ตอนที่ 8 ตัวอักษรลึกลับ
“ท่านหัวหน้าองครักษ์” ไฮซานถึงกับขมวดคิ้วมุ่นและสีหน้าที่เป็นกังวลทันที เมื่อเห็นร่างของซาเล็มวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“มีอะไรซาเล็ม ทำไมเจ้าถึงต้องรีบร้อนขนาดนี้” องครักษ์หนุ่มถาม
“แฮ่ก แฮ่ก เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ โสเภณีในตลาดชายแดนถูกฆ่าตายขอรับ”
“เจ้าว่าอะไรนะ”
“ข้าว่าน่าจะเป็นฝีมือของจอมโจรซียาส เพราะเมื่อวานนี้เราเพิ่งเห็นมันเดินอยู่ที่นั่น”
“แล้วมันได้อะไรไปมั่ง”
“ไม่มีขอรับ ทรัพย์สินมีค่าของนางยังอยู่ครบ”
“แสดงว่ามันไม่ได้มาเพื่อปล้นแล้วมันมาทำไมกัน แล้วมีใครได้ข่าวคราวของมันอีกมั้ย”
“ไม่มีนะขอรับ แต่สภาพศพของนาง มือของนางยังจับด้ามมีดที่ปักท้องแน่นอยู่เลยขอรับ ข้าคิดว่านางอาจจะฆ่าตัวตาย แต่ไม่รู้ว่าสาเหตุอะไรขอรับ”
“แย่จริง แล้วตอนนี้มันไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะนี่” ไฮซานถอนหายใจอย่างหนักอก “คอยจับตาดูทุกที่ให้ดี มันคงยังไม่ไปไหนหรอก”
“ได้ขอรับ แล้วท่านหัวหน้าองครักษ์ไม่ไปดูหน่อยเหรอขอรับ”
“ไปสิ แต่ขอบอกท่านชีคก่อน”
“ขอรับ” แล้วร่างของซาเล็มก็วิ่งกลับไปทางเก่า
ไฮซานเดินเข้าไปบอกชีคจาฟาร์อย่างรีบเร่ง เห็นชีคหนุ่มกำลังเดินออกมาจากห้องของพีรกานต์ก็รีบเข้าไปรายงานข่าวทันที
“ไฮซาน…มีอะไรเหรอ”
“ท่านชีค ซาเล็มบอกข้าว่าโสเภณีในตลาดชายแดนถูกจอมโจรซียาสฆ่าตายเมื่อคืนนี้ขอรับ”
“งั้นเหรอ แล้วมันได้อะไรไปบ้างล่ะ”
“มันไม่ได้เอาอะไรไปเลยขอรับ ของมีค่ายังคงอยู่ที่ตัวนางโสเภณีคนนั้นครบทุกอย่าง”
“ข้าว่ามันผิดปกติแล้วล่ะ เจ้าต้องไปดูด้วยตัวเองและมารายงานข้าด้วย”
“ขอรับท่านชีค”
คำสนทนาของทั้งคู่มีคนได้ยินอีกสองคน คนแรกคือองค์หญิงจัสมิน ซึ่งพอแอบฟังเสร็จก็วิ่งปรู๊ดไปที่ม้าอาหรับตัวโตของไฮซาน ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือฟารีดา ซึ่งยืนฟังด้วยสีหน้าเป็นทุกข์แสนสาหัส ก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง
หัวหน้าองครักษ์หนุ่มต้องขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเห็นร่างบางขององค์หญิงแสนสวยยืนอยู่ข้างอาชาคู่ใจของตน และหวังว่าองค์หญิงแสนซนจะไม่ก่อเรื่องให้ปวดหัวอีก
“เจ้าจะไปไหนไฮซาน” จัสมินเปิดฉากทันทีที่ไฮซานเดินเข้ามาใกล้
“องค์หญิง ได้โปรดหลีกทางให้ข้าด้วย ข้ากำลังรีบ” ไฮซานกำลังจะสปริงตัวขึ้นบนหลังม้า
“ไม่ เจ้าต้องบอกข้าก่อนว่ากำลังจะไปไหน” จัสมินกระโดดขวางหน้าไฮซานเอาไว้
“องค์หญิง…หากท่านกำลังนึกสนุกหรืออยากปั่นหัวข้าเล่นล่ะก็ ขอให้ข้ากลับมาก่อนจะได้มั้ย”
“ไม่ ข้าอยากปั่นหัวเจ้าตอนนี้เลย”
ไฮซานสปริงตัวขึ้นหลังม้า ทำให้องค์หญิงแสนสวยต้องวิ่งไปยืนขวางหน้าม้าตัวโตแทน
“องค์หญิง! หลีกไป ทำแบบนี้มันอันตรายมาก”
“ข้าบอกแล้วว่าไม่หลีก ถ้าเจ้าจะไป เจ้าต้องให้ข้าไปด้วย”
“ไม่ได้ ที่นั่นมันอันตรายเกินไป”
“เจ้าลืมไปแล้วเหรอ ว่าหน้าที่ของเจ้าคืออะไร เจ้าต้องดูแลข้าเท่าชีวิต” จัสมินย้ำชัดถึงคำสัตย์ที่ไฮซานเคยให้ไว้กับพี่ชายของเธอ
“เฮ้อ…อย่าทำให้ข้าลำบากใจไปมากกว่านี้เลย ถ้าท่านอยากเล่นสนุกกับข้าอีกล่ะก็ รอข้าอยู่ที่นี่แล้วข้าจะรีบกลับมาเป็นเพื่อนเล่นกับท่าน”
“ไม่ ถ้าเจ้าไม่พาข้าไปด้วย ข้าจะควบม้าตามเจ้าไปเอง” จัสมินบอกอย่างดื้อรั้น จนไฮซานอยากจับมาฟาดก้นให้เข็ดหลาบ
ด้วยความที่รีบเร่ง ทำให้ไฮซานต้องพาจัสมินขึ้นม้าไปด้วย เพราะถ้าเขาเสียเวลาต่อรองกับเธออยู่อีกอาจไม่ทันการ
