บทที่ 118 คุณ
เสียงที่แผ่วเบาและนุ่มนวลของฉือฮวน เจาะเข้าสู่หัวใจเขาทุกคำพูด
แววตาของสืออวี่ไป๋ลึกซึ้ง แต่ทำอะไรในที่สาธารณะไม่ได้ จึงทำได้เพียงแสดงความรักลึกซึ้งผ่านมือ โดยจับนิ้วเรียวยาวไว้แน่นแล้วลูบไล้ซ้ำ ๆ
“อืม รู้แล้ว”
ฉือฮวน “?”
รู้เรื่องอะไร?
ฉือฮวนพึมพำอย่างไม่พอใจและซุกหน้าลงบนแผ่นหลังเขา
หลี่เจินย่าใจป้ำ เมื่อเธอเข้าไปในโรงแรมก็ขอห้องอาหารส่วนตัวที่ดีที่สุด หลังจากเข้าไปในห้องอาหารส่วนตัว เรื่องความไม่ลงรอยกันระหว่างแม่ของตนเองและหลี่เจินย่าที่ฉือฮวนกังวลก็ไม่เกิดขึ้น ทั้งสองคนขนาบข้างซ้ายขวา โดยมีสือเยี่ยนคั่นกลาง
แม้ทั้งสองจะไม่คุยกัน แต่มีสือเยี่ยนอยู่ระหว่างกลาง บรรยากาศจึงดูกลมเกลียวกันไม่น้อย
เมื่อได้ยินเสียงพวกเขาเข้ามา หลี่เจินย่าก็ปรายตาขึ้นมอง “มาแล้วเหรอ”
พูดจบ เธอก็บอกกับพนักงานเสิร์ฟว่า “ส่งเมนูให้เธอหน่อย ฉือฮวนไม่ต้องห่วงฉันนะ เธอสนิทกับคนอื่น น่าจะรู้ว่าพวกเขาชอบรสชาติแบบไหน สั่งมาได้เลย”
เล่มเมนูถูกส่งมาตรงหน้าฉือฮวน เมื่อมองรายการอาหาร ฉือฮวนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
เธอรู้จักรสชาติที่ถูกปากแม่ตัวเองและสือเยี่ยนค่อนข้างดี แต่กับสืออวี่ไป๋เธอยังไม่รู้จริง ๆ เท่าที่เธอจำได้ สืออวี่ไป๋ไม่เคยจู้จี้กับเรื่องอาหารเลย ครั้งก่อนที่เธอถามสือจิ้งเสียนเกี่ยวกับงานอดิเรกของสืออวี่ไป๋ ก็ไม่ได้ถามเรื่องนี้
เธออดไม่ได้ที่จะดึงเสื้อของสืออวี่ไป๋ ส่งสัญญาณให้เขาสั่ง
นิ้วเรียวยาวบนมือของสืออวี่ไป๋จิ้มเบา ๆ บนเมนู เมื่อเขาจิ้มตรงไหน ฉือฮวนก็บอกชื่ออาหารให้พนักงานเสิร์ฟทราบ
บรรยากาศละมุนละไมระหว่างคู่รัก การเคลื่อนไหวเล็กน้อยและประกายตาเล็ก ๆ ของพวกเขาล้วนตกอยู่ในสายตาของหลี่เจินย่า ทันใดนั้นแสงในดวงตาเธอก็หม่นลง
ฉือฮวนต้องยอมรับว่าการสั่งอาหารของสืออวี่ไป๋นั้นถูกต้อง ไม่เพียงคำนึงถึงความชอบของทุกคนเท่านั้น แต่ยังกำชับเป็นพิเศษว่าไม่ควรเพิ่มส่วนผสมใดลงในอาหารแต่ละจาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเธอ เขารู้อย่างชัดเจนว่าจานใดไม่ควรใส่กระเทียม และจานไหนไม่ควรใส่หัวหอม
ยิ่งฟัง ฉือฮวนก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ
เธอโชคดีมากที่มีสืออวี่ไป๋ผู้แสนดีเช่นนี้
“ไม่คิดเลยว่าอวี่ไป๋จะรู้รสชาติถูกปากของแม่ดีขนาดนี้”
หลังจากได้ยินชื่ออาหารสำหรับเธอ หลี่เจินย่าก็เอ่ยปากชม
ทว่าสืออวี่ไป๋ไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ
หลี่เจินย่าไม่ใส่ใจมากนัก เธอเพียงลูบผมสือเยี่ยนด้วยความรัก แล้วพูดกับฉือฮวนอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ฮวนฮวน ฉันเอาใบชามาด้วย เธอไปหยิบกับฉันหน่อยสิ”
“ขอให้พนักงานเสิร์ฟเปลี่ยนชาในกา ชาที่เหลือเธอก็เอากลับไป”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้
เมื่อฉือฮวนได้ยินก็กำลังจะลุกขึ้นยืน แต่มือใหญ่กลับกดไหล่เธอกลับไป “ไม่ต้อง ผมไปเอง”
หลี่เจินย่าพูดกึ่งยิ้ม “ลูกปกป้องเธอ ทำไมถึงมองแม่แท้ ๆ เป็นเสือที่อาจจะเขมือบเธอได้เสียอย่างนั้น?”
