บทที่ 114 ฉัน
เมื่อได้ยินฉือฮวนพูดถึงขนาดนี้ ฉือเฉิ่งจึงรีบไปคุยกับจางเสี่ยวเชี่ยว “อย่าถามเรื่องที่ไม่ควรถาม”
จางเสี่ยวเชี่ยวยังอยากจะถาม แต่ถูกฉือเฉิ่งจ้องกลับ
หากเป็นสถานการณ์ตามปกติ ฉือเฉิ่งจะเชื่อฟังจางเสี่ยวเชี่ยวเสมอ แต่เมื่อเป็นเรื่องหลักการ ฉือเฉิ่งกลับไม่ยอมลงให้ง่าย ๆ
จางเสี่ยวเชี่ยวรู้ว่าเธอไม่สามารถสู้เขาได้ จึงต้องหยุดความอยากรู้อยากเห็นไว้
ระหว่างทางกลับ จางเสี่ยวเชี่ยวพึมพำอย่างไม่พอใจ “ทำไมคุณไม่ให้ฉันพูด? ฉันแค่อยากรู้ว่าขายเสื้อผ้าได้กำไรเท่าไร ทำไมคุณต้องปกป้องน้องสาวขนาดนั้น?”
ฉือเฉิ่งยิ้มเยาะ “คุณแค่สงสัยจริงเหรอ? อย่าคิดว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าคุณคิดอะไร ฮวนฮวนไม่ยอมจ้างพนักงานขายมืออาชีพที่มีมากมาย แต่กลับมาจ้างคุณ คุณคิดว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ? ไม่ใช่เพราะอยากช่วยครอบครัวหรือไง?”
“ความคิดในใจคุณน่ะ ฮวนฮวนมองออก ระวังเธอจะไล่คุณออกแบบไม่สนหน้าไหน!”
เมื่อได้ยินคำขู่นี้ จางเสี่ยวเชี่ยวก็หดคอ
“ไม่มีทาง ฉันเป็นถึงพี่สะใภ้คนรองของเธอนะ!”
“ถึงเป็นพี่น้องก็ต้องจัดการเรื่องเงินให้ชัดเจน*[1] ถ้าคุณอยากจะร่วมด้วย ผมขอถามหน่อย ถ้าถึงสิ้นเดือนแล้ว ฮวนฮวนไม่จ่ายเงินเดือนให้คุณ หรือน้อยกว่าที่ตกลงกันไว้สิบหยวน คุณจะยอมไหม?”
“ไม่ยอมแน่!”
จางเสี่ยวเชี่ยวเริ่มร้อนใจทันที “ผิดสัญญาแม้แต่เฟินเดียวก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นที่ฉันอุตสาหะทำงานหนักมาทั้งเดือนก็สูญเปล่า”
“งั้นก็เข้าใจแล้วใช่ไหม?” ฉือเฉิ่งพูด “คุณก็รู้ว่าเส้นของตัวเองไม่อาจยอมให้ใครล้ำได้ ดังนั้นอย่าถามเรื่องงี่เง่า อย่าพูดเรื่องที่คุณไม่ควรรู้ ไม่อย่างนั้นก็ระวังการงานคุณจะไม่มั่นคง”
จางเสี่ยวเชี่ยวใจหลุดลอยไปทันที
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น งานที่จ่ายเงินให้ยี่สิบหยวนต่อเดือนนั้น แม้แต่ในตัวอำเภอก็หาไม่ได้
ถึงจะมีคนมีรายได้มาก เช่น คนงานหญิงในโรงงานทอผ้าและโรงงานทอขนสัตว์ แต่คนเหล่านั้นต้องทำงานหนักวันละสิบสองชั่วโมง จะง่ายกว่าพนักงานขายตรงไหนกัน?
จางเสี่ยวเชี่ยวคิดได้อย่างรวดเร็ว
ณ ร้านขายเสื้อผ้า
หลังจางเสี่ยวเชี่ยวจากไป เธอก็รีบเดินไปหาแม่ และเปิดลิ้นชักที่ใส่เงินไว้
“แม่ มานับยอดขายกันเถอะค่ะ”
แม่ฉือพูดว่า “เอาสิ” และหยิบเงินในลิ้นชักออกมาอย่างระมัดระวัง
“แม่รวมธนบัตรใบใหญ่เข้าด้วยกัน ส่วนธนบัตรใบเล็กอื่น ๆ แม่ไม่มีเวลารวบรวม ทั้งสองคนนับดี ๆ นะ”
แม่ฉือมอบบันทึกยอดขายส่งให้ฉือฮวน “นี่คือบันทึกการขายสินค้า ลูกสามารถใช้เทียบได้”
พูดจบเธอก็อุ้มสือเยี่ยนออกจากอ้อมแขนของสืออวี่ไป๋ บีบแก้มเด็กน้อยแล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “สือเยี่ยน หนูจะกลับไปกับพ่อแม่ตอนกลางคืนไหม หรือจะอยู่ที่นี่กับยาย?”
