บทที่ 112 เพียง
“คุณเห็นอะไร?”
สืออวี่ไป๋ขมวดคิ้ว และไม่เข้าใจจนกระทั่งเขาเห็นใบหูสีแดงของฉือฮวน
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่?”
เขาหัวเราะเยาะอย่างไม่เกรงใจ ขณะที่ยืดตัวยืนขึ้น เขาก็เอาปลายนิ้วลูบหูสีแดงของเธอ
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ครับ หรือว่า…คุณเข้าใจผิดว่าผมจะทำอะไรบางอย่าง?” เขาเลิกคิ้วพร้อมรอยยิ้มมุมปาก “กลางวันแสก ๆ เนี่ยนะ?”
“ผมเห็นนะว่าคุณตั้งตารออยู่” พูดแล้วเขาก็ก้าวเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น
นิ้วเท้าของฉือฮวนขดเข้าหากันด้วยความเขินอาย รังสีความกดดันอันแรงกล้ารอบตัวสืออวี่ไป๋ทำให้เธอล่าถอย “ไม่ ฉันไม่ได้เข้าใจอะไรผิด คุณอย่าคิดอะไรเพ้อเจ้อ”
สืออวี่ไป๋ยิ้มแฝงนัยยะบางอย่าง “จริงเหรอ?”
พูดจบเขาก็ยืนขึ้นและหยิบสิ่งของบางอย่าง จากนั้นจึงย่อเข่าลงตรงหน้าเธอ
ฉือฮวนขนลุกไปทั่วร่าง มองเขาด้วยความสับสน
จนกระทั่งเธอรู้สึกว่าสายรัดรองเท้าส้นสูงที่ข้อเท้าของเธอถูกดึงออก จึงลดสายตาลงมองและเข้าใจว่าสืออวี่ไป๋กำลังทำอะไร
ฝ่ามือขนาดใหญ่และกว้างของเขาโอบฝ่าเท้าของเธอไว้ เขานวดเท้าที่เจ็บของเธออย่างระมัดระวัง
ในขณะที่อาการเจ็บกล้ามเนื้อบรรเทาลง คลื่นความอบอุ่นในหัวใจก็ซัดขึ้นมา
ถึงเธอจะรู้มานานแล้วว่าสืออวี่ไป๋รักเธออย่างลึกซึ้ง แต่จนถึงขณะนี้เธอก็ไม่รู้ว่าเขารักเธอมากแค่ไหน นึกไม่ถึงว่าผู้ชายคนหนึ่งจะสามารถนวดเท้าเธอได้โดยไม่รังเกียจ
หากผู้ชายคนอื่นทำแบบนี้ เขาจะต้องจบลงด้วยอาการหน้าซีดและพะอืดพะอมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เขามีใบหน้าที่หล่อเหลา ดวงตาที่หลุบอยู่เผยถึงแววตาอ่อนโยนและความสงบนิ่ง
ขณะที่มองเขา หัวใจฉือฮวนก็อ่อนยวบ
“พอแล้ว”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันเจ็บเท้า”
สืออวี่ไป๋เลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำถามของเธอ
ฉือฮวนหยุดถามทันที ในอกพลุ่งพล่านด้วยความขื่นขมและหวานชื่นอย่างบอกไม่ถูก
ที่แท้การได้รับความรักจากใครสักคนจริง ๆ ก็เป็นเช่นนี้ เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในท่าทางของอีกฝ่าย และรู้สึกเจ็บปวดใจ
และหลังจากประสบกับความพลิกผันในชาติก่อน ในที่สุดเธอก็ได้จับมือของคนที่ใช่
“ตอนนี้จ้างพี่สะใภ้รองเป็นพนักงานขายแล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่รองเท้าส้นสูงด้วยตัวเองแล้ว”
สืออวี่ไป๋ขมวดคิ้วและพูดว่า “ให้พี่สะใภ้รองใส่ มันเป็นหน้าที่ของเขา”
ฉือฮวนฟัง ๆ อยู่ก็หัวเราะออกมา คิ้วและดวงตาวาดเป็นรูปโค้งเพราะรอยยิ้ม ประกายตามีดวงดาวนับไม่ถ้วนเอ่อล้นออกมา เธอก้มลงหัวเราะ และทุกเซลล์ในร่างกายเธอก็โห่ร้องด้วยความสุข
“บอกพี่รองแบบนี้ไปแล้ว ไม่รู้เลยว่าจะบ่นพี่เขาให้คุณฟังยังไงดี”
