อากาศวันนี้นั้นแจ่มใส
ควีนวอร์ชของพวกเราก็ไปยังท่าจอดเรือที่สองและกำลังทอดสมออยู่ที่หน้าประตูมิติ
จากนั้นประตูมิติเทียมที่ลอยกลางทะเลรูปร่างห่วงครึ่งวงกลมสีดำปรากฏขึ้นกลางทะเล
แล้วเรือได้ผูกเชือกเข้ากับมัน ข้างบนประตูลอยทะเล ซึ่งมีทั้งบูธที่คอยเก็บค่าผ่านทาง
และเจ้าหน้าที่ที่ถืออุปกรณ์เวทย์ที่จะคอยออกใบอนุญาตในการผ่านเข้าไป
ห่วงสีดำขนาดใหญ่กลืนกินเรือควีนวอร์ชที่มีขนาดยาว 310 เมตร และสูง 58 เมตร (ที่ระดับน้ำทะเล) เข้าไปอย่างง่ายดาย
ในขณะเดียวกันมันก็ยังหมุนวนไปอย่างช้าๆ ซึ่งจะเห็นคอนโซลขนาดใหญ่ที่ดูสะดุดตาติดตั้งอยู่พร้อมปล่อยแสงจางๆออกมาด้วย
ประตูมิตินี้ถูกจัดให้เป็นอุปกรณ์เวทย์คอนสตัคเตอร์
แต่ว่า การใช้งานนั้นมันก็ใช้ได้แค่รูปแบบเดียวเท่านั้น
นั่นคือการเดินทางไประหว่างโลกจริงและโลกอื่น
ซึ่งพื้นฐานของทฤษฎีระบบนี้ก็คือพิธีกรรมของโลกอื่น
ไม่ใช่เพียงแค่อัลฟ์ไฮม์เท่านั้น แต่โลกอื่นๆเองก็ทำพิธีกรรมเพื่อที่จะเปิด “ประตู” มายังญี่ปุ่นเหมือนกัน
ประตูมิตินี้ถูกสร้างขึ้นโดยเปลี่ยนจากพิธีกรรมนั้นมาเป็นในรูปแบบทฤษฎี
และยกระดับมันให้กลายเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำเร็จถึง 99.9992%
โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการเทเลพอร์ตนั้นถือว่ามีน้อยมาก
หรือต่อให้มี มันก็จะตรวจจับและจัดการทันที (ในคู่มือการเล่นก็เคยมีระบุว่าในอดีตเคยมีเคสที่เสียชีวิตอยู่หลายเคสเหมือนกัน)
แต่ว่าเจ้าประตูนี้น่ะ มันก็ไม่ใช่ [ประตูไ*ที่ไหนก็ได้] ที่เวลาเปิดแล้วนึกอยากจะไปที่ไหนก็ไปได้หรอกนะ
โลกอื่นกับโลกจริงนั้นมีความเชื่อมโยงที่ใกล้เคียงกัน แต่ต้องพิกัดอย่างชัดเจนที่จะเชื่อมต่อจากโลกจริงไปโลกอื่นด้วย
และอีกอย่าง เนื่องจากว่าโลกอื่นกับโลกจริงมีการซ้อนทับกันที่ไม่ค่อยเสถียรเท่าไหร่ ประตูมิติจึงจะต้องใช้ในเฉพาะสถานที่ที่มีความเสถียรสูงเท่านั้น
เพราะฉะนั้นแล้ว วิธีที่จะเดินทางไปโลกอื่นได้นั้น จึงมีแค่วิธีเดียวนั่นคือการผ่านประตูมิติ (ไดเมนชันเกต) เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องใช้วิธีการเทเลพอร์ตแบบนี้ ที่ถึงแม้จะต้องมีขั้นตอนการขออนุญาติที่ยุ่งยากก็ตาม…
เพราะมันต้องใช้เวลานานในการตรวจสอบพาร์ตสปอร์ตนั่นแหละนะ
ท่าเรือที่สองนั้นอยู่ในโลกอื่น เพราะงั้นการตรวจสอบแบบนี้จึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ทำให้ต้องรออย่างช่วยไม่ได้
เพราะต้องรอแบบนี้ เจ้าหญิงเอลฟ์จึงพูดขึ้นมาว่า [ถ้างั้นทำไม เราไม่ไปสระว่ายน้ำกันล่ะ?] ขึ้นมา
เรื่องมันเลยเป็นอย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้
“……”
ผมนั่งกอดเข่าด้วยแววตาที่ว่างเปล่าพร้อมนั่งเฉยๆกลมกลืนอยู่ที่สระว่ายน้ำบนเด็คแซฟไฟร์
สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่ติดกันมีอ่างจากุซซี่ทรงกลม มีสาวๆกำลังวิ่งไล่จับกันพร้อมเสียงหัวเราะ
“……”
“ว้าย! จับตรงไหนของเธอกันน่ะ!”