ร่างบางถูกดึงขึ้นนั่งซ้อนหน้าร่างสูง ร่างนุ่มๆ ที่นั่งแนบชิดอยู่ด้านหน้าทำให้ไฮซานต้องทอดถอนใจไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขาพยายามไม่คิดถึงร่างงามอีกแล้ว แต่จัสมินกลับยิ่งทำให้เขาต้องลำบากใจ แค่เห็นอยู่ไกลๆ ไม่ได้แตะต้อง ไฮซานก็แทบบ้าตายอยู่แล้ว แต่ตอนนี้อยู่ใกล้กันเพียงลมหายใจขวางกั้นเท่านั้น นี่องค์หญิงเห็นเขาเป็นพระอิฐพระปูนหรืออย่างไรกัน
ไฮซานปัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากสมอง และเร่งฝีเท้าอาชาอาหรับตัวโตให้ไปถึงจุดหมายจนฝุ่นทรายตลบอบอวล โชคดีที่จัสมินมีผ้าคลุมผมชายยาว ทำให้เธอตวัดชายผ้าขึ้นมาปิดจมูกได้ ไม่อย่างนั้นในโพรงจมูกเธอคงมีแต่ทรายเต็มไปหมด
ไม่นานนักม้าอาหรับตัวโตสีดำสนิทก็พาทั้งสองคนมาถึงตลาดชายแดน ไฮซานตรงไปที่กระโจมของนางโสเภณีที่ถูกฆ่าทันที องครักษ์หนุ่มกระโดดลงจากหลังม้า โดยที่องค์หญิงแสนซนกระโดดลงอย่างคล่องแคล่ว ไม่รอให้ไฮซานต้องหันมารับ แถมยังวิ่งนำหน้าร่างสูงเข้าไปยังกลุ่มคนที่มุงดูศพโสเภณีกันอยู่
“ไฮซาน…นางตายได้ยังไง มีใครฆ่านางเหรอ” จัสมินเงยหน้าถามองครักษ์หนุ่ม ที่นั่งยองๆ อยู่ข้างๆ
“จอมโจรซียาสฆ่านางตาย” ไฮซานตอบเรื่อยๆ
องครักษ์หนุ่มพลิกศพหาร่องรอยหรือหลักฐานที่จอมโจรซียาสอาจทิ้งเอาไว้ และเขาก็เห็นตัวอักษรฟา และต่อด้วยคำว่าเมียรักอยู่ที่ด้านหลังของศพนางโสเภณี ตัวอักษรนี้ทำขึ้นจากการกรีดปลายมีดแหลมคมสลักลงที่ผิวเนื้อ
“ไฮซาน…ตัวอักษรฟา มันคืออะไรเหรอ แล้วเมียรักล่ะ จอมโจมซียาสจารึกไว้บนตัวนางเพราะอะไร”
คำถามนี้ไฮซานต้องส่ายหน้าเพราะให้คำตอบองค์หญิงจัสมินไม่ได้ แต่จดจำเอาไว้ในสมองของตนเรียบร้อยแล้ว ศพของนางโสเภณีมีมีดปลอกผลไม้ปักเข้าที่แผ่นท้อง และมือของเธอก็กำด้ามมีดไว้แน่นเหมือนที่ซาเล็มบอกจริงๆ มีอีกแผลที่ถูกแทงเข้าที่เอวคอด ดูจากลักษณะแล้วนางโสเภณีคนนี้คงไม่ได้ฆ่าตัวตายด้วยการแทงตัวเองถึง 2 ครั้งแน่ๆ เธอคงต่อสู้กับจอมโจรซียาส แต่มือที่กำด้ามมีดไว้แน่นนี่สิ ที่ทำให้ไฮซานคิดหนักและไม่แน่ใจ
ไฮซานกวาดตามองไปรอบๆ จับจ้องผู้คนที่ล้อมรอบทีละคนช้าๆ อย่างสำรวจ ก่อนจะเรียกซาเล็มให้เข้ามาหา
“ซาเล็ม เจ้าจัดการกับศพของนางได้เลย”
ไฮซานลุกขึ้น และเดินนำร่างบางกลับไปที่ม้า ชายหนุ่มหันมาหาหญิงสาวและจับเหวี่ยงขึ้นไปบนหลังม้า ก่อนจะเหวี่ยงตัวขึ้นตาม
“ไฮซาน ใครเป็นคนฆ่านางกัน แล้วตัวอักษรนั่นมันหมายถึงอะไร” จัสมินถามอย่างใคร่รู้ แต่ไม่ได้ยินคำตอบจากปากขององครักษ์หนุ่ม “ไฮซาน! ข้าถามเจ้านะ เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าถามรึไงกัน” องค์หญิงจัสมิน ถามซ้ำอย่างฉุนๆ
“อยู่ติดกันขนาดนี้ ไม่ได้ยินก็บ้าแล้วล่ะองค์หญิง” ไฮซานตอบ
“ได้ยินแล้วทำไมเจ้าไม่ตอบข้า”
“แล้วท่านอยากรู้ไปทำไม”
“เอ๊ะ! ข้าเป็นน้องของท่านพี่ ข้ามีสิทธิ์รู้เรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในบาร์ยาเนีย” จัสมินหันหน้ามาจ้องตาคมดุของไฮซาน เธอส่งตาเขียวปั๊ดให้เขาอย่างไม่ชอบใจ ที่ไฮซานชอบทำเหมือนเธอไม่มีความหมาย
“แล้วถ้าท่านรู้ ท่านจะช่วยอะไรท่านชีคได้ วันๆ เอาแต่ทำเรื่องปวดหัวให้ท่านชีคล่ะไม่ว่า”
“กรี๊ด! ไฮซาน เจ้า…” จัสมินไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรมาต่อว่าองครักษ์ปากดีผู้นี้
“ข้าทำไมมิทราบ” ไฮซานยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างยียวน
ตัวอักษรฟา ف คือตัวอักษรตัวหนึ่งในภาษาอาหรับ
“ข้าอยากฆ่าเจ้าให้ตายคามือจริงๆ”
“ฮ่ะ ไฮซานกดหน้าลงกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู พร้อมกับซุกไซ้ปลายจมูกโด่งลงกับซอกคอที่มีผ้าผืนบางปิดกั้นอยู่