สืออวี่ไป๋เข้าใจทันทีว่าเธอหมายถึงอะไร เขาโอบแขนรอบเอวเพรียวบาง กอดเธอแล้วเอ่ยว่า “ถ้ามีปัญหา เรื่องภรรยาเขาก็ปล่อยให้เขาเป็นคนเดือดร้อน ส่วนเรื่องภรรยาผม ผมจะจัดการเอง”
ลมหายใจอุ่น ๆ จากคำพูดของเขากระทบผิวหนังของเธอ ทำให้ขนบนร่างกายเธอเรียบลู่ลง อาการคันยุบยิบยังคงไหลผ่านปลายประสาท เธอเชิดคอขึ้นเพื่อหลบเลี่ยงเขา แต่อีกฝ่ายกลับยังคงตามติดเหมือนเงา
เธอหยุดบ่ายเบี่ยง โอบคอเขาโดยตรงอย่างยอมแพ้ “ใช่ๆ! คุณสือพูดถูกเสมอ”
“ผิดแล้ว”
สืออวี่ไป๋บีบเอวบาง จับคางเธอช้อนขึ้นมา แล้วจุ๊บบนริมฝีปากเธอ
“ภรรยาคุณสือถูกเสมอ”
ฉือฮวนตกตะลึง
ริมฝีปากของเธอยังคงรู้สึกคันยิบ ๆ และหัวใจของเธอก็ชาวาบ แต่เธอตกตะลึงเพราะคำว่า ‘ภรรยาคุณสือ’
เป็นคำเรียกที่ไม่คุ้นเคยเลย
แต่ทันใดนั้นมันก็แทรกซึมเข้าไปในหัวใจ ทำให้เธอตระหนักถึงตัวตนปัจจุบันอย่างชัดเจน
เธอเป็นคู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายของสืออวี่ไป๋อยู่แล้ว แต่ทำไมกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน?
หัวใจของเธอเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำ
ฉือฮวนอดไม่ได้ที่จะจับตรงหน้าอกไว้
“มีอะไรเหรอครับ?”
สีหน้ากังวลของสืออวี่ไป๋ดึงดูดสายตาของเธอ ทำให้เธอพลันตื่นจากภวังค์
“ไม่มีอะไรค่ะ”
เธอยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “พวกเรารีบไปร้านอาหารเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นอีกไม่นานพวกเขาจะมารบเร้าพวกเรา”
“อืม ใส่รองเท้าส้นเตี้ยคู่นี้สิ”
สืออวี่ไป๋หยิบรองเท้ามาคู่หนึ่งและช่วยเธอสวมด้วยมือของเขาเอง
เมื่อสวมรองเท้าแล้วยืนอยู่ข้างสืออวี่ไป๋ เธอก็ดูตัวเล็กลงทันที แต่เมื่อมองไปที่ร่างสูงสง่าข้าง ๆ ฉือฮวนก็อดไม่ได้ที่จะจับแขนเขาไว้
เมื่อยืนอยู่ข้างเขา เธอก็อดภาคภูมิใจไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต อย่างน้อยตอนนี้สืออวี่ไป๋ก็เป็นของเธอ
และไม่มีใครสามารถแย่งชายหนุ่มรุ่นหายากคนนี้ไปได้
ในร้านอาหารต้าซานฝู ครอบครัวของฉือฮวนและหุ้นส่วนทางธุรกิจยกแก้วขึ้นดื่มเพื่ออวยพรอนาคตของพวกเขาด้วยกัน
‘เคร้ง’ แก้วเหล้าสีใสชนกันในอากาศ กลิ่นเหล้าฟุ้งกระจายไปทั่ว เสียงหัวเราะแว่วผ่านไปในอากาศ
มีทั้งญาติมิตรนั่งอยู่ และคู่รักของเธอก็อยู่เคียงข้าง ฉือฮวนมองฉากนี้และคิดถึงความทุกข์ยากในชาติก่อนของเธอ รอบดวงตาก็พลันเปียกชื้นขึ้นมาเอง
ดีจริง ๆ ไม่เสียแรงเปล่าที่เธอได้เกิดใหม่
หลังเฉิงจื่อเฉียนหนีจากเงื้อมมือของฉือเฉิ่งอย่างทุลักทุเล เขาก็ขี่จักรยานกลับไปที่บ้านตระกูลเฉิงแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ
ยังไม่ทันเข้าบ้าน เสียงแม่เขาที่อบรมสั่งสอนเย่หมิงจู และเสียงโต้ตอบของเย่หมิงจูก็ดังก้องอยู่ในบ้านที่ทรุดโทรม
“จานและตะเกียบที่บ้านยังไม่ได้ล้าง ไม่ได้กวาดพื้น และเสื้อผ้าก็กองอยู่ในกะละมัง เธอเอาเวลาว่างที่ไหนตามจื่อเฉียนและป้าเธอไปที่ตัวอำเภอ?”
