บทที่ 117 หา
เรื่องยังไม่ทันจบ หลี่เจินย่าก็ได้ยินเสียงของสืออวี่ไป๋ดังขึ้น
“ผมมีจังหวะและแนวคิดเรื่องความก้าวหน้าของตัวเอง คงไม่รบกวนแม่ต้องมาเป็นกังวลด้วย”
หลี่เจินย่า “…”
ขณะจ้องมองลูกชายด้วยแววตาโกรธเคือง เธอก็หงุดหงิดมากจนพูดอะไรไม่ออก
“ก็ได้ ๆ คนเป็นแม่จะควบคุมอะไรลูกไม่ได้เลยใช่ไหม”
เธอกล่าวตัดพ้อกับตัวเอง
ลูกชายของครอบครัวทั่วไป เวลาแบบนี้คงจะมาปลอบแม่ตัวเองไม่ให้เศร้าโศกเสียใจแน่นอน แต่หลี่เจินย่าลืมไปว่าลูกชายไม่เคยฟังเธอเลยตั้งแต่ยังเด็ก
โดยเฉพาะเรื่องการแต่งงานที่เขามีความคิดของตัวเอง
“ครับ ในเมื่อแม่รู้ว่าควบคุมไม่ได้ ต่อไปก็อย่าเปลืองแรงทำอีก แบบนี้เป็นผลดีสำหรับทั้งแม่และผม และจะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์แม่ลูก”
เมื่อเขาพูดประโยคหลัง แววตาของเขาก็หม่นลงเล็กน้อย
หลี่เจินย่าโกรธมากจนพูดไม่ออก จึงเบือนหน้าจากลูกชาย แต่จะหันไปทางฉือฮวนก็ไม่ดี จะหันไปทางแม่ฉือก็ไม่ได้ยิ่งกว่า
ลมหายใจเธอติดขัด ในที่สุดก็ทำได้เพียงมองไปทางสือเยี่ยนที่เป็นหลานชายเท่านั้น
เธอคุกเข่าลง สูดลมหายใจ แล้วถามเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “สือเยี่ยน หุ่นยนต์สนุกไหมลูก? ในห้องโรงแรมที่ย่าอยู่ยังมีของขวัญอีกเยอะแยะ อยากไปเล่นกับย่าไหม?”
สือเยี่ยนวางมือจากสิ่งที่ทำอยู่ แล้วหันไปมองฉือฮวนและสืออวี่ไป๋อย่างลังเล
หลี่เจินย่าจับหน้าของสือเยี่ยนไว้ไม่ให้เขามองคนอื่น และถามอย่างอดทนว่า “หนูไม่จำเป็นต้องมองพวกเขา คุณย่าถามความคิดเห็นของสือเยี่ยน ไม่อนุญาตให้ฟังความคิดเห็นของคนอื่น”
สือเยี่ยนแก้ไขอย่างจริงจัง “ทำไมถึงไม่อนุญาตล่ะครับ?”
“ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ ผมก็ออกไปกับคนแปลกหน้าไม่ได้”
ลมหายใจที่ติดขัดในอกของหลี่เจินย่ายิ่งขาดห้วง “ย่าเป็นย่าของสือเยี่ยน จะเป็นคนแปลกหน้าได้ยังไง?”
“แต่ผมไม่เคยเจอย่ามาก่อน ย่าเลยเป็นคนแปลกหน้าสำหรับผม”
หลี่เจินย่าแทบกระอักเลือดด้วยความโมโห
หลับตาสงบใจ เด็กคนนี้กำลังรอเธออยู่
เธอจ้องไปที่ดวงตาของสือเยี่ยนอย่างจริงจัง พยายามมองให้ออกว่าสือเยี่ยนจงใจพูดอย่างนี้หรือไม่
แต่ไม่ว่าจะมองยังไงสือเยี่ยนที่มีดวงตากลมโตสีดำก็เป็นเพียงเด็กน่ารักไร้เดียงสา
เธอลอบกลืนความหงุดหงิดลงคอแล้วฝืนยิ้มออกมา
“สือเยี่ยนโทษว่าเป็นความผิดย่าหรือเปล่า?”
“โทษเรื่องอะไรเหรอครับ?”