“เจ้า…เจ้าไม่ใช่สามีของข้า เจ้าอย่าบังอาจ และข้าจะบอกให้ ว่าถึงแม้ข้าจะ…จะ…เสียตัวให้เจ้า แต่ข้าจะไม่มีวันยอมรับเจ้าเป็นสามี” จัสมินเบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากร้อนผ่าวที่ไต่ขึ้นมาตามแก้มนวล ผิวเนื้อนวลเนียนที่โผล่พ้นผ้าบางๆ ออกมา ถูกจมูกโด่งและริมฝีปากหนากดย้ำติดๆ กันถี่ยิบ จนแก้มนวลนั้นแทบช้ำ
“ดี งั้นข้าจะไม่เกรงใจท่านล่ะ ในเมื่อข้าไม่ใช่สามีของท่าน คืนนี้ข้าจะเข้าไปหาสาวๆ ในฮาเร็มของท่านชีค มานอนกอดสักคน สาวๆ ในนั้นบางคนก็ยังไม่ผ่านมือท่านชีคเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ท่านชีคมีนางฮาเร็มพิเศษคนสวยอยู่เคียงข้างทุกคืนแล้ว ท่านคงไม่เข้าไปหาสาวๆ ในนั้นอีกแล้วล่ะ ที่สำคัญป่านนี้นางพวกนั้นคงจะเหงาหงอยเศร้าสร้อยที่ไม่ได้ปลดปล่อย อืม…เข้าคงต้องเข้าไปสงเคราะห์พวกนางหน่อยแล้ว”
“ไฮซาน! เจ้าไม่คิดว่าตัวเองบังอาจมากไปหน่อยเหรอ นางพวกนั้นเป็นคนของท่านพี่ เพราะท่านชีคเป็นคนอนุญาตข้าเอง แหม…องค์หญิง ข้าเป็นผู้ชายนะ มีเลือดเนื้อร้อนแรงซะด้วย ถึงแม้ท่านชีคจะไม่อนุญาต ข้าก็เข้าไปหานางโสเภณีสวยๆ มาสักคนก็ได้ ไม่มีใครปฏิเสธข้าอยู่แล้ว”
“เชิญเจ้าไปเสวยสุขเสียให้พอเถอะ ไม่มีใครขัดขวางเจ้าอยู่แล้ว” พบจบองค์หญิงก็สะบัดหน้าพรืด ใบหน้าสวยนั้นงอง้ำเป็นปลายจวัก เธอบอกตัวเองว่าอย่าได้แคร์ เพราะเขาไม่ใช่สามีของเธอ แต่ใจดวงน้อยกลับรู้สึกสั่นไหวอย่างรุนแรง
“หึ…หึ เฮ้อ…แค่คิดว่าคืนนี้ข้าจะได้นอนกอดสาว โอ๊ย…ข้าแทบอยากจะพวยพุ่งเสียตอนนี้เลย” ไฮซานยังไม่หยุดพูด เขาอยากทำให้จัสมินกระวนกระวาย และอยากรู้ว่าคืนนี้เธอจะทำยังไง
จัสมินไม่กล่าวใดๆ อีก หญิงสาวนั่งเงียบไปตลอดทาง และเมื่อไม่มีเสียงหวานใสต่อล้อต่อเถียงเขา ไฮซานจึงหวนคิดไปถึงจอมโจรซียาสอีกครั้ง อักษรตัวฟาหมายถึงอะไรนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องค้นหา ไม่เพียงเท่านั้น ยังต้องติดตามดูพฤติกรรมของจอมโจรเลื่องชื่ออีกด้วย แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจอมโจรซียาสไปอยู่ที่ไหน ในเขตนครบาร์ยาเนีย นั่นเป็นสิ่งที่ไฮซานต้องครุ่นคิด เมื่อต่างคนต่างเงียบ จมอยู่กับความคิดของตัวเองนานสองนาน ม้าอาหรับตัวโตก็พาทั้งคู่กลับมาถึงวังอัสซาร์
ทันทีที่ไฮซานเหวี่ยงตัวลงจากหลังม้า จัสมินก็เหวี่ยงตัวลงตามอย่างไม่รอช้า หญิงสาวเดินแกมวิ่งเข้าวังไปทันที ทิ้งให้หัวหน้าองครักษ์หนุ่มต้องมองตามและส่ายหน้าน้อยๆ พร้อมกับแต้มยิ้มบางๆ ที่ริมฝีปาก ก่อนจะเดินตามร่างบางเข้าวังไปช้าๆ เรื่องของจัสมินพักเอาไว้ก่อน ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่าต้องรายงานเจ้าผู้ครองนคร
“ท่านชีค”
“เป็นยังไงบ้างไฮซาน” จาฟาร์ถามทันที
“นางโสเภณีที่ตายมีมีดปักที่หน้าท้อง และถูกแทงเข้าที่เอวอีก 1 แผลขอรับ แต่…มือของนางที่กำด้ามมีดแน่นนี่สิขอรับ ที่ทำให้คิดว่านางฆ่าตัวตาย เพราะถ้านางถูกแทงก่อนแล้วตั้งใจจะดึงมีดออกจากร่าง มือของนางคงไม่กำแน่นขนาดนี้”
“เจ้าจะบอกว่า นางต่อสู้กับจอมโจรซียาส และฆ่าตัวตายงั้นเหรอ”
“ข้าว่าน่าจะเป็นตามนั้น หรือไม่ก็ นางคงต่อสู้กับจอมโจรซียาสและพลาดท่าเสียที ทำให้ปักมีดเข้าท้องตัวเอง ถึงแม้มันจะมีความเป็นไปได้น้อย แต่เราก็ต้องไม่ลืมคิดถึงข้อนี้ด้วยนะขอรับ”
“อืม…ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าว่าจอมโจรซียาสก็คงได้รับบาดเจ็บบ้างล่ะ แต่…นางโสเภณีคนนั้นกับจอมโจรซียาสมีความบาดหมางกันเรื่องอะไร เท่าที่ข้ารู้มา หัวหน้ากองโจรอิบราคนนี้ไม่เคยฆ่าหรือทำร้ายผู้หญิงเลยสักครั้ง”
