงานหนัก สูบบุหรี่เพื่อคลายความเหนื่อยล้ากันเถอะ”
ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เหลือบมองจ้าวไคว่อย่างเป็นกังวล
จ้าวไคว่โบกมืออย่างรวดเร็ว “รับไปเถอะ”
“เถ้าแก่เนี้ยฉือกับเถ้าแก่สือไม่ใช่ข้าราชการ การให้บุหรี่พวกคุณก็เพื่อแสดงความเป็นมิตร”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็รับของไป
เมื่อเข้าไปในห้องนิทรรศการ จ้าวไคว่มีสิ่งอื่นที่ต้องรับผิดชอบ จึงพาพวกเขาไปที่บูทห่างไกลทางมุมตะวันตกเฉียงใต้แล้วพูดว่า “นี่เป็นบูทที่ดีที่สุดที่ผมหาได้ พวกคุณลองชมงานและพิจารณาดูว่าจะจัดเตรียมบูทยังไงไปพลาง ๆ ก่อนนะครับ”
“ถ้ายังมีเวลาก็ไปเที่ยวที่อื่นได้นะ ผมมีอย่างอื่นต้องทำ เลยอยู่กับคุณไม่ได้”
สืออวี่ไป๋กล่าวว่า “ได้ครับ คุณไปทำงานเถอะ”
จ้าวไคว่พยักหน้าและจากไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนเรียกเขาว่า “หัวหน้าจ้าว หัวหน้าจ้าว! ท่านว่าบูทด้านนี้จัดโอเคหรือยังครับ?”
เห็นได้ชัดว่าจ้าวไคว่ยุ่งมาก
ฉือฮวนเฝ้ามองจ้าวไคว่จากไป สายตาเธอจ้องไปที่บูท ด้านซ้ายมือพวกเขาเป็นบูทสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์การเกษตร ด้านขวาเป็นบูทสำหรับเมล็ดพันธุ์พืชดัดแปลงพันธุกรรม มีมุมแคบเล็ก ๆ อยู่ตรงกลางของทั้งสองบูท บูทของพวกเขาก็อยู่ที่นี่ ในมุมแคบ ๆ ประมาณสิบตารางเมตร เสื้อผ้าที่จัดแสดงได้มีไม่มากนัก โชคดีที่มีกำแพงกั้นทั้งสองฝั่ง พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องกั้นกำแพงขึ้นเอง
ก่อนจะมาฉือฮวนรู้สึกกระตือรือร้น แต่เมื่อเธอเห็นบูทกลับผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก
“นี่เป็นเพียงห้องนิทรรศการชั่วคราว สถานที่หลักของเราอยู่ในหมู่บ้าน ตอนนี้เรามาดูว่าจัดเตรียมบูทยังไงกันดีกว่า”
สืออวี่ไป๋อ่านแววตาเธอออกจึงแนะนำ
ฉือฮวนยิ้มแก้มปริ และความหดหู่ใจของเธอก็หายไปในทันที เธอดึงตัวสืออวี่ไป๋มาและคุยอย่างกระตือรือร้นว่าจะติดตั้งชั้นวางที่ไหน และจะวางหุ่นนางแบบตรงไหน จากนั้นก็คิดว่าต้องแจกใบปลิวที่ทางเข้านิทรรศการในช่วงเริ่มต้นงานเพื่อดึงดูดผู้เข้าชมให้มากขึ้นหรือไม่
พูดไปพูดมา ในใจฉือฮวนก็มีโครงร่างคร่าว ๆ เรียบร้อยแล้ว
“อวี่ไป๋ นิทรรศการนี้จะจัดขึ้นในเมืองแค่สองสามวันใช่ไหม?”
จู่ ๆ ฉือฮวนก็ถามขึ้นมา
เมื่อพูดถึงใบปลิว เธอก็เกิดความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่งทันที
“ใช่ครับ ว่าแต่ถามทำไมเหรอ?”
“เราไม่อาจเสียเวลาสองสามวันนี้ไปเปล่า ๆ คุณคิดว่าใครจะมาชมนิทรรศการในเมืองและชนบทนี้บ้าง?”
