บทที่ 119 ตราบเท่าที่
โชคดีที่เธอไม่ได้ตกอยู่ในภาวะสับสนกับเรื่องนี้นานเกินไป ไม่นานก็ตอบกลับว่า “ขอบคุณนะคะคุณแม่ ที่กังวลเรื่องอาชีพการงานของอวี่ไป๋ แต่คุณแม่เคยถามความคิดเห็นเขาเกี่ยวกับแผนการที่คุณแม่ทำเพื่อเขาบ้างไหมคะ”
“ถ้าเขามีแผนที่จะก้าวหน้าที่ปักกิ่งเหมือนกัน ฉันจะไม่ห้ามเขา”
ฉือฮวนพูดอย่างจริงจังว่า “แนวโน้มความก้าวหน้าของเขาไม่ได้ขัดแย้งกับชีวิตแต่งงานของเราเลย”
“แต่ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นสิ่งที่คุณแม่นึกเอาเอง”
ดวงตาของหลี่เจินย่าเริ่มไม่เป็นมิตร “เธอเป็นใคร และอวี่ไป๋เป็นใคร เธอถามตัวเองว่าเธอคู่ควรกับเขาไหม แต่งงานกับเธอมีผลดีอะไรแก่เขาบ้าง?”
คำถามนี้ทำให้ฉือฮวนสับสนมานาน ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่าเธอไม่ดีพอสำหรับสืออวี่ไป๋
หากวัดกันที่สภาพภายนอก นอกจากใบหน้าแล้วเธอก็ไม่มีอะไรจะเทียบติด แต่คนเราคบกันจะมองแค่สภาพภายนอกได้ยังไง นั่นมันตื้นเขินเกินไป
เธอคงสามารถให้บางสิ่งแก่สืออวี่ไป๋ได้ สิ่งที่เขาไม่สามารถหาได้จากคนอื่นรอบข้าง ดังนั้นเขาจึงแต่งงานกับเธอโดยไม่ลังเล
“ถ้าตามที่คุณแม่พูด ฉันไม่สามารถช่วยอวี่ไป๋ได้แน่ แต่ฉันเชื่อว่าเขาต้องมีเหตุผลของตัวเองที่แต่งงานกับฉัน ส่วนเหตุผลจะเป็นอะไร ฉันคิดว่าคุณแม่สามารถถามจากเขาได้ค่ะ”
หลี่เจินย่าหัวเราะเยาะ
“เธอมีแต่จะให้เขาตามปรนเปรอตัวเอง พอเผชิญหน้ากับฉันเลยมั่นใจและกล้าหาญ เธอมันก็มีดีแค่ใบหน้าไม่ใช่หรือไง?”
“เธอเคยคิดเรื่องนี้บ้างไหม ในอนาคตผิวเธอจะหย่อนยาน ถึงตอนนั้น อวี่ไป๋ก็จะเบื่อและทิ้งเธอไปแน่”
“ก่อนจะถึงตอนนั้น เธอไม่อยากให้ตัวเองถือไพ่ในมือเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยหรือไง?”
ใบหน้าของฉือฮวนเต็มไปด้วยคำถาม “ไพ่แบบไหนคะ?”
“ฉันสามารถให้เงินเธอจำนวนหนึ่ง เพียงพอให้เธอมีอาหารและเสื้อผ้าไปตลอดชีวิต หลังจากได้รับเงินแล้ว เธอก็ออกไปจากชีวิตอวี่ไป๋”
“ส่วนสือเยี่ยน เขาเป็นลูกชายตระกูลสือของเรา ฉันจะเลี้ยงเขาให้โตขึ้นมาอย่างดีแน่นอน เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเขาเลย”
“คุณแม่ต้องการให้ฉันออกจากชีวิตสืออวี่ไป๋เหรอคะ?”
ฉือฮวนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ใช่”
“ลูกสะใภ้ตระกูลสือของเราจะต้องไม่ไร้ประโยชน์เหมือนเธอ”
“อวี่ไป๋ต้องไม่เห็นด้วยแน่”
ฉือฮวนกล่าวอย่างหนักแน่น
“แน่นอนว่าช่วงแรกเขาจะไม่ชิน แต่คนเรามักมองไปข้างหน้า ในโลกนี้มีใครตายเพราะลาจากกันบ้าง ขอแค่เธอเต็มใจ เขาจะลืมเธอในไม่ช้า”
“ฉันไม่ยอมหรอกค่ะ”
ฉือฮวนพูดอย่างรวดเร็วว่า “คุณแม่ไม่ต้องเปลืองแรงพูด ไม่ว่าคุณแม่จะใช้เงื่อนไขอะไรมาเกลี้ยกล่อมฉัน ฉันก็จะไม่ทิ้งอวี่ไป๋”
“เงินก็ดีอยู่หรอก แต่สุภาพบุรุษย่อมรักเงินที่ได้มาอย่างฉลาดเท่านั้น ถ้าฉันขาดเงิน ฉันจะหามันเอง ฉันจะไม่รับเงินจากคนอื่น และจะไม่ทิ้งเขาเพราะเงิน”
“ฉันชอบเขามากและอยากใช้ชีวิตจนแก่ไปพร้อมกับเขา”
หลี่เจินย่าไม่แปลกใจกับคำตอบของเธอ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เธอไม่จำเป็นต้องรีบตอบฉัน ฉันจะไม่ขอให้เธอทำตามสัญญานี้ทันที แต่เธอต้องเชื่อว่า การแต่งงานที่ไม่ได้รับพรจากพ่อแม่จะอยู่ได้ไม่นาน ฉันจะคอยดูว่าเธอกับสืออวี่จะไปได้สักกี่น้ำ”
“อีกไกลเลยละค่ะ”
ฉือฮวนเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างจริงจังว่า “พวกเราจะไม่ปล่อยมือกันง่าย ๆ”
“ถึงไม่ได้รับพรจากคุณแม่ ฉันก็ยืนกรานที่จะอยู่กับเขา”
“ฝันไปเถอะ!”
การเจรจากับหลี่เจินย่าจบลงอย่างไม่น่าพอใจ
หลี่เจินย่ารีบกลับเข้าไปในห้องอาหารส่วนตัวอย่างรวดเร็ว
ฉือฮวนมองแผ่นหลังที่เด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย แล้วยืนอยู่ที่เดิมขณะสายลมคืนฤดูร้อนพัดผ่าน รอจนกระทั่งใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ จึงค่อยเดินกลับไปที่ห้องอาหารส่วนตัว
ก่อนจะถึงห้องอาหาร เธอก็เดินผ่านฝูงชนและเห็นสืออวี่ไป๋ที่กำลังชะเง้อมองอยู่ที่ทางเดินอย่างรวดเร็ว
ไม่ได้การแล้ว เขามีเสน่ห์ดึงดูดสายตามาก ร่างสูง ขายาวและมีใบหน้าหล่อเหลา มีพรสวรรค์ในการเป็นศูนย์กลางความสนใจของผู้คน
เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ความว้าวุ่นสับสนของฉือฮวนก็ท่วมท้นไปด้วยความอบอุ่นทันที ไม่ว่าเมื่อไรและที่ไหน การกระทำของเขาก็ทำให้เธอมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเองอย่างมาก
สายตาที่กวาดมองรอบ ๆ ของเขาราวกับกำลังมองหาเธออยู่
หญิงสาวก้าวช้า ๆ โถมตัวใส่หลังเขาเงียบ ๆ แล้วแตะบ่าทั้งสอง
“ทำอะไรอยู่น่ะคะ?”
สืออวี่ไป๋หันกลับมา ทันทีที่เห็นเธอ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย “กำลังมองหาคุณครับ”
พูดจบ ชายหนุ่มก็จับข้อมือของฉือฮวนไว้มั่น พาเธอออกจากห้องอาหาร ผู้คนมากมายกำลังเดินอยู่ที่โถงทางเดิน และเสียงของสืออวี่ไป๋ก็แว่วผ่านกลุ่มฝูงชนมาแตะแก้วหูของเธอเบา ๆ
“คุณแม่บอกอะไรคุณบ้าง”
“เสียใจหรือเปล่า?”
เขามองผู้เป็นภรรยาโดยไม่กะพริบตา
“ไม่ได้พูดอะไรค่ะ แค่ถามเกี่ยวกับชีวิตเราช่วงนี้”
ฉือฮวนแตะฝ่ามือใหญ่แล้วยิ้ม “คุณกังวลเรื่องอะไรคะ?”