“ฮ่าๆ! นี่มันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้นเองนะ! เตรียมตัวไว้เถอะ!”
“ว้าย! ช่วยด้วยค่า!!”
“……”
ขอขอบคุณสำหรับอาหารชั้นเยี่ยมครับ (เคารพ)
ผมกดทริกเกอร์อย่างเงียบๆ
เชื่อมต่อ– [ธาตุ : แสง] [สรรค์สร้าง : เมต้าแมททีเรียล] [การทำงาน : โปร่งใส]
ทันใดนั้นเอง ผมที่กำลังนั่งกอดเข่าอยู่ก็ตัวโปร่งแสง
“……”
การใช้เวทย์ออริจินัล [ดิสโทรชั่น ฟิลด์] ในครั้งแรกได้ประสบผลสำเร็จ
เวทย์นี้จะทำให้ผู้ใช้ล่องหน ด้วยการปกคลุมร่างกายทั้งหมดด้วยเมต้าแมททีเรียลที่จะเบนแสง
เวทย์นี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความบังเอิญในตอนที่กำลังศึกษานีลแอร์โรว์ ที่หอสมุดใหญ่ (เพราะมันเป็นลูกศรที่มองไม่เห็น ก็เลยทำให้ฉุกคิดเกี่ยวกับการล่องหน)
ถึงจะไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม แต่ผมก็ค่อนข้างจะมั่นใจหลังจากได้ศึกษาเกี่ยวกับเมต้าแมททีเรียลล่ะนะ
“……”
นี่เป็นเวทย์ออริจินัลที่ถือกำเนิดจากการศึกษาเพื่อที่จะทำความฝัน [อยากจะล่องหนเป็นกำแพง แล้วคอยเฝ้าดูยูริจัง] ของมนุษยชาติให้เป็นจริงนั่นเอง
แต่ว่า มันก็ไม่ประสบความสำเร็จเลยซักครั้งจนถึงก่อนหน้านี้นั่นแหละนะ
ไม่ประสบความสำเร็จจนถึงขั้นต้องวิ่งออกไปร้องไห้ตามริมแม่น้ำช่วงพระอาทิตย์ตกดินว่า [บ้าเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!] จนอาจารย์ต้องเข้ามากอดปลอบโยนจากทางด้านหลังทั้งที่ก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลยด้วย
แล้วทำไมจู่ๆผมถึงทำสำเร็จได้น่ะเหรอ เหตุผลมันก็แน่นอนอยู่แล้ว
“……”
นั่นก็เพราะในตอนนี้ผมอยากจะไปให้ถึงความว่างเปล่าไงล่ะ…อยากหายไป…แล้วอยู่แบบนี้
อยากเป็นหนึ่งเดียวกับโลกและคอยเฝ้าดูโชคชะตาของเหล่าคู่รักยูริจากดาวพุธแล้วก็ดาวอังคาร…อยากอยู่แบบนี้ เป็นหนึ่งเดียวกับพื้นแผ่นดินและคอยเฝ้าดูคู่รักยูริหัวเราะไปด้วยกันไงล่ะ…
แต่สมาธิของผมก็เริ่มหลุด ทำให้ผมปรากฏตัวขึ้นที่ริมสระในท่านั่งกอดเข่า
“……”
แต่แล้วผมก็หายตัวอีกครั้งในท่ากอดเข่าทั้งๆแบบนั้น
“……”
แต่แล้วผมก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง
“เดี๋ยวสิ!? เมื่อกี้นี้ผู้ชายคนนั้นเดี๋๋ยวก็หายไปเดี๋๋ยวก็โผล่มานะนั่นน่ะ!?”
“ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติล่ะ ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติไง!! เรียกหมอผีมาสิ เรียกมาเลย!!”
“เหมือนกับตอนหลอดไฟจะดับเลย!! รู้สึกได้ถึงพลังนิดหน่อยก่อนที่มันจะหายไปเลยล่ะ!!”