ดวงตาโหยหาของสือเยี่ยนหันไปหาฉือฮวนทันที
ช่วงนี้ฉือฮวนกับสืออวี่ไป๋งานยุ่งมาก สือเยี่ยนจึงไม่ได้ใช้เวลากับพ่อแม่นานแล้ว
ขณะที่เด็กชายกำลังจะอ้าปากพูด ก็ถูกสายตาของสืออวี่ไป๋ขัดจังหวะ
เขาเม้มริมฝีปากแดงด้วยความน้อยใจทันที กอดคอแม่ฉืออย่างไม่มีความสุข พูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “กับคุณยาย…”
ฉือฮวนไม่เห็นสัญญาณลับระหว่างพ่อลูก เมื่อเห็นใบหน้าหมองเศร้าของลูกชาย หัวใจเธอก็อ่อนยวบ
“แม่คะ เดี๋ยวหนูจะพาสือเยี่ยนกลับบ้าน วันนี้แม่ยุ่งมาทั้งวัน รีบพักผ่อนดีกว่า”
“ลองดูว่ามีของอะไรขาดอยู่ แล้วบอกเรานะคะ พวกเราจะได้ไปซื้อ”
เมื่อสือเยี่ยนได้ยินว่าตามแม่ไปได้ ใบหน้าเล็กก็สดใสขึ้นทันที
“แม่!”
“ผมกลับบ้านกับแม่ได้จริงเหรอ?”
เด็กชายพูดพลางเหลือบมองสายตาห้ามของสืออวี่ไป๋ไปด้วย แล้วเมินคำเตือนของสายตาสืออวี่ไป๋ไป
ฉือฮวนโน้มตัวไปใกล้และจุ๊บใบหน้าของเด็กชาย
“ไป คืนนี้ไปนอนกับแม่นะ”
“ดีจังเลย!”
สื่อเยี่ยนกอดคอฉือฮวนอย่างแนบแน่นและไม่ยอมปล่อย เขาไม่ลืมเหลือบมองสืออวี่ไป๋อย่างท้าทาย
แบร่ ๆ ๆ!!!
สงครามการต่อสู้ครั้งนี้ เขาเป็นฝ่ายชนะ
เมื่อนับยอดขายวันแรกเสร็จอย่างรวดเร็ว
รายได้สุทธิอยู่ที่หนึ่งพันห้าร้อยเจ็ดสิบหยวน
ฉือฮวนคุ้นเคยกับมันจนไม่นึกแปลกใจ แต่เมื่อแม่ฉือได้ยินยอดเงิน ร่างกายของเธอก็เกร็งขึ้นอย่างตื่นตระหนก เธอมองไปที่ประตูอย่างระมัดระวังหลายครั้ง
“ทำไมเงินเยอะนักล่ะ”
แม้เธอจะรู้มานานแล้วว่าพวกเขาทำเงินจากการขายเสื้อผ้า แต่แม่ฉือก็ยังตกใจกับเงินจำนวนนี้
“แม่คะ นี่แค่เริ่มต้น ต่อไปยอดขายของเราจะพุ่งขึ้นอีกไม่มีลด”
“เพราะอย่างนี้หนูถึงบอกว่างานบัญชีเป็นงานที่สำคัญ และมีแค่แม่คนเดียวที่เหมาะกับงานนี้”
ทันใดนั้น แม่ฉือก็รู้สึกว่าตนเองมีความรับผิดชอบอันหนักอึ้ง “วางใจเถอะ ในเมื่อลูกเชื่อใจแม่ขนาดนี้ แม่จะพยายามไม่ให้พลาดสักหยวนเดียว”
หลังจากนับบัญชีแล้ว ฉือฮวนและสืออวี่ไป๋ก็เตรียมไปซื้อของใช้ประจำวันเพื่อให้แม่ฉืออาศัยอยู่ที่นี่สะดวกขึ้น
หลังออกจากร้านเสื้อผ้า พระอาทิตย์กำลังตก สายลมพัด และถนนก็เต็มไปด้วยผู้คนเดินรับอากาศเย็นสบาย พวกเขาเดินกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ประคองแม่เดินอย่างไม่รีบร้อน