สืออวี่ไป๋ขมวดคิ้ว “คุณไม่ต้องปกปิดแทนแม่หรอก ผมรู้จักแม่ดีกว่าใคร”
พูดจบ ดวงตาคู่นั้นก็จ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง
ฉือฮวนจึงทำได้เพียงยอมแพ้
ขณะที่กำลังจะพูด เธอก็ถูกหยุดไว้ “อย่าโกหก”
“คุณแม่อยากให้ฉันไปจากคุณ”
ทันทีที่พูดจบเธอก็สังเกตเห็นว่าสืออวี่ไป๋แผ่รังสีเย็นยะเยือกออกมา “แน่นอนว่าฉันปฏิเสธไปแล้ว”
“แล้วไงต่อ?”
สืออวี่ไป๋หรี่ตา
“จากนั้นเราก็แยกย้ายกัน บรรยากาศไม่ค่อยดีเท่าไร”
“แล้วคุณล่ะครับ? คุณไม่ต้องใส่ใจคำพูดของคุณแม่ ฮวนฮวน คำพูดของแม่ไม่สามารถเป็นตัวแทนผมได้”
เมื่อเห็นความตึงเครียดที่ปิดไม่มิดในดวงตาชายหนุ่ม ฉือฮวนก็ไม่ได้รู้สึกหดหู่ใจมากนัก
“ฉันรู้ค่ะ”
ฉือฮวนลูบมือเขาแล้วมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่สดใส “อวี่ไป๋ ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ”
“เราจะไม่หย่ากัน”
“ชู่ว”
นิ้วที่เห็นข้อต่อชัดแตะริมฝีปากฉือฮวน แววตาของสืออวี่ไป๋ไหววูบเล็กน้อย “คำนี้ไม่เป็นมงคล อย่าพูดอีก”
“อื้ม!”
ริมฝีปากสีแดงของฉือฮวนถูกเขากดไว้ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
สืออวี่ไป๋ชักมือตัวเองออก มองท่าทางเชื่อฟังและอ่อนโยนของเธอ จนหัวใจเขาม้วนเป็นก้อนกลม และอ่อนยวบโดยสิ้นเชิง
รสสัมผัสจากริมฝีปากของเธอยังคงติดค้างที่ปลายนิ้ว ทั้งนุ่มนวลและเรียบเนียน
พอกลับถึงห้องอาหาร บรรยากาศยังคงรักษาความกลมกลืนกันอย่างผิวเผิน
มีปัญหาเกิดขึ้นขณะออกจากโต๊ะอาหาร หลี่เจินย่ายืนกรานที่จะพาสือเยี่ยนกลับไปโรงแรม
ฉือฮวนเพิ่งรู้ว่าแม่สามีอยากพาเด็กน้อยไป เธอจึงคัดค้านสุดกำลัง ในขณะที่หัวใจเต้นระทึก
“ไม่ดีหรอกค่ะ สือเยี่ยนร้องเสียงดังมากในตอนกลางคืน คุณแม่ไม่เคยเจอเขามาก่อน อย่าให้เขารบกวนการพักผ่อนของคุณแม่เลย”
หลี่เจินย่าเห็นความกังวลใจของฉือฮวนและพูดกึ่งยิ้มว่า “กว่าฉันจะได้เจอหลานชายของตัวเอง ยังต้องกังวลว่าเขาจะสร้างปัญหาหรือเปล่าด้วยเหรอ?”
“ไม่ว่าเขางอแงอะไร ฉันจะกล่อมเขา”
ขณะพูด เธอก็แยกฉือฮวนออกเพื่อจับมือเยี่ยนเยี่ยน “เยี่ยนเยี่ยนกับฉันต้องการสานสัมพันธ์ระหว่างย่าหลาน เธออยากกีดกันงั้นเหรอ?”
ถ้าก่อนหน้านี้ฉือฮวนยังห่วงหน้าตาเพราะถือว่าหลี่เจินย่าเป็นแม่ของสืออวี่ไป๋ ตอนนี้เธอก็ไม่สนใจอะไรแล้ว
เธอจะไม่มีวันปล่อยสือเยี่ยนไปจากอ้อมแขนเด็ดขาด
หลังจากประสบโศกนาฏกรรมในชาติก่อน เธอก็แทบจะเป็นนกที่หวาดกลัวและไม่สามารถทนเห็นตัวเองทำผิดพลาดได้
ทั้งกับสืออวี่ไป๋ และสือเยี่ยน
“คุณแม่ อย่าเลยค่ะ สือเยี่ยนเป็นคนกล่อมยาก ฉันไม่อยากรบกวนคุณแม่”
พูดจบ ฉือฮวนก็ดึงเด็กน้อยกลับมาในอ้อมแขนอย่างแรงชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
MANGA DISCUSSION