เกิดเสียงโวยวายขึ้นนิดหน่อย แต่ทันใดนั้นเสียงนั้นก็เงียบลงไปและมีเงามาปกคลุมผม
“…ฉันไม่อยากให้ท่านพี่คนสำคัญถูกมองเป็นเหมือนสิ่งลี้ลับหรอกนะคะ”
เรย์กอดผมจากทางด้านหลัง จากนั้นก็หันไปมองคนที่กำลังมองดูผม
“เชิญเล่นกันต่อได้เลยค่ะ”
พวกผู้หญิงที่กำลังเฝ้าดูหลอดไฟมนุษย์อยู่ก็รีบละสายตาไปทันทีและหันกลับไปหัวเราะยิ้มแย้มกันต่อ
“ท่านพี่คะ…?”
เรย์ที่สวมบิกินี่สีดำ ใต้เชิ้ตสีขาวที่กระชับพอดีตัว ปัดผมเปียกๆของเธอไปด้านหลัง
ดวงตาสีดำบริสุทธิ์ที่งดงามของเธอนั้น จ้องมาทางผมด้วยความกังวล
คงเดิมตามหาผมรอบสระเลยงั้นสินะ
ผมสีดำของเธอตกลงมาตามผิวที่เรียบเนียน ผิวของเธอชุ่มไปด้วยน้ำที่หยดลงมาจากปลายผมที่เปียก
ไหลลงมาตามไหปลาร้ามาจนถึงหน้าอกที่อวบอิ่มของเธอ
เสื้อที่ใส่ทับส่วนบนนั้นไม่ได้ปิดไปถึงส่วนล่างของร่างกาย
เผยให้เห็นถึงต้นขาที่แข็งแรงของเธอ แล้วทุกครั้งที่เธอขยับ ต้นขาเธอก็จะมาโดนนิ้วของผม
พระเจ้าครับ ได้โปรดช่วยลูกช้างด้วยเถอะ ช่วยลูกช้างด้วย ช่วยลูกช้างด้วย ช่วยลูกช้างด้วย ช่วยลูกช้างด้วย
ช่วยลูกช้างด้วย ช่วยลูกช้างด้วย ช่วยลูกช้างด้วย ช่วยลูกช้างด้วย ช่วยลูกช้างด้วย ช่วยลูกช้างด้วยเถอะ…!!
ต้องระวังไม่ให้มองไปที่หน้าอกของเธอที่ขึ้นลงตามจังหวะการหายใจนั้น
จากนั้นผมก็ยิ้มให้กับสาวสวยที่กำลังจ้องผมในระยะใกล้คนนี้
“มีอะไรงั้นเหรอ”
“คือว่า เรื่องเมื่อคืนน่ะ…”
“เอาเป็นว่าช่วยขยับออกไปก่อนได้มั้ย”
“อ๊ะ ขะ…ขอโทษค่ะ”
เรย์ถอยหลังไปช้าๆ จากนั้นเธอก็นั่งตัวตรงอยู่ข้างสระพร้อมขยับนิ้วไปมา
“ระ…เรื่องเมื่อคืนน่ะค่ะ…เอ่อ…จำได้รึเปล่าคะ…?”
“กระผม นอนหลับ คนเดียว มี หลักฐาน ด้วยนะ นั่นคือ กระผม กระผม นอนคนเดียวครับ” (พูดแบบหุ่นยนต์)
“มะ…ไม่ใช่นะคะ…เอ่อ…”
รับไม่ไหวแล้ว!! จะตายแล้ว!! ตามัน!! เธอมีพิษต่อดวงตามากเกินไป!!
“อ๊ะ…”
บางทีเธออาจจะคิดว่าผมกำลังอารมณ์ไม่ดีที่เห็นผมลุกขึ้นกระทันหันล่ะมั้งนะ เธอก็เลยก้มหน้าลง
จากนั้นผมก็เอาผ้าเช็ดตัววางไว้บนหัวของเธอ
“เอาไปคลุมตัวซะสิ ยังหนาวอยู่เลยนี่นา เช็ดตัวให้ดีๆก่อนสิ”
“…อา”
ใบหน้าของเรย์เปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วเธอก็เอาผ้าเช็ดตัวที่ผมให้ไปปิดหน้า…จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองผม
“ขอบคุณ…มากค่ะ…”
พอเห็นเธอมองผมแบบนั้นเแล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ด้วยเจ้าสิ่งนี้ ก็จะสามารถกลบชุดว่ายน้ำและหุ่นอันเย้ายวนของเธอได้จนหมด
ซึ่งก็เหมือนได้ทำลายอีเวนต์ชุดว่ายน้ำไปด้วยนั่นแหละนะ
ถ้าจะมาต่อกรกับคนที่สุดยอดอย่างผม อย่างน้อยก็ต้องคิดให้มากกว่านี้ซักหน่อยนะ เจ้าเทพแห่งรอมคอมเอ๋ย
ไอ้ปลาซิวปลาสร้อยเอ๊ย ช่วยอย่าโผล่มาอีกเลยเถอะครับ ขอร้องเลย(ขอร้องจริงจัง)
“ฮิ…ฮิอิโระ”
มีคนจิ้มๆผมด้วยนิ้ว
พอผมหันกลับไปก็เห็นลาพิสที่สวมชุดว่ายน้ำยืนอยู่พร้อมหน้าแดง
เธอใส่ชุดว่ายน้ำรัดอกสีฟ้า แค่เธอยืนอยู่ตรงนี้ก็ดึงดูดสายตาได้มากแล้ว
อาจจะเพราะเธอดูดีมีสไตล์เกินไป เธอเลยดูเหมือนเป็นคนที่ไม่มีอยู่จริงเลยทีเดียว
ผิวสีขาวบริสุทธิ์ที่เนียนนุ่มชุ่มชื้นกับขาที่งดงามราวกับงานแกะสลัก
ร่างกายของเธอค่อยๆเป็นสีอมชมพูราวกับดอกซากุระ เห็นแล้วชวนให้นึกถึงดอกซากุระที่กำลังบานสะพรั่ง
แม้แต่พวกคุณหนูที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ถึงกับอ้าปากค้าง เพราะไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“…ปะ…เป็นไงบ้าง?”