“นั่นสิขอรับ เอ่อ…ยังมีอีกอย่างนะครับ ที่ศพมีสัญลักษณ์เป็นตัวอักษรฟาและต่อด้วยคำว่าเมียรัก ซึ่งเกิดจากการใช้ปลายมีดกรีดจนเป็นร่องรอยลึก”
“หืม…อักษรตัวฟาเหรอ มันคืออะไร ฟา…จาฟาร์งั้นเหรอ มันมาเพื่อฆ่าข้าเหรอ แต่…เมียรักล่ะ” ชีคหนุ่มครุ่นคิดตามที่หัวหน้าองครักษ์บอก
“ข้าไม่คิดว่าหัวหน้ากองโจรอิบราจะเข้ามานครบาร์ยาเนียเพียงลำพัง เพราะมุ่งร้ายต่อท่านชีคนะขอรับ และข้าคิดว่าตัวอักษรฟา ก็คือตัวย่อชื่อเมียรักของจอมโจรซียาส”
“อืม…แปลก ถ้าเป็นไปตามที่เจ้าพูดล่ะก็ นางโสเภณีคนที่ตายคงต้องเป็นสาเหตุสำคัญของเรื่องนี้ เอาล่ะ ข้ามอบหมายเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่โดยตรงของเจ้า พรุ่งนี้ข้าจะต้องไปราชการทางเขตชายแดนตอนใต้”
“ข้าจะไปกับท่านด้วย”
“ไม่ต้อง เจ้าต้องอยู่คุ้มครองจัสมินที่นี่ ข้าไม่ไว้ใจใครนอกจากเจ้า” จาฟาร์ปฏิเสธ เพราะเป็นห่วงน้องสาว ยิ่งสถานการณ์ไม่ค่อยดีแบบนี้ ยิ่งน่าเป็นห่วงจัสมิน คงไม่มีใครรับมือเธอได้นอกจากไฮซานคนเดียว
“แล้วท่านจะพานางฮาเร็มคนใหม่ไปด้วยรึเปล่า”
“ข้าก็อยากพาไปด้วย ฮันนี่คงอยากเปิดหูเปิดตาบ้าง แต่มันจะเหมาะเหรอ”
“ถ้าท่านมัวแต่คิดมาก ท่านจะไม่มีความสุข หน้าที่และหัวใจมันคนละเรื่องกัน”
“ถ้าข้าคิดอย่างนั้นได้ ก็คงจะดีไม่น้อย” สีหน้าของชีคหนุ่มเศร้าสร้อยลงทันที
“ท่านเป็นผู้ถือกฎ แต่ท่านก็เปลี่ยนกฎในมือได้ ข้ารู้ว่าท่านพึงพอใจนางมากแค่ไหน ข้าอยากให้ท่านทำตามหัวใจตัวเองบ้าง ขอให้เก็บคำพูดของข้าเอาไปคิด เอ่อ…ท่านจะไปนานแค่ไหนขอรับ” ไฮซานเปลี่ยนคำถาม
“คงประมาณ 3 วัน” ชีคหนุ่มตอบพลางหมุนแก้วเครื่องดื่มรสหวานที่อยู่ในมือเล่นไปมา
“ถ้างั้นข้าว่าพานางไปด้วยดีกว่า แถวนั้นมีโอเอซิสใหญ่อยู่ พานางออกไปเที่ยวบ้าง นางจะได้ไม่เครียดจนเกินไป และนางคงรักท่านมากขึ้นกว่าเดิมนะขอรับ”
จาฟาร์กระตุกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนเสียงหัวเราะดังออกมาเบาๆ จากลำคอหนา ดวงตาคมดุกร้าวมองไปยังคนที่เป็นทั้งเพื่อนและเป็นองครักษ์ แก้วน้ำหวานในมือถูกยกขึ้นจิบ ก่อนส่งให้ไฮซานถือไว้ และยกกาที่บรรจุน้ำหวาน เทน้ำสีแดงจากกาใส่แก้วในมือของไฮซาน
“เจ้าเป็นเพื่อนที่ดีต่อข้าเสมอไฮซาน เป็นคนที่เข้าใจข้ามากที่สุด ดื่มซะเพื่อนรักของข้า”
ไฮซานกระดกแก้วขึ้นดื่ม แปลกที่รสชาติของน้ำหวานในแก้วนี้ เขาเองก็เคยดื่มมาบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับไม่หวานเหมือนที่เคย องครักษ์หนุ่มอยากถามเหลือเกินว่า ในแก้วใบนี้เป็นน้ำอะไร แต่ต้องกลืนคำถามลงไปในคอ เมื่อคิดว่าจะถามไปให้ได้อะไร ในเมื่อก็เห็นอยู่ว่ามันเป็นน้ำหวาน
ไฮซานส่งแก้วเปล่าคืนให้ชีคหนุ่ม แล้วโค้งตัวลงทำความเคารพ
“ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ”
“อืม…ไปเถอะ”
เมื่อได้รับอนุญาต ไฮซานก็หมุนตัวเดินออกมา ร่างสูงเกือบเดินผ่านเลยไปหากไม่เห็นเงาเล็กๆ ที่ทาบอยู่ตรงมุมหนึ่ง ชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปหาเงานั้นช้าๆ อย่างเงียบกริบ มือใหญ่แตะมืดสั้นที่เอวเตรียมพร้อมด้วยความเคยชิน แต่แล้วเขาต้องทิ้งมือลง
“ฟารีดา เจ้ามายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้”
สาวน้อยสะดุ้งสุดตัว ใบหน้าเนียนใสนั้นเลิกลั่ก ก่อนจะก้มหน้าลงหลบสายตาคมที่มองมาอย่างค้นคว้า