สืออวี่ไป๋คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบอย่างรวดเร็วว่า “ประชาชนทั่วไปคงไม่มาชมนิทรรศการนี้ คนที่รู้เรื่องงานนี้ส่วนใหญ่เป็นญาติและเพื่อนของข้าราชการ”
“นั่นแหละ”
รอยยิ้มของฉือฮวนในตอนนี้ราวกับดอกไม้ผลิบาน ดวงตาเป็นประกาย “คุณว่าในช่วงสองสามวันของงานนิทรรศการในเมือง เราขายเสื้อผ้าตามกระแสนิยมได้ไหม”
สืออวี่ไป๋ขมวดคิ้ว เขากำลังจะพูด ในขณะที่เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังขึ้นในหู
ฉือฮวนและสืออวี่ไป๋มองตามต้นเสียงเกือบจะพร้อมกัน
คนที่สบตาพวกเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจ้าวส่วง ซึ่งเขาไม่ได้พบเห็นมาเป็นเวลานาน
จ้าวส่วงแต่งตัวตามแฟชั่น ผมดัดเป็นลอนเกลียว แต่งหน้าอย่างประณีต และทาลิปสติกสีสดใสบนริมฝีปากบาง เธอถือกระเป๋าหนังแกะสีดำอยู่ในมือ มองมาทางพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“พี่ว่าเป็นความคิดที่ดี”
“พี่จ้าว!”
ดวงตาของฉือฮวนเป็นประกาย รีบปรี่เข้าไปกอดจ้าวส่วงแน่น
จ้าวส่วงลูบหลังเธอแล้วพูดว่า “ปล่อยมือได้แล้ว แน่นจนพี่จะหายใจไม่ออกแล้ว”
ฉือฮวนรีบปล่อยมือ จากนั้นจ้าวส่วงก็ฉวยโอกาสหยิกแก้มกลมสวย “สาวน้อย คิดไม่ถึงว่าเธอจะกระตือรือร้นขนาดนี้ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงพี่ไหมเอ่ย?”
“คิดถึงสิคะ จะไม่คิดถึงได้ยังไง”
“ฉันนึกว่าพี่งานยุ่ง คงไม่มีเวลาแวะมา”
ฉือฮวนรีบดึงจ้าวส่วงออกไปด้านข้าง
จ้าวส่วงกลอกตา “ถ้าเป็นไปได้พี่ก็ไม่อยากมาหรอก พี่รีบมาจากร้านเสริมสวยเลยนะ นายจ้าวไคว่นั่นยืนกรานที่จะลากพี่มาที่นี่ พี่เลยทำอะไรไม่ได้”
อย่างนี้นี่เอง
ฉือฮวนถามอย่างรวดเร็วว่า “งั้นพี่จ้าวคิดยังไงเกี่ยวกับข้อเสนอของฉันเมื่อกี้คะ”
“พี่คิดว่าไม่เลว”
“ที่สืออวี่ไป๋พูดก็ถูก ผู้ที่มาชมนิทรรศการได้ล้วนแต่เป็นญาติสนิทมิตรสหายของกลุ่มข้าราชการ ดังนั้นของที่นำมาจัดแสดงจึงต้องเป็นแฟชั่นระดับไฮเอนด์ เธออาจจะไม่มีเวลาเตรียมแล้ว สินค้าล็อตที่พี่เพิ่งสั่งมาขายล้วนเป็นของดี และสามารถเอามาวางประกอบชั่วคราวได้”
ฉือฮวนโบกมืออย่างรวดเร็ว “ไม่ได้ ๆ พี่จ้าว นั่นเป็นสินค้าของพี่ จะเอามาปนกันได้ยังไงคะ”
แต่จ้าวส่วงกลับกล่าวว่า “เธอจะกลัวอะไร หลังจากหักต้นทุนของพี่แล้ว พี่ก็เอาส่วนแบ่งสองในสาม และพวกเธอก็แบ่งกันคนละหนึ่งในสาม”
แต่ฉือฮวนยังคงรู้สึกเหมือนกำลังเอาเปรียบจ้าวส่วง
“เธอไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น ถ้าพี่ขายเองก็ไม่รู้ว่าจะขายหมดเมื่อไร และบอกตามตรง ถึงสมาชิกครอบครัวพี่ทั้งหมดจะทำงานเป็นข้าราชการ แต่พี่ก็ไม่กล้าใช้เส้นสายพรรค์นั้นหรอกนะ”
“พี่สามารถขยายขนาดธุรกิจของพี่ได้โดยอาศัยปริมาณการเข้าชมนิทรรศการ”
“ฮวนฮวน พี่ไม่ได้โง่ในเรื่องธุรกิจหรอกนะ” จ้าวส่วงจับมือเธอแล้วพูดอย่างเข้มแข็ง “เรื่องนี้ตกลงกันตามนี้นะ ห้ามปฏิเสธพี่เด็ดขาด”
MANGA DISCUSSION