บทที่ 128 แล้ว
การนอนหลับของฉือฮวนส่งผลให้พวกเขาไปขึ้นรถไฟสาย พอพวกเขารีบขึ้นรถไฟขบวนถัดไปและนั่งลงที่ตู้นอน เหงื่อบาง ๆ ก็ผุดขึ้นบนหน้าผากของสืออวี่ไป๋แล้ว
ตอนแรกฉือฮวนตั้งใจจะบ่นเขา แต่เมื่อเห็นสีหน้าเขินอายของสืออวี่ไป๋เป็นครั้งแรก เธอก็อดยิ้มไม่ได้
ในภาพจำของเธอ สืออวี่ไป๋เป็นคนมีระเบียบอยู่เสมอและไม่มีเรื่องใดที่เปลี่ยนแปลงอารมณ์เขาได้ แน่นอนว่ายกเว้นการหย่าร้างกับเธอ และนอกจากนั้นก็คือครั้งนี้
“หัวเราะอะไรครับ?”
ครั้งนี้เป็นสืออวี่ไป๋ที่โกรธเธอ
ฉือฮวนยิ้มขณะซบไหล่เขา หัวเราะจนตัวสั่นไปหมด
“อวี่ไป๋ คุณน่ารักจัง” รอจนเธอหยุดหัวเราะได้ ฉือฮวนจึงเม้มริมฝีปากแล้วพูด
เมื่อเห็นดวงตาที่เปล่งประกายสดใสของฉือฮวน แววตาของสืออวี่ไป๋ก็ลึกซึ้งขึ้น หลังจากอยู่กับชายหนุ่มมาเป็นเวลานาน ฉือฮวนก็คุ้นเคยกับความหมายในแววตาคู่นั้น
ตอนที่พวกเขามองหน้ากัน เธอเกือบจะคิดว่าสืออวี่ไป๋กำลังจะจูบเธอต่อหน้าทุกคนบนรถไฟ
ความคิดนี้ทำให้เธอตกใจ จนรีบเบือนหน้าหนีก่อนที่สถานการณ์จะควบคุมไม่ได้
แต่ความเขินอายและความหวานชื่นทำให้แก้มของเธอแดงเรื่อ แม้แต่กกหูก็เป็นสีแดงจึงยิ่งน่ารักขึ้นไปอีก
สืออวี่ไป๋จ้องมองอยู่ จากนั้นก็ใช้นิ้วเรียวยาวของเขาคลึงติ่งหูเล็ก
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงร่างกายที่เพรียวบางของฉือฮวน ดวงตาที่ยิ้มแย้มของเธอเปลี่ยนเป็นจ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจ
ท่าทางที่มีชีวิตชีวานี้ทำให้สืออวี่ไป๋ระเบิดหัวเราะเสียงแหบแห้งออกมา
พวกเขาสบตากัน และบรรยากาศก็เริ่มมาคุขึ้น
ฉือฮวนยอมรับโดยดีว่า แค่จับติ่งหูเธอก็ทำให้เธอเกิดความใคร่ขึ้นมาแล้ว
หญิงสาวพยายามเมินแรงกระตุ้นจากฝ่ามือใหญ่ ทั้งรวบรวมสติและสมาธิ นั่งตัวตรงด้วยสีหน้าขรึม
…
เนื่องจากพวกเขาพลาดรถไฟขากลับ จึงกลับมาที่กว่างโจวช้ากว่าที่วางแผนไว้หนึ่งวัน หลังลงรถไฟ พวกเขาจึงตรงไปที่โรงงานของจ้าวเจี้ยนกั๋ว
เมื่อพบกับจ้าวเจี้ยนกั๋วแล้ว เขาก็หยอกล้อทั้งสอง
“ผมเกือบคิดว่าพวกคุณจะผิดนัด ถึงกับกังวลทั้งวันว่าตัวเองจะพลาดลูกค้ารายใหญ่อย่างพวกคุณ”
เมื่อฉือฮวนนึกถึงว่าตนเองมาสายเพราะว่าเธอนอนกินบ้านกินเมือง แก้มของเธอก็แดงขึ้นเล็กน้อยภายใต้แสงแดด ผิวของเธอเปล่งประกายสะท้อนกับแสง และแป้งที่ใช้ก็เติมแต่งหน้าได้อย่างสวยงาม มองแล้วเพลินตามมาก
แขนยาวของสืออวี่ไป๋โอบฉือฮวนไว้ มองจ้าวเจี้ยนกั๋วด้วยรอยยิ้ม
“พวกเรามีเวลาว่างอยู่มาก เลยไปเที่ยวที่ยูนนานมาครับ”