“ท่านไฮซาน ข้า…ข้าแค่มายืนรอคุณฮาดาเฉยๆ แต่…รออยู่นานแล้ว ก็ไม่เห็นมาสักที ข้าขอตัวก่อน” ฟารีดาบอก แล้วเดินยอบตัวผ่านไฮซานไปเงียบๆ ดวงตาคมกริบของไฮซานมองตามร่างบางไปจนลับตาอย่างครุ่นคิด
‘เป็นไปได้หรือไม่ว่า อักษรตัวฟาจะย่อมาจากฟารีดา แล้ว…ฟารีดาก็คือเมียรักของจอมโจรซียาส คิดมากไปรึเปล่านะเรา’
เมื่อตะวันลับขอบฟ้า ความมืดมิดก็โรยตัวลงมาอย่างรวดเร็ว เท้าบางๆ ย่องเงียบกริบไปยังประตูฮาเร็มช้าๆ ดวงตาคู่งามกวาดมองรอบๆ และสังเกตว่าคืนนี้ช่างเงียบกริบกว่าทุกคืน ท่านชีคหนุ่มก็คงอยู่ในห้องนางฮาเร็มคนพิเศษ และองครักษ์ไฮซานก็คงอยู่ในห้องฮาเร็มนี้ มือบางเตรียมยกขึ้นผลักบานประตู แต่หางตาพลันเห็นร่างสูงคุ้นตายืนเคียงข้างร่างเล็กบางของผู้หญิงคนหนึ่ง เท้าไวเท่าความคิด องค์หญิงจัสมินเปลี่ยนจุดหมายทันที
“ไฮซาน…คืนนี้ให้ข้าไปหาท่านดีมั้ย ข้าเหงา ไม่อยากนอนคนเดียว”
เสียงออดอ้อมรำพันของหญิงสาวดังเข้ามาในโสตประสาทการรับรู้ของจัสมิน หญิงสาวเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง และหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ เพื่อคอยฟังเสียงตอบรับจากร่างสูง
“ได้สิ ข้าเองก็เหงาเหมือนกัน”
“ไม่ได้” จัสมินร้องห้ามออกไปเสียงดังอย่างลืมตัว และไม่ได้เห็นว่าองครักษ์หนุ่มแย้มยิ้มออกมาบางๆ อยู่คนเดียว
“องค์หญิง…ป่านนี้แล้วทำไมท่านยังไม่นอนอีก” ไฮซานหันมาถามองค์หญิงคนงาม ด้วยใบหน้าเฉยเมยไม่แสดงถึงความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น
“ข้า…ข้านอนไม่หลับ ก็เลยออกมาเดินเล่น แล้วพวกเจ้าล่ะ มายืนทำอะไรกันอยู่ตรงนี้”
“ข้าเองก็อยากพักผ่อนบ้าง เลยกำลังชวนนางคนงามนี้ไปนอนเป็นเพื่อน” ไฮซานวางระเบิด
“ไม่ได้นะ” จัสมินห้าม และหันไปบอกนางคนนั้น “เจ้ากลับที่พักของเจ้าไปได้แล้ว ไฮซานยังมีเรื่องที่ต้องสะสางกับข้าอีกมาก”
“เอ่อ…แต่ว่าข้า…” สาวน้อยคนนั้นมองหน้าไฮซานและมององค์หญิงสลับกันไปมา
“ข้าบอกให้เจ้ากลับไปไงล่ะ ไม่ได้ยินรึไง หรือเจ้าอยากโดนลงโทษ” จัสมินตวาดแว๊ดใส่ จนสาวน้อยหน้าเจื่อน และรีบผลุนผลันวิ่งหนีไปทันควัน เพราะกลัวถูกลงโทษหากฝ่าฝืนคำสั่ง
“อ้าว…ข้ามีเรื่องอะไรต้องสะสางกับท่านอีกเหรอ ทำไมข้าไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ” องครักษ์หนุ่มทำหน้าเหลอจนน่าหยิก
องค์หญิงเดินนำไฮซานไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย เธอเดินเร็วๆ โดยมีร่างสูงใหญ่ของไฮซานติดตามไม่ลดละ แต่พอรู้สึกตัว และมองไปรอบๆ ก็พบว่าเท้าบางๆ พาเธอเดินมาถึงที่พักของไฮซานได้ยังไงก็ไม่ทราบ หญิงสาวหมุนตัวจะเดินกลับ นี่เธอเดินออกมานอกประตูวัง ผ่านองครักษ์ที่เฝ้าอยู่ได้ยังไงกันนะ
“หลีกทางให้ข้า ข้าจะกลับ” จัสมินบอก เพราะร่างสูงไม่ยอมหลีกทางให้เธออย่างที่ควรเป็น กลับเดินดักหน้าเธอทุกทาง
“คิดจะกลับตอนนี้ ไม่สายไปหน่อยเหรอจัสมิน” เสียงทุ้มๆ นั้นเย็นจนเธอหวาดหวั่น
“ถ้าเจ้าคิดจะทำอะไรข้า ข้าจะร้องตะโกนให้คนช่วย” จัสมินขู่ แต่ไฮซานหรือจะกลัว ชายหนุ่มกลับยักคิ้วขึ้นทั้งสองข้างอย่างยั่วโมโห
“งั้นเอาไว้ร้องหลังจากที่ท่านส่งเสียงครางก็แล้วกัน” พูดจบข้อมือบางถูกฉุดเข้าไปในที่พักเล็กๆ นั่นทันที
องค์หญิงจัสมินไม่ได้ร้องตะโกนให้คนช่วยอย่างที่บอก แต่ร่างบางทำเพียงแค่ขัดขืนเล็กน้อย เมื่อลำแขนกำยำรวบร่างบางแนบอก ร่างอรชรก็เอนตัวเข้าหา เธอห้ามตัวเองไม่ได้ ร่างกายของเธอมันเรียกร้องหาสัมผัสอันอบอุ่นจากเขา ริมฝีปากอิ่มเผยอแย้มทันทีที่ริมฝีปากอุ่นทาบทับลงมา