“ถึงแม่บอกว่าจะไปเอาใบชา แต่ก็เป็นแค่ข้ออ้าง จริง ๆ แล้วฉือฮวนกับแม่มีเรื่องจะต้องคุยกัน อย่าก่อปัญหาและทำลายความสัมพันธ์ของแม่กับฮวนฮวน”
แววตาของสืออวี่ไป๋เผยแววกระสับกระส่าย
“แม่กับเธอไม่จำเป็นต้องสานสัมพันธ์กัน ยังไงซะก็อยู่ด้วยกันไม่ได้”
บรรยากาศในห้องอาหารพลันตึงเครียดขึ้นเพราะคำพูดของเขา
ฉือฮวนอายจนขยับนิ้วเท้าไปมาในรองเท้า ในตอนนั้นเองที่เสียงของแม่แว่วมา “ฮวนฮวน ไปเถอะ”
ทันทีที่เงยหน้าขึ้น เธอก็สบตากับแม่ฉือ
แม่ฉือลดเสียงของเธอลง “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณมีลับลมคมในอะไร แต่พวกเราไม่กลัวคุณหรอก!”
คำพูดของแม่ฉือทำให้ฉือฮวนรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจมากขึ้น
หลายปีที่แต่งงานกับสืออวี่ไป๋มา เธอไม่เคยต้องพบปะกับครอบครัวของสามีเลย เนื่องจากเขาป้องกันไว้อย่างแน่นหนา แม้ว่าเรื่องยุ่งยากจะน้อยลงมาก แต่เธอก็รู้สึกคาใจว่าไม่ได้ใกล้ชิดกับสืออวี่ไป๋เท่าที่ควร
ในเมื่อตัดสินใจจะอยู่กับชายหนุ่มไปตลอด เธอจึงต้องเผชิญหน้ากับหลี่เจินย่า
นี่เป็นหลักสูตรภาคบังคับสำหรับเธอบนเส้นทางชีวิตแต่งงาน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เธอก็ยืนตัวตรง
คิดไม่ถึงว่าสืออวี่ไป๋จะคัดค้าน ฝ่ามือใหญ่ของเขาจับเธอไว้แน่น แววตาบ่งบอกความไม่เห็นด้วย
ฉือฮวนยื่นมือมาลูบหลังมืออีกฝ่าย “ไม่ต้องกังวลค่ะ ฉันรับมือได้”
“นอกจากนี้ มีบางเรื่องที่ฉันควรเผชิญหน้าไม่ใช่เหรอ?”
พอเธอพูดจบ สืออวี่ไป๋ก็ปล่อยมือ
“สัญญากับผมนะครับ ไม่ว่าแม่จะพูดอะไรอย่าใส่ใจ แม่ตัดสินความคิดของผมไม่ได้”
“เข้าใจแล้ว!”