ความโกลาหลในงานแต่งงานทำให้ตระกูลเฉิงต้องอับอาย
เดิมทีเธอค่อนข้างพอใจให้เย่หมิงจูเป็นลูกสะใภ้ของเธอ ถึงยังไงก็เป็นคนพูดจาไพเราะและรู้วิธีเกลี้ยกล่อมให้เธออารมณ์ดีทุกครั้ง ทำให้เธอรู้สึกถึงความสำเร็จในฐานะแม่สามี
แต่เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นได้เผยธาตุแท้ของเย่หมิงจู ทำให้ไม่ว่าแม่เฉิงจะมองตรงไหนก็ไม่เห็นว่าเธอน่ามองสักนิด
สิ่งที่ทำให้เธอยอมรับได้ยากขึ้นคือการมีลูกสะใภ้เป็นเย่หมิงจูทำให้เธอต้องเสียเงินจำนวนมหาศาล ทั้งค่าสินสอดและการเป็นหนี้ก้อนโตถึงแปดสิบหยวน
เย่หมิงจูก็เสียใจเช่นกัน ท่าทีที่แตกต่างกันอย่างมากตอนก่อนและหลังการแต่งงานที่ตระกูลเฉิงมีต่อเธอ ยังคงทำให้เธอไม่รู้จะยอมรับอย่างไรจนถึงตอนนี้
“แม่ จื่อเฉียนและคุณป้ายืนกรานให้ฉันไปที่อำเภอ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไม่ทำงานบ้านพวกนี้”
แม่เฉิงได้ยินว่าเฉิงชิงชิงและเฉิงจื่อเฉียนเป็นคนขอให้ไป ความโกรธส่วนใหญ่ของเธอก็ลดลง แต่เมื่อเห็นใบหน้าร้องไห้ของเย่หมิงจูก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิ “ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร ตอนนี้เธอก็กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมมานอนเอนบนเตียงไม่ยอมขยับตัวล่ะ? อยากขุนตัวเองให้อ้วนบนนั้นหรือไง?”
“ครอบครัวเฉิงของเราแต่งลูกสะใภ้เข้าบ้าน ไม่ใช่บรรพบุรุษ!”
“ทำไมตอนนี้ยังไม่ไปทำงานบ้านอีก”
ในขณะที่พูด แม่เฉิงก็หยิบด้ามไม้กวาดที่พิงมุมกำแพงขึ้นมาและตีก้นของเย่หมิงจูอย่างไม่ปรานี
เย่หมิงจูร้อง “โอ๊ย” หลังจากถูกทุบตี และกระโดดหลบทันที
แม่เฉิงโกรธมากเมื่อเห็นอีกฝ่ายกล้าหลบ “เธอยังจะกล้าหลบอีกนะ!”
“เธอมันร่าน หากเธอไม่ได้ล่อลวงลูกชายของเรา มีหรือเขาจะปล่อยฉือฮวนไปแล้วมาแต่งงานกับผู้หญิงกาลกิณีอย่างเธอ!”
“ยังไม่ทันแต่งงานก็คบผู้ชายแล้วสามคน เธอนี่มีความสามารถจริง ๆ! ตอนนี้เธอแต่งงานกับจื่อเฉียนแล้ว คงไม่ใช่ว่าจะสวมเขาพร้อมกันสี่ห้าคู่หรอกนะ?”
“แม่เธอไม่ยอมอบรมสั่งสอน แต่ตระกูลเฉิงของฉันเต็มใจที่จะสอน ฉันคิดว่าผู้หญิงร่านมั่วไปเรื่อยอย่างเธอต้องได้รับบทเรียน!”
MANGA DISCUSSION