“โทษว่าย่ามาช้าเกินไป ไม่ได้อยู่ด้วยตอนที่สือเยี่ยนยังเด็กหรือเปล่า?”
“ผมไม่ได้โทษคุณย่า”
สือเยี่ยนพูดจบก็ก้มหน้าลดขนตาที่หนาและยาว เล่นกับหุ่นยนต์อย่างระมัดระวัง “เพราะคุณย่าต้องมีธุระแน่ ๆ เลยไม่มาหาสือเยี่ยน”
เมื่อฟังคำพูดที่สมเหตุสมผลของเด็ก คำพูดใส่ร้ายฉือฮวนของหลี่เจินย่าจึงจุกอยู่ในลำคอ ก่อนจะเลือนหายไปในที่สุด เธอเอื้อมมือมาลูบผมอ่อนนุ่มของเด็กชาย ใจอ่อนยวบอย่างราบคาบ
แม้ยังคงไม่ชอบลูกสะใภ้อย่างฉือฮวน แต่ขณะมองเด็กน้อย เธอรู้สึกเอ็นดูเขาจากใจจริง นี่คงเป็นมนต์เสน่ห์ของสายเลือด
เธออดไม่ได้ที่จะอุ้มสือเยี่ยนขึ้นมาและจุ๊บแรง ๆ บนใบหน้าเขา
สือเยี่ยนไม่ได้ขัดขืน ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง
ยิ่งหลี่เจินย่ามองเด็กชายมากเท่าไรก็ยิ่งเอ็นดูเขามากขึ้นเท่านั้น เธออุ้มสือเยี่ยนขึ้นมาแล้วยัดหุ่นยนต์แปลงร่างใส่อ้อมแขนเขา แสร้งทำทีเหนือคนอื่นที่นี่ “กว่าจะได้เจอกันที มากินข้าวด้วยกันเถอะ”
ฉือฮวนมองแม่ตัวเอง แล้วจึงมองไปที่สืออวี่ไป๋
“ทำไม รู้หรอกน่าว่าพวกเธอไม่ต้อนรับฉัน การที่ฉันเลี้ยงข้าวก็ยังเอาชนะใจพวกเธอไม่ได้อีกหรือไง ยังไงซะฉันก็เป็นแม่ของลูกเขย แม่สามี และแม่แท้ ๆ ของพวกเธอนะ!”
“ก็ได้ครับ”
สืออวี่ไป๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไม่ใส่ใจ “ในเมื่อมีคนเลี้ยง งั้นเราก็ไปทานอาหารฟรีกันเถอะ”
หลี่เจินย่าเกือบจะสำลักด้วยความโกรธ เธออุ้มสือเยี่ยนขึ้นมาแล้วหันหลังเดินออกไป
เลขาจางเดินไปพร้อมกับเธอด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “คุณนายฉือ ขึ้นรถพวกเราไปเถอะค่ะ”
แม้แม่ฉือจะมาจากครอบครัวชนชั้นล่าง แต่เธอก็มีศักดิ์ศรีในตัวเอง สิ่งที่เธอไม่ชอบมากที่สุดคือสีหน้าเย็นชาของหลี่เจินย่า “ขอบคุณนะสาวน้อย น่าเสียดายที่ฉันมาจากครอบครัวชนชั้นล่าง สิ่งที่ทนดูไม่ได้ที่สุดคือใบหน้าบึ้งตึงของใครบางคน ฉันขอไม่รับคำชวนนะ”
แต่สือเยี่ยนในอ้อมแขนของหลี่เจินย่าไม่ยอมทิ้งคุณยาย “คุณยาย ไปด้วยกันกับผมสิ!”
“พวกเราไปขึ้นรถด้วยกันดีไหมครับ?”
“คุณยาย! คุณยาย!”
ขณะที่ตะโกน ขาป้อมของเขายังเตะโดนแขนของหลี่เจินย่า และร่างเล็กก็โผเข้าหาแม่ฉือ
หลี่เจินย่าแทบจะอุ้มเด็กชายไว้ในอ้อมแขนไม่ไหว และรีบกอดเอวของสือเยี่ยนไว้ “ระวังตก!”