จ้าวเจี้ยนกั๋วอึ้งไป
“อย่างนี้นี่เอง”
ดวงตาของเขามองกลับไปกลับมาระหว่างสืออวี่ไป๋และฉือฮวน “วัยหนุ่มสาวนี่นะ จะเที่ยวเล่นเพลินไปหน่อยก็เข้าใจได้”
ถ้าเขามีภรรยาที่น่ารักเช่นฉือฮวน เขาคงรักเธอสุดหัวใจแน่
จ้าวเจี้ยนกั๋วนึกถอนหายใจ
พอฉือฮวนได้ยิน ก็จ้องเขม็งที่สืออวี่ไป๋ทันที
ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเขา ทำไมเขาไม่ปลุกเธอล่ะ มันน่าอายจริง ๆ ที่ถูกแกล้งแบบนี้
ไม่นานจ้าวเจี้ยนกั๋วก็นำเสื้อผ้าตัวอย่างมาให้ทั้งสองคนดู
เมื่อพูดถึงเรื่องธุรกิจ ฉือฮวนก็เปลี่ยนจากรอยยิ้มในตอนแรกเป็นจริงจังมากขึ้น พอได้รับเสื้อผ้าตัวอย่าง เธอก็ตรวจสอบสภาพการเย็บก่อน ใช้มือดึงเพื่อดูว่ามีรอยเย็บที่หลวมหรือเปล่า
หลังจากแน่ใจว่าเย็บแน่นดีแล้ว เธอก็พลิกด้านหลังของเสื้อผ้าและตรวจดูว่ามีเศษด้ายอยู่ไหม
เมื่อเห็นท่าทางของฉือฮวน จ้าวเจี้ยนกั๋วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม “สาวน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าการตรวจสอบของคุณจะรอบคอบและเป็นมืออาชีพขนาดนี้”
ฉือฮวนกล่าวว่า “อาจ้าว เสื้อผ้าล็อตนี้จะส่งไปขายในชนบท งานนิทรรศการมีคนหลั่งไหลเข้ามามาก ถ้าคุณภาพเสื้อผ้าของเราผ่านมาตรฐานก็จะกลายเป็นที่พูดถึงในอนาคต และทำให้เรามีชื่อเสียงในด้านดี”
“คุณภาพต้องเป็นไปตามมาตรฐานเท่านั้น ธุรกิจจึงจะอยู่ได้ยาวนาน”
เดิมทีจ้าวเจี้ยนกั๋วคิดว่าฉือฮวนเป็นเพียงภรรยาที่เอาแต่ใจ อีกทั้งสืออวี่ไป๋ก็ให้ความสำคัญกับเธอไม่น้อย ว่ากันตามตรงเขาดูถูกเธอเล็กน้อย คนที่หน้าตาดีส่วนใหญ่จะเจอปัญหาแบบนี้
แต่หลังจากได้ยินที่ฉือฮวนพูด เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองเธอด้วยความชื่นชม
“คิดไม่ถึงว่าคุณฉือจะมองขาดจริง ๆ”
“เถ้าแก่เนี้ยฉือ ผมเคยมองคุณผิดไป ต้องขอโทษคุณด้วยสำหรับเรื่องนี้”
จ้าวเจี้ยนกั๋วพูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
แก้มของฉือฮวนหลังจากได้รับคำชมแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย
เมื่อตรวจสอบปัญหาเส้นด้ายแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเปรียบเทียบเนื้อผ้าหลายชนิด
หลังจากจ่ายค่าจ้างการผลิตเสื้อผ้าตัวอย่างแล้ว ฉือฮวนก็กลับไปที่โรงแรมพร้อมกับเสื้อผ้าตัวอย่าง
ก่อนกลับโรงแรม ฉือฮวนซื้อผงซักฟอก อ่างล้างหน้า และหินลับมีด เมื่อกลับถึงโรงแรม เธอก็หยิบอ่างน้ำมาและเริ่มขยี้เสื้อผ้าแรง ๆ ทำเช่นนี้เพื่อทดสอบการหดตัวในน้ำของเสื้อผ้า