ฉือฮวนกับสืออวี่ไป๋เดินเคียงข้างกันบนถนน วันนี้ถือเป็นฤกษ์มงคลวันเปิดร้าน หัวใจของเธอเต็มไปด้วยเรื่องที่มุ่งหวังและความหวังสำหรับอนาคต
เธอซื้อของใช้ประจำวันที่จำเป็นจากร้านตัวแทนจำหน่ายแล้วเดินไปร้านขายเสื้อผ้า เมื่อเห็นรูปร่างที่สูงเพรียวของสืออวี่ไป๋ดึงดูดสายตาอิจฉาของทุกคนบนถนน เธอก็อดจับแขนเขาไว้ไม่ได้
เสียงกระซิบของเหล่าลุงป้าก็ดังก้องในหู
“หนุ่มคนนี้เป็นลูกชายบ้านไหน หน้าตาดีเหลือเกิน”
“โธ่ มีเมียแล้วนี่หว่า ฉันกำลังคิดจะแนะนำหลานสาวฉันให้พอดี”
“หลานสาวคุณหน้าตาดีสู้ภรรยาของพ่อหนุ่มคนนี้ได้เหรอ?”
“คู่นี้น่าทึ่งจริง ๆ หนุ่มก็หล่อ ภรรยาสาวก็สวยด้วย”
…
ฉือฮวนเม้มริมฝีปากของเธอและแอบยิ้ม หางตาและคิ้วของเธอปิดความภาคภูมิใจไว้ไม่มิด
“คุณยิ้มอะไร?”
“ยิ้มเพราะฉันโชคดีมากที่ได้แต่งงานกับคุณ”
จู่ ๆ ฉือฮวนก็รู้สึกว่าใบหน้าของสืออวี่ไป๋เปล่งประกายขึ้น ความสุขและความโล่งใจอย่างอธิบายไม่ได้ปรากฏบนรูปคิ้วเขา
“ใครบอกว่าคุณโชคดี” สืออวี่ไป๋โต้กลับอย่างล้อเลียน
“เอ๊ะ?”
ฉือฮวนรู้สึกประหลาดใจ
สืออวี่ไป๋ลดสายตาลงและยิ้ม ใบหน้ากระจ่างของเธอสะท้อนอยู่ในม่านตา “คนที่โชคดีมาตลอดคือผมต่างหาก”
จากนั้นฉือฮวนจึงรู้สึกถึงสัมผัสเบา ๆ ที่ฝ่ามือ ทั้งสองคนมองหน้ากันและยิ้มออกมาพร้อมกัน
ความรู้สึกของการได้รับความรักและความเอาใจใส่ช่างหอมหวานจริง ๆ
ทว่าอารมณ์ของฉือฮวนค้างอยู่แค่นั้น
บรรยากาศยังคงหวานชื่น แต่แล้วเธอก็รู้สึกถึงการถูกเพ่งเล็งจากข้างหลังราง ๆ เธอจึงหันหลังมองทันที
เพียงแวบเดียว ม่านตาเธอก็หดลงด้วยความตกใจ
เธอเผลอผลักสืออวี่ไป๋ ทำให้เขามองไปทางใครคนนั้น
“ทำไม…”
คำว่า ‘ล่ะ’ ติดอยู่ในลำคอของสืออวี่ไป๋ เขาเม้มริมฝีปากสีชมพูเข้ม หรี่ตามองใครคนหนึ่ง
หลี่เจินย่าแม่ของสืออวี่ไป๋ แเละเป็นแม่สามีของฉือฮวน สวมชุดสูททางการที่ไม่เข้ากับอำเภอเล็ก ๆ ยืนอยู่ใต้ต้นหลิวกำลังเฝ้าดูพวกเขาเงียบ ๆ
ทันทีที่เห็นเธอ ลางสังหรณ์ไม่ดีก็แล่นผ่านร่างกายฉือฮวน ทำให้เลือดของเธอเย็นลง
*[1]亲兄弟明算帐 หมายถึง แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเหมือนพี่น้องร่วมสายเลือด แต่การทำธุรกรรมทางการเงินก็ต้องชัดเจน ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นศัตรูกัน
MANGA DISCUSSION