จากนั้นเธอก็ทำตามความปรารถนาของเด็กชาย “ไปด้วยกันเถอะ อย่าให้ฉันต้องเชิญหลายรอบ ถึงคุณจะไม่อยากเจอฉันก็ตาม แค่ยอมรับคำเชิญเพื่อเห็นแก่สือเยี่ยนก็ได้”
พูดมาขนาดนี้ก็คงไม่มีข้ออ้างที่จะไม่ไป
แม่ฉือจึงทำได้เพียงเดินตามไปขึ้นรถ
สืออวี่ไป๋ขึ้นคร่อมจักรยานด้วยร่างสูงและขายาว ส่วนฉือฮวนนั่งซ้อนท้ายและกอดเอวสอบของสืออวี่ไป๋ เขากดมือของฉือฮวนไว้แล้วพูดว่า “จับแน่น ๆ อย่าหล่นนะ”
ขณะที่พูด ความรู้สึกโล่งใจและมีความสุขอย่างอธิบายไม่ได้ปรากฏที่หางตาและเรียวคิ้วของเขา
หลี่เจินย่าเห็นภาพนี้เข้าเต็ม ๆ ในใจเธอเกิดอารมณ์หลากหลายปะปนกัน เธอที่เป็นแม่ไม่คุ้นเคยกับสืออวี่ไป๋ในตอนนี้ ในภาพจำของเธอ ชายหนุ่มมีหน้าตาอารมณ์เดียวตั้งแต่เด็กจนโต
มีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว มีเหตุผลและไหวพริบ คือตัวตนของเขา
แต่ท่าทางที่มีความสุขเช่นนี้ดูจะไม่เคยปรากฏบนตัวเขามาก่อน
หลี่เจินย่าเงียบ แสงสลัวในดวงตาเธอดับลง
ความสุขจะมีประโยชน์อะไร? ไม่ช้าก็เร็วความสุขก็จะหายไป และตามมาด้วยสารพัดปัญหาในชีวิตจริง
การรักลูกเป็นแผนการระยะยาวเพื่อตัวของลูกเอง
เธอไม่อยากเห็นสืออวี่ไป๋หมกตัวอยู่กับชีวิตแต่งงานแบบนี้และผู้หญิงแบบนี้
รถแล่นออกไป บดบังอารมณ์ที่แท้จริงในดวงตาของหลี่เจินย่า
บนถนน ฉือฮวนกอดเอวของสืออวี่ไป๋แน่นขึ้น แก้มของเธอแนบกับเสื้อของเขา และกลิ่นหอมของสบู่ก็โชยเข้าจมูกเธอพร้อมกับกลิ่นสดชื่นของร่างกายสูงใหญ่
เธอหลับตาลง นึกถึงเรื่องที่สืออวี่ไป๋ปกป้องเธอในร้านขายเสื้อผ้า ความรู้สึกอบอุ่นพลันแผ่ซ่านในใจ
“ที่พูดแบบนั้นกับคุณแม่ เธอจะเสียใจหรือเปล่าคะ?”
เธอสอดนิ้วเข้าไปในเอวของเขาอย่างซุกซน ค่อย ๆ ขยับไปบนผิวหนังอุ่นทีละนิด การได้สัมผัสเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ดูจะช่วยบรรเทาความไม่สบายใจของเธอได้
“อย่าคิดมากน่า ถึงไม่มีคุณ ผมกับแม่ก็ทะเลาะกันแบบนี้อยู่ดี”
“เพราะงั้นห้ามเก็บไปคิดมากเด็ดขาด”
“ฉันน่ะนะ?”
ฉือฮวนซุกหน้าของเธอกับแผ่นหลังกว้างของเขา ความหวานล้ำเอ่อล้นในหัวใจดวงน้อยอย่างต่อเนื่อง “อวี่ไป๋ ฉันเคยชมคุณไหม?”
“เรื่องอะไร?”
ปลายนิ้วของเธอดูจะเต็มไปด้วยเวทมนตร์ อาการคันยุบยิบและความรู้สึกชาวาบมาพร้อมกับกระแสไฟฟ้าที่กระทบใจเขาเป็นระลอก ราวกับหัวใจของเขาถูกขนนกจักจี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ที่คุณปกป้องฉันแบบนี้สมเป็นลูกผู้ชายมาก”
“ฉันชอบมาก ๆ เลย”
MANGA DISCUSSION