“……”
เผยเนื้อหนังเกิน!! เผยเนื้อหนังเกินไปแล้ว!! อันตรายมาก!!
ผมถอดเฝือกที่แขนขวาออก แล้วก็ถอดเสื้อมาคลุมให้เธอ
“เอ๊ะ…อะ…เอ่อ…ฮิอิโระ…?”
“คลุมเอาไว้เถอะ อากาศยังหนาวอยู่เลยนะ เธอเองก็ใส่เอาไว้เหมือนเรย์เถอะ”
“อะ….อะ…อื้ม”
พอเห็นลาพิสหันหน้าหนีด้วยความเขิน ตอนที่กำลังสวมเสื้อของผม ผมก็อดไม่ได้ที่จะยื้มออกมา
เพียงเท่านี้ ก็ทำลายชุดว่ายน้ำอันเย้ายวนของเธอได้หมดจดแล้ว
“จะ…จะว่าไปแล้วนะฮิอิโระ…เรื่องเมื่อคืนนี้น่ะ…”
“ฮิอิโระคุง”
เสียงของสึกิโอริลอยเข้ามา
พอผมหันกลับไปก็เห็นเธอในเสื้อเชิ้ต กางเกงขาสั้นและใส่รองเท้าแตะกำลังยกมือให้
“อรุณสวัสดิ์ เมื่อวานหลับสบายรึเปล่า?”
“…สึกิโอริ”
ตัวผมที่เปลือยท่อนบนได้เอามือไปจับไว้ที่มือของสึกิโอริ
“ฉันเชื่อในตัวเธอนะ”
“พูดเรื่องอะไรน่ะ? นี่หรือว่าอยากจะเห็นฉันในชุดว่ายน้ำเหรอ?”
สึกิโอริยิ้มให้พร้อมจับนิ้วของผมไปด้วย
“ทั้งที่เมื่อวานเห็นไปตั้งขนาดนั้นแล้วเนี่ยนะ?”
ในจังหวะนั้นเอง เวลาก็เหมือนกับหยุดนิ่งไป
เรย์กับลาพิสเองก็ก้มหน้าลง แล้วหูของพวกเธอก็แดงก่ำ
ในขณะนั้นเองสึกิโอริก็โน้มตัวมาทางผมพร้อมกับรอยยิ้ม
“รู้สึกยังไงบ้างล่ะที่มีสาว ๆ สามคนอาบน้ำให้น่ะ?”
สายตาของผมเริ่มพร่ามัว
เพียงแค่คำ ๆ เดียวนั้น ก็ทำให้สมองของผมสั่นสะเทือนจนทำให้ยืนแทบไม่อยู่
ผมแทบจะยืนไม่ไหวจนล้มเข่าอ่อนลง
“ฮ่ะ…ฮ่ะ…ฮ่ะฮ่ะ…ฮ่ะ…!”
เหงื่อของผมหยดลงบนพื้น
ตะ…ต้องหูฝาดไปแน่ๆ…ปะ…เป็นไปไม่ได้…คนที่ควรจะปกป้องยูริอย่างผม…ผมคนนี้…อาบน้ำกับสามสาวงั้นเหรอ…!? ปะ…เป็นไปไม่ได้…ผมน่ะ…ผมน่ะเป็นฉัจฉริยะแห่งยูรินะ…อัจฉยูรินะ…ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้น…แน่…!!