ไฮซานครางเสียงพร่าในลำคอ เมื่อปลายลิ้นนุ่มทักทายเรียวลิ้นหนาของตนอย่างเงอะงะ มือบางวางทาบบนอกกว้างตึงแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ เรียวลิ้นสากเกี่ยวไล้ลิ้นนุ่มอย่างโหยหา มือหนาลูบไล้แผ่นหลังบอบบาง ดันแนบชิดบดเบียดร่างหนาของตน ไฟพิศวาสลามเลียไปทั่วร่างของคนทั้งคู่อย่างรวดเร็ว จนร่างกายร้อนผ่าววูบวาบไปทั้งร่าง
“จัสมิน…ข้าคิดถึงท่านแทบขาดใจ อยากกอดท่านแบบนี้แต่ก็ทำไม่ได้ แถมท่านยังแกล้งทรมานข้าอยู่ตลอดเวลา ท่านใจร้ายกับข้ามากเลยรู้รึเปล่า ปากก็ว่าข้าต่างๆ นานา” ไฮซานรำพึงรำพันกับแก้มนวล คลอเคลียปลายจมูกโด่งไม่ห่างหาย
“ไฮซาน…” องค์หญิงครางเบาๆ ขนในกายของเธอลุกชันขึ้นราวกับเหน็บหนาวสาหัส แต่ความจริงแล้ว เธอกำลังร้อนวูบวาบไปทั้งกาย
“ท่านคิดถึงข้าบ้างมั้ย”
จัสมินไม่ได้ตอบ เพราะกลีบปากนุ่มถูกเรียวปากร้อนบดคลึง และเรียวลิ้นช่ำชองก็สอดเข้าไปหาความหวานอีกครั้ง จุมพิตดูดดื่มเต็มอารมณ์หวานของไฮซานทำให้จัสมินแทบขาดใจ
“องค์หญิง…เรากำลังทำผิด” ไฮซานพึมพำ “ถ้าท่านชีครู้ เราจะต้องถูกลงโทษ”
องค์หญิงดันร่างหนาออก เธอมองหน้าองครักษ์หนุ่มด้วยสายตาตัดพ้อ มือบางตวัดชายผ้าขึ้นปิดปากเอาไว้เหมือนเดิม ร่างบางก้าวถอยหลังไปอย่างช้าๆ ทีละก้าว หญิงสาวกำลังโกรธชายหนุ่มตรงหน้า คนที่พรากพรหมจรรย์ไปจากเธอ คนที่ทำให้เธอเดือดร้อน ที่สำคัญเขากำลังทำร้ายหัวใจเธอ
“จัสมิน ฟังข้าก่อน” ไฮซานเรียกก่อนที่ร่างบางจะหมุนตัวเดินจากไป
“ยิ่งเราอยู่ด้วยกันก็ยิ่งทำผิด เพราะฉะนั้น เราควรต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า เจ้าเป็นหัวหน้าองครักษ์ผู้พิทักษ์อินทรีทะเลทราย ส่วนข้าเป็นน้องสาวของอินทรีทะเลทราย เส้นทางเดินของเรามันเป็นเส้นขนาน ไม่มีวันบรรจบกันได้ ขืนดื้อต่อไปก็มีแต่จะเจ็บตัวและเจ็บใจ”
“จัสมิน”
“กรุณาเรียกให้ถูกด้วย ข้าไม่ได้เป็นคนชนชั้นเดียวกับเจ้า เจ้าถึงจะเรียกข้าว่าจัสมินเฉยๆ ได้” คำพูดของเธอทำให้หัวใจของไฮซานห่อเหี่ยว
“ขออภัย ข้าจะไม่บังอาจเรียกท่านแบบนั้นอีกเด็ดขาด”
องค์หญิงจัสมินเหลือบตามองใบหน้าคมเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดหน้าและก้าวเท้าทันควัน
“แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ข้าอยากบอกท่าน แม้ว่ามันจะไม่สมควรก็ตาม แต่ข้าก็อยากให้ท่านรู้เอาไว้ ว่า…ว่าข้ารักท่าน”
จัสมินชะงักเท้าเหมือนถูก ณ จังงัง ก่อนหันหน้ากลับมามองร่างสูงที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่เงียบๆ ร่างบางค่อยๆ สาวเท้าเข้าหาร่างสูง และหยุดลงเพียงแค่ลมหายใจขวางกั้น
“เจ้าพูดใหม่สิไฮซาน เมื่อครู่นี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ”
ไฮซานจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวย หลุบตาลงมองกลีบปากอิ่มที่มองเห็นผ่านเนื้อผ้าบางเฉียบ ก่อนเหลือบตาขึ้นสบตาคู่งามนิ่งอีกครั้ง มือหนาจับมือบางยกขึ้นมากุมไว้ แนบหลังมือนุ่มกับแก้มสาก และเคลียเคล้าเบาๆ อย่างออดอ้อน
“ข้ารักท่าน องค์หญิงจัสมิน”
“ไหนเจ้าบอกว่า ไม่สนใจข้าไง เจ้ายังจะเข้าไปหานางฮาเร็มของท่านพี่อยู่เลย เมื่อครู่นี้ เจ้าก็ชักชวนนางคนนั้นมานอนกอด”
“ข้าไม่เคยไม่สนใจท่านเลยนะองค์หญิง สิ่งที่ข้าทำทุกอย่างเป็นเพราะท่าน ท่านนั่นล่ะที่ไม่สนใจข้า ท่านไม่แคร์ว่าข้าจะไปหาไออุ่นจากหญิงใด แต่ท่านน่ะไม่รู้หรอกว่าข้าต้องการไออุ่นจากท่านแต่เพียงผู้เดียว”
“ไฮซาน…” จัสมินถึงกับครางออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินความในใจจากชายหนุ่ม
“องค์หญิง…ข้าไม่สนใจว่าท่านจะรู้สึกยังไงกับข้า เพราะถึงท่านจะรักข้า เราก็คงไม่ได้อยู่ด้วยกันอยู่ดี แต่ข้าอยากบอกรักท่าน ข้าอยากให้ท่านไว้วางใจในตัวข้า เชื่อมั่นในตัวข้าบ้าง ข้าก็เลยจำเป็นต้องพูดออกไป และข้าจะยอมรับผลที่ตามมาด้วยตัวของข้าเอง”
จัสมินปลดชายผ้าลง และโน้มต้นคอหนาลงต่ำ ก่อนจะเขย่งปลายเท้าและเบียดริมฝีปากตนเองเข้าหาริมฝีปากหนาอย่างเต็มใจเป็นครั้งแรก องครักษ์หนุ่มครางเสียงต่ำ เมื่อปลายลิ้นนุ่มเลียไล้ริมฝีปากหนาเบาๆ กลีบปากหนาแยกออก เปิดโอกาสให้ปลายลิ้นเงอะงะสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากร้อน ไฮซานกดปลายลิ้นอุ่นของตนให้อยู่นิ่งๆ รอคอยการมาเยือนของเรียวลิ้นนุ่ม ไม่นานปลายลิ้นเล็กๆ ก็สัมผัสปลายลิ้นหนา เกี่ยวพันอย่างกล้าๆ กลัวๆ ผสมกับความอยากลองอยากรู้ ความเงอะงะของเธอทำให้เขาทนอยู่นิ่งไม่ได้อีกต่อไป
องครักษ์หนุ่งส่งเรียวลิ้นตวัดพันเกี่ยว ดูดดื่มความความล้ำและสอดเข้ากวาดไล้ไปทั่วโพรงปากนุ่ม จุมพิตเร่าร้อนกระชากจิตวิญญาณจึงเริ่มขึ้น มือหนาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังบอบบาง ก่อนอ้อมมาด้านหน้า กอบกุมทรวงอวบเต็มมืออย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เคล้นคลึงเบาๆ สลับกับหนักหน่วง ไฟพิศวาสที่แผดเผาลามเลียไปทั่วร่างของคนทั้งคู่จนแทบมอดไหม้
สาปเสื้อที่ถูกผูกติดกันเอาไว้ด้านหลังถูกกระตุกออก ไฮซานสอดมือหนาเข้าไปลูบไล้สัมผัสผิวเนื้อนวลเนียนนุ่มมือ ชุดชั้นในที่ปิดบังทรวงอกนุ่มถูกดึงรั้งออกตามไปเป็นชิ้นที่สอง ฝ่ามือใหญ่คลึงเคล้าอกอวบอิ่มเต็มตึง ความนุ่มหยุ่นที่น่าลิ้มลองนั้น ทำให้ไฮซานกดใบหน้าลงต่ำ ครอบครองยอดทรวงสีชมพูเข้าปาก ปลายลิ้นร้ายกาจตวัดถี่วนไล้เลียปลายยอดสีสวย จนแข็งชูชันขึ้นรับสัมผัสเร่าร้อน
ไฮซานช้อนร่างบางขึ้น และวางลงบนที่นอนนุ่ม ดวงตาคมกริบวาววับไปด้วยไฟปรารถนา กวาดตามองปทุมถันคู่งามเต่งตึงล่อตาล่อใจอยู่ชั่วครู่ แล้วกดริมฝีปากครอบครองอีกครั้งด้วยความหิวกระหาย มือหนาเลื่อนลูบหน้าท้องแบนราบ แตะไล้สะเอวคอดกิ่วลงต่ำไปยังสะโพกงอนสวย กางเกงเอวยางยืดใส่สบายถูกรูดลงพร้อมกับซับในตัวบาง ร่างเปลือยเปล่าขาวผ่องบิดเร่าหลบสายตาคมที่กวาดมองความงามพิสุทธิ์ตรงหน้าอย่างขัดเขิน
“องค์หญิง…”
“จัสมิน เรียกข้าว่าจัสมิน” องค์หญิงบอกเสียงเบา
“จัสมิน ท่านเป็นของข้า”
องครักษ์หนุ่มเปลื้องเสื้อผ้าของตนเองอย่างเร่งรีบ เรือนกายสูงใหญ่เปลือยเปล่าปรากฏสู่สายตาคู่สวย ที่หรี่ปรือลงมองร่างกำยำงดงามสมชายชาตรี ผิวกายของไฮซานเป็นสีแทนเพราะกร้านแดด กล้ามเนื้อตั้งแต่อกกว้างไล่ต่ำลงมาถึงหน้าท้องนั้นเป็นลอนสวย สะโพกเพรียวสอบเครียดตรึงไปด้วยกล้ามเนื้อหนั่นแน่น ต้นขากำยำดูแข็งแกร่ง และแก่นกายที่เหยียดขยายโค้งนิดๆ ขนาดของมันทำให้จัสมินอดหวั่นเกรงไม่ได้
ไฮซานก้าวขึ้นเตียงนุ่ม เท้าแขนคร่อมร่างบางเอาไว้ ต้นขากำยำแทรกเข้ากลางหว่างขาเนียน ทำให้เรียวขาเสลาต้องกางกว้าง หญิงสาวรู้สึกเขินอายจนบอกไม่ถูก เมื่อไฮซานเอาแต่มองหน้านวลนิ่งๆ ดวงตาคู่นั้นฉายแววหวานประกาศชัดถึงความรักที่มีให้องค์หญิงแสนสวย
“ไฮซาน…เจ้าเลิกมองข้าได้แล้ว” คำห้ามปรามเบาหวิวนั้น พร้อมกับดวงหน้าที่แดงก่ำ ทำให้ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกเอ็นดูหญิงสาวเพิ่มมากขึ้น
“ข้าอยากบันทึกภาพของท่านเอาไว้ในความทรงจำ ถ้าวันข้างหน้าเราต้องแยกจาก ข้าจะไม่มีวันลืมท่านเด็ดขาด”
“ไฮซาน…ข้า…”