สิ่งที่กวางตุ้งไม่เคยขาดคือแสงแดด หลังตากผ้ามันจะแห้งภายในไม่กี่ชั่วโมง
ฉือฮวนและสืออวี่ไป๋ค่อย ๆ ยืดเสื้อผ้าออกอย่างระมัดระวัง เปรียบเทียบการหดตัว จากนั้นก็จดบันทึกสภาพเหล่านี้ลงในสมุด
รอยย่นและความหย่อนของผ้าก็ถูกจดบันทึกโดยละเอียดด้วย
ต่อไปเป็นงานใช้แรง สืออวี่ไป๋จะใช้หินลับมีดขยี้ผ้าและทดสอบความเป็นขุยและความทนทาน
ฉือฮวนเฝ้ามองตาไม่กะพริบ มือของสืออวี่ไป๋ดูดีมาก มีข้อต่อที่ชัดเจน กระดูกที่ยาวและเรียว เขาเอาหินลับมาสีบนเนื้อผ้า ขณะดูอยู่ หญิงสาวก็ใจฟุ้งซ่าน ความสนใจของเธอเบนจากเนื้อผ้าไปเป็นนิ้วของสืออวี่ไป๋
“จดบันทึกเสร็จแล้วหรือยัง?”
เสียงเย็นชาของสืออวี่ไป๋ดังขึ้นในห้องโล่ง
ฉือฮวนเอามือเท้าคาง สายตาจดจ่อที่เรียวนิ้วของสืออวี่ไป๋
ชายหนุ่มปรายตาขึ้นมองก็เห็นเธอในสภาพนี้ แววตาพลันลึกซึ้งขึ้น
ตอนที่ฉือฮวนได้สติ นิ้วยาวเรียวก็เคลื่อนเข้าหาเธอแล้ว ทำให้ระยะห่างทางกายของทั้งสองน้อยลงอย่างรวดเร็ว
เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ รอยยิ้มบนใบหน้าเรียวของสืออวี่ไป๋กำลังมองมาทางเธอ
“จดเสร็จแล้วเหรอ?”
ฉือฮวนกรีดร้องว่า ‘แย่แล้ว’ ในใจ ดวงตาก้มลงมองสมุดบันทึกที่ว่างเปล่า
ใบหูของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
“ขอโทษ เมื่อกี้ฉันแค่…”
“มองผมจนใจลอย?”
วาจาหยอกล้อนี้เต็มไปด้วยความเบิกบาน แม้แต่บรรยากาศในห้องพักโรงแรมก็ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกรื่นรมย์
ฉือฮวนยืดอกยอมรับหน้าตาเฉย ทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำ
“ใช่ ทำไมคะ?”
“คุณเป็นสามีของฉัน ฉันจะมองแล้วมันทำไม?”
“ชอบมองมากเหรอครับ?”
ความเสน่หาในดวงตาของสืออวี่ไป๋แทบจะล้นออกมา จากนั้นเขาก็ยื่นมือมาจับคางของเธอ
“เตรียมมองให้พอใจเลย”
ฉือฮวนอยากมองต่อ และอยากทำต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยซ้ำ
ใต้คอเสื้อสีดำของเขามีกล้ามเนื้อเป็นลอน ไหล่กว้าง สะโพกสอบแคบ กล้ามเนื้อหน้าอกและหน้าท้อง เธออยากเห็นมันทั้งหมดในคราวเดียว แต่น่าเสียดายที่ทุกครั้งที่ได้มองจะเป็นตอนที่สถานการณ์กำลังยุ่ง
ค่าใช้จ่ายในการมองพวกมันทุกครั้งเป็นสิ่งที่ฉือฮวนไม่อาจทนทาน
ถ้าได้เชยชมมันเฉย ๆ สักครั้ง เธอก็อยากจะมอง
แต่…
บันทึกของเธอยังเขียนไม่เสร็จเลยนะ?
ฉือฮวนขมวดคิ้วด้วยความลำบากใจ
“แล้วบันทึกพวกนี้ทำยังไงดี?”
หญิงสาวในตอนนี้เริ่มคล้อยตามกับคำพูดของสืออวี่ไป๋
อยากดู ต้องทำยังไงนะ?
MANGA DISCUSSION