“ไหนจะที่ได้นอนด้วยกัน นั่นสุดยอดไปเลยล่ะ ถึงจะไม่รู้ว่าฮิอิโระคุงฝันว่าอะไรก็เถอะ แต่พอฉันกระซิบข้างหูว่า [ฮิอิโระคุง ลาพิสกำลังงตกอยู่ในอันตรายนะ!] เธอก็รีบกระโจนไปปกป้องลาพิสทั้งที่ยังไม่รู้สึกตัวเลยล่ะ ลาพิสนี่ก็ถึงกับกรี๊ดเลยนะ”
“ยัยบ้า ยัยบ้า ยัยบ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!! ไหนว่าจะไม่บอกไงล่าาาาา!! อุตส่าห์ว่าจะไม่บอกแล้วแท้ๆนะ ซากุระ ยัยบ้าาาาา!!”
“แล้วไหนๆ ตอนนั้นนายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เรย์เองก็เลยฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ในการเอาตัวเองไปอยู่ในอ้อมกอดของเธอตลอดเลยนะ–“
“หยุดเลยนะคะ หยุดเลยนะคะ หยุดเลยนะคะ!! เราคุยกันไว้แล้วนี่คะ!? ถ้ายังพูดไปมากกว่านี้เราได้ตัดเพื่อนกันแน่เลยนะคะ!?”
“….(แสงสว่างหายไปจากดวงตา)”
สภาพเหมือนกับรถบังคับที่กำลังใช้รีโมตเล่นตอนเด็กเลย
ดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้ผมจะโดนเล่นเป็นของเล่นเลยสินะ เอาจริงๆ ถ้าผมยังจำได้ล่ะก็ ผมคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว
ผมคงไม่มีทางใช้ชีวิตต่อไปด้วยความอับอายแบบนี้ได้อีกแล้ว เพราะงั้นคงมีแต่ต้องตายสถานเดียวแล้วสินะ
“…ระ…รู้สึกไม่ค่อยดีเลย ฉันขอไปพักสักหน่อยนะ”
“หืม? เป็นอะไรรึเปล่า? อยากนอนด้วยกันอีกมั้ย?(คำพูดกระแทกจิตใจ)”
“อุก้าฮ่ะฮ่า!! (เฮ้ยๆ หยุดเลยนะ ต่อให้จะแกล้งกันแบบนั้น แต่อัจฉริยะยูริอย่างฉันก็ไม่สะเทือนหรอกนะ)”
ผมเดินโซเซกลับเข้าไปในเรือ
ตอนที่ผมกำลังเดินไปที่ไหนซักที่เพื่อหาที่พัก–ผมก็เจอเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งบนทางเดินที่ไม่มีคน
“คุณซันโจ ฮิอิโระสินะคะ”
เธอส่งเสียงเบาจากความมืด ทำให้มองไม่เห็นใบหน้า
“อา ก็ใช่อยู่หรอก”
“พอดีว่ามีเรื่องจะคุยด้วยน่ะค่ะ…พอจะมีเวลาซักครู่รึเปล่าคะ?”
คนที่ยืนอยู่ตรงนั้น–ถึงผมจะมองไม่เห็นหน้าแต่ผมก็ยิ้มกว้างออกมาและรู้เลยว่าเธอเป็นใคร
“ได้อยู่แล้วสิ อย่างฉันน่ะไม่มีทางปฏิเสธคำชวนจากสาวน่ารักๆอยู่แล้วล่ะ”
ผมเดินเข้าไปหาและแตะไหล่เธอเบาๆ
“…ชิ”
พอได้ยินเสียงเดาะลื้นของเธอ ผมก็ยิ้มออกมา
“เธอเนี่ย น่ารักจังเลยนะ ตรงสเปคฉันเลยล่ะ มีแฟนรึยังล่ะ? ถ้ายังไม่มีล่ะก็ คราวหน้าเราไปเที่ยวด้วยกันดีมั้ย? ตกลงนะ? ฉันน่ะเป็นคนน่าสนุกพอตัวเลยนะ เดี๋ยวจะทำให้เธอสนุกสุดเหวี่ยงไปเลยล่ะ”
“…สวะเอ๊ย”
“เอ๊ะ? อะไรเหรอ? พูดว่าอะไรนะ?”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรหรอก ถ้างั้นเราก็ไปหาที่คุยกันสบายๆดีมั้ยคะ”
และผมกับเธอก็ตัวแนบชิดกันพร้อมหายไปด้วยกันทั้งอย่างนั้น
MANGA DISCUSSION