“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกจัสมิน แค่ท่านรับรู้ถึงความรักของข้าที่มีต่อท่านก็เพียงพอแล้ว” ไฮซานจบคำพูดด้วยจุมพิตดูดดื่ม ประสานนิ้วเรียวยาวของตนเข้ากับนิ้วเรียวบางของจัสมิน ทาบทับร่างแกร่งลงมาเบียดร่างบาง ทรวงอกนุ่มแนบสนิทกับอกกว้าง ความหนุ่มหยุ่นที่อกกว้างสัมผัส บวกกับปลายยอดที่แข็งเป็นไตชูชัน สัมผัสกับอกกว้าง สร้างความซ่านสยิวให้แก่ไฮซานมากมาย
ฝ่ามือหนากดมือบางกับที่นอนนุ่ม และเลื่อนตัวลงต่ำ ริมฝีปากร้อนชื้นจุมพิตไปทั่วต้นคอระหง เขาอยากฝากรอยรักให้เธอ แต่ไม่อาจทำได้ จึงได้แต่ส่งความร้อนจากริมฝีปากทาบทับ ขนในกายทุกเส้นของจัสมินลุกชันอย่างเสียวซ่าน ร่างบางบิดกายไปมา เสียดสีกับร่างหนาอย่างร้อนรน ไฟเสน่หาแผดเผาทำให้ร่างบางทุรนทุราย เบียดกายเข้าหาร่างหนาให้สนิทแนบแน่น จนแทบไม่มีช่องว่างให้แม้แต่ปลายเข็มลอดผ่าน
ไฮซานแตะปลายลิ้นเข้าที่ใต้ฐานทรวง ลากไล้เลียทิ้งความเปียกชื้นต่ำลงถึงแนวสะดือสวย ก่อนลากกลับขึ้นไปยังใต้ฐานทรวงอีกครั้ง เขาทำเช่นนี้สลับกันไปมา ร่างบางบิดกายส่ายสะโพกผายราวดอกไม้ไหว ความเป็นชายที่กดแนบเนินสวาท แม้จะยังไม่ได้ล่วงล้ำกล้ำกราย แต่ก็ยังคงสร้างความเสียวซ่านรัญจวน จนจัสมินเปล่งเสียงครางออกมาไม่ขาดสาย
องครักษ์หนุ่มสอดมือหนาเข้าหากลางร่างสาว เนินสวาทอวบอิ่มถูกกดคลึงด้วยมือใหญ่ ความเกลี้ยงเกลานุ่มละมุน ฉุดรั้งให้เลือดหนุ่มในกายไฮซานนั้นเดือดพล่าน
“สวย เนียน นุ่มมือดีจังยอดรัก” คำกล่าวชมที่พร่ำบอกจากเรียวปากหนา ไม่ได้เข้าโสตประสาทการรับรู้ของจัสมิน เพราะสติสัมปชัญญะของเธอถูกดึงขึ้นสูง ก่อนกดต่ำและกระชากขึ้นอีกครั้ง
“ยอดรักของไฮซาน” ชายหนุ่มพึมพำชิดสะดือสวย และส่งปลายนิ้วเรียวสะกิดยอดเกสรสาว กรีดรอยแยกของกลีบกุหลาบออกจากกัน และส่งปลายนิ้วเรียวสอดเข้าไปในเนื้อนุ่มที่คับแน่น
“ไฮซาน…” จัสมินครวญครางเสียงกระเส่า ใบหน้างามสะบัดส่าย ดวงตากลมโตหลับพริ้ม ริมฝีปากเผยอกว้าง มือบางจิกทึ้งผ้าปูที่นอนเนื้อนุ่มจนยับย่น
ไฮซานใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือสะกิดเกสรดอกไม้ถี่ระรัว จนเกสรสาวคายน้ำหวานออกมาอาบเรียวนิ้วยาว ชายหนุ่มขยับปลายนิ้วเข้าออกพร้อมปลายนิ้วหัวแม่มือกดคลึงติ่งเนื้อที่ขยายอวบ เพราะความต้องการกำลังพุ่งขึ้นถึงขีดสุด สะโพกผายแอ่นหยัดขึ้นหาปลายนิ้วเรียว เมื่อความสุขมาเยือนองค์หญิงแสนสวย
องครักษ์หนุ่มถอดถอนปลายนิ้วเรียว และจดจ่อแก่นกายที่ปวดหนึบของตน เคล้าคลึงกุหลาบแสนสวยที่ชุ่มฉ่ำ ก่อนกดลึกเข้าไปในความอบอุ่นที่คับแน่น
“ไฮซาน…” จัสมินกรีดเสียงร้องครางลั่น เมื่อกลีบกายถูกความอวบหนาเบียดแทรกเข้ามา จนกายสาวตึงแน่น ไฮซานก้มลงปิดปากนุ่ม กลั้นเสียงร้องครวญครางอย่างเป็นสุขเอาไว้ในลำคอ กายแกร่งกดลึกลงครั้งเดียวจนสุดทางสวาท และแช่นิ่งอยู่ชั่วครู่เพื่อให้หญิงสาวได้ปรับตัว แม้จะเคยผ่านสนามรักด้วยกันมาก่อนแล้ว แต่เพราะความอวบใหญ่ของเขาอาจทำให้เธอเจ็บปวด บทรักครั้งนี้จึงต้องค่อยเป็นค่อยไป
“จัสมิน ข้าต้องขยับตัวแล้ว ไม่งั้นข้าคงตายก่อนพาท่านขึ้นสวรรค์อีกครั้ง”
องค์หญิงแสนสวยได้แต่กัดฟันแน่น และพยักหน้ารับอย่างเขินอาย ไฮซานยิ้มกริ่ม เรือนกายหนาเริ่มขยับขับกล่อมบทเพลงแห่งรัก หยาดเหงื่ออาบร่างสองร่างรวมไล้กันเป็นสายน้ำแห่งสิเน่หา สะโพกสอบขยับกดคลึงเบียดลึกและถอดถอน ก่อนกดลึกแนบสนิทอย่างหนักหน่วง ลึกล้ำทุกรูขุมขน ไม่นานต่อมาเสียงครางที่ดังออกมาพร้อมกัน และร่างของทั้งคู่ก็กระตุกเยือก เมื่อช่วยกันคว้าดาวลงมากอดรัดอย่างสุขสม
ลมหายใจของทั้งคู่หอบประสานกัน ร่างหนาทรุดฮวบทาบทับร่างบาง เรียวปากหนาจุมพิตกลีบปากนุ่มอย่างแสนรัก
“ข้ารักท่าน องค์หญิงจัสมิน”
MANGA DISCUSSION