น้ำเสียงของฉือฮวนสดใส
หลังออกจากห้องอาหารแล้ว หลี่เจินย่าเดินนำหน้าและฉือฮวนเดินตามหลังเรียงกันออกมาจากโรงแรม
เมื่อมองระยะประชิด ฉือฮวนก็พบว่าหลี่เจินย่าให้ความรู้สึกถูกกดดันอย่างรุนแรง เธอสวมชุดสูทอย่างมืออาชีพและรองเท้าส้นสูงคู่หนึ่ง ทิฐิและท่าทางห่างเหินของเธอเน้นย้ำถึงอารมณ์ที่เป็นเอกลักษณ์
หลี่เจินย่าเกิดมาในครอบครัวชาวนาและแต่งงานกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเมืองหลวง เธอจึงทะนงตัวอย่างแท้จริง
หลังออกจากโรงแรม หลี่เจินย่าก็หยิบใบชาออกมาจากรถแล้วส่งให้ฉือฮวน ดวงตามองสำรวจเธอทีละคืบ
“ฉือฮวน ฉันรู้ว่าเธอไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับอวี่ไป๋ ถึงอย่างนั้นเธอก็คลอดสือเยี่ยนให้ตระกูลสือ ฉันรู้สึกขอบคุณเธอจากใจจริง”
คำพูดเปิดประเด็นนี้ทำให้ฉือฮวนรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ตอนนั้นฉันไม่อยากแต่งงานกับอวี่ไป๋จริง ๆ แต่ตอนนี้ฉันกับเขาไปกันได้ดีมาก ฉันเต็มใจจะใช้ชีวิตแต่งงานกับเขาไปจนแก่เฒ่า”
ความดูแคลนปรากฏขึ้นในแววตาของหลี่เจินย่า แต่เธอก็ปกปิดมันไว้ได้ทัน
“แต่เธอน่าจะรู้ดีกว่าใครว่าตัวเธอมีแต่จะขัดขวางความก้าวหน้าของอวี่ไป๋”
ฉือฮวนอยากโต้กลับทันที
ทว่าหลี่เจินย่ากลับโบกมือขัด “ตอนไปซื้อสินค้าที่กวางตุ้งไม่นานมานี้ เธอได้เจอกับจิ้งเสียนหรือเปล่า?”
ฉือฮวนพยักหน้าอย่างงุนงง
“งั้นเธอก็น่าจะรู้ว่าธุรกิจของสามีจิ้งเสี้ยนมีปัญหา และสุดท้ายปัญหานี้สืออวี่ไป๋ก็เป็นคนแก้ใช่ไหม?”
ฉือฮวนยังคงพยักหน้า
“เธอรู้ไหมว่าอวี่ไป๋แก้ปัญหาอะไรไปบ้าง”
คราวนี้ฉือฮวนส่ายศีรษะ
“มันเป็นปัญหาอุปสรรคด้านพลังงาน นักศึกษาปริญญาเอกและนักวิจัยที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีล้ำสมัยจำนวนนับไม่ถ้วนในกรุงปักกิ่งไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ฉันนึกว่าสืออวี่ไป๋ที่หมกตัวอยู่ในชนบทไม่น่าจะก้าวหน้าไปไหน ไม่คิดเลยว่าพอเขาลงมือก็สามารถแก้ปัญหาที่คนนับไม่ถ้วนแก้ไขไม่ได้ได้สำเร็จ”
“เขาอาศัยอยู่ในชนบทกับเธอก็ไม่มีความก้าวหน้า ในเมื่อเขาสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ เธอเคยคิดบ้างไหมว่าหากเขากลับมาที่ปักกิ่งสักวันหนึ่ง โอกาสในการก้าวหน้าของเขาจะมีมากแค่ไหน?”
“ฉือฮวน ฉันรู้ว่าเธออาจไม่ชอบสิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ แต่มันเป็นเรื่องจริง”
“เธอแต่งงานกับอวี่ไป๋ก็ให้ความช่วยเหลืออะไรเขาไม่ได้ กลับจะฉุดเขาลงมา ขัดขวางเขา และสร้างอุปสรรคนับไม่ถ้วนบนเส้นทางความก้าวหน้าของเขา เมื่อก่อนเธอไม่ชอบเขา ดังนั้นคำถามต่อไปนี้ของฉันเลยไม่มีผลอะไร”
“ในเมื่อเธอบอกว่าเธอมีความรู้สึกต่อเขาแล้ว ฉันขอถามว่าเธอยินยอมจะให้อวี่ไป๋ก้าวหน้าในอาชีพของเขาและก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นไหม”
“หรือเธออยากจะปล่อยให้เขาติดอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ในชนบทกับเธอ ขายเสื้อผ้าโทรม ๆ ไม่กี่ชิ้นเพื่อรายได้เพียงพันหยวนต่อวัน?”
คำพูดของหลี่เจินย่าชวนตะลึงมากจนฉือฮวนตั้งสติไม่ได้อยู่นาน
เธอรู้เพียงว่าสืออวี่ไป๋ช่วยสือจิ้งเสียนแก้ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่คาดคิดว่าปัญหานี้จะทำให้คนที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีมากมายไปไม่เป็น
ตัวตนของเธอเป็นอุปสรรคสำหรับสืออวี่ไป๋จริงเหรอ?
เธอได้แต่ถามตัวเองในใจ
MANGA DISCUSSION